ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :^^: Rabbit\'s contract : รักหวานมัน พนันหัวใจ :^^:

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 เป็นแค่เพื่อนได้มั้ย?

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 48


                                                                                               - 8 -





    “ว่าไงจ๊ะ? วิเชียร ซำเหมา”



    “???”



    “แนะ! ทำงง...วันนี้ไม่ไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ขอนแก่นเหรอ? โฮะ ๆๆๆๆๆ”



    คงเพราะเสียงหัวเราะล่ะมั้ง นายนั่นถึงค่อยเก็ทว่ากำลังโดนล้อ ฮ่า ๆๆๆๆ...ทักทายกันแบบนี้สนุกสะใจดีจริง ๆ เห็นนายนั่นทำหน้าอารมณ์เสียเนี่ย สนุกชะมัด...ก๊าก!!!



    นายนั่นนั่งลงบนเก้าอี้ เอาหน้าซบกับโต๊ะอาหาร ปากก็ถาม



    “มีไรกินบ้าง? เอามาให้กินเด๊ะ”



    ชีวิตตานั่นทำอะไรอยู่ไม่กี่อย่างจริง ๆ กิน...นอน...และกวนประสาท..เฮ้อ!



    ฉันเทโจ๊กที่เพิ่งทำเสร็จลงในชามสองใบ แล้วยกมาวางไว้บนโต๊ะ ตาเวย์นเห็นก็ทำตาโต



    “นี่อะไร?”



    “โจ๊กไง...ตาบอดเหรอ?”



    “โจ๊กบ้าอะไร? ใสอย่างกับน้ำเปล่า”



    ทำตัววิพากษ์วิจารณ์...ก็ฉันไม่เคยทำโจ๊กมาก่อนนี่ ชิ! เดี๋ยวก็ไม่ให้กินซะเลยนี่



    “จะกินมะ? ไม่กินก็ไม่ต้องกิน”



    ทำท่าจะแย่งชามโจ๊กมา ตานั่นมือไวรีบคว้าไว้ทันที



    “ดีกว่าไม่กินอะไรนี่นา มา...กินก็กิน”



    แล้วฉันกับนายเวย์นก็ต่างคนต่างซดน้ำ เอ้ย! โจ๊กใส่หมูสับไป พอกินเสร็จฉันก็รีบเดินหนี



    “กินเสร็จอย่าลืมล้างชามล่ะ”



    “เฮ้ย! ได้ไงอ่ะ? ป้าล้างเด่ะ”



    นายนั่นโวยวายใหญ่ เสียใจย่ะ...ฉันไม่ยอมเป็นเบ๊ให้นายอีกรอบหรอก



    “ฉันต้องรีบไปสอบ นายแหละเป็นคนล้าง...ไปล่ะนะ”



    ต้องรีบเผ่นด้วยความไวเหนือเสียง ในที่สุดฉันก็เอาคืนนายนั่นสำเร็จ ฮ่า ๆ รู้สึกสะใจดีจริง ๆ







    ทันทีที่ลงจากรถเมล์ ฉันก็รีบเดินเข้าไปมหาลัย จริง ๆ วันนี้ฉันไม่ต้องรีบก็ได้นี่นา...เหลือเวลาก่อนเข้าห้องสอบอีกตั้งเยอะ เย็นนี้ก็ต้องไปเยี่ยมคุณยาย เฮ้อ! พอนึกถึงเรื่องคุณยายก็อดกังวลไม่ได้...ก็เรื่องหมั้นกับเรื่องคุณยายมันเรื่องเดียวกันนี่นา ฉันต้องตอบตกลงว่าจะหมั้น ถึงจะเป็นแค่การหมั้นแบบหลอก ๆ...แต่มันก็ยากจะทำใจนะ



    ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นั้น จู่ ๆ ก็ได้ยินใครบางคนเรียก



    “ตูน...”



    เสียงคุ้น ๆ ...จะต้องเป็นหมอนั่นแน่ ๆ ทำไมช่างตามตื๊ออย่างนี่เนี่ย?



    นึกได้แค่นั้น ก็รีบจ้ำอ้าวทันที แต่ตาทิมตัวแสบก็ยังวิ่งตามมาทันอยู่ดี



    “ตูน ขอคุยด้วยหน่อยสิ”



    “แต่ฉันไม่มีอะไรคุยกับนาย”



    ตวาดใส่นายนั่นแล้วรีบเดินหนีต่อ ได้ยินตานั่นตะโกนไล่หลัง



    “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ได้ยินมั้ย? ว่าฉันขอโทษ...ฉันขอโทษนะตูน”



    จู่ ๆ ขาทั้งสองข้างก็หยุดเดินแล้วหันไปมองเขา ฟังจากน้ำเสียง ทิมก็ดูจะสำนึกผิดจริง ๆ...แล้วนี่ฉันจะไม่ให้อภัยเขาอีกเหรอ?



    “ฉันให้อภัยนายก็ได้ แต่ทีหลังอย่าตามตื๊ออย่างนี้อีก ไม่ชอบ”



    จะเดินต่อ เขาก็เข้ามาขวางอีก



    “ตูนหายโกรธฉันแล้วใช่มะ?”



    “อืม”



    “งั้น...ให้โอกาสฉันอีกซักครั้งได้มะ?”



    “โอกาสอะไร?”



    “ให้ฉันจีบเธอ ได้มะ?”



    ตาบ้าเอ๊ย! พูดไม่รู้เรื่องหรือไง? บอกว่าอย่าตามตื๊อ แล้วยังคิดจะมาจีบฉันอีกรึ?



    “ไม่ได้...บอกแล้วไงว่าเลิกตามตื๊อฉันซะที ฉันไม่ชอบ ฉันรำคาญ...นายฟังภาษาไทยไม่ออกหรือไง?”



    “อ๊ะ! ก็ได้...ฉันไม่จีบเธอก็ได้ ถ้างั้น...ให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้มั้ย?”



    เปลี่ยนสถานะง่ายจังแฮะ...แต่ก็ดี เพื่อนก็เพื่อน ความจริงตอนที่ฉันกับนายทิมสนิทกัน เขาก็นิสัยน่าคบนะ...



    “ก็ได้ เราเป็นเพื่อนกัน โอเค๊?”



    “โอเค”



    นายทิมยิ้มแก้มปริ เห็นแล้วก็ค่อยโล่งอกหน่อย....



    โธ่เอ๊ย! เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ดีอยู่แล้ว แล้วทีตอนนั้นอยู่ดี ๆ ก็มาเลิกคุย..สุดท้ายก็ต้องมาเป็นเพื่อนกันอยู่ดี เฮ้อ!





    หลังจากนั้น ฉันกับนายทิมก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องสอบ พอเลิกสอบฉันก็ไม่เจอตานั่นแล้ว ยัยไอซ์ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน..สอบคนละห้องซะด้วย .แต่ช่างเถอะ วันนี้ยังไงฉันก็ต้องรีบไปหาคุณยายแล้ว เอาไว้ค่อยเจอกันวันอื่นแล้วกัน



    ฉันนั่งรถเมล์มาลงหน้าโรงพยาบาล เห็นส้มสายน้ำผึ้งขายอยู่ ถูกแถมดูสดดี ก็เลยซื้อมาหนึ่งกิโลไปฝากคุณยายกับคุณตา



    ป่านนี้คุณยายจะเป็นยังไงบ้างนะ?...แล้วเราจะตอบตกลงกับคุณยายเลยดีมั้ยนะ?



    ขึ้นลิฟท์มาถึงชั้นที่คุณยายพัก รู้สึกเงียบ ๆ ยังไงไม่รู้ แต่ก็ไม่แปลก...ห้องพักผู้ป่วยต้องการความสงบอยู่แล้ว แต่แล้ว ฉันก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมา



    หือ?...เสียงมาจากห้องคุณยายนี่นา



    ฉันผลักประตูเข้าไป จริง ๆ ด้วย...คนในห้องหัวเราะครื้นเครงกันใหญ่ เอ๋! นี่ญาติ ๆ มาเยี่ยมคุณยายเหรอเนี่ย?....พ่อกับแม่ก็มาด้วย แปลกชะมัด...หลังจากพ่อกับแม่หย่ากันแล้ว ก็ไม่เคยญาติดีกันมาก่อน แต่ตอนนี้ดันคุยกันซะสนิทสนม แล้วดูสิ...แต่งซะเต็มยศอย่างกับงานราตรีสโมสร  แล้วนั่น...ตาเวย์น ใส่สูทผูกเนคไทซะด้วย...



    นี่มันอะไรกันเนี่ย?...



    “อ้าว! ยัยตูนมาแล้วค่ะ คุณแม่”



    แม่ฉันพูดเสียงดัง ทุกสายตาเลยหันมามองที่ฉัน



    “ตูน มาแล้วเหรอ? ใครพาไปเปลี่ยนชุดทีสิ”



    เปลี่ยนชุด?...



    ยังไม่ทันเลิกงง ผู้ฉิง...เอ้ย! ผู้ชายร่างยักษ์แต่งตัวแบบผู้หญิงก็เดินเข้ามาจับข้อมือฉันแล้วพูดว่า



    “มามะ...ตามพี่ลิลลี่ไปเปลี่ยนชุด แต่งหน้าทำผมไป๊”



    แต่งหน้าทำผมด้วยเหรอ? เฮ้ย! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?



    ฉันโดนลากตัวไปยังห้องพักผู้ป่วยอีกห้อง โอ้ว! ในห้องนั้นมีชุดกระโปรงสีชมพูหวานแหววแขวนอยู่ มีผู้หญิงอีกสองคนยืนยิ้มแป้น ในมือถือไดร์เป่าผม อีกคนถือแปรงปัดแก้มไว้ในมือ



    “ไปนั่งสิคะ น้องตูน”



    พี่ลิลลี่ยักษ์ผลักฉันไปนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นชายหนึ่งหญิงสองต่างก็ช่วยกันละเลงรูปโฉมฉัน....ส่วนฉันนะเหรอ? มือสองข้างจับที่วางแขนบนเก้าอี้แน่น รู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้บนเก้าอี้ไฟฟ้า



    ย้ากกกกก! จะทำอะไรกับน้องการ์ตูนเนี่ย????





    ทรงผมรวบเกล้าไว้ด้านหลัง มีดอกลิลลี่ประดับไว้ แถมท้ายด้วยปอยผมเคลียแก้ม ปากเป็นสีชมพู หน้าโบ๊ะแป้งหนาสองนิ้ว ต่างหูมุกตุ้งติ้งน่ารำคาญชะมัด แล้วยังจะ...ชุดกระโปรงสีชมพูที่แขวนอยู่ ตอนนี้มันมาอยู่บนตัวฉันแล้วล่ะ...



    ย้ากกกกก! (ยังไม่เลิกตกใจ)



    มองตัวเองในกระจกแทบไม่เชื่อสายตา แต่งชุดซะเว่อร์เลยเรา...แล้วทำไมต้องจับฉันแต่งตัวอย่างนี้ด้วยเนี่ย?



    เสร็จแล้วพี่ลิลลี่ยักษ์ก็พาฉันกลับไปที่ห้องคุณยาย แท็คทีมกับแม่ฉัน พาไปนั่งหน้าโซฟาที่มีคุณยายกับคุณตานั่งอยู่ หันไปทางขวา เห็นนายเวย์นที่หล่อเว่อร์นั่งหน้าบูดเป็นตูดเป็ดอยู่ พยายามยักคิ้วเหมือนถาม แต่ตานั่นก็ไม่โต้ตอบ



    “จะเลยฤกษ์อยู่แล้ว เริ่มพิธีกันเลยดีกว่า”



    ฤกษ์? พิธี?...อย่าบอกนะว่า....



    นี่คือการหมั้น...หมั้นในโรงพยาบาลยังงั้นเหรอ? จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว แล้วนี่ฉันก็ยังไม่ทันตอบตกลงกับคุณยาย..แล้วทำไมทุกคนถึงได้จัดการหมั้นให้ฉันเลยเนี่ย?



    ไม่นะ...ไม่...ฉันยังไม่อยากหมั้น ยังทำใจไม่ได้ ฉัน....ฉันยังไม่ทันเตรียมใจเลย จะมาหมั้นกันแบบสายฟ้าแลบอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะ



    “คุณยาย นี่มัน...”



    “อ่ะ เวย์น เอาแหวนไปสิ”



    คุณปู่ส่งกล่องแหวนให้นายวิเชียร ตานั่นทำหน้าไร้อารมณ์หยิบมันจากกล่องก่อนจะเอื้อมจับมือฉัน ส่วนฉันก็พยายามยื้อมือฉันสุดฤทธิ์ นายนั่นเลยจ้องหน้าฉันแล้วถามทางสายตา



    ‘ทำอะไรของป้าเนี่ย? เอามือมาเด่ะ’



    แล้วฉันก็ตอบกลับทางสายตาเหมือนกันว่า



    ‘ฉันไม่หมั้น ยังไม่ได้เตรียมใจ ไม่ยอมเด็ดขาด’



    ยื้อยุดกันอยู่นานผิดสังเกต พ่อเลยถามว่า



    “เอ้า! ทำไมไม่สวมแหวนกันซะทีล่ะลูก?”



    “นั่นสิ เสียฤกษ์นานแล้วนะ”



    สนับสนุนกันเข้าไป แม่นะแม่...ทีอย่างนี้เข้ากับพ่อเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทีต้องเลิกกันล่ะ...โธ่เอ๊ย! ก็หนูไม่อยากหมั้นกับหมอนี่นี่นา



    “ตูน ให้เวย์นสวมแหวนสิลูก”



    คุณยายกระซิบข้าง ๆ หูฉัน...ทำให้หมดแรงดึงมือตัวเองเอาซะดื้อ ๆ ฉันไม่อยากหมั้น...ถึงยังไงมันก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ นะ



    ในที่สุด ฉันก็ปล่อยให้นายเวย์นตัวแสบสวมแหวนให้ฉันจนได้....



    “อ่ะ ตูน สวมให้เวย์นสิ”



    คุณยายยื่นกล่องแหวนให้ฉัน นี่ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ หรือเนี่ย?



    ฉันจับมือนายเวย์น หยิบแหวนจากกล่องมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของตานั่น...ช่างเป็นการสวมแหวนที่ยากเย็นที่สุด ยากจนน้ำตาแอบซึม ฮึก...ฮือ...TT_TT



    ฉันกลายเป็นคู่หมั้นตาเบื๊อกนี่แล้วใช่มั้ยเนี่ย? ฮือออออออออ~







    มันเป็นเรื่องน่าเศร้าจริง ๆ  ที่สุดท้าย ฉันต้องมาหมั้นกับไอ้เด็กเวรที่กวนประสาทที่สุด แต่ทำไงได้ล่ะ? ก็ฉันสวมแหวนหมั้นไปแล้วนี่ ฮือ ๆ



    หลังจากไปส่งญาติ ๆ เรียบร้อยแล้ว คุณปู่ก็บอกให้ฉันกับตาเวย์นกลับบ้านไปพักผ่อนซะ เดี๋ยวคุณปู่จะดูแลคุณยายเอง ฉันก็เลยต้องกลับบ้านพร้อมนายนั่น ตอนอยู่บนรถแท็กซี่ ฉันกับนายนั่นแทบจะไม่ได้คุยกันซักคำ...แต่ไม่ใช่เพราะเครียดอะไรหรอกนะ ก็ตานั่นดันงีบไปซะได้ แล้วจะให้คุยยังไงล่ะ? คุยกับคนหลับเนี่ยอ่ะนะ



    พอมาถึงบ้าน ก็เป็นหน้าที่ฉันอีกแหละ ที่ต้องปลุกนายนั่น



    “เฮ้ย! ตื่นได้แล้วไอ้เด็กขี้เซา เฮ้ย!”



    ตบแก้มไปหลายทีก็ไม่ตื่น...ก็คงต้องเป็นหน้าที่ฉันที่ต้องลากนายนั่นเข้าบ้านสินะ



    ฉันจ่ายค่าแท็กซี่เรียบร้อย ก็ประคองนายนั่นเข้าบ้าน พาไปหลับต่อที่เตียง...ตัวก็หนักแล้วยังจะขี้เซาอีก มันน่าตบหัวซักป๊าบมั้ยเนี่ย

    กลับมาห้องตัวเองอย่างหมดอาลัยในชีวิต ดูสภาพตัวเองในกระจก...นี่หรือการหมั้นครั้งแรกในชีวิตฉัน? ทำไมมันช่างอาภัพอับโชคอย่างนี้? ชุดก็สวยดีหรอก แต่ไอ้ที่ไม่สวยก็เพราะคู่หมั้นคือไอ้เด็กเวรนั่นต่างหาก...แล้วดูสิ นี่อะไรอยู่บนนิ้วฉันเนี่ย? แหวนเหรอ?...แหวนหมั้นใช่มั้ย? เพชรก็เม็ดโตดี....แต่ทำไมต้องให้นายวิเชียรสวมแหวนให้ฉัน?



    ฉันอุตส่าห์รักการมีชีวิตโสด แต่สุดท้ายก็ต้องโดนจองตัวโดยเด็กเมื่อวานซืนอย่างตานี่...มันน่าอับอายที่สุด เฮอะ!



    ทิ้งตัวเองลงนอนบนเตียง มองแหวนบนนิ้วตัวเองอีกรอบอย่างหมดอาลัย



    แล้วฉันจะใส่มันให้เป็นหนามตำใจทำไมเนี่ย? ทำไมไม่ถอดซะล่ะ?



    ว่าแล้วก็พยายามถอด แต่ดันถอดไม่ออก จะถอดอีท่าไหน มันก็ไม่ออกซะที เอาฟองสบู่ทาให้มันลื่น ก็ไม่ออกอีก



    โอ๊ย! จะรังแกกันมากไปแล้วนะ...จะให้ฉันทนใส่แหวนนี่ไปได้ไงเนี่ย? ถอดออกเดี๋ยวนี้



    โอ้ว! พระเจ้าจอร์ช ช่วยหนูด้วยเถอะ พรุ่งนี้หนูต้องไปสอบนะ ถ้าเพื่อน ๆ เห็นต้องสงสัยแน่ ๆ เลย แล้วอย่างนี้ทุกคนก็รู้เรื่องที่หนูหมั้นหมดน่ะสิ หมั้นไม่ว่า....แต่หมั้นกับผู้ชายอายุรุ่นน้องเนี่ยนะ แถมหนูก็ต่อต้านการมีแฟนมาตั้งนาน สุดท้ายมาสิ้นท่าเพราะเรื่องแค่นี้ หนูไม่ยอมนะคะ ฮือ ๆ ถอดออกซะทีสิ TT_TT





    fun? comment,pls.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×