ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : คุณยายฝากบ้าน
      ยีวอนน่าตื่นขึ้นในเช้าของอีกวันหนึ่งคุณยายเพนนีอยู่ในห้องนอนของเธอกำลังนำเสื้อผ้าที่ซักรีดแล้วมาจัดไว้ในตู้เสื้อผ้าอย่างเป็นระเบียบพร้อมบอกกับยีวอนน่าว่าอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว ยีวอนน่าค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและบิดขี้เกียจเธอนั่งนึกย้อนไปในสิ่งที่เธอเห็นและได้ยินเมื่อคืนมันดูราวกับว่าเธอฝันไป เธอเดินไปยังระเบียงด้านที่ติดกับสวนดอกไม้และมองลงไปยังสวนมันว่างเปล่าและมันก็ยังคงเป็นสวนดอกไม้ที่สวยงามเหมือนเช่นเคย หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วยีวอนน่าลงไปยังโต๊ะอาหารคุณยายเพนนีกำลังนั่งจิบน้ำชาร้อนๆกับขนมปังปิ้งข้างๆตัวมีซองจดหมายวางอยู่เป็นกองใหญ่ คุณยายค่อยๆเปิดอ่านทีละฉบับจนเห็นว่ายีวอนน่ามาถึงแล้วและกำลังมองดูกองจดหมายอย่างฉงนสงสัย ท่านหัวเราะชอบใจ
      “มีแต่จดหมายโฆษณาชวนเชื่อ จดหมายสั่งซื้อสินค้าทางไปรษณีย์แล้วก็จดหมายเกี่ยวกับธุระบางอย่าง” คุณยายพูดขึ้นพลางขำ ยีวอนน่าเองก็อดขำด้วยไม่ได้เพราะจดหมายที่อยู่บนโต๊ะอาหารนั้นมีมากมายราวกับคุณยายไปเหมาจดหมายมาจากตู้ไปรษณีย์ในเมืองมาอย่างนั้นแหละ ยีวอนน่ากำลังคิดอยากจะถามอะไรบางอย่าง
      “คุณยายค่ะที่บ้านนี้มีภูตหรืออะไรประมาณนี้อยู่หรือเปล่าคะ?” ยีวอนน่าถามตรงๆ คุณยายเพนนีวางซองจดหมายลงและเริ่มคนน้ำชาในถ้วย ในขณะที่ยีวอนน่ากำส้อมและมีดหั่นไส้กรอกไว้ในมือด้วยความลุ้นว่าเมื่อไรคุณยายจะพูดออกมาสักที
      “ภูตกลางคืนมีมานานแสนนานโดยเฉพาะที่บ้านหลังนี้ พวกมันมีความพิเศษคือมีปีกที่เรืองแสงได้ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มมีความซื่อสัตย์และจริงใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น ตอนกลางวันมันจะนอนหลับด้วยความขี้เกียจแต่ตอนกลางคืนพวกมันจะออกมาสังสรรค์กันอย่างร่าเริง พวกมันมีชีวิตที่ยาวนานและพวกมันไม่มีวันแก่มันจะยังคงดูราวกับเด็กแม้ว่าอายุของพวกมันบางตัวจะปาเข้าไปร้อยกว่าปีแล้ว” คุณยายพูดจบก็จิบน้ำชาอีกหนึ่งอึก ยีวอนน่าอ้าปากค้างไปพักหนึ่งถ้าเธอเล่าเรื่องนี้ให้แวนเนสฟังเขาจะเชื่อเธอไหมนะ แต่คุณยายไม่เคยโกหกฉะนั้นเธอเองก็ควรจะต้องเชื่อว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ตาฝาดอย่างแน่นอน
      “คุณยายพูดจริงเหรอคะ?” ยีวอนน่าถาม เบิกตากว้าง คุณยายพยักหน้า
      “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหก วันนี้หลานไม่รู้พรุ่งนี้หรือวันอื่นๆหลานก็ต้องรู้อยู่ดี ใช่ไหม?” คุณยายพูดพลางเปิดผนึกซองจดหมายซองใหม่ ยีวอนน่าพยักหน้าตามช้าๆ
      คุณยายเพนนีนั่งอ่านจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าจนมาถึงฉบับหนึ่งที่ดูเหมือนว่าคุณยายจะใช้เวลาอ่านนานกว่าทุกๆฉบับบนโต๊ะอาหาร คุณยายอ่านจบและวางจดหมายฉบับนั้นแยกออกมาต่างหากจากกองจดหมายอ่านแล้วพร้อมทั้งถอนหายใจเล็กน้อย ส่วนยีวอนน่ากำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารเช้าโดยไม่พูดไม่จาคุณยายเพนนีต้องเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเองในตอนนี้ แม้ว่ายีวอนน่านั้นจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับคุณยายเพนนีและบ้านหลังนี้แต่ทุกครั้งที่เธออยู่กับคุณยายเธอมักจะนึกไม่ออกว่าเธอควรจะเริ่มถามคำถามใดก่อนดี บางที่เธออาจจะออกไปหาพวกภูตในสวนและหลอกถามจากพวกมันก็คงจะดี
      หลังอาหารเช้ายีวอนน่าและคุณยายเพนนีช่วยกันกวาดเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน ยีวอนน่าถือโอกาสเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องคนสวน คุณยายเพนนีไม่ได้บอกอะไรนอกจากว่าคนสวนของบ้านหลังนี้ค่อนข้างขี้เกียจ (อันที่จริงขี้เกียจมากเสียด้วยไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้มีใบไม้รกเต็มสนามแบบนี้หรอก) ยีวอนน่าเสนอให้คุณยายไล่คนสวนคนเก่าออกและจ้างคนสวนคนใหม่ออกเสีย คุณยายเพนนีหัวเราะร่วนและบอกว่าคนสวนของที่บ้านหลังนี้เป็นคนสวนที่วิเศษที่สุดและคุณยายเองก็ไม่ต้องการไล่คนสวนออก ยีวอนน่าไม่เข้าใจว่าคนสวนที่ขี้เกียจนั้นจะเป็นคนสวนที่วิเศษที่สุดได้อย่างไร
      คุณยายเดินเข้ามานั่งพักในห้องหนังสือหลังจากเก็บกวาดใบไม้เสร็จโดยมียีวอนน่านำน้ำแครอทมาเสิร์ฟให้
มันเป็นน้ำแครอทที่คุณยายทำเองและแน่นอนต้องเป็นแครอทจากร้านมิสเตอร์วี อันที่จริงมันเป็นน้ำแครอทผสมกับน้ำส้มและน้ำสัปปะรดซึ่งมีรสชาติที่อร่อยมาก คุณยายเดินไปที่ลิ้นชักในห้องหนังสือและหยิบบางสิ่งออกมาพร้อมทั้งยื่นให้ยีวอนน่ามันคือกุญแจนั่นเอง ยีวอนน่าคิดไปถึงสิ่งที่จัสมินหัวหน้าภูตกลางคืนพูดเกี่ยวกับกุญแจเวทยมนตร์หรืออะไรสักอย่างแต่มันคงไม่ใช่กุญแจดอกนี้หรอกมั้ง อันที่จริงมันไม่ได้มีเพียงดอกเดียวแต่มันเป็นพวงกุญแจที่มีกุญแจอยู่หลายดอกโดยมีดอกใหญ่สามดอกและดอกเล็กๆอีกเป็นสิบดอก
      “ยายลืมให้สิ่งนี้กับหลานต้องขอโทษด้วย พวงกุญแจพวงนี้มีไว้สองชุดชุดหนึ่งอยู่กับยายและชุดนี้จะอยู่กับหลานในช่วงที่ยายไม่อยู่บ้านนะจ๊ะ” คุณยายเพนนีบอกพร้อมยื่นพวงกุญแจให้ยีวอนน่า
      “คุณยายจะไม่อยู่บ้านตลอดช่วงเดือนหน้าใช่ไหมคะ ถ้าหนูจำไม่ผิดล่ะก็” ยีวอนน่าถาม
      “แหม ไม่อยากจะบอกว่ายายจะต้องเดินทางพรุ่งนี้เช้าแล้วนะ” คุณยายพูดท่าทางร่าเริง
      “หา??? ทำไมรีบไปล่ะคะ แล้วหนูจะอยู่กับใครล่ะคะ?” ยีวอนน่าถามด้วยความแปลกใจ
      “จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาถึงเมื่อเช้า ยายจำเป็นต้องเดินทางเร็วกว่ากำหนดมันจำเป็นมากเลยนะหลานรัก” คุณยายพูดและหยิบซองจดหมายออกมาจากลิ้นชัก มันคงเป็นฉบับเดียวกันกับเมื่อเช้านี้ที่คุณยายนั่งอ่าน
      “คุณยายจะไม่บอกหนูเหรอคะว่าคุณยายจะไปไหน ทำอะไร เผื่อว่าจะมีคนมาหาคุณยายและหนูจะได้บอกพวกเขาได้ถูก” ยีวอนน่าพูด
      “ก็อยากบอกอยู่หรอก แต่เอาไว้ให้ยายกลับมาก่อนนะจ๊ะคนดีที่รักของยาย ยายคิดว่าคงไม่มีใครมาหายายในตอนนี้หรอก” คุณยายบอก ยีวอนน่าพยักหน้าเห็นด้วย
      เช้าวันต่อมายีวอนน่ารีบตื่นเพื่อมาช่วยคุณยายเพนนีขนของซึ่งมีกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่และกระเป๋าเล็กๆอีกสามใบ คุณยายเพนนีโทรศัพท์เรียกแท็กซี่ให้มารับที่บ้านเพื่อจะไปยังสถานีขนส่งของบลูรีเวอร์ยีวอนน่าและคุณยายเพนนีค่อยๆทยอยกระเป๋าออกมาทางประตูเล็กหน้าบ้านทั้งสองยืนรอแท็กซี่อยู่ครู่หนึ่งและแท็กซี่ก็มาถึงทั้งสองจัดแจงขนของขึ้นไปไว้ในรถแท็กซี่ ยีวอนน่านั่งรถไปกับคุณยายเพนนีเพื่อจะไปส่งให้ถึงสถานีขนส่ง
      “หนูรักคุณยายนะคะ รีบกลับมาเร็วๆนะคะ” ยีวอนน่าพูดพร้อมทั้งสวมกอดคุณยายเพนนีอย่างรักใคร่ที่หน้าสถานีขนส่ง คุณยายเพนนีกอดตอบอย่างอบอุ่นและสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ยีวอนน่าต้องเฝ้าบ้านนานนักและบอกว่าจะโทรมาหาเป็นระยะ รถบัสมาถึงแล้วยีวอนน่าสังเกตเห็นที่รถเขียนไว้ว่า “บลูรีเวอร์-ไวท์บีช” แสดงว่าคุณยายกำลังจะเดินทางไปยังเมืองไวท์บีช มันคือเมืองท่องเที่ยวที่มีชายหาดที่ขาวแสนสวยคุณยายจะไปทำอะไรที่นั่นนะ
ยีวอนน่ากำลังจินตนาการภาพของเธอและแวนเนสเดินเล่นกันไปตามชายหาดขาวๆของไวท์บีช ช่างเป็นภาพที่โรแมนติกที่สุด
      “เฝ้าบ้านด้วยนะจ๊ะที่รักของยาย” คุณยายเพนนีตะโกนลงมาจากรถบัสในขณะที่ยีวอนน่ากำลังยืนฝันกลางวันอยู่ข้างๆรถบัส
      “เออ...คะ...ค่ะ! หนูจะเฝ้าบ้านให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ” ยีวอนน่าตื่นจากฝันและโบกมือให้คุณยาย เธอเฝ้ามองดูรถบัสขับออกไปจากสถานีขนส่งจนลับตา
      “มีแต่จดหมายโฆษณาชวนเชื่อ จดหมายสั่งซื้อสินค้าทางไปรษณีย์แล้วก็จดหมายเกี่ยวกับธุระบางอย่าง” คุณยายพูดขึ้นพลางขำ ยีวอนน่าเองก็อดขำด้วยไม่ได้เพราะจดหมายที่อยู่บนโต๊ะอาหารนั้นมีมากมายราวกับคุณยายไปเหมาจดหมายมาจากตู้ไปรษณีย์ในเมืองมาอย่างนั้นแหละ ยีวอนน่ากำลังคิดอยากจะถามอะไรบางอย่าง
      “คุณยายค่ะที่บ้านนี้มีภูตหรืออะไรประมาณนี้อยู่หรือเปล่าคะ?” ยีวอนน่าถามตรงๆ คุณยายเพนนีวางซองจดหมายลงและเริ่มคนน้ำชาในถ้วย ในขณะที่ยีวอนน่ากำส้อมและมีดหั่นไส้กรอกไว้ในมือด้วยความลุ้นว่าเมื่อไรคุณยายจะพูดออกมาสักที
      “ภูตกลางคืนมีมานานแสนนานโดยเฉพาะที่บ้านหลังนี้ พวกมันมีความพิเศษคือมีปีกที่เรืองแสงได้ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มมีความซื่อสัตย์และจริงใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น ตอนกลางวันมันจะนอนหลับด้วยความขี้เกียจแต่ตอนกลางคืนพวกมันจะออกมาสังสรรค์กันอย่างร่าเริง พวกมันมีชีวิตที่ยาวนานและพวกมันไม่มีวันแก่มันจะยังคงดูราวกับเด็กแม้ว่าอายุของพวกมันบางตัวจะปาเข้าไปร้อยกว่าปีแล้ว” คุณยายพูดจบก็จิบน้ำชาอีกหนึ่งอึก ยีวอนน่าอ้าปากค้างไปพักหนึ่งถ้าเธอเล่าเรื่องนี้ให้แวนเนสฟังเขาจะเชื่อเธอไหมนะ แต่คุณยายไม่เคยโกหกฉะนั้นเธอเองก็ควรจะต้องเชื่อว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ตาฝาดอย่างแน่นอน
      “คุณยายพูดจริงเหรอคะ?” ยีวอนน่าถาม เบิกตากว้าง คุณยายพยักหน้า
      “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหก วันนี้หลานไม่รู้พรุ่งนี้หรือวันอื่นๆหลานก็ต้องรู้อยู่ดี ใช่ไหม?” คุณยายพูดพลางเปิดผนึกซองจดหมายซองใหม่ ยีวอนน่าพยักหน้าตามช้าๆ
      คุณยายเพนนีนั่งอ่านจดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าจนมาถึงฉบับหนึ่งที่ดูเหมือนว่าคุณยายจะใช้เวลาอ่านนานกว่าทุกๆฉบับบนโต๊ะอาหาร คุณยายอ่านจบและวางจดหมายฉบับนั้นแยกออกมาต่างหากจากกองจดหมายอ่านแล้วพร้อมทั้งถอนหายใจเล็กน้อย ส่วนยีวอนน่ากำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารเช้าโดยไม่พูดไม่จาคุณยายเพนนีต้องเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเองในตอนนี้ แม้ว่ายีวอนน่านั้นจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับคุณยายเพนนีและบ้านหลังนี้แต่ทุกครั้งที่เธออยู่กับคุณยายเธอมักจะนึกไม่ออกว่าเธอควรจะเริ่มถามคำถามใดก่อนดี บางที่เธออาจจะออกไปหาพวกภูตในสวนและหลอกถามจากพวกมันก็คงจะดี
      หลังอาหารเช้ายีวอนน่าและคุณยายเพนนีช่วยกันกวาดเศษใบไม้ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน ยีวอนน่าถือโอกาสเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องคนสวน คุณยายเพนนีไม่ได้บอกอะไรนอกจากว่าคนสวนของบ้านหลังนี้ค่อนข้างขี้เกียจ (อันที่จริงขี้เกียจมากเสียด้วยไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้มีใบไม้รกเต็มสนามแบบนี้หรอก) ยีวอนน่าเสนอให้คุณยายไล่คนสวนคนเก่าออกและจ้างคนสวนคนใหม่ออกเสีย คุณยายเพนนีหัวเราะร่วนและบอกว่าคนสวนของที่บ้านหลังนี้เป็นคนสวนที่วิเศษที่สุดและคุณยายเองก็ไม่ต้องการไล่คนสวนออก ยีวอนน่าไม่เข้าใจว่าคนสวนที่ขี้เกียจนั้นจะเป็นคนสวนที่วิเศษที่สุดได้อย่างไร
      คุณยายเดินเข้ามานั่งพักในห้องหนังสือหลังจากเก็บกวาดใบไม้เสร็จโดยมียีวอนน่านำน้ำแครอทมาเสิร์ฟให้
มันเป็นน้ำแครอทที่คุณยายทำเองและแน่นอนต้องเป็นแครอทจากร้านมิสเตอร์วี อันที่จริงมันเป็นน้ำแครอทผสมกับน้ำส้มและน้ำสัปปะรดซึ่งมีรสชาติที่อร่อยมาก คุณยายเดินไปที่ลิ้นชักในห้องหนังสือและหยิบบางสิ่งออกมาพร้อมทั้งยื่นให้ยีวอนน่ามันคือกุญแจนั่นเอง ยีวอนน่าคิดไปถึงสิ่งที่จัสมินหัวหน้าภูตกลางคืนพูดเกี่ยวกับกุญแจเวทยมนตร์หรืออะไรสักอย่างแต่มันคงไม่ใช่กุญแจดอกนี้หรอกมั้ง อันที่จริงมันไม่ได้มีเพียงดอกเดียวแต่มันเป็นพวงกุญแจที่มีกุญแจอยู่หลายดอกโดยมีดอกใหญ่สามดอกและดอกเล็กๆอีกเป็นสิบดอก
      “ยายลืมให้สิ่งนี้กับหลานต้องขอโทษด้วย พวงกุญแจพวงนี้มีไว้สองชุดชุดหนึ่งอยู่กับยายและชุดนี้จะอยู่กับหลานในช่วงที่ยายไม่อยู่บ้านนะจ๊ะ” คุณยายเพนนีบอกพร้อมยื่นพวงกุญแจให้ยีวอนน่า
      “คุณยายจะไม่อยู่บ้านตลอดช่วงเดือนหน้าใช่ไหมคะ ถ้าหนูจำไม่ผิดล่ะก็” ยีวอนน่าถาม
      “แหม ไม่อยากจะบอกว่ายายจะต้องเดินทางพรุ่งนี้เช้าแล้วนะ” คุณยายพูดท่าทางร่าเริง
      “หา??? ทำไมรีบไปล่ะคะ แล้วหนูจะอยู่กับใครล่ะคะ?” ยีวอนน่าถามด้วยความแปลกใจ
      “จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมาถึงเมื่อเช้า ยายจำเป็นต้องเดินทางเร็วกว่ากำหนดมันจำเป็นมากเลยนะหลานรัก” คุณยายพูดและหยิบซองจดหมายออกมาจากลิ้นชัก มันคงเป็นฉบับเดียวกันกับเมื่อเช้านี้ที่คุณยายนั่งอ่าน
      “คุณยายจะไม่บอกหนูเหรอคะว่าคุณยายจะไปไหน ทำอะไร เผื่อว่าจะมีคนมาหาคุณยายและหนูจะได้บอกพวกเขาได้ถูก” ยีวอนน่าพูด
      “ก็อยากบอกอยู่หรอก แต่เอาไว้ให้ยายกลับมาก่อนนะจ๊ะคนดีที่รักของยาย ยายคิดว่าคงไม่มีใครมาหายายในตอนนี้หรอก” คุณยายบอก ยีวอนน่าพยักหน้าเห็นด้วย
      เช้าวันต่อมายีวอนน่ารีบตื่นเพื่อมาช่วยคุณยายเพนนีขนของซึ่งมีกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่และกระเป๋าเล็กๆอีกสามใบ คุณยายเพนนีโทรศัพท์เรียกแท็กซี่ให้มารับที่บ้านเพื่อจะไปยังสถานีขนส่งของบลูรีเวอร์ยีวอนน่าและคุณยายเพนนีค่อยๆทยอยกระเป๋าออกมาทางประตูเล็กหน้าบ้านทั้งสองยืนรอแท็กซี่อยู่ครู่หนึ่งและแท็กซี่ก็มาถึงทั้งสองจัดแจงขนของขึ้นไปไว้ในรถแท็กซี่ ยีวอนน่านั่งรถไปกับคุณยายเพนนีเพื่อจะไปส่งให้ถึงสถานีขนส่ง
      “หนูรักคุณยายนะคะ รีบกลับมาเร็วๆนะคะ” ยีวอนน่าพูดพร้อมทั้งสวมกอดคุณยายเพนนีอย่างรักใคร่ที่หน้าสถานีขนส่ง คุณยายเพนนีกอดตอบอย่างอบอุ่นและสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ยีวอนน่าต้องเฝ้าบ้านนานนักและบอกว่าจะโทรมาหาเป็นระยะ รถบัสมาถึงแล้วยีวอนน่าสังเกตเห็นที่รถเขียนไว้ว่า “บลูรีเวอร์-ไวท์บีช” แสดงว่าคุณยายกำลังจะเดินทางไปยังเมืองไวท์บีช มันคือเมืองท่องเที่ยวที่มีชายหาดที่ขาวแสนสวยคุณยายจะไปทำอะไรที่นั่นนะ
ยีวอนน่ากำลังจินตนาการภาพของเธอและแวนเนสเดินเล่นกันไปตามชายหาดขาวๆของไวท์บีช ช่างเป็นภาพที่โรแมนติกที่สุด
      “เฝ้าบ้านด้วยนะจ๊ะที่รักของยาย” คุณยายเพนนีตะโกนลงมาจากรถบัสในขณะที่ยีวอนน่ากำลังยืนฝันกลางวันอยู่ข้างๆรถบัส
      “เออ...คะ...ค่ะ! หนูจะเฝ้าบ้านให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ” ยีวอนน่าตื่นจากฝันและโบกมือให้คุณยาย เธอเฝ้ามองดูรถบัสขับออกไปจากสถานีขนส่งจนลับตา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น