ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 นายหื่น
                                                                                          - 1 -
พอฝนตก รถก็ต้องติด...ทำไมสองอย่างนี้ต้องคู่กัน? แถมต้องเกิดขึ้นในวันที่ฉันรีบ ๆ ด้วย
ฉันนั่งมองฝนเจ้ากรรมที่กระแทกใส่กระจกหน้าต่างรถเมล์อย่างเซ็ง ๆ  ขนาดปิดหน้าต่าง...คุณน้ำฝนก็ยังอุตส่าห์ส่งลูกน้องมากระเด็นใส่หน้าฉัน รูโหว่ก็เล็กนิดเดียว...พี่แกยังสามารถ เฮ้อ!
นั่งวิพากษ์วิจารณ์แกมบ่นไปก็ไร้ประโยชน์...มานั่งคิดดีกว่าว่าฉันจะทำยังไงกับตัวเองพอถึงหน้าหอศิลป์...ร่มก็ไม่ได้พกมา จะทำอะไรได้ล่ะ? นอกจากยกกระเป๋ามาบังหัวไว้ ไม่งั้นก็ต้องเปียกมะล่อกมะแลกเป็นลูกหมาตกน้ำ....
นั่งเหม่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุดรถเมล์สีครีมแดงก็ลงจากสะพานพระปิ่นเกล้า หักเลี้ยวสุดโต่งจนต้องยื้อราวเหล็กสุดชีวิต พอใกล้ ๆ ถึงป้ายรถเมล์ก็กดกริ่ง...
วี้ด!~~~~
ประตูสองบานเปิดพร้อมกันฉึบฉับ...ละอองฝนก็กระเด็นใส่หน้าเต็ม ๆ ฉันต้องรีบลงจากรถ รอให้รถไปแล้วค่อยมองซ้ายมองขวาข้ามถนน ผลักประตูกระจกเข้าไปอย่างรวดเร็ว....
ซ่า!~~ เงียบ.....
หอศิลป์เงียบมากถึงมากที่สุด จนยัยโก๊ะที่ตัวเปียกโชกอย่างฉันต้องรูดซิปปากทันควัน พยายามเดินให้เงียบที่สุด... ตรงเข้าไปถามสาวสวยที่อยู่หลังเคาน์เตอร์
“ขอโทษนะคะ นิทรรศการผลงานศิลปะเกี่ยวกับสายน้ำอยู่ทางไหนคะ?”
“อ๋อ! อยู่ชั้นบนค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
นั่นแหละคือสาเหตุที่ฉันต้องรีบ... ไม่ใช่เพราะเป็นคนติสท์ ชอบชื่นชมผลงานศิลปะจนต้องรีบมาหรอกนะ แต่เพราะฉันต้องมาหาข้อมูลไปทำรายงานเล่มสุดท้ายจากทั้งหมดสิบสามเล่มในวิชา Art Appreciation หรือเรียกง่าย ๆว่า อาร์ทอัปรีย์ ที่สำคัญ... Deadline คือวันพรุ่งนี้ จ๊าก!
ผิดที่ฉันเองแหละ ฮึก...ฮือ... เพราะความประมาทปนขี้เกียจที่นึกว่าเดี๋ยวก็เสร็จ ไม่ต้องรีบร้อน ประกอบกับไม่เคยคิดจะสนใจชาวบ้านชาวเมืองว่าเขาเริ่มทำกันแล้วและเดดไลน์คือก่อนสอบไฟนอล...เลยทำให้ต่อมขยันต้องมาทำงานเอาเมื่อตอนไฟลนก้น... คนที่ซวยก็เลยเป็นฉันเอง...ฮือ...
ฉันเตรียมสมุดบันทึกกับปากกาไว้เรียบร้อย เดินไปที่ภาพเขียนสีน้ำ จ้องมองอยู่นานสองนาน พยายามใช้เซ้นส์ของคนที่ไม่เคยรู้เรื่องศิลป์มาก่อนวิเคราะห์...
อืม..สวย...งาม....ดีมาก...ว่าแต่มันสื่ออะไรฟะ?
ขยับแว่นตาหนึ่งครั้งพร้อมกับจ้องไปที่ป้ายบอกคนวาดกับชื่อผลงาน เป็นคนไทยแต่ผลงานชื่ออังกฤษ... จดไปตามนั้นแล้วกัน ว่าแล้วก็หยิบกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมาจากกระเป๋า มองซ้ายมองขวาสองสามทีให้แน่ใจว่าไม่มีใครก่อนจะ...
แชะ! เรียบร้อย รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่ขอสักรูปเหอะ...จะเอาไปทำงานนะ
เอาล่ะ...ภาพต่อไป แล้วภาพนี้สื่ออะไรอีกเนี่ย?... มีคลื่น ๆ ผู้หญิงรูปร่างเหมือนนางเงือก...แล้วอะไรอีกล่ะ? เออ...จดไปตามนั้นแหละ ว่าแล้วก็อีกซักแชะเหอะ...เรียบร้อย
กำลังจะเดินไปที่ประติมากรรมลอยตัวที่ตั้งอยู่ถัดไป ตาก็ไปสะดุดอยู่กับ...ผู้ชายคนหนึ่ง ผมทองๆ ที่ดูก็รู้ว่าย้อมมาแหงๆ ตาเล็กๆ เหมือนญี่ปุ่นเกาหลี แต่งตัวแฟชั่นแปลกๆ ไม่แน่ใจว่าพี่แกนิยมเทรนด์ไหน... ดูรวม ๆ เดาได้ว่าน่าจะเป็นพวกนักท่องเที่ยวผู้นิยมชมภาพ....
พูดไม่ได้ว่าภาพศิลป์ เพราะสิ่งที่ฉันเห็นคือ...พี่แกกำลังจ้องที่เท้าตัวเองตาเป็นมัน บนเท้ามีกระจกขนาดเล็กติดอยู่ ใกล้ ๆ มีผู้หญิงแต่งตัวเหมือนเจ้าหน้าที่หอศิลป์กำลังยืนฝอย กระโปรงสั้น ๆ กับกระจก...จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...
ไอ้โรคจิต!
ด้วยเกียรติแห่งสตรีไทยผู้หวงแหนสิทธิอันพึงมี ไม่อาจยอมให้ไอ้คนต่างชาติมาย่ำยีอย่างนี้ มันขาดดุลการค้านะเฟ่ย...
ฉันต้องทำ...ทำอะไร...สักอย่างแล้ว....พี่ป้างรีเควสท์ เดี๋ยวน้องตูนจัดให้...
ฉันเดินเข้าไปช้า ๆ ตรงไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้น ก่อนใช้ส้นเท้าเหยียบเข้าที่ตำแหน่งเป้าหมายพร้อมกับบิดขาไปมาตามจังหวะร็อคแอนด์โรล โอ้วเย้! .
เจี๊ยก!~~  แอบจินตนาการว่านายนั่นต้องแปลงร่างเป็นลิงเพราะความเจ็บ...ฉันเลยหันไปยิ้มหวานให้พี่มินิสเกิร์ท
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ๋อ! คือว่าหนูอยากให้พี่ช่วยอธิบายเกี่ยวกับผลงานชิ้นนู้นหน่อยค่ะ...”
“อ๋อ! ได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวพี่เดินนำไปก่อนได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูตามไป”
พอพี่เจ้าหน้าที่เดินไป...ฉันก็หันไปดูหน้าผู้ต้องหา ไอ้ต่างชาติหน้าญี่ปุ่นหัวทองยืนทำหน้าเจ็บปวดสุดฤทธิ์...ยกขาขึ้นมาเขย่ง ๆ ไปมา แอบเห็นแววตาพี่แกจ้องหน้าฉันอย่างอาฆาต..
นึกว่าจะกลัวรึ? ฮ่า ๆ ๆ ไม่มีทางหรอก
“เป็นไง? เจ็บมากมั้ย? อยากด่าฉันมากล่ะสิ? เสียใจย่ะ...ฉันฟังภาษาเมืองนายไม่ออกหรอก แต่ฉันอยากจะบอกอะไรกับคนหื่น ๆ อย่างนายไว้อย่าง ไทย วีเมน อาร์ นอท ฟรี เซ็กส์...โด๊นท์ เหยียดยาม อัส...อาร์ ยู เก็ท? มิฉะนั้น..เมย์บี ยู ต้องโดนอย่างนี้อีก”
ฉันเหยียบเท้านายนั่นซ้ำ แต่เขายกขาทัน ไม่ทันระวังเสียหลักหงายหลังไปโดนประติมากรรมที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ทำให้ผลงานชิ้นนั้นล้มไปโดนอีกชิ้น...ทับอีกชิ้น...ล้มอีกชิ้น... กลายเป็นโดมิโนโดยไม่ได้นัดหมาย...
โอ้ว! ผลงานสุดติสท์เจ๊งไปต่อหน้าต่อตา ฝีมือเราทั้งหมด...แหงะ! การ์ตูนไม่ได้ตั้งใจนะ...การ์ตูนขอโทษ โอ๊ย! ทำไงดีเนี่ย?
เผ่นเด่ะ...ถามได้ จะรอให้เขามาเคลียร์หนี้หรือไงยะ?
ฉันรีบวิ่งออกไปจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด...มิฉะนั้นคนที่เป็นผู้ต้องหา อาจเป็นฉันซะเองก็ได้ โธ่เอ๊ย! ไม่น่าเลยเรา...
ประสบการณ์ลุ้นระทึกผ่านพ้นไป จนมาถึงหน้าบ้านแล้วก็ยังอดนึกถึงไม่ได้...
ฉันกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซด์ จ่ายเงินพี่วินเรียบร้อยก็รีบหนีฝนเข้าบ้าน เห็นแว้บ ๆ ว่าในตู้จดหมายมีอะไรเสียบอยู่ เลยรีบหยิบมาด้วยความไวแสงก่อนจะวิ่งเข้าบ้าน... พอวางสัมภาระเรียบร้อย ก็หยิบโปสการ์ดมาดู
Hi! Lovely granddaughter
    ตอนนี้ยายอยู่อลาสก้า ไปชมปลายักษ์มา Amazing สุด ๆ...อากาศก็เย็นยะเยือก นึกขึ้นได้ว่าน่าจะเตรียมเสื้อหนาวไปเยอะกว่านี้ ถ้าตูนมารับรองว่าต้องชอบแน่ ๆ...เดี๋ยวยายต้องไปดินเนอร์ก่อน แล้วเจอกันที่บ้านนะจ๊ะ
                            Bye
                            Your grandmom
ส่งโปสการ์ดมาตามระเบียบคุณยายสุดเดิ้นของฉัน คุณยายบอกกับตัวเองหลังเกษียณอายุว่า...จะต้องเที่ยวรอบโลกให้ได้ก่อนอายุครบเจ็ดสิบ ทริปหน้าคุณยายบอกจะไปเอธิโอเปีย...เชื่อคุณยายเลย อายุก็มากแล้วยังทำตัวเป็นวัยรุ่นเซ็งไปได้
ฉันสอดโปสการ์ดไว้ในกระเป๋า แวะไปดูเป๋าเป่าที่นอนแทะผักบุ้งกับหัวไชเท้าอย่างเอร็ดอร่ยอ
“ว่าไง? เป๋าเป่า แม่กลับมาแล้วนะลูก”
เป๋าเป่าที่ว่าคือกระต่ายสีขาวสุดเลิฟที่ฉันเลี้ยงไว้นั้นเอง... เป็นไง? ชื่อน่ารักล่ะสิ..ฉันคิดเองนะเนี่ย...
อุ๊บ! ลืมไป...พรุ่งนี้ต้องส่งรายงาน ถ้าไม่รีบปั่นตอนนี้ มีหวังต้องรอส่งพร้อมรุ่นน้องปีหน้าแน่ ๆ ไปดีกว่า...
ฉันหยิบกระเป๋าตรงไปที่โน๊ตบุ๊คที่อยู่ในห้องนอน จัดการต่อสายกล้องดิจิตอลเข้ากับเครื่องโน๊ตบุ๊ค...โอนข้อมูลภาพเรียบร้อยก็รีบปั่นในโปรแกรมเวิร์ด จัดการนั่งเทียนยกเมฆแต่งตามจินตนาการปนความรู้ที่มีอยู่น้อยนิด จนถึงสี่ทุ่ม กำลังจะเสร็จอยู่แล้วเชียวแต่ก็ต้องสะดุด...
นิ้งหน่อง!~~
ใครมากดกริ่งตอนนี้ฟะ?...คนยิ่งรีบ ๆ อยู่
ฉันเดินลงบันไดไปด้านล่าง ตรงไปที่ประตูอัลลอย...เปิดประตูออกมา
กรี๊ด!~~
รีบปิดประตูทันทีที่เห็นว่าใครมายืนกดกริ่ง...จ๊าก! ไม่อยากจะเชื่อ ทะ..ทะ..ทำไมนายนั่น นายหื่นที่เจอที่หอศิลป์ถึงมาหาฉันที่นี่ได้? เราไม่ได้ทิ้งหลักฐานใด ๆ ไว้นี่นา หรือว่าสะกดรอยตามจากเส้นผม...บ้าแล้ว จะอัจฉริยะเกินไปแล้วมั้ง...
ทำไงดี? ทำไงดี?...
ไม่ได้ เราต้องตั้งสติ...โอเค เย็นไว้ ค่อย ๆ คิดหาวิธีแก้ปัญหาสิ ก่อนอื่นเราต้องทำใจดีสู้เสือ...นายนั่นอาจไม่คิดจะมาเอาเรื่องเราก็ได้
เอาล่ะ... ถ้างั้นเปิดประตูไปซิ
ฉันหันกลับไปเปิดประตู เห็นนายนั่นยืนเท้าสะเอว...จะพูดกับตานั่นภาษาอะไรดี? เอาติงลิชแล้วกัน...
“เอ่อ...อ่า...เอิ่ม...What do you want?”
“Are you Cartoon?”
กรี๊ด! รู้ชื่อฉันด้วย...ไปรู้มาจากไหนเนี่ย? เอาไงดีล่ะ? อย่านะ...อย่ายอมรับเด็ดขาดนะ
“นะ...นะ...No, I’m not”
นายนั่นทำหน้าโล่งอกก่อนจะพึมพำ
“ค่อยยังชั่ว”
“อ้าว! พูดไทยได้นี่หว่า”
ที่แท้ก็พูดภาษาไทยได้ แล้วฉันจะนั่งรื้อความรู้ภาษาอังกฤษมาทำเพื่ออะไรเนี่ย?
“เรื่องของฉัน ไป๊...หลีกทางเด๊ะ”
ตานั่นผลักฉันแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านเฉย งงค่ะ...นี่..นี่ฉันยังเป็นเจ้าของบ้านนี้อยู่หรือเปล่า? หรือว่าตานั่นคือเจ้าบ้าน? ไม่ใช่...ฉันนี่แหละเจ้าของบ้าน
ยืนงงอยู่นานก็รีบตามแขกไม่ได้รับเชิญไป นายนั่นนั่งบนโซฟาเอาขาพาดโต๊ะกลาง...โชว์รองเท้าคอนเวิร์สเน่า ๆ ข้าง ๆ กระถางต้นพลูด่างสุดรักที่ฉันปลูกไว้
“ไปหาน้ำมาให้กินเด๊ะ”
“...”
สั่งฉันงั้นเหรอ?...
“ทำไม? ยืนงงอะไร? เป็นคนใช้ประสาอะไรไม่รู้จักหน้าที่ แขกมาก็ต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟเด่ะ...ยัยเจ้านายเธอไม่เคยสั่งสอนหรือไง? หา?”
“...”
คนใช้...นายนั่นคิดว่าฉันเป็นแจ๋วเหรอ? แล้วยัยเจ้านายคือใคร? ฉันมีเจ้านายด้วยเหรอ? ฉันเป็นเจ้าบ้านไม่ใช่เหรอ? (เริ่มไม่แน่ใจ)
“งงอีก...อ๋อ! หรือว่ากำลังคิดเรื่องที่เธอทำไว้ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนี่นา รู้มั้ย? ว่าฉันต้องรูดเครดิตการ์ดไปหลายใบเพื่อชดใช้ประติมากรรมเห่ย ๆ พวกนั้นก็เพราะเธอนะ แต่ช่างเถอะ...เธอเป็นคนใช้คงไม่มีปัญญาใช้หนี้ ฉันจะอโหสิให้แล้วกัน ไปสู่ที่ชอบ ๆ เถอะนะ”
“...”
“อากาศเมืองไทยร้อนชะมัด...คนไทยอยู่ไปได้ไงเนี่ย? อ้าว! ยังจะมายืนมองหน้าฉันอีก ไปเอาน้ำมาซิ ป้าแจ๋ว”
กรอด! .
คำก็ป้าแจ๋ว...สองคำก็คนรับใช้... ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร ย๊าก!
ฉันคว้าไม้เบสบอลมาตีขาเขา ตาหื่นนั่นก็รีบชักขากลับ วิ่งหนีไปทั่วบ้าน
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“โอ๊ย! ยัยบ้า...ยัยคนรับใช้...อ๊าก!”
วิ่งไล่ตีจนนายนั่นออกไปนอกบ้าน...เขาโวยวายใหญ่
“นี่...เป็นแค่คนรับใช้มีสิทธิอะไรมาไล่ฉัน?”
“หยุดเรียกฉันว่าคนรับใช้นะ ฉันนี่แหละเจ้าของบ้าน ฉันคือการ์ตูน รู้ไว้ซะ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นอีก ไม่งั้น...ซี้แหงแก๋แน่ ๆ ฮึ่ม!”
ทำหน้าดุสุดฤทธิ์แล้วปิดประตู ปัง!
โอ๊ย! นี่มันวันอะไรของฉัน? วันโลกาวินาศหรือเปล่าเนี่ย? เจอแต่เรื่องวุ่น ๆ กับคนโรคจิตทั้งวัน...แต่ช่างมันเถอะ ไล่ตาบ้านั่นออกไปได้แล้ว...หวังว่านายนั่นคงไม่ปีนรั้วเข้ามาในบ้านฉันนะ
R  A  B  B  I  T  S  C  O  N  T  R  A  C  T
พอฝนตก รถก็ต้องติด...ทำไมสองอย่างนี้ต้องคู่กัน? แถมต้องเกิดขึ้นในวันที่ฉันรีบ ๆ ด้วย
ฉันนั่งมองฝนเจ้ากรรมที่กระแทกใส่กระจกหน้าต่างรถเมล์อย่างเซ็ง ๆ  ขนาดปิดหน้าต่าง...คุณน้ำฝนก็ยังอุตส่าห์ส่งลูกน้องมากระเด็นใส่หน้าฉัน รูโหว่ก็เล็กนิดเดียว...พี่แกยังสามารถ เฮ้อ!
นั่งวิพากษ์วิจารณ์แกมบ่นไปก็ไร้ประโยชน์...มานั่งคิดดีกว่าว่าฉันจะทำยังไงกับตัวเองพอถึงหน้าหอศิลป์...ร่มก็ไม่ได้พกมา จะทำอะไรได้ล่ะ? นอกจากยกกระเป๋ามาบังหัวไว้ ไม่งั้นก็ต้องเปียกมะล่อกมะแลกเป็นลูกหมาตกน้ำ....
นั่งเหม่อไปเรื่อย ๆ ในที่สุดรถเมล์สีครีมแดงก็ลงจากสะพานพระปิ่นเกล้า หักเลี้ยวสุดโต่งจนต้องยื้อราวเหล็กสุดชีวิต พอใกล้ ๆ ถึงป้ายรถเมล์ก็กดกริ่ง...
วี้ด!~~~~
ประตูสองบานเปิดพร้อมกันฉึบฉับ...ละอองฝนก็กระเด็นใส่หน้าเต็ม ๆ ฉันต้องรีบลงจากรถ รอให้รถไปแล้วค่อยมองซ้ายมองขวาข้ามถนน ผลักประตูกระจกเข้าไปอย่างรวดเร็ว....
ซ่า!~~ เงียบ.....
หอศิลป์เงียบมากถึงมากที่สุด จนยัยโก๊ะที่ตัวเปียกโชกอย่างฉันต้องรูดซิปปากทันควัน พยายามเดินให้เงียบที่สุด... ตรงเข้าไปถามสาวสวยที่อยู่หลังเคาน์เตอร์
“ขอโทษนะคะ นิทรรศการผลงานศิลปะเกี่ยวกับสายน้ำอยู่ทางไหนคะ?”
“อ๋อ! อยู่ชั้นบนค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
นั่นแหละคือสาเหตุที่ฉันต้องรีบ... ไม่ใช่เพราะเป็นคนติสท์ ชอบชื่นชมผลงานศิลปะจนต้องรีบมาหรอกนะ แต่เพราะฉันต้องมาหาข้อมูลไปทำรายงานเล่มสุดท้ายจากทั้งหมดสิบสามเล่มในวิชา Art Appreciation หรือเรียกง่าย ๆว่า อาร์ทอัปรีย์ ที่สำคัญ... Deadline คือวันพรุ่งนี้ จ๊าก!
ผิดที่ฉันเองแหละ ฮึก...ฮือ... เพราะความประมาทปนขี้เกียจที่นึกว่าเดี๋ยวก็เสร็จ ไม่ต้องรีบร้อน ประกอบกับไม่เคยคิดจะสนใจชาวบ้านชาวเมืองว่าเขาเริ่มทำกันแล้วและเดดไลน์คือก่อนสอบไฟนอล...เลยทำให้ต่อมขยันต้องมาทำงานเอาเมื่อตอนไฟลนก้น... คนที่ซวยก็เลยเป็นฉันเอง...ฮือ...
ฉันเตรียมสมุดบันทึกกับปากกาไว้เรียบร้อย เดินไปที่ภาพเขียนสีน้ำ จ้องมองอยู่นานสองนาน พยายามใช้เซ้นส์ของคนที่ไม่เคยรู้เรื่องศิลป์มาก่อนวิเคราะห์...
อืม..สวย...งาม....ดีมาก...ว่าแต่มันสื่ออะไรฟะ?
ขยับแว่นตาหนึ่งครั้งพร้อมกับจ้องไปที่ป้ายบอกคนวาดกับชื่อผลงาน เป็นคนไทยแต่ผลงานชื่ออังกฤษ... จดไปตามนั้นแล้วกัน ว่าแล้วก็หยิบกล้องถ่ายรูปดิจิตอลมาจากกระเป๋า มองซ้ายมองขวาสองสามทีให้แน่ใจว่าไม่มีใครก่อนจะ...
แชะ! เรียบร้อย รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป แต่ขอสักรูปเหอะ...จะเอาไปทำงานนะ
เอาล่ะ...ภาพต่อไป แล้วภาพนี้สื่ออะไรอีกเนี่ย?... มีคลื่น ๆ ผู้หญิงรูปร่างเหมือนนางเงือก...แล้วอะไรอีกล่ะ? เออ...จดไปตามนั้นแหละ ว่าแล้วก็อีกซักแชะเหอะ...เรียบร้อย
กำลังจะเดินไปที่ประติมากรรมลอยตัวที่ตั้งอยู่ถัดไป ตาก็ไปสะดุดอยู่กับ...ผู้ชายคนหนึ่ง ผมทองๆ ที่ดูก็รู้ว่าย้อมมาแหงๆ ตาเล็กๆ เหมือนญี่ปุ่นเกาหลี แต่งตัวแฟชั่นแปลกๆ ไม่แน่ใจว่าพี่แกนิยมเทรนด์ไหน... ดูรวม ๆ เดาได้ว่าน่าจะเป็นพวกนักท่องเที่ยวผู้นิยมชมภาพ....
พูดไม่ได้ว่าภาพศิลป์ เพราะสิ่งที่ฉันเห็นคือ...พี่แกกำลังจ้องที่เท้าตัวเองตาเป็นมัน บนเท้ามีกระจกขนาดเล็กติดอยู่ ใกล้ ๆ มีผู้หญิงแต่งตัวเหมือนเจ้าหน้าที่หอศิลป์กำลังยืนฝอย กระโปรงสั้น ๆ กับกระจก...จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...
ไอ้โรคจิต!
ด้วยเกียรติแห่งสตรีไทยผู้หวงแหนสิทธิอันพึงมี ไม่อาจยอมให้ไอ้คนต่างชาติมาย่ำยีอย่างนี้ มันขาดดุลการค้านะเฟ่ย...
ฉันต้องทำ...ทำอะไร...สักอย่างแล้ว....พี่ป้างรีเควสท์ เดี๋ยวน้องตูนจัดให้...
ฉันเดินเข้าไปช้า ๆ ตรงไปแทรกกลางระหว่างสองคนนั้น ก่อนใช้ส้นเท้าเหยียบเข้าที่ตำแหน่งเป้าหมายพร้อมกับบิดขาไปมาตามจังหวะร็อคแอนด์โรล โอ้วเย้! .
เจี๊ยก!~~  แอบจินตนาการว่านายนั่นต้องแปลงร่างเป็นลิงเพราะความเจ็บ...ฉันเลยหันไปยิ้มหวานให้พี่มินิสเกิร์ท
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“อ๋อ! คือว่าหนูอยากให้พี่ช่วยอธิบายเกี่ยวกับผลงานชิ้นนู้นหน่อยค่ะ...”
“อ๋อ! ได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวพี่เดินนำไปก่อนได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูตามไป”
พอพี่เจ้าหน้าที่เดินไป...ฉันก็หันไปดูหน้าผู้ต้องหา ไอ้ต่างชาติหน้าญี่ปุ่นหัวทองยืนทำหน้าเจ็บปวดสุดฤทธิ์...ยกขาขึ้นมาเขย่ง ๆ ไปมา แอบเห็นแววตาพี่แกจ้องหน้าฉันอย่างอาฆาต..
นึกว่าจะกลัวรึ? ฮ่า ๆ ๆ ไม่มีทางหรอก
“เป็นไง? เจ็บมากมั้ย? อยากด่าฉันมากล่ะสิ? เสียใจย่ะ...ฉันฟังภาษาเมืองนายไม่ออกหรอก แต่ฉันอยากจะบอกอะไรกับคนหื่น ๆ อย่างนายไว้อย่าง ไทย วีเมน อาร์ นอท ฟรี เซ็กส์...โด๊นท์ เหยียดยาม อัส...อาร์ ยู เก็ท? มิฉะนั้น..เมย์บี ยู ต้องโดนอย่างนี้อีก”
ฉันเหยียบเท้านายนั่นซ้ำ แต่เขายกขาทัน ไม่ทันระวังเสียหลักหงายหลังไปโดนประติมากรรมที่ตั้งอยู่ด้านหลัง ทำให้ผลงานชิ้นนั้นล้มไปโดนอีกชิ้น...ทับอีกชิ้น...ล้มอีกชิ้น... กลายเป็นโดมิโนโดยไม่ได้นัดหมาย...
โอ้ว! ผลงานสุดติสท์เจ๊งไปต่อหน้าต่อตา ฝีมือเราทั้งหมด...แหงะ! การ์ตูนไม่ได้ตั้งใจนะ...การ์ตูนขอโทษ โอ๊ย! ทำไงดีเนี่ย?
เผ่นเด่ะ...ถามได้ จะรอให้เขามาเคลียร์หนี้หรือไงยะ?
ฉันรีบวิ่งออกไปจากที่นั่นโดยเร็วที่สุด...มิฉะนั้นคนที่เป็นผู้ต้องหา อาจเป็นฉันซะเองก็ได้ โธ่เอ๊ย! ไม่น่าเลยเรา...
ประสบการณ์ลุ้นระทึกผ่านพ้นไป จนมาถึงหน้าบ้านแล้วก็ยังอดนึกถึงไม่ได้...
ฉันกระโดดลงจากรถมอเตอร์ไซด์ จ่ายเงินพี่วินเรียบร้อยก็รีบหนีฝนเข้าบ้าน เห็นแว้บ ๆ ว่าในตู้จดหมายมีอะไรเสียบอยู่ เลยรีบหยิบมาด้วยความไวแสงก่อนจะวิ่งเข้าบ้าน... พอวางสัมภาระเรียบร้อย ก็หยิบโปสการ์ดมาดู
Hi! Lovely granddaughter
    ตอนนี้ยายอยู่อลาสก้า ไปชมปลายักษ์มา Amazing สุด ๆ...อากาศก็เย็นยะเยือก นึกขึ้นได้ว่าน่าจะเตรียมเสื้อหนาวไปเยอะกว่านี้ ถ้าตูนมารับรองว่าต้องชอบแน่ ๆ...เดี๋ยวยายต้องไปดินเนอร์ก่อน แล้วเจอกันที่บ้านนะจ๊ะ
                            Bye
                            Your grandmom
ส่งโปสการ์ดมาตามระเบียบคุณยายสุดเดิ้นของฉัน คุณยายบอกกับตัวเองหลังเกษียณอายุว่า...จะต้องเที่ยวรอบโลกให้ได้ก่อนอายุครบเจ็ดสิบ ทริปหน้าคุณยายบอกจะไปเอธิโอเปีย...เชื่อคุณยายเลย อายุก็มากแล้วยังทำตัวเป็นวัยรุ่นเซ็งไปได้
ฉันสอดโปสการ์ดไว้ในกระเป๋า แวะไปดูเป๋าเป่าที่นอนแทะผักบุ้งกับหัวไชเท้าอย่างเอร็ดอร่ยอ
“ว่าไง? เป๋าเป่า แม่กลับมาแล้วนะลูก”
เป๋าเป่าที่ว่าคือกระต่ายสีขาวสุดเลิฟที่ฉันเลี้ยงไว้นั้นเอง... เป็นไง? ชื่อน่ารักล่ะสิ..ฉันคิดเองนะเนี่ย...
อุ๊บ! ลืมไป...พรุ่งนี้ต้องส่งรายงาน ถ้าไม่รีบปั่นตอนนี้ มีหวังต้องรอส่งพร้อมรุ่นน้องปีหน้าแน่ ๆ ไปดีกว่า...
ฉันหยิบกระเป๋าตรงไปที่โน๊ตบุ๊คที่อยู่ในห้องนอน จัดการต่อสายกล้องดิจิตอลเข้ากับเครื่องโน๊ตบุ๊ค...โอนข้อมูลภาพเรียบร้อยก็รีบปั่นในโปรแกรมเวิร์ด จัดการนั่งเทียนยกเมฆแต่งตามจินตนาการปนความรู้ที่มีอยู่น้อยนิด จนถึงสี่ทุ่ม กำลังจะเสร็จอยู่แล้วเชียวแต่ก็ต้องสะดุด...
นิ้งหน่อง!~~
ใครมากดกริ่งตอนนี้ฟะ?...คนยิ่งรีบ ๆ อยู่
ฉันเดินลงบันไดไปด้านล่าง ตรงไปที่ประตูอัลลอย...เปิดประตูออกมา
กรี๊ด!~~
รีบปิดประตูทันทีที่เห็นว่าใครมายืนกดกริ่ง...จ๊าก! ไม่อยากจะเชื่อ ทะ..ทะ..ทำไมนายนั่น นายหื่นที่เจอที่หอศิลป์ถึงมาหาฉันที่นี่ได้? เราไม่ได้ทิ้งหลักฐานใด ๆ ไว้นี่นา หรือว่าสะกดรอยตามจากเส้นผม...บ้าแล้ว จะอัจฉริยะเกินไปแล้วมั้ง...
ทำไงดี? ทำไงดี?...
ไม่ได้ เราต้องตั้งสติ...โอเค เย็นไว้ ค่อย ๆ คิดหาวิธีแก้ปัญหาสิ ก่อนอื่นเราต้องทำใจดีสู้เสือ...นายนั่นอาจไม่คิดจะมาเอาเรื่องเราก็ได้
เอาล่ะ... ถ้างั้นเปิดประตูไปซิ
ฉันหันกลับไปเปิดประตู เห็นนายนั่นยืนเท้าสะเอว...จะพูดกับตานั่นภาษาอะไรดี? เอาติงลิชแล้วกัน...
“เอ่อ...อ่า...เอิ่ม...What do you want?”
“Are you Cartoon?”
กรี๊ด! รู้ชื่อฉันด้วย...ไปรู้มาจากไหนเนี่ย? เอาไงดีล่ะ? อย่านะ...อย่ายอมรับเด็ดขาดนะ
“นะ...นะ...No, I’m not”
นายนั่นทำหน้าโล่งอกก่อนจะพึมพำ
“ค่อยยังชั่ว”
“อ้าว! พูดไทยได้นี่หว่า”
ที่แท้ก็พูดภาษาไทยได้ แล้วฉันจะนั่งรื้อความรู้ภาษาอังกฤษมาทำเพื่ออะไรเนี่ย?
“เรื่องของฉัน ไป๊...หลีกทางเด๊ะ”
ตานั่นผลักฉันแล้วก็เดินเข้าไปในบ้านเฉย งงค่ะ...นี่..นี่ฉันยังเป็นเจ้าของบ้านนี้อยู่หรือเปล่า? หรือว่าตานั่นคือเจ้าบ้าน? ไม่ใช่...ฉันนี่แหละเจ้าของบ้าน
ยืนงงอยู่นานก็รีบตามแขกไม่ได้รับเชิญไป นายนั่นนั่งบนโซฟาเอาขาพาดโต๊ะกลาง...โชว์รองเท้าคอนเวิร์สเน่า ๆ ข้าง ๆ กระถางต้นพลูด่างสุดรักที่ฉันปลูกไว้
“ไปหาน้ำมาให้กินเด๊ะ”
“...”
สั่งฉันงั้นเหรอ?...
“ทำไม? ยืนงงอะไร? เป็นคนใช้ประสาอะไรไม่รู้จักหน้าที่ แขกมาก็ต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟเด่ะ...ยัยเจ้านายเธอไม่เคยสั่งสอนหรือไง? หา?”
“...”
คนใช้...นายนั่นคิดว่าฉันเป็นแจ๋วเหรอ? แล้วยัยเจ้านายคือใคร? ฉันมีเจ้านายด้วยเหรอ? ฉันเป็นเจ้าบ้านไม่ใช่เหรอ? (เริ่มไม่แน่ใจ)
“งงอีก...อ๋อ! หรือว่ากำลังคิดเรื่องที่เธอทำไว้ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนี่นา รู้มั้ย? ว่าฉันต้องรูดเครดิตการ์ดไปหลายใบเพื่อชดใช้ประติมากรรมเห่ย ๆ พวกนั้นก็เพราะเธอนะ แต่ช่างเถอะ...เธอเป็นคนใช้คงไม่มีปัญญาใช้หนี้ ฉันจะอโหสิให้แล้วกัน ไปสู่ที่ชอบ ๆ เถอะนะ”
“...”
“อากาศเมืองไทยร้อนชะมัด...คนไทยอยู่ไปได้ไงเนี่ย? อ้าว! ยังจะมายืนมองหน้าฉันอีก ไปเอาน้ำมาซิ ป้าแจ๋ว”
กรอด! .
คำก็ป้าแจ๋ว...สองคำก็คนรับใช้... ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร ย๊าก!
ฉันคว้าไม้เบสบอลมาตีขาเขา ตาหื่นนั่นก็รีบชักขากลับ วิ่งหนีไปทั่วบ้าน
“ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“โอ๊ย! ยัยบ้า...ยัยคนรับใช้...อ๊าก!”
วิ่งไล่ตีจนนายนั่นออกไปนอกบ้าน...เขาโวยวายใหญ่
“นี่...เป็นแค่คนรับใช้มีสิทธิอะไรมาไล่ฉัน?”
“หยุดเรียกฉันว่าคนรับใช้นะ ฉันนี่แหละเจ้าของบ้าน ฉันคือการ์ตูน รู้ไว้ซะ แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นอีก ไม่งั้น...ซี้แหงแก๋แน่ ๆ ฮึ่ม!”
ทำหน้าดุสุดฤทธิ์แล้วปิดประตู ปัง!
โอ๊ย! นี่มันวันอะไรของฉัน? วันโลกาวินาศหรือเปล่าเนี่ย? เจอแต่เรื่องวุ่น ๆ กับคนโรคจิตทั้งวัน...แต่ช่างมันเถอะ ไล่ตาบ้านั่นออกไปได้แล้ว...หวังว่านายนั่นคงไม่ปีนรั้วเข้ามาในบ้านฉันนะ
R  A  B  B  I  T  S  C  O  N  T  R  A  C  T
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น