ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :^^: Rabbit\'s contract : รักหวานมัน พนันหัวใจ :^^:

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 เหตุผลจำใจ

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 48


                                                                                                              - 6 -



    วันนี้มาถึงมหาลัยแบบเร็วผิดปกติ ฉันเลยหามุมสงบในสวนแก้วนั่งอ่านหนังสือ แต่จนแล้วจนรอดก็....



    คร็อกฟี้~~!



    อะไรกันเนี่ย? กลางคืนไม่นอน...แต่มาง่วงเอาตอนท่องหนังสือ จะว่าง่าย ๆ ก็คงเพราะขี้เกียจนั่นแหละ...พยายามแข็งใจยังไง ตาสองข้างก็พร้อมใจกันหรี่ลง...หรี่ลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง เอากระเป๋ามาหนุนแทนหมอนซะดื้อ ๆ



    ของีบหน่อยละกัน...เวลาสอบสมองจะได้ปลอดโปร่งไงล่ะ...(เป็นข้อแก้ตัวที่เวิร์กมั่กมาก~~)



    ระหว่างที่กำลังจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนใครมาสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่

    ใครหว่า?...น่ารำคาญชะมัด



    หรี่ตาพร้อมกับหาวหนึ่งที โฟกัสไปที่หน้าคนที่สะกิด มองยังไงก็เป็น



    “ทิม!”



    “หวัดดี...”



    ตานั่นทำหน้าสลดนิดนึงแต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มออก...อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งโหยง เลยลุกขึ้นมายืนจังก้า



    “จะทำอะไรฉันน่ะ? อย่าเข้ามานะ”



    “ฉันยังไม่ทัน...”



    “แต่ก็คิดจะทำใช่มั้ยล่ะ? อย่าเข้ามานะ...ไม่งั้นโดนแบบเมื่อวานแน่ ๆ”



    พูดพร้อมกับอ้าแขนเตรียมโฟร์แฮนด์เต็มที่ ทิมเลยก้มหน้าสำนึกผิด



    “ฉันขอโทษ ฉันไม่นึกว่า...”



    “มาขอโทษตอนนี้ทำไม? ทำไมตอนนั้นไม่คิดก่อน?”



    “ตูน...ฉัน”



    “พอละ...ขี้เกียจฟัง เห็นแก่ที่เราเคยเป็นเพื่อนกันเถอะ... อย่ามายุ่งกับฉันอีก ขอร้อง”



    พูดจบ ฉันก็รีบเดินหนีทันที อยู่นานไม่ได้ เดี๋ยวตานั่นหน้ามืดขึ้นมาจะยุ่ง...



    จะหาว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่เรื่องเมื่อตอนเย็นวันนั้นทำให้ฉันอดผวาไม่ได้จริง ๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าทิมจะคิดอะไรแบบนั้น...เรื่องที่เขาแอบชอบฉันยังพอทำใจได้ แต่เขาเล่นมาทำอย่างนี้...แม้แต่เพื่อนฉันก็ไม่ยอมเป็นหรอก







    สอบวิชานี้เป็นอะไรที่ระทึกขวัญมาก ๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์นั่งเทียนออกข้อสอบยังไง ทำไมเหมือนไม่เคยเรียนเลยหว่า?



    เอ๊ะ! หรือว่าเคยเรียนแต่ฉันจำไม่ได้ซะเอง?...



    ก็คงจะอย่างนั้นแหละ หนังสือไม่อ่านแล้วจะจำได้ไงล่ะ? เฮ้ออออ!!!



    นั่งรอยัยไอซ์ออกมาจากห้องสอบ เสร็จแล้วเราก็ไปกินข้าวเที่ยงกัน ตอนกิน ๆ อยู่ดี ๆ คุณเจ๊ก็ปล่อยโฮขึ้นมา



    “ฮืออออออออ”



    “เฮ้ย! แกเป็นอะไรน่ะ?”



    ฉันรีบดึงทิชชูมาให้ยัยไอซ์ ยัยนั่นรับมาเช็ดน้ำตาก่อนจะสั่งน้ำมูกเสียงดัง



    “ฮือ ๆ เบ็คแฮม...เค้าไม่รักฉันแล้วล่ะ”



    ที่แท้ก็เรื่องนายแฮมอบนั่นเอง จนป่านนี้ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอเนี่ย?



    “ทำใจเหอะ ไอซ์เอ๊ย”



    “แต่มันยากนะแก…ยิ่งลืมฉันก็ยิ่งจำ ยิ่งหักห้ามใจก็ยิ่งรักเขามาก ฮือ ๆ”



    พูดเป็นนิยายเชียว...มันจะยากอะไรนักหนา ก็แค่ลืม...อะโด่เอ๊ย!



    “งั้นแกก็ลองหาผู้ชายคนใหม่เซ่ เผื่อจะลืมเขาได้”



    “ฉันพยายามแล้ว แต่ไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็ลืมเขาไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด...ฮือ ๆ”



    ก็เล่นพูดว่าลืมไม่ได้....ลืมไม่ได้อยู่อย่างนี้ แล้วมันจะลืมได้มั้ยเนี่ย? เฮ้อ! เชื่อพี่แกเลย



    “อ่ะจ้ะ เชื่อแล้วว่าลืมไม่ได้...แต่ตอนนี้แกเลิกร้องไห้เหอะ กินข้าวให้หมดแล้วค่อยร้องต่อ นะนะ...กินเถอะนะ”



    พูดพร้อมกับหยิบช้อนตักข้าวป้อนยัยไอซ์ เจ๊แกก็อ้าปากอย่างว่าง่าย เอ้อ...โตไว ๆ นะ เด็กดี...







    หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฉันก็พาเพื่อนซี้ไปเดินเที่ยวห้างให้สบายใจ เผื่อคุณเธอจะสนุกกับการช็อปแล้วลืม ๆ เรื่องนายเบ็คแฮมไปซะ จนหกโมงเย็นฉันก็ไปส่งยัยไอซ์ที่ป้ายรถเมล์แล้วค่อยนั่งแท็กซี่กลับบ้าน



    กึก...กึก~~



    ผลักประตูกี่ทีก็ไม่เปิด มองไปมองมาเห็นแม่กุญแจคล้องอยู่



    เอ๋! ทำไมประตูล็อคหว่า? ที่บ้านไม่มีใครอยู่เหรอเนี่ย?



    คิดในใจพร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจมาไข เดินเข้าไปในบ้านก็ยิ่งแน่ใจ จริง ๆ ด้วย...ไม่มีใครอยู่ แม้แต่นายเวย์นตัวแสบ ทุกคนหายไปไหนกันหมดน้า???



    It don’t matter if you’re black, white or yellow if you’re brown or red. Let’s get down to that love is color blind….



    ริงโทนที่เพิ่งโหลดมาไม่นานดังขึ้น ฉันรีบล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา



    หือ? ใครโทรมานะ? เบอร์ก็ไม่คุ้นเลยแฮะ...



    “ฮัลโหล”



    “ฮัลโหล นั่นป้ารึเปล่าน่ะ?”



    ป้า...ป้าไหน? หรือว่า...?



    “ไอ้เด็กเวรใช่มั้ย?”



    “อือ เอ้ย! ฉันชื่อเวย์น เรียกให้มันดี ๆ หน่อยเซ่”



    “ก็ทีนายยังเรียกฉัน....”



    “โอเค ๆ ถือว่าผมผิดละกัน ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะ”



    “เรื่องอะไร?”



    “คุณยายไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาล”



    คุณยายไม่สบายอย่างนั้นเหรอ????







    ทันทีที่กระโดดลงจากรถเมล์ ฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล สอบถามได้ความว่าคุณยายอยู่ไหน ฉันก็วิ่งไปขึ้นลิฟท์ทันที



    จนมาถึงโรงพยาบาล ฉันก็ยังงงอยู่ว่าทำไมจู่ ๆ คุณยายถึงไม่สบาย ทั้ง ๆ ที่คุณยายออกจะแข็งแรง ไปเที่ยวรอบโลกอย่างสบายใจเฉิบ ที่สำคัญ ขนาดพาเข้าโรงพยาบาลขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดาแน่ ๆ



    เฮ้อ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง



    ตอนออกมาจากลิฟท์ นายเวย์นก็โทรมาหาฉันอีก



    “อะไร?”



    “อยู่ไหนแล้วป้า?”



    “มาถึงแล้ว อยู่หน้าห้องนี่แหละ”



    ฉันผลักประตูเข้าไป เห็นคุณยายนอนบนเตียงแต่ไม่ได้หลับ ข้าง ๆ มีเวย์นกับคุณปู่ยืนอยู่



    “ตูน”



    คุณยายเรียกพอเห็นฉันเดินเข้ามา นายเวย์นเลยหลีกทางให้ฉันได้เข้าไปนั่งข้าง ๆ เตียง



    “คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”



    คุณยายยิ้มให้ฉัน เอามือลูบหัวฉันเบา ๆ



    “ยายแก่แล้ว เป็นอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ยายรู้ว่ายายคงอยู่ได้อีกไม่นาน”



    “คุณยาย....”



    ฉันร้องเสียงสั่น รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคุณยายพูดแบบนั้น คุณปู่คงอยากปล่อยให้ยายหลานคุยกัน เลยหันไปบอกนายเวย์น



    “ออกไปกันก่อนเถอะ เวย์น”



    “ครับ”



    พอคุณปู่กับนายนั่นออกไป ฉันก็หันไปพูดกับคุณยายต่อ



    “ตกลงคุณยายเป็นอะไรกันแน่คะ?”



    คุณยายยิ้มพร้อมกับลูบหัวฉันเบา ๆ



    “ก็โรคหัวใจกำเริบน่ะ จริง ๆ ยายเป็นมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ยายไม่เคยบอกตูน”



    “แล้วทำไมคุณยายไม่บอกหนูล่ะคะ? คุณยายเห็นหนูเป็นอะไร? หรือว่าคุณยายไม่รักหนู เลยไม่บอกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้หนูรู้”



    “เปล่านะ ยายรักตูน ยายถึงไม่กล้าบอกไงล่ะ กลัวตูนต้องมากลุ้มใจกับเรื่องของยาย”



    “คุณยายเป็นคุณยายของหนู ถ้าหนูไม่กลุ้มใจเรื่องของคุณยาย แล้วจะให้หนูกลุ้มใจเรื่องของใครล่ะคะ? หนูไม่มีใครแล้วนะคะนอกจากคุณยาย พ่อกับแม่ก็ไปแต่งงานใหม่กันหมด คุณยายทำอย่างนี้หนูน้อยใจนะคะ”



    ฉันเอามือเช็ดน้ำตาตัวเอง คุณยายก็หัวเราะเบา ๆ



    “ขี้น้อยใจจริง ๆ นะเรา ยายขอโทษแล้วกันนะ เฮ้ออออ!”



    ฉันมองคุณยายถอนหายใจเบา ๆ แล้วคุณยายก็พูดต่อ



    “งั้นแพลนไปเอธิโอเปียก็ต้องยกเลิกสินะ แย่จัง”



    “คุณยายนะคุณยาย ไม่สบายแล้วยังห่วงเที่ยวอีก”



    “ก็ยายยังเที่ยวไม่ครบทุกประเทศเลยนี่นา ยายเสียดายน่ะ”



    แล้วฉันกับคุณยายก็หัวเราะพร้อมกัน จู่ ๆ คุณยายก็ทำหน้าจริงจัง



    “ตูน ยายขออะไรตูนอย่างได้มั้ย?”



    “???”



    “หมั้นกับเวย์นให้ยายหน่อยได้มั้ย? ให้ยายหมดห่วงซะทีเถอะนะ”



    “แต่ว่า....”



    “ถือว่ายายขอร้องเถอะนะ ถ้ายายเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ยายจะได้ตายตาหลับ ไม่ต้องพะวงว่าตูนจะอยู่กับใครอีก”



    “คุณยาย....หนู...”



    ใจจริงอยากจะพูดว่า ‘ไม่เอา ไม่มีทาง ไม่ยอม ไม่ได้’ แต่พอเห็นคุณยายทำหน้าอ้อนวอนขนาดนี้ ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธ แต่จะให้พยักหน้าก็ทำใจไม่ได้อีกนั่นแหละ...



    “ตูน ยายขอร้องล่ะ”



    “...”



    ฉันทำหน้าพะอืดพะอมอยู่อย่างนั้น ลำบากใจซะยิ่งกว่าตอนกินยาขม ก็เลยต้องปล่อยให้คุณยายเดาคำตอบจากสีหน้าแทน แต่ไม่รู้คุณยายจะเดาว่ายังไง ส่วนในใจก็ได้แต่ถามตัวเองว่า...



    โธ่เอ๊ย! นี่ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เหรอเนี่ย?





    ฉันนั่งเฝ้าจนคุณยายหลับสนิท เลยปลีกตัวออกมาหาอะไรกินในเซเว่น เจอคุณปู่กับคุณหลานตัวแสบนั่งรอในห้องโถงของโรงพยาบาล ฉันเลยเข้าไปร่วมวงด้วย



    “คุณยายหลับแล้วเหรอ?”



    “ค่ะ”



    “เฮ้อ!…”



    คุณปู่ถอนหายใจยาวแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนนายเวย์นก็นั่งสัปหงก



    ตาบ้าเอ๊ย! สถานการณ์ตึงเครียด ยังมีอารมณ์มาหลับอีก มันน่ามะเหงกหัวจริง ๆ ฮึ่ม!



    “คุณปู่คะ เดี๋ยวหนูจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนนะคะ หนูกะจะมาเฝ้าคุณยายค่ะ”



    “แต่พรุ่งนี้ตูนมีสอบไม่ใช่เหรอ?”



    เออ....จริงสิ เรามีสอบนี่หว่า? ลืมไป...ขาดสอบไม่ได้ซะด้วย



    “ตูนกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวปู่ให้เจ้าเวย์น....อ้าว! เวย์น...หลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย? ตื่นเร็ว”



    คุณปู่ผลักหัวนายเวย์น ตานั่นงัวเงียปากขมุบขมิบอะไรไม่รู้  สุดท้ายก็สัปหงกต่อ



    “เอ่อ...เดี๋ยวให้เจ้าเวย์นเฝ้าให้ก็ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”



    อย่างตานั่นเหรอ? จะเฝ้าคุณยาย...ฉันว่าคุณยายเป็นฝ่ายเฝ้าพี่แกมากกว่ามั้ง เล่นขี้เซาซะขนาดนี้



    “เอ่อ หนูว่าอย่าให้เวย์นเฝ้าเลยนะคะ เวย์นคงจะเพลียน่าดู ให้เขาไปพักผ่อนเถอะค่ะ”



    “อ้าว! แล้วใครจะอยู่เฝ้าคุณยายล่ะ? อืม...เอางี้ เดี๋ยวปู่เฝ้าคุณยายเอง”



    “แต่ว่า...”



    “ไม่เป็นไรหรอก ปู่ดูแลคุณยายเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ตูนก็พาเจ้าเวย์นกลับบ้านไปซะ เอ้า! ตื่นเร็วเข้า...หลับอยู่ได้ เจ้าหลานเวร...”



    นายนั่นผงกหัวขึ้นมางัวเงียแล้วก็หลับต่อ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นขี้เซาขนาดนี้มาก่อน ทำอย่างกับไม่เคยหลับมาหนึ่งเดือน เห็นแล้วมันน่าตบบ้องหูจริง ๆ เฮ้อ! ดีนะที่ฉันคัดค้านไม่ให้ตานี่เป็นคนเฝ้าคุณยาย ไม่งั้นล่ะก็...คิดเอาเองแล้วกัน เฮ้ออออ!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×