ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Lesson 1: อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาติวให้
                                                                                            - 1 -
การลุ้นอะไรสักอย่างนี่...ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้เนี่ย?
ฉันนั่งมองนายหน้าตี๋เอาหลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วอย่างลุ้นระทึก ลุ้นซะยิ่งกว่าฟุตบอลคู่หยุดโลก ยิ่งกว่าตอนฟังผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ลุ้นซะยิ่งกว่าตอนกำลังนั่งถ่ายหนักซะอีก (พูดถึงกลิ่นก็เริ่มโชยมา)
ก็นายเดย์น่ะสิ ไม่รู้จะคิดอะไรนักหนา...กะอีแค่บอก เยส! โน! โอเค อะไรสักอย่างก็ยังไม่ยอมบอก ทำอย่างกับการยอมเป็นติวเตอร์ให้ฉันเป็นเรื่องระดับมนุษยชาติอย่างนั้นแน่ะ
นี่ถ้าเกรดเฉลี่ยฉันไม่เห่ยจนถูกอาจารย์ตักเตือนเรื่องโดนรีไทร์ ถ้ายายโบว์ เพื่อนซี้ลูกเจ้าของโรงแรมระดับห้าดาว ไม่แนะนำให้ฉันมาขอร้องนายนี่ ฉันก็คงไม่ต้องนั่งจนเหน็บกินเพราะลุ้นอย่างนี้หรอก
พูดไปก็เศร้า...เฮ้อ!  จะมีใครที่อาภัพไปกว่า นางสาวเพียงฝัน เรืองกิจอีกไหมหนอ? นอกจากจะจนแล้ว หัวสมองยังไม่สนับสนุนการแสวงหาอนาคตที่ดีกว่าอีก....ยังดีที่ฟ้ายังพอมีเมตตาส่งหน้าสวย ๆ มาประดับบนหัวเรา...โฮะ ๆ
เออ...บ่นนานไปสองร้อยชาติ ตกลงนายนี่จะเอาไงกันแน่เนี่ย?
ฉันจ้องริมฝีปากบาง ๆ ของนายนั่นเคี้ยวน้ำแข็งกรุบ ๆ...และแล้วสวรรค์ก็มาโปรด นายนั่นยอมอ้าปากซะที....
“ก็ได้”
ไชโยโห่หิ้ว...เย้ว ๆ วู้ว ๆ ในที่สุดคนเก่งระดับหัวกะทิของมหาวิทยาลัยอย่างนายเกริกเดชก็เซย์เยสซะที
“แต่มีข้อแม้นะ”
แทบจะตกเก้าอี้...ข้อแม้อะไรเนี่ย? แค่เป็นติวเตอร์ยังต้องมีอีกรึ?
“อะไรหรอ?”
“ก็... เอาเงินมาร้อยบาท ค่าคอร์สติวของอาจารย์เดย์”
อะหือ....อาจารย์เดย์ แค่ให้ติวแค่นี้ก็คิดเงินด้วย แล้วฉันจะเอาเงินจากไหนมาให้..คนยิ่งจน ๆ อยู่
“ไม่มีหรอก”
“อะไร? ร้อยเดียวก็ไม่มีหรอ? นี่ฉันคิดถูกสุด ๆ แล้วนะ รู้ไหมติวระดับโทเฟลแพงกว่านี้อีกนะ เอาแค่ติวก่อนเอ็นยังล่อไปหลายพันเลย”
ใช่สิ...ฉันมันจนนี่ เงินร้อยนึงมันหมายถึงค่าขนมทั้งอาทิตย์ ตอนเอ็นทรานส์ฉันก็ไม่ได้เข้าคอร์สอะไรทั้งนั้น...แล้วจะให้ฉันมาติวกับนายแบบเก็บเงินนะหรอ?...ไม่มีทางง่ะ
“อะไร? ติวแค่นี้เก็บเงินด้วย คนอะไร เรียนเก่งแต่ไม่มีน้ำใจ...เห็นเพื่อนด้อยกว่าแทนที่จะช่วย”
โบ้ยไปเรื่องน้ำใจซะงั้น....เรื่องขอเรื่องคือ ไม่มีเงินง่ะ
“นี่เธอหาว่าฉันไม่มีน้ำใจหรอ?”
“ก็ใช่นะสิ นายน่ะทำให้ฉันเสียเวลามากเลยรู้ไหม?”
“ฉันต่างหากที่ต้องพูดว่าเสียเวลาน่ะ...ยายบ้าเอ๋ย จนก็จน...แล้วยังแส่มาเรียนมหาลัยเอกชนอีก แถมเรียนก็ไม่ได้เรื่อง ไอคิวคงจะต่ำมากล่ะสินะ”
อื้มหืม...หยามเหยียดกันมากเกินไปแล้ว กรี๊ด! ถึงยายกุ๊งกิ๊งคนนี้จะจน...แต่ก็มีหัวใจนะยะ แล้วยังมาซ้ำเติมเรื่องไอคิวอีก ทนไม่ได้ค่ะ ทนไม่ได้....
“ฉันจนแล้วไง สมองไม่ดีแล้วไง แต่ฉันก็มีหัวคิดมากกว่านายนะ ถ้าฉันเป็นนาย มีคนมาขอร้องให้เป็นติวเตอร์ ฉันจะไม่พูดจาแย่ ๆ อย่างนี้เลย ไม่อยากเป็นให้ก็แค่ปฏิเสธ ไม่เห็นจะต้องยกเรื่องเงินมาบอกปัดเลย แย่ที่สุด ตาบ้า”
“อ้อ! รู้ตัวแล้วหรอ? ว่าตัวเองน่ะโง่ จนแล้วไม่เจียมน่ะ ...ถ้ารู้ตัวก็ไปไกล ๆ ซะ ทางที่ดีก็ลาออกไปจากที่นี่เลยไป ที่นี่เขามีแต่คนรวย มหาลัยเราจะได้สูงขึ้นซะที”
กรี๊ด! ถึงตัวฉันจะป้อมเตี้ยแต่ก็ไม่หนักถึงขั้นแผ่นดินของมหาลัยทรุดฮวบอย่างนั้นนะ ฮึ! ....น้องกิ๊งจะไม่ตอบโต้กับพวกคนรวยปากจัดเด็ดขาด ถึงกิ๊งจะจน...แต่กิ๊งก็มีสมบัติผู้ดีนะคะ (สวยเลิศเชิดหยิ่งเข้าสิง)
“อ้าว! จะไปไหนล่ะ? ยายเตี้ย”
โป๊ก...เหมือนโดนทุบหัวจนจมดิน โดนด่าว่าจนว่าโง่ไม่พอ...ยังมาว่าฉันว่า ยาย...
“จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน ตาบ้าตาเท่าเม็ดแมงลัก”
ไม่รู้ฉายานี้ได้มาแต่ใด...รู้แต่ว่า ฮ่า ๆ สะใจพิลึก นายตาเล็กนั่นไม่เจ็บก็ต้องสะดุ้งมั่งแหละ โฮะ ๆ....
แต่ถึงยังไงนายนั่นก็ถล่มฉันซะจมดิน เตี้ยไม่พอยังถูกฝังอีก ฮึ่ม! โกรธ ตัวเองล่ะดีแค่ไหน? หุ่นก็โย่ง ๆ ตัวก็ผอม ๆ เวลาใส่เสื้อเชิ้ตนักศึกษาเหมือนไม้แขวนเสื้อเคลื่อนที่ หน้าตาก็ไม่ได้หล่อมากมายอะไร เรียนเก่งหรอ?...เชอะ  ก็ไม่เท่าไรหรอก ถ้าเก่งจริงแล้วมาโผล่อะไรกลางมหาลัยเอกชนล่ะ...รวยหรอ? แหยะ...รวยแต่ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ไม่เห็นจะมีแฟนสักคน อ้อ! มีสิ แต่เลิกไปแล้ว โฮะ ๆ คงทนความดิบเถื่อนปากจัดของนายนี่ไม่ได้แหง ๆ
โอมเพี้ยง! อย่าให้ได้เจอะได้เจอกันอีกเลย เออ...แต่ว่า เรียนอยู่ห้องเดียวกันนี่หว่า...มันก็ต้องเจออยู่วันยังค่ำแหละ เออ นั่นแหละ...เจอหน้ากันให้น้อยที่สุดก็ได้ เห็นแล้วมันอารมณ์เสีย
ฉันออกจากโรงอาหารของมหาวิทยาลัย พอถึงป้ายรถเมล์ปั๊บ เห็นคนลุกจากที่นั่งปุ๊บ ก็รีบหย่อนก้นปิ๊บ.... เออ...ขอนั่งพักให้หายโมโหก่อน ว่าแต่ตอนนี้มันกี่โมงแล้วล่ะ? ไม่มีนาฬิกาซะด้วย...
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ?”
ฉันหันไปถามลุงเจ้าของรถเข็นขายผลไม้ เห็นเขากำลังเฉาะ ๆ หั่น ๆ สับปะรดอยู่พอดี
“อืม...สี่โมงเย็นจ้ะหนู เอ่อ...หนู สนใจสับปะรดสักถุงไหมจ๊ะ?”
นั่น...เสนอขายสินค้าซะงั้น ผิดคนแล้วลุง
“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูไม่ชอบสับปะรดค่ะ”
“ไม่เอาสับปะรดก็มีผลไม้อื่นนะ แตงโม มันแกว แคนตาลูป...”
“ไม่ล่ะคะ คือหนู...ไม่ชอบกินผลไม้”
เป็นคำตอบที่....ถูกต้องนะคร้าบ เป็นไง? ยังจะเสนอขายอะไรอีกไหมคะ?
หลังจากขจัดมารเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิดไปแล้ว ฉันก็ยื่นหน้าไปมองรถเมล์...เฮ้อ! มาซะทีสิ วันนี้อารมณ์ไม่ดี อยากกลับบ้านนอนแล้วนะ
“น้องกุ๊งกิ๊งครับ”
หืม...เสียงนุ่ม ๆ คุ้น ๆ หู ต้องใช่พี่คิด พี่รหัสสุดหล่อของฉันแน่ ๆ เลย ฮิ ๆ...ก่อนจะหันไป เอาไงดี? ผมยุ่งเปล่าเนี่ย? สางผมก่อน
“สวัสดีค่ะ พี่คิด”
พี่คิดในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็คสีดำ อะฮ้า...หล่อจัง แต่จริง ๆ ก็ชุดนักศึกษาเหมือนคนอื่นแหละ แต่แบบว่า...เป็นการส่วนตัวง่ะ ฮิ ๆ
“สวัสดีครับ กลับบ้านแล้วหรอ?”
“อ่ะค่ะ”
พี่คิด หวานใจยายกิ๊งคนเดียวเข้ามานั่ง...ใกล้เข้ามาอีกนิด เอ้า! ชิดเข้ามาอีกหน่อย โอ้ว! อบอุ่น ๆ ดี คิ ๆ....
“พี่ได้ยินเรื่องที่อาจารย์ตักเตือนเรื่องเกรดน้องกิ๊ง เป็นจริงหรอ?”
แง่ว...อารมณ์ค้างเติ่ง ฮึก ๆ..พูดแล้วเศร้าค่ะ  กำลังหาคนซบอกอยู่พอดี...
“ค่ะ”
“น้องกิ๊งเรียนไม่ไหวหรอ? ไม่เข้าใจตรงไหนทำไมไม่ปรึกษาพี่ล่ะ?”
“กิ๊งสมองไม่ดีอ่ะคะ เลยเรียนไม่ค่อยทันเพื่อน เกรดออกมาก็เลยพร้อมใจกับดีด๊อกหมดเลย”
“ใครว่าน้องกิ๊งสมองไม่ดีล่ะ? อย่างน้อยน้องกิ๊งก็เป็นคนขยัน ส่วนเกรดดี...พี่ว่ามันก็ยังดีกว่าเอฟนะ ถ้าติดเอฟ ก็ต้องมาลงซัมเมอร์ เสียเวลา
แถมเสียเงินอีก”
“ก็จริงค่ะ แต่ว่า...เกรดเฉลี่ยที่มันออกมามันก็ไม่ดีเท่าไหร่”
“อืม...แล้วน้องกิ๊งจะทำไงต่อไปล่ะ?”
“กิ๊งว่ากิ๊งจะลองพยายามอีกสักครั้งค่ะ...แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า กิ๊งยิ่งฉลาด ๆ อยู่”
“อย่าดูถูกตัวเองสิ” พี่คิดเอามือมาลูบหัวฉันเบา ๆ....อะฮ้า! หน้าพี่เขาไกลจากหน้าฉันไม่เกินสามเซนติเมตร.... พี่คิดคนตายาวมาก ๆ ยาวกว่าฉันอีกแฮะ ฮ่า ๆ...แอบเห็นขนจมูกพี่คิดด้วย ไม่ยอมถอนออก
“น้องรหัสของพี่เป็นคนน่ารักออก พนันได้เลยว่าน้องกิ๊งต้องผ่านเทอมนี้แน่นอน และพี่จะต้องได้ไปร่วมงานรับปริญญาของน้องกิ๊งแน่ ๆ เชื่อสิ”
ซาบซึ้ง ตรึงใจ...ไฉไล กิ๋วกิ้ว... สัมผัสของพี่คิดบนหัวเราอ่อนโยนมาก ๆ ชวนฝัน ชวนละเมอ... อยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้จริง ๆ เฮ้อ!
“น้องกิ๊งครับ น้องกิ๊ง”
ฉันลืมตาขึ้น...เห็นพี่คิดเอามือตบแก้มฉันเบา ๆ อ้าว! ละเมอไปได้ ยายบ๊อง...
“คะ?”
“สาย 84 มาแล้วครับ”
พี่คิดพยักเพยิดหน้าไปทางรถเมล์ ฉันเกาหัวไปพลางลุกขึ้น
“เอ่อ...กิ๊งไปก่อนนะคะ”
“ครับ กลับบ้านดี ๆ นะ”
พอขึ้นรถเมล์ได้ปั๊บ ฉันก็รีบเข้าไปนั่งเบาะริมหน้าต่าง โบกมือให้พี่คิดเป็นระวิง...โอ้! ชายในฝัน ตั้งแต่เด็กจนสาว ไม่เคยเจอผู้ชายที่หล่อ รวย แสนดี อย่างนี้มาก่อน...แล้วเมื่อตะกี้ ที่พี่เขา...อา! ละมุนสุด ๆ ชักอยากเกิดเป็นขนจมูกพี่คิดแล้วสิ จะได้ใกล้ชิดกับพี่คิดแม้กระทั่งลม
หายใจ ...ฮิ ๆ
รถเมล์มาส่งฉันหน้าหอพัก...ฉันพักอยู่ชั้นห้า เป็นชั้นสูงสุด ชั้นสองกับชั้นสามจะแพงกว่า ฉันก็เลยต้องทนเดินขาลากเพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนเกินไป เฮ้อ!
ก่อนขึ้นห้องฉันแวะหยิบจดหมายจากตู้ เย้! จดหมายของพ่อ...พ่อส่งเงินมาให้เราแล้ว โชคดีที่มาทันก่อนเงินจะหมดนะเนี่ย
ฉันรีบเปิดอ่านไปขึ้นบันไดไป....เอ! ทำไมไม่มีธนาณัติแนบมาเหมือนปกติล่ะ?
ถึง กุ๊งกิ๊ง ลูกของพ่อ
                        ช่วงนี้ข้าวราคาตก ไม่มีเงินมาหมุน เงินเดือนนี้พ่อก็เลยไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาให้ ลูกก็ลองหางานทำเลี้ยงตัวเองไปก่อน ถ้าพ่อมีเงินเมื่อไหร่จะรีบส่งมาให้ทันทีนะ
                                                                              พ่อ
มิน่าล่ะ....ก็จริงนะ ช่วงนี้ก็ได้ยินข่าวเรื่องข้าวจากในทีวี แย่จัง...แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันลองไปหางานทำก็ได้ ถ้าทำดีจะได้เอาเงินมาเลี้ยงตัวเอง ไม่ต้องให้พ่อส่งมาอีก...ว่าแต่เราจะทำงานอะไรดีล่ะ?
********************************************/
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น