ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Money Honey ...จูบกี่ครั้ง ขอให้เป็นเงิน....

    ลำดับตอนที่ #8 : บาทพิเศษ นิลวา – แผนแต่งงาน

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 48


                                                                                                  -24 –



    ต่อจากบทที่ 25



    เพื่อความเข้าใจมากขึ้น มิเรียมจึงลงตอนพิเศษเพิ่มให้ สำหรับคนที่อ่านMoney! แล้วงงนะคะ แต่คนที่ยังไม่ได้อ่าน แล้วมาอ่านตอนพิเศษ ก็จะยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้น อย่าลืมอ่านแบบรูปเล่มก่อนนะคะ









    เฮ้อ! นี่มันชีวิตผมหรอ? ชีวิตของคนอกหัก...



    เป็นครั้งแรกที่ผมรักใครสักคนนั่นก็คือเพียว  ยายนั่นหน้าตางั้น ๆ ตัวก็แบน ๆ แห้ง ๆ ดีหน่อยก็ตรงผิวขาวนี่แหละ ที่ทำให้ดูดีหน่อย พกเงินมาแค่ห้าสิบบาทแต่แต่งตัวซะเลิศ สรุปก็คือเธอไม่มีอะไรดีเลย แต่จู่ ๆ ผมก็หลงรักเธอ...คงเพราะท่าทางขึงขังของเธอ ถึงผมจะทำท่าดุยังไง แต่ยายนั่นก็ยังไม่สะทกสะท้าน รสนิยมของผมนี่แปลก ๆ เนอะ...ว่าไหม?



    แต่ก็นั่นแหละ...รักครั้งแรก มักจะเป็นแค่ประสบการณ์มากกว่าคงอยู่ตลอดไป เธอปฏิเสธผม...ความจริงมันก็เศร้านะ แต่ว่า...มันก็ดีที่ทำให้เธอตัดสินใจอะไรได้ เธอละทิ้งอนาคตที่นี่เพื่อไปอยู่อย่างที่เธอเคยเป็น ความเด็ดขาดของเธอนี่แหละ...ที่ทำให้ผมไม่กล้าโกรธเธอที่ปฏิเสธผม



    ความจริงผมก็กะจะไปส่งเธอนะ แต่...ไม่ดีกว่า ขืนไปส่งผมอาจจะตามเธอไปด้วยเอาดื้อ ๆ

    เพราะฉะนั้นผมก็เลยเลือกจะนั่งจับเจ่าอยู่หน้าบ้าน...มองไอ้เด็กข้างบ้านวิ่งตัวล่อนจ้อนไปเพลิน ๆ ...แต่มันก็น่าเบื่อเหมือนกันนะ บางทีผมน่าจะซื้ออะไรมาดื่มเล่น ๆ ดีกว่า



    ผมตัดสินใจเดินไปซื้อเบียร์กระป๋องที่มินิมาร์ท...หยิบขนมห่อติดมือมาสองสามถุงแล้วก็เดินกลับบ้าน ระหว่างที่เดินนั้นจู่ ๆ ก็มีรถหรู ๆ คันหนึ่งขับมาจอดตรงหน้าผม...



    “พี่นิล”



    ที่แท้ก็นาวินนี่เอง...ผมยิ้มให้หมอนั่น



    “ขึ้นรถไหมพี่”



    ผมทำตามคำชวนของมันก่อนรถจะค่อย ๆ เคลื่อนไป



    “ไม่ไปทำงานหรอ?”



    “อ๋อ! วันนี้ขี้เกียจน่ะ”



    “เป็นถึงผู้บริหาร กลับขี้เกียจซะเองหรอ?”



    ผมหัวเราะเบา ๆ น้องชายผมก็หัวเราะตาม



    “แล้วพี่ล่ะ เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่ด้วยกันซะที มาช่วยบริหารเรียลพิคด้วย”



    “ไม่ล่ะ...ฉันเคยชินที่จะอยู่อย่างนี้ อีกอย่างฉันเรียนจบแค่ประถมหก วุฒิแค่ไหนจะไปบริหารอะไรได้” ผมแกะห่อขนมมากินพลางพูดไป “เออ...จริงสิ เรื่องแต่งงานของนายไปถึงไหนแล้วล่ะ? แต่งวันไหนก็อย่าลืมชวนฉันด้วยล่ะ”



    ไอ้นาวินทำหน้าเครียดลงทันที...ผมเดาไม่ออกว่ามันเครียดเรื่องอะไร



    “ก็...คืบหน้าไปห้าสิบเปอร์เซ็นด์แล้ว”



    “ทำไมทำหน้าเครียดอย่างนั้นวะ? นี่มันความสุขของแกไม่ใช่หรอ?”



    “จริงสิ ทำไมฉันลืมไปได้”



    ลืมไปได้...พูดยังไง ๆ อยู่ นี่ตกลงนาวินมันเต็มใจจะแต่งไหมเนี่ย?



    “แล้วพี่ล่ะ? พี่กับยายงกไปถึงไหนหรอ?”



    อยู่ดี ๆ มันก็วกมาเรื่องของผม อุตส่าห์จะลืม ๆ ไป แต่นาวินกลับรื้อขึ้นมาอีก



    “เธอไม่รักฉัน จะทำไงได้ล่ะ”



    ผมพูดจบไม่ถึงครึ่งวินาที จู่ ๆ มันก็เหยียบเบรกกระทันหันจนหน้าผมจะทิ่มกับกระจก...



    “ขับให้มันดี ๆ หน่อยดิ ไอ้นาวิน”



    “พี่ว่าไงนะ?”



    “ฉันบอกว่าให้แกขับรถดี ๆ หน่อย”



    “ไม่ใช่” มันจ้องหน้าผมนิ่ง “ที่พี่บอกว่า ยายงกไม่ได้รักพี่หรอ?”



    “อืม...มีอะไรหรอ?”



    มันหันไปมองหน้ารถ...ทำหน้าเหมือนโลกจะแตก



    “ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ? ทำไม?”



    “แล้วไอ้อย่างนี้มันคืออย่างไหนวะ? แค่เพียวไม่รักฉันแล้วนายจะทำหน้าเครียดอย่างนั้นทำไมล่ะ?”



    มันหันกลับมามองผม...กลืนน้ำลายหนึ่งครั้ง ไม่รู้ทำไมผมได้ยิน สงสัยเพราะในรถคงเงียบมากมั้ง



    “เมื่อเช้า...ฉันเพิ่งไปส่งเธอมา”



    “หรอ? แกรู้เรื่องเพียวจะกลับบ้านด้วยหรอ? ฉันเองก็อยากจะไปส่งอยู่นะ แต่ว่า...กลัวใจตัวเองจะทนไม่ไหว จะตาม...”



    นาวินจ้องหน้าผมนิ่ง ...หน้าเครียด ๆ ของมันกำลังจะทำให้ผมเครียดแทน...ยังไม่ทันจะถามว่ามันเป็นอะไร มันก็บอกกับผมว่า



    “พี่นิล ฉันทำผิดไปหรือเปล่า?”



    “ผิดอะไร?”



    “ฉัน...คิดผิดหรือเปล่า? ที่แต่งงานกับแพร”



    “หา?...นายรักแฟนนายแล้วจะคิดผิดตรงไหน? ยกเว้นเสียแต่นายไม่....หรือว่านายไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้น”



    “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...ฉันไม่รู้ว่ามันคือความรักหรือเปล่า ฉันรู้สึกสงสารแพร ที่ชีวิตเธอต้องเป็นอย่างนั้น...”



    “แล้วตกลง นายรักใครกันแน่?...หรือว่าเป็นเพียว?”



    ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมถามน้องตัวเองอย่างนั้น...คงเพราะเซ้นส์บางอย่างบอกผมเช่นนั้น และยังไม่ทันรู้คำตอบ ผมก็เชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง



    “พี่นิล...”



    มันเอาหน้าซุกกับพวงมาลัยรถ จริง ๆ ก็ไม่แปลกหรอกนะ... ก็สองคนนี้รู้จักกันมาก่อน เรื่องก่อนหน้านั้นคงจะมีแต่ผมเท่านั้นที่ไม่รู้ ผมจึงเป็นแค่คนนอกที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างน้องชายกับเพียว...นี่ผมกำลังทำอะไรแย่ ๆ ไปโดยไม่รู้ตัวหรอ?



    “นายรักเพียว ทำไมถึงไม่บอกเธอตรง ๆ ล่ะ?”



    “ฉัน...ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เข้าใจทำไมตัวเองต้องทำอย่างนั้น”



    “ถ้างั้นนายก็ตามเพียวไปสิ ตอนนี้ยังทันนะ”



    “ฉันกลัวว่ามันจะสายไปแล้วน่ะสิ”



    นาวินเงยหน้าขึ้น มองไปข้างหน้าเหมือนกำลังใช้ความคิด



    “ฉันเป็นฝ่ายปฏิเสธเพียวมาตั้งแต่ต้น ฉันกลัวว่าเธอจะไม่ให้อภัย..อีกอย่าง ฉันเลือกแพรแล้ว ฉันถอยหลังกลับไม่ได้หรอก ฉันกลัวแพรจะเสียใจ”



    “นายจะทนหลอกตัวเองได้หรอ?”



    “ไม่ได้ก็ต้องได้...ก็ฉันเลือกแล้วนี่”



    ไอ้น้องชายของผมหันมาหัวเราะฝืด ๆ ไม่เข้าใจว่ามันคิดอะไรอยู่ ถ้าเป็นผมจะไม่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ ความคิดเราสองคนคงจะต่างกัน ไม่อย่างนั้นเพียวก็คงเลือกผมไปนานแล้ว อย่างน้อยก็ในฐานะตัวแทนไอ้นาวิน...



    “ฉันขอโทษนะพี่ ที่ทรยศพี่นะ”



    “เว่อร์น่ะ นาวิน นายทรยศฉันที่ไหน? แต่นายยังไม่รู้จักซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง นายอาจจะเสียใจทีหลังก็ได้นะ ที่ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้น่ะ”



    มันทำหน้าเฉย...คงจะขี้เกียจตอบแล้วมั้ง มันคงจะยืนยันคำเดิม ว่ามันจะแต่งงานกับหญิงที่ไม่ได้รักต่อไป เฮ้อ! โลกหนอโลก...ช่างจงใจลิขิตให้รักสลับขั้วกันขนาดนี้



    ผมกับนาวินซื้อเบียร์มาเพิ่ม เอามาดื่มกันในสวนสาธารณะ...คงจะดื่มลืมรักมั้ง ตลกชะมัด...สองพี่น้องเจอปัญหาเหมือนกัน ผมอกเดาะ...ส่วน

    ไอ้นาวินเดาะอกคนอื่นเขา



    “พี่นิล บ่าย ๆ แวะไปหาพ่อไหม?”



    “อืม...เออ แล้วเมื่อไรพ่อจะออกจากโรงพยาบาลได้ล่ะ?”



    “อาทิตย์หน้ามั้ง พอดีทันงานแต่งผมพอดี”



    มันหัวเราะหึ ๆ ตามสไตล์มัน...ฝืดชะมัดจนผมอ่อนใจแทน ไม่รู้มันจะทนฝืดอย่างนี้เพื่ออะไร เฮ้อ! ผมต่างหากที่ควรจะเป็นแบบมัน มันก็เศร้าอยู่หรอกนะ แต่ผมเป็นคนยอมรับความจริง ไหน ๆ เพียวก็ไม่รักแล้ว ก็ปล่อยตามธรรมชาติ อย่างมากก็กลับไปอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม ไม่ต้องห่วงใครอีก...สบายใจดีออก



    “แล้วแพรรู้หรือเปล่า? ว่านายไม่ได้รักน่ะ”



    “คงไม่รู้มั้ง ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว”



    กลายเป็นว่าทรมานใจทั้งสาม...สี่ฝ่าย แพรจะรู้สึกยังไงถ้ารู้ว่านาวินไม่ได้คิดอะไรกับเธอนะ?



    “พี่...ไปเยี่ยมพ่อกันเลยเถอะ”



    “ไหนบอกจะไปตอนบ่าย ๆ ไง นี่เพิ่งสิบโมงเองนะ”



    “ฉันอยากไปตอนนี้...ไปกันเถอะ”



    มันแย่งกระป๋องเบียร์ผมโยนลงถัง แล้วก็ลากผมไป...คงจะหาอะไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่านมั้ง



    ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงพยาบาล... ระหว่างเดินไปลิฟท์ จู่ ๆ โทรศัพท์ของน้องชายผมก็ดัง



    ติ๊ด....ตี่....ตี้....ติด...ติ๊ด



    “ฮัลโหล อะไรนะ?...ตู้คอนเทนเนอร์ไม่พอกับล็อตสินค้าหรอ? รอผมก่อนเจษฎาภรณ์...เดี๋ยวผมไปแล้วค่อยว่ากัน อาฮะ...”



    พอมันวางสายก็หันมาพูดกับผม



    “ที่บริษัทมีเรื่องด่วน...ฉันต้องรีบกลับไปเคลียร์ พี่ไปหาพ่อก่อนแล้วกัน แต่ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับพ่อนะ ฉันไม่อยากให้พ่อไม่สบายใจ”



    “ฉันรู้ นายไม่ต้องห่วงหรอก รีบไปเถอะ”



    มันพยักหน้าแล้วก็รีบวิ่งไป...พอดีประตูลิฟท์เปิดผมก็รีบเข้าไป  เออ...ลืมถามไอ้นาวินว่ะ ว่าพ่ออยู่ห้องไหน จำได้แต่อยู่ชั้นไหน อืม...เดี๋ยวไปถามพยาบาลที่อยู่ตามเคาน์เตอร์แล้วกัน



    พอมาถึงผมก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ เห็นพยาบาลกำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่



    “ขอโทษนะครับ เอ่อ...คุณมารุตพักอยู่ห้องไหนครับ?”



    “รอสักครู่นะคะ” พยาบาลมองที่จอคอมพิวเตอร์แล้วก็หันมาบอกผม “ห้องสามสี่ศูนย์สามค่ะ”



    “ครับ ขอบคุณครับ”



    ผมรีบเดินไปที่ห้องนั่น...เห็นประตูแง้มอยู่ กำลังจะผลักเข้าไป แต่ว่าเสียงที่ดังลอดมาก็ทำให้ผมหยุดทำทันที



    “ฉันทำตามแผนที่คุณมารุตสั่งแล้วนะคะ อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันแล้ว”



    “ดี...ดีมาก เธอไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอกนะ ฉันจะโอนเงินเธอให้แล้วก็ออกเงินค่ารักษาลูกเธอด้วย”



    “ที่ฉันห่วงไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะคะ ฉันห่วงแต่ว่า...เขาจะเปลี่ยนใจ”



    “เปลี่ยนใจ หมายความว่าไง?”



    “ฉันรู้สึกว่าเขาไม่รักฉันเหมือนเดิมแล้วค่ะ”



    “เธอแน่ใจได้ไง? ก็ในเมื่อเธอคือรักแรกของนาวิน จนป่านนี้เขายังไม่ลืมเธอเลย”



    “ไม่ลืม..ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรักฉันนี่คะ”



    “อย่าเรื่องมากหน่อยเลย ฉันจ้างเธอให้มาแต่งงาน...ก็ทำให้มันสำเร็จสิ”



    “ค่ะ ฉันจะพยายาม ขอตัวก่อนนะคะ”



    ผมรีบหลบหลังมุมห้อง รอจนเสียงเดินเงียบไปก็ค่อยออกมา...แผน การแต่งงานของนาวินคือแผนหรอ? นาวินไม่รู้เรื่องนี้  และกำลังจะถูกหลอก...พ่อทำอย่างนั้นเพื่ออะไรนะ?



    *************************************/



    หกโมงเย็นแล้ว...ตอนนี้ผมกำลังนั่งบนม้านั่งในสวนของโรงพยาบาล จนป่านนี้ผมก็ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยมพ่อ รู้สึกไม่ไว้ใจเขาขึ้นมาทันที...



    เหตุผลที่แพรวาหลอกนาวินก็คงเพราะเรื่องเงินอย่างที่ได้ยิน แต่กับพ่อนี่สิ ผมยังนึกไม่ออกว่าพ่อทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร? รังเกียจเพียวที่จนหรอ? ไม่หรอก...ผู้หญิงที่ชื่อแพรวาก็พอ ๆ กัน  แล้วตกลงเพราะอะไรกันแน่? ยิ่งคิดยิ่งงง...



    “พี่นิล มาทำอะไรอยู่ตรงนี้?”



    นาวินเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ ผม... ผมควรจะเล่าให้มันฟังไหมเนี่ย? แล้วจะเริ่นต้นไงดี?



    “นาวิน...นายเคยคบกับแพรมาก่อนใช่ไหม?”



    “เออ ทำไมอ่ะ?”



    “นายคิดว่านายรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีพอแล้วหรอ?”



    “หา?...พี่ถามอะไรของพี่น่ะ?”



    ผมขยับตัวไปมา รู้สึกงุ่นง่านตัวเองพิลึก จะเอายังไงดีวะ?



    “นาวินฉันว่าแกอย่าแต่งกับยายผู้หญิงคนนั้นเลยนะ”



    “ทำไมล่ะ? ถึงแพรจะจน...แต่แพรก็เป็นคนดีนะ”



    “ดีที่ยอมแต่งเพราะเงินหรอ?”



    “หา? อะไรนะ?”



    “คืองี้...” ผมเกาหัวตัวเองระหว่างใช้ความคิดหาวิธีพูดที่ดีที่สุด “ฉันได้ยินพ่อกับแพรวาคุยกันเรื่องแต่งงาน รู้สึกว่ามันจะไม่ปกตินะ...เหมือนกับพ่อจ้างยายนั่นให้มาแต่งงานกับนายน่ะ”



    “จ้าง...ล้อเล่นน่า”



    มันหัวเราะเหมือนไอ้ที่ผมเล่าไปน่าขำซะเต็มประดา...



    “ฉันไม่ได้ล้อเล่น ได้ยินจริง ๆ นะโว้ย... เหมือนกับยายแพรวาจะรู้ว่านายไม่ได้รักด้วย”



    “แล้วพ่อจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร? เกิดเรื่องกับพ่อก่อนผมจะเจอเธอนะ”



    “ทำไมนายไม่คิดว่ามันเป็นแผนบ้างล่ะ? จู่ ๆ นายก็มาเจอยายนั่นที่โรงพยาบาล...แล้วก็เป็นแฟนกัน เสร็จแล้วอยู่ดี ๆ ก็ขอแต่งงาน ทั้งที่ยายนั่นเคยทิ้งนาย... นายเคยเล่าให้ฉันฟังนี่ ว่ายายแพรวาขอนายแต่งงานน่ะ อีกอย่าง ฉันได้ยินว่าลูกสาวของยายแพรวาไม่สบาย บางทียายนั่นอาจจะแต่งงานกับนายเพราะต้องการเงินไปรักษาก็ได้นะ”



    “ถ้างั้นตกลงพ่อทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?...ไม่มีเหตุผลอะไรเลยนะ พี่นิล และถ้าสมมุติที่พี่พูดมันเป็นจริง ก็ไม่เห็นเสียหายเลย...ในเมื่อตอนนี้ผมเองก็ไม่เหลือใครแล้ว”



    “ไอ้นาวิน นายเป็นอะไรวะ? ทำไมเย็นชาอย่างนี้?  ไหนนายบอกไม่ได้รักแพรวาไง รู้ความจริงอย่างนี้แล้วยังจะแต่งงานอีกหรอ?”



    ไอ้นาวินเงียบ...ไม่รู้ที่มันเงียบเพราะเถียงไม่ออกหรือขี้เกียจเถียง เห็นแล้วก็อดโมโหไม่ได้



    “ตามใจแล้วกัน ฉันเตือนนายในฐานะพี่แล้ว ถ้านายยังจะดันทุรังแต่งกับผู้หญิงนั่นละก็ ก็เอาเลย”



    ผมลุกขึ้นเดินหนี... นี่ผมเป็นคนดีไปหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าคิดอย่างตัวร้ายในละคร ผมก็น่าจะทำเฉยเมื่อได้ยินเรื่องพวกนั้น เพราะถ้านาวินแต่งงานกับยายแพรวาเรียบร้อย ต่อมาเพียวอาจจะลืมนาวินได้ ผมก็อาจมีสิทธิเริ่มต้นกับเพียว...แต่ผมกลับเลือกจะทำตัวเป็นพ่อพระ โธ่เอ๊ย! โง่จริง ๆ ไอ้นินจาเอ๋ย...



    ******************************************/



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×