ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :^^: Rabbit\'s contract : รักหวานมัน พนันหัวใจ :^^:

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 จดหมายรัก

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 48


                                                                                          - 2 -





    บทที่ 2 จดหมายรัก



    กิ๊กก๊อก...กิ๊กก๊อก...ตื่นได้แล้ว เอ้า! เฮฮา...



    กว่าฉันจะรวบรวมกำลังใจให้ลุกขึ้นจากเตียงได้ก็ต้องรีเพลย์นับสิบรอบ เอื้อมมือคลำหาแว่นตามาใส่ หยิบนาฬิกาปลุกรูปหมูตื่นนอนขึ้นมาเพ่ง

    เก้าโมงสิบนาที... เข้าเรียนตอนสิบโมง ต้องออกจากบ้านให้ทันเก้าโมงครึ่ง ไม่งั้นไปไม่ทันคลาสปิดคอร์สแน่ ๆ..



    คิดได้อย่างนั้นก็คว้าผ้าขนหนูกับชุดนักศึกษาเข้าห้องน้ำ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็รีบอุ่นอาหารแล้วสวาปามโดยเร็ว ก่อนออกจากบ้านให้อาหารเจ้าเป๋าเป่าแล้วรีบวิ่งออกจากบ้าน



    เอ๋! เดี๋ยวก่อน อะไรแว้บ ๆ?



    ฉันหันไปดูที่กระถางต้นไม้หน้าบ้าน นายนั่น...นายลามกยังอยู่อีกเหรอ? แต่พี่แกนอนตัวขดหลับตาปี๋ นอนไปได้ไงเนี่ย? น้ำค้างไม่หยดใส่แย่เหรอ?...หรือว่าไม่มีที่ไป? ดู ๆ ไปก็น่าสงสาร ฉันน่าจะเอาข้าวมาให้เขากินหน่อยนะ



    แต่...ช้าก่อน เมื่อวานก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าตาบ้านี่โรคจิตเข้าขั้นวิกฤติ...ไม่ได้ ไว้ใจไม่ได้ ปล่อยให้นอนให้หมาบ้านยัยสตรอเบอรี่ฉี่ใส่แหละดีแล้ว สมน้ำหน้า คิก ๆ...



    ฉันเดินไปเรียกพี่วินแล้วรีบกระโดนซ้อนท้าย ก่อนบิดคันเร่งสะกิดหลังพี่วินหนึ่งครั้ง



    “เอาแบบเทอร์โบเรนเจอร์เลยนะลูกพี่”



    “ได้ครับ ลูกน้อง”







    พอรถเมล์จอดหน้าป้ายมหาลัย ฉันก็รีบกระโดดลงแล้ววิ่งสุดแรงเกิด...ไม่มีใครชิงแชมป์ความเป็นนักวิ่งลมกรดของการ์ตูนได้ แล้วก็ไม่มีใครแย่งตำแหน่งเจ้าหญิงสายเสมอของฉันได้เหมือนกัน ก๊าก!



    ในที่สุดก็มาถึงห้องเรียน โชคดีที่อาจารย์ยังไม่เข้า โย่ว! ฉันรีบเข้าไป มองไปทั่วห้องหายัยไอซ์ เพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมต้น...จนตอนนี้เรียนมหาลัยก็ยังอุตส่าห์เอ็นติดที่เดียวกัน เป็นไงล่ะ? พรหมลิขิตบันดาลชักพาจริง ๆ....



    ว่าแต่...มองหาตั้งนานแล้ว จนอาจารย์เข้าก็ยังหาไม่เจอ ไปไหนของเจ๊เนี่ย?



    สุดท้ายฉันก็ต้องมานั่งเรียนอยู่คนเดียว จริง ๆ ก็อดเป็นห่วงไอซ์ไม่ได้ คาบนี้คาบปิดคอร์สซะด้วย อาจารย์จะบอกแนวข้อสอบ...ถ้างั้นก็จดไปเผื่อยัยนั่นแล้วกัน



    พอเลิกเรียน ฉันก็โทรศัพท์ไปหายัยตัวดี ยัยนั่นรับสายเสียงแจ๋วแหวว



    “ว่าไงยะ? การ์ตูนบุ๊ค”



    “หล่อนอยู่ไหน? ไม่เข้าเรียน”



    “อ๊ะ! หล่อนลืมไปแล้วเหรอ? วันนี้วันคัดลีดเดอร์ไง...”



    “เออ...จริงด้วย ลืมไปง่ะ แล้วไง? คัดยังเนี่ย?”



    “กำลังคัดอยู่ เดี๋ยวจะถึงคิวฉันแล้ว”



    “โอเค...เดี๋ยวฉันไปส่งรายงานก่อน แล้วไปเจอกันที่โรงยิมนะ”



    เลิกคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ฉันก็รีบวิ่งขึ้นไปส่งรายงานอาร์ทอัปรีย์ ไม่วายโดนอาจารย์เหน็บแนม...



    โธ่! จะเหน็บไปทำไม? ส่งช้าดีกว่าไม่ส่งนะ...คิก ๆ



    ผ่านพ้นภาวะหูชามาได้ก็รีบจ้ำอ้าวไปที่โรงยิม ฉันไปถึงก็พอดีเขาคัดลีดเดอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินหาทั่วก็เห็นยัยไอซ์นั่งกอดเข่าอยู่ แถมยังร้องไห้อีก... เจ๊คงจะเศร้าที่ไม่ผ่านการคัดเลือกสินะ ก็ต้องเป็นหน้าที่เพื่อนที่แสนดีอย่างฉันต้องเข้าไปปลอบใช่มั้ย?



    “ไม่ผ่านเหรอ?”



    ถามพอเป็นพิธีทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ เจ๊ไอซ์ก็หันมาตอบพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย



    “เออ”



    “โธ่! ไอซ์เอ๊ย...อย่าเสียใจเลย มีคนตั้งเยอะแยะไม่ผ่าน แกน่าจะดีใจนะที่แกเป็นหนึ่งในคนส่วนมากนะ”



    “ใครว่าฉันเสียใจเรื่องไม่ผ่านล่ะ? เรื่องแค่นั้นจิ๊บมาก ๆ สำหรับฉันย่ะ”



    “อ้าว! แล้วแกร้องไห้ทำไมวะ?”



    “ฮือ ๆ เมื่อตะกี้เบ็คแฮมเพิ่งโทรมาบอกเลิกฉันต่างหากล่ะ...แง...”



    อะโด่เอ๊ย! นึกว่าเรื่องอะไร? ที่แท้เรื่องผู้ชาย



    “แกจะไปเสียใจทำไม? แค่ผู้ชายคนเดียว”



    “ไอ้ตูน แกก็พูดได้นี่หว่า แกไม่เคยมีแฟนแบบฉันนี่นา”



    “ก็เออน่ะสิ...เพราะฉันรู้อย่างงี้ไงล่ะ มีไปทำไมแฟน? แกดูซิ ผู้หญิงสิงคโปร์เค้ายังนิยมไม่มีแฟนกันเลย”



    “แต่แกอยู่เมืองไทยนะเฟ่ย”



    “ไม่เห็นยากเลย ถ้าไม่มีใครอยู่เป็นโสดเป็นเพื่อนฉัน งั้นฉันเปลี่ยนสัญชาติเป็นคนสิงคโปร์ก็ได้ นี่...ไอซ์ แกเลิกร้องไห้เถอะ ไอ้เบ็คแฮมอะไรนั่นก็ใช่ว่านิสัยดี แกเลิก ๆ กับมันไปน่ะดีแล้ว จะได้หาคนที่ดีกว่า หล่อกว่าไอ้เบ็คแฮม หน้าสวย ๆ อย่างแกหาหล่อ ๆ แบบพี่ติ๊กนี่สบายมากนะโว้ย”



    จู่ ๆ ยัยไอซ์ก็หันมาทำหน้ามุ่งมั่น



    “ใช่...ฉันจะหาคนที่หล่อกว่าเบ็คแฮมให้ได้ ฉันไม่ง้อไอ้หัวทองนั่นหรอก”



    ฮึกเหิมยิ่งกว่าร้องเพลงปลุกใจให้ฟัง ก็ดีแล้วล่ะที่เจ๊ตัดใจง่าย...ฉันก็พลอยรู้สึกโล่งอกไปด้วย



    “นี่...เดี๋ยวฉันไปที่ตู้ล็อคเกอร์ก่อนนะ ไปเก็บของก่อน”



    “อืม”



    ฉันแยกกับไอซ์ไปที่มุมตู้ล็อคเกอร์ ล้วงหยิบกุญแจมาไขก่อนจะเปิดออก...



    แจ๊งแว้ง! ฮั่นแน่...เจอกันอีกแล้วจดหมายสีแดง กะไว้แล้วเชียว



    ฉันหยิบจดหมายสีแดงมาเปิดอ่าน... ในนั้นเขียนไว้ว่า



    ยิ้มก่อนอ่าน....

                  แอบลุ้นอยู่ห่างๆ ว่าคุณจะส่งรายงานทันหรือเปล่า? แต่ในที่สุดคุณก็ทำได้ เก่งสมเป็นการ์ตูนจริงๆ อาทิตย์หน้าก็จะสอบแล้ว...ผมเลยซีร็อคเลคเชอร์วิชาเนเจอร์คัลเจอร์ให้คุณ สอดไว้กับแฟ้มในล็อคเกอร์คุณแล้ว รู้นะว่าคุณโดดไปหนึ่งคาบ อย่าลืมอ่านหนังสือเยอะๆ แต่ห้ามหักโหมเด็ดขาด เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะครับ

                   อย่าลืมตาหวานทิ้งท้ายจดหมายล่ะ

    นายจดหมายสีแดง




    คิก ๆ ใจดีจังเลย คนอะไรไม่รู้...รู้ดีซะยิ่งกว่าตัวฉันเอง อุตส่าห์ซีร็อคมาให้ฉันด้วย...



    เห็นอย่างนี้ อยากรู้ชะมัดว่าตกลงนายจดหมายสีแดงนี่เป็นใคร...เห็นส่งจดหมายทางล็อคเกอร์มาให้ฉันตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ใหม่ จนผ่านไปหนึ่งปี เค้าก็ยังส่งจริงส่งจัง...



    จะต้องเป็นใครบางคนที่แอบชอบเราแน่ ๆ แต่ทำไมไม่ยอมเปิดเผยตัวซะทีนะ... หรือว่าหน้าตาเห่ยสุดๆจนไม่กล้าเผชิญหน้ากับฉัน? แต่ถ้าลองชอบฉันก็น่าจะกล้า ๆ หน่อย ให้ฉันลองพิจารณาอีกทีก็ได้นี่นา...



    อ๊ะ ๆ กำลังนึกอยู่ล่ะสิว่าฉันเป็นพวกปากแข็ง ถึงฉันจะสาวแกร่งขนาดไหน แต่ฉันยังไม่ทันบอกเลยนี่ว่าฉันไม่อยากมีความรัก ถ้าลองนิสัยดี ๆ ก็ค่อยมาว่ากันอีกทีก็ได้นี่นา...



    “ตูน ทำอะไรอยู่ยะ?”



    “เปล่า ไม่ได้ทำอะไร?”



    รีบเก็บความลับสุดยอดขององค์กรเข้าล็อคเกอร์ จะให้ยัยไอซ์รู้เรื่องจดหมายไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นโดนล้อตาย...



    “ไปหาอะไรหม่ำเหอะ หิวแล้ว”



    “เออ กำลังหิวอยู่เหมือนกัน”



    พูดไปปิดล็อคเกอร์ไป...ฉันกับซี้เดินลงมาชั้นล่างผ่านห้องซ้อมมือของพวกคณะจิตรกรรมฯ...เห็นนายคนหนึ่งกำลังวาดรูปอยู่พอดี เป็นภาพสีน้ำไม่มีอะไรพิเศษ แต่ที่พิเศษก็ตรงคนวาดแหละ



    “ซี้เก่าแกนี่...ไม่ไปทักหน่อยเหรอ?”



    “ใครว่าซี้ฉัน? ฉันเลิกคุยกับมันไปตั้งนานแล้ว”



    ความจริงหมอนั่นเป็นฝ่ายเลิกคุยมากกว่า..ก็อยู่ดี ๆ ทิม เพื่อนเล่นข้างบ้านสมัยเด็กก็ทำตัวเหินห่าง หลังจากนั้นก็ย้ายบ้านหนีเฉย ไม่รู้โกรธเรื่องอะไร ไม่ยอมบอกซักคำ มาเจออีกทีก็ตอนเข้ามาเรียนที่นี่ เชอะ! นึกว่าอยากเป็นเพื่อนด้วยหรือไง?...นิสัยก็เอาใจยากชะมัด แบร่!





    วันนี้ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่าปกติ กินข้าวเที่ยงแล้วก็อยู่คุยกับเพื่อนที่คณะถึงสี่โมงเย็น แล้วก็ค่อยกลับบ้าน ลงรถเมล์แล้วต่อมอเตอร์ไซด์รับจ้างอีกหนึ่งต่อ พอมาถึงหน้าบ้านก็แอบชำเลืองแถว ๆ กระถางต้นไม้นิดนึง



    ไม่อยู่...ไปแล้ว...ไปได้ซะก็ดี ไปสู่ที่ชอบ ๆ เถิด..



    ฉันล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจจะมาไขประตู กำลังนึกอะไรเพลิน ๆ ไปด้วยแต่ก็ต้องร้องกรี๊ด...



    กรี๊ด! ปะ...ปะ...ประตูไม่ได้ล็อค... หมายความว่าไง? หรือว่า...? นายนั่น...จ๊าก!



    ฉันผลักประตูรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน...ประตูไม้ก็ไม่ได้ล็อคอีก แถมได้ยินเสียงพัดลมเพดาน แก่ง! แก่ง! แก่ง!…ดังมาถึงข้างนอก มีคนอยู่ในบ้านจริง ๆ ด้วย ไม่ใช่คุณยายแน่ ๆ...เพราะคุณยายไม่น่าจะกลับมาเร็วขนาดนี้...



    กำลังจินตนาการภาพคนที่บุกเข้าไปในบ้านไปพร้อม ๆ กับเดินเข้า... เห็นผู้ชายตัวสูง ๆ แต่งตัวคุ้น ๆ ทรงผมคุ้น ๆ ...ยืนมองคริสตัลรูปสัตว์ในตู้โชว์อยู่ นะ...นะ...นายอีกแล้ว



    “ไอ้โรคจิต”



    ตาหัวทองหันมามอง ทำหน้าตื่น ๆ นิดหน่อยแล้วก็ยิ้มให้ฉัน



    “ว่าไง?”



    ยังจะมาว่าไงอีก...ทำตัวทักทายอย่างกับคนรู้จักกัน เอ..หรือว่าจะใช่? ตานั่นรู้จักชื่อฉันด้วยนี่หว่า กรี๊ด! แต่ฉันไม่รู้จักนายด้วยนี่นา...



    “นาย...เข้ามาในบ้านฉันได้ไง?”



    “ก็เดินเข้ามาเด่ะ ถามได้”



    “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น...ฉันเรียกตำรวจด้วย”



    “จะเรียกทำไม? เรียกไปฉันก็ไม่ออกหรอก”



    “ไม่ออกงั้นเหรอ? ถ้างั้นต้องเจออย่างนี้”



    ฉันเดินไปหยิบไม้เบสบอลมาไล่ตี เขาก็วิ่งหนีไปทั่วบ้าน...



    “ยัยบ้า โรคจิตหรือไง? มาไล่ตีคนอื่นเนี่ย”



    “นายต่างหาก ไอ้โรคจิต...ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”



    “มีอะไรกัน?”



    หา?...เสียงคุ้น ๆ เสียงคุณยายนี่หว่า...



    “คุณยาย”



    คุณยายลงบันไดมา นายนั่นก็วิ่งเข้าไปควงแขน อะไรกันเนี่ย? คุณยาย..คุณยายรู้จักไอ้บ้านี่ด้วยเหรอ?



    “คุณยายครับ พี่ตูนเค้ารังแกผมครับ ไล่ตีผมใหญ่เลย หาว่าผมเป็นโรคจิตอีก”



    ทำตัวออเซาะสุดฤทธิ์...แถมยังมาเรียกฉันว่าพี่อีก นี่...นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?



    “คุณยาย คุณยายรู้จักไอ้หัวทองนี่ด้วยเหรอคะ?”



    “ดูสิครับคุณยาย พี่ตูนเรียกผมว่าไอ้ด้วย...ผมไม่ยอมนะครับคุณยาย”



    “ใจเย็น ๆ ก่อน หลานรักทั้งสองคน”



    หลานรัก?...ฉันก็หลาน นายนั่นก็เป็นหลานอีกคนด้วยเหรอ?



    “คุณยายคะ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะเนี่ย?”



    “ตูน ตูนยังไม่รู้จักน้องสินะ”



    “น้อง...ใครน้องหนูคะ? แม่กับพ่อมีหนูเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอคะ?”



    “ใช่... ตูนเป็นลูกคนเดียว แต่เวย์นเขาเป็นหลานของเพื่อนยายเองจ้ะ”



    เวย์น...ไอ้หัวทองนี่ชื่อเวย์น เวรกรรมหรือไง?...แล้วเป็นหลานเพื่อนคุณยายฝ่ายไหน? งงแฮะ



    “เวย์นเค้าเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย ไปเรียนอยู่ที่นั่นตั้งสี่ปี ก่อนหน้านั้นเค้าก็อยู่กับคุณปู่ที่เป็นเพื่อนยายที่โตเกียว... เวย์นอายุน้อยกว่าตูนสองปี แล้วจะมาพักกับเราที่นี่ ตูนดีใจหรือเปล่า? ตูนจะมีน้อง ไม่เหงาแล้วนะ”



    น้อง...ไม่อยากมีหรอกไอ้น้องหื่น ๆ อย่างตานั่น แล้วก็ไม่กลัวเหงาด้วย...ยอมเหงาดีกว่อยู่กับไอ้บ้านี่



    “ทักทายพี่เค้าหรือยัง? เวย์น”



    คุณยายหันไปพูดกับตัวเวรกรรม ตานั่นก็หันมายิ้มระรื่น



    “หวัดดีครับพี่ตูน”



    “หวัดไม่ดีด้วยหรอก...”



    ฉันเชิดใส่ตานั่น...คุณยายก็ว่าฉันใหญ่



    “ตูน ทำไมทำท่าอย่างนั้นกับน้องล่ะ? น้องอุตส่าห์ทักทายดี ๆ นะ”



    เป็นงั้นไป...อะไรกันเนี่ย? ทำไมฉันต้องญาติดีกับไอ้เด็กเวรนี่ด้วย... แล้วดูสิ ตานั่นทำหน้าตาไร้เดียวสาจนน่าหมั่นไส้ ผิดกับที่ฉันเห็นเลย



    “หวัดดี”



    “ดีแล้ว...รักกันไว้นะ หลานรักของยายทั้งสองคน”



    คุณยายพาตานั่นมายืนใกล้ ๆ ฉัน ให้ยืนจนติดกันเป็นปาท่องโก๋...นายนั่นก็หันมายิ้มให้ฉัน จะมีทางเลือกอะไรที่ดีไปกว่า แสยะยิ้มใส่นายนั่น...



    แบร่! ไอ้เด็กเวย์น...ฉันไม่มีทางทำตามที่คุณยายบอกหรอก...



    R  A  B  B  I  T   S   C  O  N  T  R  A  C  T



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×