ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love At First Course : ติวรักฟิตฟิต พิชิตใจนายเดวิล

    ลำดับตอนที่ #2 : Lesson 1: อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาติวให้

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 48




                                                                                                - 1 -





    การลุ้นอะไรสักอย่างนี่...ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้เนี่ย?



    ฉันนั่งมองนายหน้าตี๋เอาหลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วอย่างลุ้นระทึก ลุ้นซะยิ่งกว่าฟุตบอลคู่หยุดโลก ยิ่งกว่าตอนฟังผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ลุ้นซะยิ่งกว่าตอนกำลังนั่งถ่ายหนักซะอีก (พูดถึงกลิ่นก็เริ่มโชยมา)



    ก็นายเดย์น่ะสิ ไม่รู้จะคิดอะไรนักหนา...กะอีแค่บอก เยส! …โน!…โอเค อะไรสักอย่างก็ยังไม่ยอมบอก ทำอย่างกับการยอมเป็นติวเตอร์ให้ฉันเป็นเรื่องระดับมนุษยชาติอย่างนั้นแน่ะ



    นี่ถ้าเกรดเฉลี่ยฉันไม่เห่ยจนถูกอาจารย์ตักเตือนเรื่องโดนรีไทร์ ถ้ายายโบว์ เพื่อนซี้ลูกเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาว ไม่แนะนำให้ฉันมาขอร้องนายนี่ ฉันก็คงไม่ต้องนั่งจนเหน็บกินเพราะลุ้นอย่างนี้หรอก

    พูดไปก็เศร้า...เฮ้อ!  จะมีใครที่อาภัพไปกว่า นางสาวเพียงฝัน เรืองกิจอีกไหมหนอ? นอกจากจะจนแล้ว หัวสมองยังไม่สนับสนุนการแสวงหาอนาคตที่ดีกว่าอีก....ยังดีที่ฟ้ายังพอมีเมตตาส่งหน้าสวย ๆ มาประดับบนหัวเรา...โฮะ ๆ



    เออ...บ่นนานไปสองร้อยชาติ ตกลงนายนี่จะเอาไงกันแน่เนี่ย?



    ฉันจ้องริมฝีปากบาง ๆ ของนายนั่นเคี้ยวน้ำแข็งกรุบ ๆ...และแล้วสวรรค์ก็มาโปรด นายนั่นยอมอ้าปากซะที....



    “ก็ได้”



    ไชโยโห่หิ้ว...เย้ว ๆ วู้ว ๆ ในที่สุดคนเก่งระดับหัวกะทิของมหาวิทยาลัยอย่างนายเกริกเดชก็เซย์เยสซะที



    “แต่มีข้อแม้นะ”



    แทบจะตกเก้าอี้...ข้อแม้อะไรเนี่ย? แค่เป็นติวเตอร์ยังต้องมีอีกรึ?



    “อะไรหรอ?”



    “ก็... เอาเงินมาร้อยบาท ค่าคอร์สติวของอาจารย์เดย์”



    อะหือ....อาจารย์เดย์ แค่ให้ติวแค่นี้ก็คิดเงินด้วย แล้วฉันจะเอาเงินจากไหนมาให้..คนยิ่งจน ๆ อยู่



    “ไม่มีหรอก”



    “อะไร? ร้อยเดียวก็ไม่มีหรอ? นี่ฉันคิดถูกสุด ๆ แล้วนะ รู้ไหมติวระดับโทเฟลแพงกว่านี้อีกนะ เอาแค่ติวก่อนเอ็นยังล่อไปหลายพันเลย”



    ใช่สิ...ฉันมันจนนี่ เงินร้อยนึงมันหมายถึงค่าขนมทั้งอาทิตย์ ตอนเอ็นทรานส์ฉันก็ไม่ได้เข้าคอร์สอะไรทั้งนั้น...แล้วจะให้ฉันมาติวกับนายแบบเก็บเงินนะหรอ?...ไม่มีทางง่ะ



    “อะไร? ติวแค่นี้เก็บเงินด้วย คนอะไร เรียนเก่งแต่ไม่มีน้ำใจ...เห็นเพื่อนด้อยกว่าแทนที่จะช่วย”



    โบ้ยไปเรื่องน้ำใจซะงั้น....เรื่องขอเรื่องคือ ไม่มีเงินง่ะ



    “นี่เธอหาว่าฉันไม่มีน้ำใจหรอ?”



    “ก็ใช่นะสิ นายน่ะทำให้ฉันเสียเวลามากเลยรู้ไหม?”



    “ฉันต่างหากที่ต้องพูดว่าเสียเวลาน่ะ...ยายบ้าเอ๋ย จนก็จน...แล้วยังแส่มาเรียนมหาลัยเอกชนอีก แถมเรียนก็ไม่ได้เรื่อง ไอคิวคงจะต่ำมากล่ะสินะ”



    อื้มหืม...หยามเหยียดกันมากเกินไปแล้ว กรี๊ด! ถึงยายกุ๊งกิ๊งคนนี้จะจน...แต่ก็มีหัวใจนะยะ แล้วยังมาซ้ำเติมเรื่องไอคิวอีก ทนไม่ได้ค่ะ ทนไม่ได้....



    “ฉันจนแล้วไง สมองไม่ดีแล้วไง แต่ฉันก็มีหัวคิดมากกว่านายนะ ถ้าฉันเป็นนาย มีคนมาขอร้องให้เป็นติวเตอร์ ฉันจะไม่พูดจาแย่ ๆ อย่างนี้เลย ไม่อยากเป็นให้ก็แค่ปฏิเสธ ไม่เห็นจะต้องยกเรื่องเงินมาบอกปัดเลย แย่ที่สุด ตาบ้า”



    “อ้อ! รู้ตัวแล้วหรอ? ว่าตัวเองน่ะโง่ จนแล้วไม่เจียมน่ะ ...ถ้ารู้ตัวก็ไปไกล ๆ ซะ ทางที่ดีก็ลาออกไปจากที่นี่เลยไป ที่นี่เขามีแต่คนรวย มหาลัยเราจะได้สูงขึ้นซะที”



    กรี๊ด! ถึงตัวฉันจะป้อมเตี้ยแต่ก็ไม่หนักถึงขั้นแผ่นดินของมหาลัยทรุดฮวบอย่างนั้นนะ ฮึ! ....น้องกิ๊งจะไม่ตอบโต้กับพวกคนรวยปากจัดเด็ดขาด ถึงกิ๊งจะจน...แต่กิ๊งก็มีสมบัติผู้ดีนะคะ (สวยเลิศเชิดหยิ่งเข้าสิง)



    “อ้าว! จะไปไหนล่ะ? ยายเตี้ย”



    โป๊ก...เหมือนโดนทุบหัวจนจมดิน โดนด่าว่าจนว่าโง่ไม่พอ...ยังมาว่าฉันว่า ยาย...



    “จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ตาบ้าตาเท่าเม็ดแมงลัก”



    ไม่รู้ฉายานี้ได้มาแต่ใด...รู้แต่ว่า ฮ่า ๆ สะใจพิลึก นายตาเล็กนั่นไม่เจ็บก็ต้องสะดุ้งมั่งแหละ โฮะ ๆ....



    แต่ถึงยังไงนายนั่นก็ถล่มฉันซะจมดิน เตี้ยไม่พอยังถูกฝังอีก ฮึ่ม! โกรธ ตัวเองล่ะดีแค่ไหน? หุ่นก็โย่ง ๆ ตัวก็ผอม ๆ เวลาใส่เสื้อเชิ้ตนักศึกษาเหมือนไม้แขวนเสื้อเคลื่อนที่ หน้าตาก็ไม่ได้หล่อมากมายอะไร เรียนเก่งหรอ?...เชอะ  ก็ไม่เท่าไรหรอก ถ้าเก่งจริงแล้วมาโผล่อะไรกลางมหาลัยเอกชนล่ะ...รวยหรอ? แหยะ...รวยแต่ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ไม่เห็นจะมีแฟนสักคน อ้อ! มีสิ แต่เลิกไปแล้ว โฮะ ๆ คงทนความดิบเถื่อนปากจัดของนายนี่ไม่ได้แหง ๆ



    โอมเพี้ยง! อย่าให้ได้เจอะได้เจอกันอีกเลย เออ...แต่ว่า เรียนอยู่ห้องเดียวกันนี่หว่า...มันก็ต้องเจออยู่วันยังค่ำแหละ เออ นั่นแหละ...เจอหน้ากันให้น้อยที่สุดก็ได้ เห็นแล้วมันอารมณ์เสีย



    ฉันออกจากโรงอาหารของมหาวิทยาลัย พอถึงป้ายรถเมล์ปั๊บ เห็นคนลุกจากที่นั่งปุ๊บ ก็รีบหย่อนก้นปิ๊บ.... เออ...ขอนั่งพักให้หายโมโหก่อน ว่าแต่ตอนนี้มันกี่โมงแล้วล่ะ? ไม่มีนาฬิกาซะด้วย...



    “เอ่อ...ขอโทษนะคะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ?”



    ฉันหันไปถามลุงเจ้าของรถเข็นขายผลไม้ เห็นเขากำลังเฉาะ ๆ หั่น ๆ สับปะรดอยู่พอดี



    “อืม...สี่โมงเย็นจ้ะหนู เอ่อ...หนู สนใจสับปะรดสักถุงไหมจ๊ะ?”



    นั่น...เสนอขายสินค้าซะงั้น ผิดคนแล้วลุง



    “ไม่ดีกว่าค่ะ หนูไม่ชอบสับปะรดค่ะ”



    “ไม่เอาสับปะรดก็มีผลไม้อื่นนะ แตงโม มันแกว แคนตาลูป...”



    “ไม่ล่ะคะ คือหนู...ไม่ชอบกินผลไม้”



    เป็นคำตอบที่....ถูกต้องนะคร้าบ เป็นไง? ยังจะเสนอขายอะไรอีกไหมคะ?



    หลังจากขจัดมารเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิดไปแล้ว ฉันก็ยื่นหน้าไปมองรถเมล์...เฮ้อ! มาซะทีสิ วันนี้อารมณ์ไม่ดี อยากกลับบ้านนอนแล้วนะ



    “น้องกุ๊งกิ๊งครับ”



    หืม...เสียงนุ่ม ๆ คุ้น ๆ หู ต้องใช่พี่คิด พี่รหัสสุดหล่อของฉันแน่ ๆ เลย ฮิ ๆ...ก่อนจะหันไป เอาไงดี? ผมยุ่งเปล่าเนี่ย? สางผมก่อน



    “สวัสดีค่ะ พี่คิด”



    พี่คิดในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ อะฮ้า...หล่อจัง แต่จริง ๆ ก็ชุดนักศึกษาเหมือนคนอื่นแหละ แต่แบบว่า...เป็นการส่วนตัวง่ะ ฮิ ๆ



    “สวัสดีครับ กลับบ้านแล้วหรอ?”



    “อ่ะค่ะ”



    พี่คิด หวานใจยายกิ๊งคนเดียวเข้ามานั่ง...ใกล้เข้ามาอีกนิด เอ้า! ชิดเข้ามาอีกหน่อย โอ้ว! อบอุ่น ๆ ดี คิ ๆ....



    “พี่ได้ยินเรื่องที่อาจารย์ตักเตือนเรื่องเกรดน้องกิ๊ง เป็นจริงหรอ?”



    แง่ว...อารมณ์ค้างเติ่ง ฮึก ๆ..พูดแล้วเศร้าค่ะ  กำลังหาคนซบอกอยู่พอดี...



    “ค่ะ”



    “น้องกิ๊งเรียนไม่ไหวหรอ? ไม่เข้าใจตรงไหนทำไมไม่ปรึกษาพี่ล่ะ?”



    “กิ๊งสมองไม่ดีอ่ะคะ เลยเรียนไม่ค่อยทันเพื่อน เกรดออกมาก็เลยพร้อมใจกับดีด๊อกหมดเลย”



    “ใครว่าน้องกิ๊งสมองไม่ดีล่ะ? อย่างน้อยน้องกิ๊งก็เป็นคนขยัน ส่วนเกรดดี...พี่ว่ามันก็ยังดีกว่าเอฟนะ ถ้าติดเอฟ ก็ต้องมาลงซัมเมอร์ เสียเวลา

    แถมเสียเงินอีก”



    “ก็จริงค่ะ แต่ว่า...เกรดเฉลี่ยที่มันออกมามันก็ไม่ดีเท่าไหร่”



    “อืม...แล้วน้องกิ๊งจะทำไงต่อไปล่ะ?”



    “กิ๊งว่ากิ๊งจะลองพยายามอีกสักครั้งค่ะ...แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า กิ๊งยิ่งฉลาด ๆ อยู่”



    “อย่าดูถูกตัวเองสิ” พี่คิดเอามือมาลูบหัวฉันเบา ๆ....อะฮ้า! หน้าพี่เขาไกลจากหน้าฉันไม่เกินสามเซนติเมตร.... พี่คิดคนตายาวมาก ๆ ยาวกว่าฉันอีกแฮะ ฮ่า ๆ...แอบเห็นขนจมูกพี่คิดด้วย ไม่ยอมถอนออก



    “น้องรหัสของพี่เป็นคนน่ารักออก พนันได้เลยว่าน้องกิ๊งต้องผ่านเทอมนี้แน่นอน และพี่จะต้องได้ไปร่วมงานรับปริญญาของน้องกิ๊งแน่ ๆ เชื่อสิ”



    ซาบซึ้ง ตรึงใจ...ไฉไล กิ๋วกิ้ว... สัมผัสของพี่คิดบนหัวเราอ่อนโยนมาก ๆ ชวนฝัน ชวนละเมอ... อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้จริง ๆ เฮ้อ!



    “น้องกิ๊งครับ น้องกิ๊ง”



    ฉันลืมตาขึ้น...เห็นพี่คิดเอามือตบแก้มฉันเบา ๆ อ้าว! ละเมอไปได้ ยายบ๊อง...



    “คะ?”



    “สาย 84 มาแล้วครับ”



    พี่คิดพยักเพยิดหน้าไปทางรถเมล์ ฉันเกาหัวไปพลางลุกขึ้น



    “เอ่อ...กิ๊งไปก่อนนะคะ”



    “ครับ กลับบ้านดี ๆ นะ”



    พอขึ้นรถเมล์ได้ปั๊บ ฉันก็รีบเข้าไปนั่งเบาะริมหน้าต่าง โบกมือให้พี่คิดเป็นระวิง...โอ้! ชายในฝัน ตั้งแต่เด็กจนสาว ไม่เคยเจอผู้ชายที่หล่อ รวย แสนดี อย่างนี้มาก่อน...แล้วเมื่อตะกี้ ที่พี่เขา...อา! ละมุนสุด ๆ ชักอยากเกิดเป็นขนจมูกพี่คิดแล้วสิ จะได้ใกล้ชิดกับพี่คิดแม้กระทั่งลม

    หายใจ ...ฮิ ๆ



    รถเมล์มาส่งฉันหน้าหอพัก...ฉันพักอยู่ชั้นห้า เป็นชั้นสูงสุด ชั้นสองกับชั้นสามจะแพงกว่า ฉันก็เลยต้องทนเดินขาลากเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนเกินไป เฮ้อ!



    ก่อนขึ้นห้องฉันแวะหยิบจดหมายจากตู้ เย้! จดหมายของพ่อ...พ่อส่งเงินมาให้เราแล้ว โชคดีที่มาทันก่อนเงินจะหมดนะเนี่ย



    ฉันรีบเปิดอ่านไปขึ้นบันไดไป....เอ! ทำไมไม่มีธนาณัติแนบมาเหมือนปกติล่ะ?





    ถึง กุ๊งกิ๊ง ลูกของพ่อ

                             ช่วงนี้ข้าวราคาตก ไม่มีเงินมาหมุน เงินเดือนนี้พ่อก็เลยไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาให้ ลูกก็ลองหางานทำเลี้ยงตัวเองไปก่อน ถ้าพ่อมีเงินเมื่อไหร่จะรีบส่งมาให้ทันทีนะ

                                                                                   พ่อ




    มิน่าล่ะ....ก็จริงนะ ช่วงนี้ก็ได้ยินข่าวเรื่องข้าวจากในทีวี แย่จัง...แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันลองไปหางานทำก็ได้ ถ้าทำดีจะได้เอาเงินมาเลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องให้พ่อส่งมาอีก...ว่าแต่เราจะทำงานอะไรดีล่ะ?



    ********************************************/

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×