ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 เหตุผลจำใจ
                                                                                                          - 6 -
วันนี้มาถึงมหาลัยแบบเร็วผิดปกติ ฉันเลยหามุมสงบในสวนแก้วนั่งอ่านหนังสือ แต่จนแล้วจนรอดก็....
คร็อกฟี้~~!
อะไรกันเนี่ย? กลางคืนไม่นอน...แต่มาง่วงเอาตอนท่องหนังสือ จะว่าง่าย ๆ ก็คงเพราะขี้เกียจนั่นแหละ...พยายามแข็งใจยังไง ตาสองข้างก็พร้อมใจกันหรี่ลง...หรี่ลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง เอากระเป๋ามาหนุนแทนหมอนซะดื้อ ๆ
ของีบหน่อยละกัน...เวลาสอบสมองจะได้ปลอดโปร่งไงล่ะ...(เป็นข้อแก้ตัวที่เวิร์กมั่กมาก~~)
ระหว่างที่กำลังจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนใครมาสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่
ใครหว่า?...น่ารำคาญชะมัด
หรี่ตาพร้อมกับหาวหนึ่งที โฟกัสไปที่หน้าคนที่สะกิด มองยังไงก็เป็น
“ทิม!”
“หวัดดี...”
ตานั่นทำหน้าสลดนิดนึงแต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มออก...อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งโหยง เลยลุกขึ้นมายืนจังก้า
“จะทำอะไรฉันน่ะ? อย่าเข้ามานะ”
“ฉันยังไม่ทัน...”
“แต่ก็คิดจะทำใช่มั้ยล่ะ? อย่าเข้ามานะ...ไม่งั้นโดนแบบเมื่อวานแน่ ๆ”
พูดพร้อมกับอ้าแขนเตรียมโฟร์แฮนด์เต็มที่ ทิมเลยก้มหน้าสำนึกผิด
“ฉันขอโทษ ฉันไม่นึกว่า...”
“มาขอโทษตอนนี้ทำไม? ทำไมตอนนั้นไม่คิดก่อน?”
“ตูน...ฉัน”
“พอละ...ขี้เกียจฟัง เห็นแก่ที่เราเคยเป็นเพื่อนกันเถอะ... อย่ามายุ่งกับฉันอีก ขอร้อง”
พูดจบ ฉันก็รีบเดินหนีทันที อยู่นานไม่ได้ เดี๋ยวตานั่นหน้ามืดขึ้นมาจะยุ่ง...
จะหาว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่เรื่องเมื่อตอนเย็นวันนั้นทำให้ฉันอดผวาไม่ได้จริง ๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าทิมจะคิดอะไรแบบนั้น...เรื่องที่เขาแอบชอบฉันยังพอทำใจได้ แต่เขาเล่นมาทำอย่างนี้...แม้แต่เพื่อนฉันก็ไม่ยอมเป็นหรอก
สอบวิชานี้เป็นอะไรที่ระทึกขวัญมาก ๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์นั่งเทียนออกข้อสอบยังไง ทำไมเหมือนไม่เคยเรียนเลยหว่า?
เอ๊ะ! หรือว่าเคยเรียนแต่ฉันจำไม่ได้ซะเอง?...
ก็คงจะอย่างนั้นแหละ หนังสือไม่อ่านแล้วจะจำได้ไงล่ะ? เฮ้ออออ!!!
นั่งรอยัยไอซ์ออกมาจากห้องสอบ เสร็จแล้วเราก็ไปกินข้าวเที่ยงกัน ตอนกิน ๆ อยู่ดี ๆ คุณเจ๊ก็ปล่อยโฮขึ้นมา
“ฮืออออออออ”
“เฮ้ย! แกเป็นอะไรน่ะ?”
ฉันรีบดึงทิชชูมาให้ยัยไอซ์ ยัยนั่นรับมาเช็ดน้ำตาก่อนจะสั่งน้ำมูกเสียงดัง
“ฮือ ๆ เบ็คแฮม...เค้าไม่รักฉันแล้วล่ะ”
ที่แท้ก็เรื่องนายแฮมอบนั่นเอง จนป่านนี้ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอเนี่ย?
“ทำใจเหอะ ไอซ์เอ๊ย”
“แต่มันยากนะแก ยิ่งลืมฉันก็ยิ่งจำ ยิ่งหักห้ามใจก็ยิ่งรักเขามาก ฮือ ๆ”
พูดเป็นนิยายเชียว...มันจะยากอะไรนักหนา ก็แค่ลืม...อะโด่เอ๊ย!
“งั้นแกก็ลองหาผู้ชายคนใหม่เซ่ เผื่อจะลืมเขาได้”
“ฉันพยายามแล้ว แต่ไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็ลืมเขาไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด...ฮือ ๆ”
ก็เล่นพูดว่าลืมไม่ได้....ลืมไม่ได้อยู่อย่างนี้ แล้วมันจะลืมได้มั้ยเนี่ย? เฮ้อ! เชื่อพี่แกเลย
“อ่ะจ้ะ เชื่อแล้วว่าลืมไม่ได้...แต่ตอนนี้แกเลิกร้องไห้เหอะ กินข้าวให้หมดแล้วค่อยร้องต่อ นะนะ...กินเถอะนะ”
พูดพร้อมกับหยิบช้อนตักข้าวป้อนยัยไอซ์ เจ๊แกก็อ้าปากอย่างว่าง่าย เอ้อ...โตไว ๆ นะ เด็กดี...
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฉันก็พาเพื่อนซี้ไปเดินเที่ยวห้างให้สบายใจ เผื่อคุณเธอจะสนุกกับการช็อปแล้วลืม ๆ เรื่องนายเบ็คแฮมไปซะ จนหกโมงเย็นฉันก็ไปส่งยัยไอซ์ที่ป้ายรถเมล์แล้วค่อยนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
กึก...กึก~~
ผลักประตูกี่ทีก็ไม่เปิด มองไปมองมาเห็นแม่กุญแจคล้องอยู่
เอ๋! ทำไมประตูล็อคหว่า? ที่บ้านไม่มีใครอยู่เหรอเนี่ย?
คิดในใจพร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจมาไข เดินเข้าไปในบ้านก็ยิ่งแน่ใจ จริง ๆ ด้วย...ไม่มีใครอยู่ แม้แต่นายเวย์นตัวแสบ ทุกคนหายไปไหนกันหมดน้า???
It don’t matter if you’re black, white or yellow if you’re brown or red. Let’s get down to that love is color blind .
ริงโทนที่เพิ่งโหลดมาไม่นานดังขึ้น ฉันรีบล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
หือ? ใครโทรมานะ? เบอร์ก็ไม่คุ้นเลยแฮะ...
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล นั่นป้ารึเปล่าน่ะ?”
ป้า...ป้าไหน? หรือว่า...?
“ไอ้เด็กเวรใช่มั้ย?”
“อือ เอ้ย! ฉันชื่อเวย์น เรียกให้มันดี ๆ หน่อยเซ่”
“ก็ทีนายยังเรียกฉัน....”
“โอเค ๆ ถือว่าผมผิดละกัน ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะ”
“เรื่องอะไร?”
“คุณยายไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาล”
คุณยายไม่สบายอย่างนั้นเหรอ????
ทันทีที่กระโดดลงจากรถเมล์ ฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล สอบถามได้ความว่าคุณยายอยู่ไหน ฉันก็วิ่งไปขึ้นลิฟท์ทันที
จนมาถึงโรงพยาบาล ฉันก็ยังงงอยู่ว่าทำไมจู่ ๆ คุณยายถึงไม่สบาย ทั้ง ๆ ที่คุณยายออกจะแข็งแรง ไปเที่ยวรอบโลกอย่างสบายใจเฉิบ ที่สำคัญ ขนาดพาเข้าโรงพยาบาลขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดาแน่ ๆ
เฮ้อ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง
ตอนออกมาจากลิฟท์ นายเวย์นก็โทรมาหาฉันอีก
“อะไร?”
“อยู่ไหนแล้วป้า?”
“มาถึงแล้ว อยู่หน้าห้องนี่แหละ”
ฉันผลักประตูเข้าไป เห็นคุณยายนอนบนเตียงแต่ไม่ได้หลับ ข้าง ๆ มีเวย์นกับคุณปู่ยืนอยู่
“ตูน”
คุณยายเรียกพอเห็นฉันเดินเข้ามา นายเวย์นเลยหลีกทางให้ฉันได้เข้าไปนั่งข้าง ๆ เตียง
“คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
คุณยายยิ้มให้ฉัน เอามือลูบหัวฉันเบา ๆ
“ยายแก่แล้ว เป็นอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ยายรู้ว่ายายคงอยู่ได้อีกไม่นาน”
“คุณยาย....”
ฉันร้องเสียงสั่น รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคุณยายพูดแบบนั้น คุณปู่คงอยากปล่อยให้ยายหลานคุยกัน เลยหันไปบอกนายเวย์น
“ออกไปกันก่อนเถอะ เวย์น”
“ครับ”
พอคุณปู่กับนายนั่นออกไป ฉันก็หันไปพูดกับคุณยายต่อ
“ตกลงคุณยายเป็นอะไรกันแน่คะ?”
คุณยายยิ้มพร้อมกับลูบหัวฉันเบา ๆ
“ก็โรคหัวใจกำเริบน่ะ จริง ๆ ยายเป็นมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ยายไม่เคยบอกตูน”
“แล้วทำไมคุณยายไม่บอกหนูล่ะคะ? คุณยายเห็นหนูเป็นอะไร? หรือว่าคุณยายไม่รักหนู เลยไม่บอกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้หนูรู้”
“เปล่านะ ยายรักตูน ยายถึงไม่กล้าบอกไงล่ะ กลัวตูนต้องมากลุ้มใจกับเรื่องของยาย”
“คุณยายเป็นคุณยายของหนู ถ้าหนูไม่กลุ้มใจเรื่องของคุณยาย แล้วจะให้หนูกลุ้มใจเรื่องของใครล่ะคะ? หนูไม่มีใครแล้วนะคะนอกจากคุณยาย พ่อกับแม่ก็ไปแต่งงานใหม่กันหมด คุณยายทำอย่างนี้หนูน้อยใจนะคะ”
ฉันเอามือเช็ดน้ำตาตัวเอง คุณยายก็หัวเราะเบา ๆ
“ขี้น้อยใจจริง ๆ นะเรา ยายขอโทษแล้วกันนะ เฮ้ออออ!”
ฉันมองคุณยายถอนหายใจเบา ๆ แล้วคุณยายก็พูดต่อ
“งั้นแพลนไปเอธิโอเปียก็ต้องยกเลิกสินะ แย่จัง”
“คุณยายนะคุณยาย ไม่สบายแล้วยังห่วงเที่ยวอีก”
“ก็ยายยังเที่ยวไม่ครบทุกประเทศเลยนี่นา ยายเสียดายน่ะ”
แล้วฉันกับคุณยายก็หัวเราะพร้อมกัน จู่ ๆ คุณยายก็ทำหน้าจริงจัง
“ตูน ยายขออะไรตูนอย่างได้มั้ย?”
“???”
“หมั้นกับเวย์นให้ยายหน่อยได้มั้ย? ให้ยายหมดห่วงซะทีเถอะนะ”
“แต่ว่า....”
“ถือว่ายายขอร้องเถอะนะ ถ้ายายเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ยายจะได้ตายตาหลับ ไม่ต้องพะวงว่าตูนจะอยู่กับใครอีก”
“คุณยาย....หนู...”
ใจจริงอยากจะพูดว่า ‘ไม่เอา ไม่มีทาง ไม่ยอม ไม่ได้’ แต่พอเห็นคุณยายทำหน้าอ้อนวอนขนาดนี้ ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธ แต่จะให้พยักหน้าก็ทำใจไม่ได้อีกนั่นแหละ...
“ตูน ยายขอร้องล่ะ”
“...”
ฉันทำหน้าพะอืดพะอมอยู่อย่างนั้น ลำบากใจซะยิ่งกว่าตอนกินยาขม ก็เลยต้องปล่อยให้คุณยายเดาคำตอบจากสีหน้าแทน แต่ไม่รู้คุณยายจะเดาว่ายังไง ส่วนในใจก็ได้แต่ถามตัวเองว่า...
โธ่เอ๊ย! นี่ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เหรอเนี่ย?
ฉันนั่งเฝ้าจนคุณยายหลับสนิท เลยปลีกตัวออกมาหาอะไรกินในเซเว่น เจอคุณปู่กับคุณหลานตัวแสบนั่งรอในห้องโถงของโรงพยาบาล ฉันเลยเข้าไปร่วมวงด้วย
“คุณยายหลับแล้วเหรอ?”
“ค่ะ”
“เฮ้อ! ”
คุณปู่ถอนหายใจยาวแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนนายเวย์นก็นั่งสัปหงก
ตาบ้าเอ๊ย! สถานการณ์ตึงเครียด ยังมีอารมณ์มาหลับอีก มันน่ามะเหงกหัวจริง ๆ ฮึ่ม!
“คุณปู่คะ เดี๋ยวหนูจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนนะคะ หนูกะจะมาเฝ้าคุณยายค่ะ”
“แต่พรุ่งนี้ตูนมีสอบไม่ใช่เหรอ?”
เออ....จริงสิ เรามีสอบนี่หว่า? ลืมไป...ขาดสอบไม่ได้ซะด้วย
“ตูนกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวปู่ให้เจ้าเวย์น....อ้าว! เวย์น...หลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย? ตื่นเร็ว”
คุณปู่ผลักหัวนายเวย์น ตานั่นงัวเงียปากขมุบขมิบอะไรไม่รู้  สุดท้ายก็สัปหงกต่อ
“เอ่อ...เดี๋ยวให้เจ้าเวย์นเฝ้าให้ก็ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
อย่างตานั่นเหรอ? จะเฝ้าคุณยาย...ฉันว่าคุณยายเป็นฝ่ายเฝ้าพี่แกมากกว่ามั้ง เล่นขี้เซาซะขนาดนี้
“เอ่อ หนูว่าอย่าให้เวย์นเฝ้าเลยนะคะ เวย์นคงจะเพลียน่าดู ให้เขาไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“อ้าว! แล้วใครจะอยู่เฝ้าคุณยายล่ะ? อืม...เอางี้ เดี๋ยวปู่เฝ้าคุณยายเอง”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรหรอก ปู่ดูแลคุณยายเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ตูนก็พาเจ้าเวย์นกลับบ้านไปซะ เอ้า! ตื่นเร็วเข้า...หลับอยู่ได้ เจ้าหลานเวร...”
นายนั่นผงกหัวขึ้นมางัวเงียแล้วก็หลับต่อ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นขี้เซาขนาดนี้มาก่อน ทำอย่างกับไม่เคยหลับมาหนึ่งเดือน เห็นแล้วมันน่าตบบ้องหูจริง ๆ เฮ้อ! ดีนะที่ฉันคัดค้านไม่ให้ตานี่เป็นคนเฝ้าคุณยาย ไม่งั้นล่ะก็...คิดเอาเองแล้วกัน เฮ้ออออ!
วันนี้มาถึงมหาลัยแบบเร็วผิดปกติ ฉันเลยหามุมสงบในสวนแก้วนั่งอ่านหนังสือ แต่จนแล้วจนรอดก็....
คร็อกฟี้~~!
อะไรกันเนี่ย? กลางคืนไม่นอน...แต่มาง่วงเอาตอนท่องหนังสือ จะว่าง่าย ๆ ก็คงเพราะขี้เกียจนั่นแหละ...พยายามแข็งใจยังไง ตาสองข้างก็พร้อมใจกันหรี่ลง...หรี่ลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเอง เอากระเป๋ามาหนุนแทนหมอนซะดื้อ ๆ
ของีบหน่อยละกัน...เวลาสอบสมองจะได้ปลอดโปร่งไงล่ะ...(เป็นข้อแก้ตัวที่เวิร์กมั่กมาก~~)
ระหว่างที่กำลังจะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนใครมาสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่
ใครหว่า?...น่ารำคาญชะมัด
หรี่ตาพร้อมกับหาวหนึ่งที โฟกัสไปที่หน้าคนที่สะกิด มองยังไงก็เป็น
“ทิม!”
“หวัดดี...”
ตานั่นทำหน้าสลดนิดนึงแต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มออก...อดไม่ได้ที่จะสะดุ้งโหยง เลยลุกขึ้นมายืนจังก้า
“จะทำอะไรฉันน่ะ? อย่าเข้ามานะ”
“ฉันยังไม่ทัน...”
“แต่ก็คิดจะทำใช่มั้ยล่ะ? อย่าเข้ามานะ...ไม่งั้นโดนแบบเมื่อวานแน่ ๆ”
พูดพร้อมกับอ้าแขนเตรียมโฟร์แฮนด์เต็มที่ ทิมเลยก้มหน้าสำนึกผิด
“ฉันขอโทษ ฉันไม่นึกว่า...”
“มาขอโทษตอนนี้ทำไม? ทำไมตอนนั้นไม่คิดก่อน?”
“ตูน...ฉัน”
“พอละ...ขี้เกียจฟัง เห็นแก่ที่เราเคยเป็นเพื่อนกันเถอะ... อย่ามายุ่งกับฉันอีก ขอร้อง”
พูดจบ ฉันก็รีบเดินหนีทันที อยู่นานไม่ได้ เดี๋ยวตานั่นหน้ามืดขึ้นมาจะยุ่ง...
จะหาว่าฉันมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่เรื่องเมื่อตอนเย็นวันนั้นทำให้ฉันอดผวาไม่ได้จริง ๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าทิมจะคิดอะไรแบบนั้น...เรื่องที่เขาแอบชอบฉันยังพอทำใจได้ แต่เขาเล่นมาทำอย่างนี้...แม้แต่เพื่อนฉันก็ไม่ยอมเป็นหรอก
สอบวิชานี้เป็นอะไรที่ระทึกขวัญมาก ๆ ไม่รู้ว่าอาจารย์นั่งเทียนออกข้อสอบยังไง ทำไมเหมือนไม่เคยเรียนเลยหว่า?
เอ๊ะ! หรือว่าเคยเรียนแต่ฉันจำไม่ได้ซะเอง?...
ก็คงจะอย่างนั้นแหละ หนังสือไม่อ่านแล้วจะจำได้ไงล่ะ? เฮ้ออออ!!!
นั่งรอยัยไอซ์ออกมาจากห้องสอบ เสร็จแล้วเราก็ไปกินข้าวเที่ยงกัน ตอนกิน ๆ อยู่ดี ๆ คุณเจ๊ก็ปล่อยโฮขึ้นมา
“ฮืออออออออ”
“เฮ้ย! แกเป็นอะไรน่ะ?”
ฉันรีบดึงทิชชูมาให้ยัยไอซ์ ยัยนั่นรับมาเช็ดน้ำตาก่อนจะสั่งน้ำมูกเสียงดัง
“ฮือ ๆ เบ็คแฮม...เค้าไม่รักฉันแล้วล่ะ”
ที่แท้ก็เรื่องนายแฮมอบนั่นเอง จนป่านนี้ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอเนี่ย?
“ทำใจเหอะ ไอซ์เอ๊ย”
“แต่มันยากนะแก ยิ่งลืมฉันก็ยิ่งจำ ยิ่งหักห้ามใจก็ยิ่งรักเขามาก ฮือ ๆ”
พูดเป็นนิยายเชียว...มันจะยากอะไรนักหนา ก็แค่ลืม...อะโด่เอ๊ย!
“งั้นแกก็ลองหาผู้ชายคนใหม่เซ่ เผื่อจะลืมเขาได้”
“ฉันพยายามแล้ว แต่ไม่ได้หรอก ยังไงฉันก็ลืมเขาไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด...ฮือ ๆ”
ก็เล่นพูดว่าลืมไม่ได้....ลืมไม่ได้อยู่อย่างนี้ แล้วมันจะลืมได้มั้ยเนี่ย? เฮ้อ! เชื่อพี่แกเลย
“อ่ะจ้ะ เชื่อแล้วว่าลืมไม่ได้...แต่ตอนนี้แกเลิกร้องไห้เหอะ กินข้าวให้หมดแล้วค่อยร้องต่อ นะนะ...กินเถอะนะ”
พูดพร้อมกับหยิบช้อนตักข้าวป้อนยัยไอซ์ เจ๊แกก็อ้าปากอย่างว่าง่าย เอ้อ...โตไว ๆ นะ เด็กดี...
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฉันก็พาเพื่อนซี้ไปเดินเที่ยวห้างให้สบายใจ เผื่อคุณเธอจะสนุกกับการช็อปแล้วลืม ๆ เรื่องนายเบ็คแฮมไปซะ จนหกโมงเย็นฉันก็ไปส่งยัยไอซ์ที่ป้ายรถเมล์แล้วค่อยนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
กึก...กึก~~
ผลักประตูกี่ทีก็ไม่เปิด มองไปมองมาเห็นแม่กุญแจคล้องอยู่
เอ๋! ทำไมประตูล็อคหว่า? ที่บ้านไม่มีใครอยู่เหรอเนี่ย?
คิดในใจพร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจมาไข เดินเข้าไปในบ้านก็ยิ่งแน่ใจ จริง ๆ ด้วย...ไม่มีใครอยู่ แม้แต่นายเวย์นตัวแสบ ทุกคนหายไปไหนกันหมดน้า???
It don’t matter if you’re black, white or yellow if you’re brown or red. Let’s get down to that love is color blind .
ริงโทนที่เพิ่งโหลดมาไม่นานดังขึ้น ฉันรีบล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
หือ? ใครโทรมานะ? เบอร์ก็ไม่คุ้นเลยแฮะ...
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล นั่นป้ารึเปล่าน่ะ?”
ป้า...ป้าไหน? หรือว่า...?
“ไอ้เด็กเวรใช่มั้ย?”
“อือ เอ้ย! ฉันชื่อเวย์น เรียกให้มันดี ๆ หน่อยเซ่”
“ก็ทีนายยังเรียกฉัน....”
“โอเค ๆ ถือว่าผมผิดละกัน ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้วนะ”
“เรื่องอะไร?”
“คุณยายไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาล”
คุณยายไม่สบายอย่างนั้นเหรอ????
ทันทีที่กระโดดลงจากรถเมล์ ฉันก็รีบจ้ำอ้าวไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาล สอบถามได้ความว่าคุณยายอยู่ไหน ฉันก็วิ่งไปขึ้นลิฟท์ทันที
จนมาถึงโรงพยาบาล ฉันก็ยังงงอยู่ว่าทำไมจู่ ๆ คุณยายถึงไม่สบาย ทั้ง ๆ ที่คุณยายออกจะแข็งแรง ไปเที่ยวรอบโลกอย่างสบายใจเฉิบ ที่สำคัญ ขนาดพาเข้าโรงพยาบาลขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ไข้หวัดธรรมดาแน่ ๆ
เฮ้อ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง
ตอนออกมาจากลิฟท์ นายเวย์นก็โทรมาหาฉันอีก
“อะไร?”
“อยู่ไหนแล้วป้า?”
“มาถึงแล้ว อยู่หน้าห้องนี่แหละ”
ฉันผลักประตูเข้าไป เห็นคุณยายนอนบนเตียงแต่ไม่ได้หลับ ข้าง ๆ มีเวย์นกับคุณปู่ยืนอยู่
“ตูน”
คุณยายเรียกพอเห็นฉันเดินเข้ามา นายเวย์นเลยหลีกทางให้ฉันได้เข้าไปนั่งข้าง ๆ เตียง
“คุณยายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
คุณยายยิ้มให้ฉัน เอามือลูบหัวฉันเบา ๆ
“ยายแก่แล้ว เป็นอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ยายรู้ว่ายายคงอยู่ได้อีกไม่นาน”
“คุณยาย....”
ฉันร้องเสียงสั่น รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคุณยายพูดแบบนั้น คุณปู่คงอยากปล่อยให้ยายหลานคุยกัน เลยหันไปบอกนายเวย์น
“ออกไปกันก่อนเถอะ เวย์น”
“ครับ”
พอคุณปู่กับนายนั่นออกไป ฉันก็หันไปพูดกับคุณยายต่อ
“ตกลงคุณยายเป็นอะไรกันแน่คะ?”
คุณยายยิ้มพร้อมกับลูบหัวฉันเบา ๆ
“ก็โรคหัวใจกำเริบน่ะ จริง ๆ ยายเป็นมาตั้งนานแล้วล่ะ แต่ยายไม่เคยบอกตูน”
“แล้วทำไมคุณยายไม่บอกหนูล่ะคะ? คุณยายเห็นหนูเป็นอะไร? หรือว่าคุณยายไม่รักหนู เลยไม่บอกเรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้หนูรู้”
“เปล่านะ ยายรักตูน ยายถึงไม่กล้าบอกไงล่ะ กลัวตูนต้องมากลุ้มใจกับเรื่องของยาย”
“คุณยายเป็นคุณยายของหนู ถ้าหนูไม่กลุ้มใจเรื่องของคุณยาย แล้วจะให้หนูกลุ้มใจเรื่องของใครล่ะคะ? หนูไม่มีใครแล้วนะคะนอกจากคุณยาย พ่อกับแม่ก็ไปแต่งงานใหม่กันหมด คุณยายทำอย่างนี้หนูน้อยใจนะคะ”
ฉันเอามือเช็ดน้ำตาตัวเอง คุณยายก็หัวเราะเบา ๆ
“ขี้น้อยใจจริง ๆ นะเรา ยายขอโทษแล้วกันนะ เฮ้ออออ!”
ฉันมองคุณยายถอนหายใจเบา ๆ แล้วคุณยายก็พูดต่อ
“งั้นแพลนไปเอธิโอเปียก็ต้องยกเลิกสินะ แย่จัง”
“คุณยายนะคุณยาย ไม่สบายแล้วยังห่วงเที่ยวอีก”
“ก็ยายยังเที่ยวไม่ครบทุกประเทศเลยนี่นา ยายเสียดายน่ะ”
แล้วฉันกับคุณยายก็หัวเราะพร้อมกัน จู่ ๆ คุณยายก็ทำหน้าจริงจัง
“ตูน ยายขออะไรตูนอย่างได้มั้ย?”
“???”
“หมั้นกับเวย์นให้ยายหน่อยได้มั้ย? ให้ยายหมดห่วงซะทีเถอะนะ”
“แต่ว่า....”
“ถือว่ายายขอร้องเถอะนะ ถ้ายายเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ยายจะได้ตายตาหลับ ไม่ต้องพะวงว่าตูนจะอยู่กับใครอีก”
“คุณยาย....หนู...”
ใจจริงอยากจะพูดว่า ‘ไม่เอา ไม่มีทาง ไม่ยอม ไม่ได้’ แต่พอเห็นคุณยายทำหน้าอ้อนวอนขนาดนี้ ฉันก็ไม่กล้าปฏิเสธ แต่จะให้พยักหน้าก็ทำใจไม่ได้อีกนั่นแหละ...
“ตูน ยายขอร้องล่ะ”
“...”
ฉันทำหน้าพะอืดพะอมอยู่อย่างนั้น ลำบากใจซะยิ่งกว่าตอนกินยาขม ก็เลยต้องปล่อยให้คุณยายเดาคำตอบจากสีหน้าแทน แต่ไม่รู้คุณยายจะเดาว่ายังไง ส่วนในใจก็ได้แต่ถามตัวเองว่า...
โธ่เอ๊ย! นี่ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ เหรอเนี่ย?
ฉันนั่งเฝ้าจนคุณยายหลับสนิท เลยปลีกตัวออกมาหาอะไรกินในเซเว่น เจอคุณปู่กับคุณหลานตัวแสบนั่งรอในห้องโถงของโรงพยาบาล ฉันเลยเข้าไปร่วมวงด้วย
“คุณยายหลับแล้วเหรอ?”
“ค่ะ”
“เฮ้อ! ”
คุณปู่ถอนหายใจยาวแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนนายเวย์นก็นั่งสัปหงก
ตาบ้าเอ๊ย! สถานการณ์ตึงเครียด ยังมีอารมณ์มาหลับอีก มันน่ามะเหงกหัวจริง ๆ ฮึ่ม!
“คุณปู่คะ เดี๋ยวหนูจะกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนนะคะ หนูกะจะมาเฝ้าคุณยายค่ะ”
“แต่พรุ่งนี้ตูนมีสอบไม่ใช่เหรอ?”
เออ....จริงสิ เรามีสอบนี่หว่า? ลืมไป...ขาดสอบไม่ได้ซะด้วย
“ตูนกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวปู่ให้เจ้าเวย์น....อ้าว! เวย์น...หลับไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย? ตื่นเร็ว”
คุณปู่ผลักหัวนายเวย์น ตานั่นงัวเงียปากขมุบขมิบอะไรไม่รู้  สุดท้ายก็สัปหงกต่อ
“เอ่อ...เดี๋ยวให้เจ้าเวย์นเฝ้าให้ก็ได้ ไม่ต้องห่วงหรอก”
อย่างตานั่นเหรอ? จะเฝ้าคุณยาย...ฉันว่าคุณยายเป็นฝ่ายเฝ้าพี่แกมากกว่ามั้ง เล่นขี้เซาซะขนาดนี้
“เอ่อ หนูว่าอย่าให้เวย์นเฝ้าเลยนะคะ เวย์นคงจะเพลียน่าดู ให้เขาไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
“อ้าว! แล้วใครจะอยู่เฝ้าคุณยายล่ะ? อืม...เอางี้ เดี๋ยวปู่เฝ้าคุณยายเอง”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรหรอก ปู่ดูแลคุณยายเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ตูนก็พาเจ้าเวย์นกลับบ้านไปซะ เอ้า! ตื่นเร็วเข้า...หลับอยู่ได้ เจ้าหลานเวร...”
นายนั่นผงกหัวขึ้นมางัวเงียแล้วก็หลับต่อ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นขี้เซาขนาดนี้มาก่อน ทำอย่างกับไม่เคยหลับมาหนึ่งเดือน เห็นแล้วมันน่าตบบ้องหูจริง ๆ เฮ้อ! ดีนะที่ฉันคัดค้านไม่ให้ตานี่เป็นคนเฝ้าคุณยาย ไม่งั้นล่ะก็...คิดเอาเองแล้วกัน เฮ้ออออ!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น