ตอนที่ 50 : 44. เถ้าธุลี
สัปดาห์ใหม่ของการเรียนเริ่มขึ้น หลังเข้ารับการทดสอบที่ทำให้เหล่าลูกมังกรต้องจดจำกันไปอีกนาน แรมซีย์มาถึงห้องเรียนก็กล่าวทักทายก่อนจะนั่งลง เขาส่งสายตาเรียกให้สหายเข้ามาล้อมวง พร้อมกับขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน เวย์ราเองก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียด
“ญาญ่ากลับมาเมื่อวานนี้” แรมซีย์เริ่มขึ้น “แต่ก่อนหน้าที่จะไปสีขาว มังกรขาวพบศพของมังกรแห่งความมืด”
เคียฮีส่งเสียงในคอขึ้นทันที แต่แรมซีย์รีบส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่ได้มีสิ่งใดร้ายแรง
“เขาป่วยตายไม่มีอะไร แต่ชายที่ตายผู้นั้นมีข้ารับใช้ที่เป็นมังกรแห่งความมืดอยู่ด้วย” สีหน้าแรมซีย์ดูเคร่งเครียดขัดแย้งจากท่าทางที่บอกเคียฮีว่าไม่มีอะไร
“ท่านแม่พาฉันไปเยี่ยมท่านป้าที่ปราสาทเอเรบุสพอดี จึงได้ยินท่านดยุคคุยกับท่านลุงพอดี ข้ารับใช้ที่พบน่ะอายุไล่ ๆ กับพวกเราเลย และคงจะมีอะไรอีกแต่ท่านลุงไม่ให้พูดต่อหน้าฉัน”
“แล้วทำไมถึงทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะ” เฟรยาเป็นฝ่ายทักขึ้น
“นายกังวลเรื่องอะไรกันแน่แรมซีย์” เอิร์ดมานน์จี้ถาม
“แค่รู้ว่าเป็นมังกรแห่งความมืด นายห่วงหรือหวงครูกรินกันแน่” เวย์ราเริ่มจับทางได้
“ความรู้สึกฉันมันบอกว่ากำลังจะมีเรื่องอะไรตามมา เป็นเรื่องยุ่งยากเกี่ยวกับญาญ่า” คำตอบของแรมซีย์ทำเอาเวย์ราและเอิร์ดมานน์กลอกตาทันที
เออร์วิงผู้นิ่งฟังมาตลอดจึงพูดขึ้นบ้าง
“นั่นคงเป็นเรื่องที่มังกรขาวมารายงานครูกรินตอนฉันไปพบสินะ”
“หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงนะ” เคียฮีกล่าวด้วยความกังวล
“ทั้งท่านลุงท่านดยุคไม่ยอมพูดถึงเด็กที่ถูกพบต่อ มันน่าสงสัยมาก” แรมซีย์ยังคาใจไม่หาย เอิร์ดมานน์จึงได้แต่ตบบ่าปลอบให้คลายใจก่อนอาจจะไม่ได้มีอะไรก็ได้
แต่แล้วลูกมังกรก็ได้ตื่นตัวกันอีกครั้ง เมื่อเฟรยารีบกลับเข้ามาแจ้งข่าวหลังออกจากห้องเรียนเมื่อถึงเวลาพักเช้า
“ครูกรินจะมาที่นี่ล่ะ ผอ.บอกฉันเมื่อครู่ว่ามีจดหมายออกมาในนามองค์ชาย มอบหมายให้ครูมาที่นี่”
“ทำไมครูต้องมาหรือ” เคียฮีตั้งข้อสงสัย
เอิร์ดมานน์เข้าใจในทันทีจึงตอบออกมาโดยพลัน “น่าจะเกี่ยวกับศจ.ซัลลิแวน”
เวย์ราจึงหันไปทางเฟรยา มังกรพฤกษาจึงรีบกล่าวทันที
“ถ้าฉันรู้เพิ่มเติมจะรีบมาบอกนะ ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อะไรนัก”
เสียงระฆังเข้าเรียนดังขึ้น เรียกให้ลูกมังกรต้องกลับมาสนใจหน้าที่ตนดังเดิมแล้วกลับเข้านั่งประจำที่
ในขณะเดียวกันนั้นผอ.มอราเลสก็ตื่นเต้นยินดีกับการมาเยือนของหลานชายแห่งลาเมียซี ก่อนหน้าจะถึงเวลานัดหมายเพียงเล็กน้อยเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผอ.ข่มความตื่นเต้นลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติ โดยมีเลขาลอบถอนหายใจอยู่ไม่ห่าง
“เชิญครับ”
ประตูห้องเปิดออก ก่อนที่ผู้เปิดจะเบี่ยงตัวหลบให้วิคเตอร์ กรินญา ผู้มีชื่อตามจดหมายแจ้งล่วงหน้าก้าวเข้าไปในห้องตามด้วยซาสเกีย ส่วนผู้ติดตามที่เหลือหยุดอยู่หน้าห้อง
“สวัสดีผอ.มอราเลส ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง” วิคเตอร์กล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มตามมารยาท
ธีโอบลาด์ มอราเลสลุกขึ้นต้อนรับก่อนเชิญมานั่งยังชุดรับแขก
“ยินดีที่ได้พบท่านอีกครั้งเช่นกัน เอิร์ลแห่งบวร์กเฮาเซ่น เชิญนั่งก่อน”
วิคเตอร์มองไปยังตู้โชว์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอันมีรูปของท่านย่าเขาในกรอบรูปเรียงรายอยู่ภายใน วิคเตอร์ดึงสายตากลับมายังมังกรสีน้ำตาลแดงตรงหน้า
“ขอเข้าเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อมเลย วันนี้ผมมาด้วยเรื่องของศจ.ซัลลิแวน”
“ครับ ผมลองสอบถามจากเฟรยามาแล้ว” ผอ.มอราเลส “ปกติแล้วซัลลิแวนทำงานอยู่ฝ่ายบริหารครับ แต่วันที่มีการสอบนั้นอาจารย์ท่านอื่นในหมวดวิชาเกิดไม่สบายหรือลาป่วยกัน เขาจึงเข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์แทนซึ่งผมก็รับทราบเรื่องด้วย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องสอบได้ยินจากเฟรยาก็ตกใจเช่นกัน”
วิคเตอร์ทราบเรื่องนี้มาก่อนและก็เห็นถึงความผิดปกติเหล่านั้น เรื่องบังเอิญไม่มีจึงเป็นไปไม่ได้ที่ตะพากันเจ็บป่วยพร้อมเพรียงกันเช่นนั้น
“คุณสนิทกับเขามากแค่ใดครับ”
“สนิทมากครับ” ผอ.มอราเลสตอบตามตรง
วิคเตอร์สบตาผอ.มอราเลสแล้วจึงกล่าวขึ้น
“ในฐานะข้ารับใช้องค์ชาย ในนามความมั่นคงของอาณาจักรมังกร ผมขอถามคำถามลงลึกสักข้อ คุณทราบไหมว่าพลังเฉพาะของเขาคืออะไร”
ผอ.มอราเลสย่อมทราบดี มังกรบางคนจะเก็บงำความสามารถพิเศษของตนเอาไว้ไม่เปิดเผย เขาเหลือบมองไปทางเลขาก่อนจะตอบออกมา
“อ่านใจ...เขาอ่านใจได้ครับ”
เป็นไปตามที่วิคเตอร์คาดไว้ก่อนแล้ว
“เช่นนั้นต้องขออนุญาต ควบคุมตัวเขาไว้แล้ว ผมมีหมายประทับตราโดยองค์ชายมาด้วย เราจะขอกักตัวเขาเอาไว้ก่อน”
ธีโอบลาด์ มอราเลสกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขาทราบว่าผู้มีพลังเช่นนี้โดยปกติจะถูกควบคุมโดยราชสำนัก ซึ่งเขาก็ช่วยสหายปกปิดมาตลอด
“ผมจะให้เลขาไปเชิญมาที่นี่”
วิคเตอร์ลุกขึ้นยืนส่งสายตาไปยังซาสเกียที่ยืนอยู่
“ผมคงไม่รบกวนแล้วครับ ผมจะไปรับเขาด้วยตัวเอง”
ผอ.มอราเลสจึงยืนขึ้นเช่นกันพลางหันไปหาเลขาเทรซเพื่อให้ช่วยนำทาง ทว่าวิคเตอร์กล่าวขึ้นอย่างสุภาพ
“ตอนนี้คนของผมคงไปเฝ้าห้องทำงานของคุณซัลลิแวนเอาไว้แล้ว”
ผอ.มอราเลสหันไปสบตากับเลขาอีกครั้ง ผู้อยู่ตรงหน้าเขาคือลาเมียซีหาใช่ข้ารับใช้ขององค์ชายธรรมดา ก่อนจะควบคุมสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติแล้วกล่าวขึ้น
“เช่นนั้นเชิญเถิด ผมจะไปกับท่านด้วย”
แล้วก็เป็นจริงดังที่ธีโอบลาด์เข้าใจ ไม่จำเป็นต้องมีคนนำทางเอิร์ลแห่งบวร์กเฮาเซ่นก็สามารถไปถึงห้องทำงานของซัลลิแวนได้โดยใช้ระยะทางและเวลาที่สั้นที่สุด แล้วยังมีข้ารับใช้ของลาเมียซีมาเฝ้าอยู่หน้าประตูอีก เห็นแล้วผอ.ก็อาสาขึ้นด้วยเสียงที่ดังพอให้ได้ยิน
“ขอผมนำเข้าไปเอง” จากนั้นจึงเคาะประตูห้องก่อนส่งเสียงยามเปิดประตูเข้าไป “ซัลลิแวนฉันเอง”
ศจ.ซัลลิแวนนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เขาประสานสองมือวางอยู่บนโต๊ะ จ้องมองไปยังผู้ที่เดินนำเข้าไป ผอ.มอราเลสถึงกับผงะก่อนเอ่ยเรียกสหายด้วยความแปลกใจ ราวกับจะยืนยัยตัวตน
“ซัลลิแวน?”
ใบหน้าที่ปรากฏตรงหน้าเรียบนิ่ง มุมปากหยักโค้งขึ้นน้อย ๆ เมื่อดวงตาสีขี้เถ้าทอดไปสบตาผู้ที่ก้าวตามหลังผอ.มอราเลสมา
ทันทีที่สบเข้ากับดวงตาคู่นั้นวิคเตอร์หยุดการเคลื่อนไหวทันที ทั้งรอยยิ้มและดวงตา...ดวงตาคู่นั้นวิคเตอร์จดจำได้ มันอยู่ในความทรงจำของอดีตซึ่งถูกรื้อฟื้นขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง เขาอดรำพึงในใจหวังจะส่งถึงคู่คิดของเขา ‘เซฟิรอส!’ ภาพเปลวไฟคุกรุ่นราวปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง โดยมีดวงตาสีขี้เถ้าเป็นผู้จุดมันขึ้น
“เขาไม่ปกติ...” ผอ.มอราเลสกล่าวขึ้นหลังเรียกหาเสียงตัวเองพบ “ผมเพิ่งจะเคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้” ธีโอบลาด์ยืนยันคำตน
วิคเตอร์เพียงปรายตาไปยังซาสเกีย ข้ารับใช้ผู้ติดตามและมาเฝ้าอยู่หน้าห้องก่อนแล้วจึงเข้าไปประกบซ้ายขวาของมังกรผู้ต้องสงสัยทันที
วิคเตอร์หันไปหาผอ.มอราเลส กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมขอนำตัวเขาไปก่อน ฝากปิดเรื่องไว้แล้วจะมารายงานความคืบหน้าอีกครั้ง”
ข้ารับใช้ของลาเมียซีนำตัวศจ.ซัลลิแวนออกจากโรงเรียนโดยเลี่ยงสายตาผู้อื่นและไม่สร้างความผิดปกติใดแก่คนในโรงเรียน
วิคเตอร์จึงทิ้งข้อความเอาไว้กับผอ.มอราเลส ถึงอดีตลูกศิษย์เล็กน้อยก่อนจะจากไปกับข้ารับใช้
บนรถม้านั้นซาสเกียเอ่ยถามนายของเขาทันที
“คุณชายน้อยไม่เป็นไรใช่ไหม”
วิคเตอร์เงยหน้าขึ้นสบตาสีสตาร์ลิ่งเกรย์ก่อนจะตอบออกไป ซาสเกียมักจะไวเสมอต่อความผิดปกติของเขา
“ไม่เป็นไร ฉันแค่สงสัยจากที่ฟังผอ.พูดถึงซัลลิแวน สิ่งใดชักจูงให้คนผู้หนึ่งเปลี่ยนไปได้เช่นนั้น”
“เขามีดวงตาของ...นักฆ่า” ซาสเกียเอ่ย “ผมหมายถึง ผู้ที่สามารถปลิดชีพคนอื่นได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกผิดใด”
“ผอ.มอราเลสบอกว่าเขาเป็นจอมเวทธรรมดา ไม่ควรมีดวงตาเช่นนั้น” วิคเตอร์ตั้งข้อสังเกตก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเรื่องลูกมังกรแห่งความมืดนั้นเล่าเป็นอย่างไรบ้าง”
“มังกรขาวผ่าตัดให้เด็กคนนั้นแล้วครับ แต่น่าจะยังไม่ฟื้น” ซาสเกียรายงาน
“เหตุใดต้องทำถึงขั้นนั้นกันนะ” วิคเตอร์รำพึงพลางนึกถึงคำพูดของเซฟิรอสที่คุยกันเมื่อเช้ามืดวานนี้ “ยังเด็กอยู่เลย”
-----
เซฟิรอสเงียบไปนาน...นานทีเดียว หากวิคเตอร์ก็รอจนอีกฝ่ายตอบกลับมา ด้วยความรู้สึกที่เขาเองก็เข้าใจดี
‘วิคเตอร์...ความรู้สึก ความทรงจำของสโนว์ที่ฉันมียังแจ่มชัด ไม่ว่าความรู้สึกก่อนตายหรือความรู้สึกที่ติดค้างต่อผู้อื่น ’ เซฟิรอสหยุดไปครู่หนึ่งคล้ายเรียกกำลังใจยามเอ่ยถึง
‘จนถึงเมื่อครู่...พอนายเอ่ยถึงโรส แต่ว่า...เธอ...’
‘ขอโทษที่ฉันต้องทำลายความหวังของนายเสียแต่แรก’ วิคเตอร์ตอบออกไป จะไม่แจ้งก็ไม่ได้ ถึงสุดท้ายมันจะเป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี
‘เธอ...จากไปนานหรือยัง’ เซฟิรอสถามออกมาในที่สุด
‘นานมากแล้ว ตั้งแต่ฉันยังไม่ครบสิบขวบปี เซฟิรอส...ตอนนั้นฉันยังไม่มีความทรงจำของอดีต ฉันได้คุยกับเธอ เช่นที่คุยกับนายตอนนี้ เรียกเธอว่าเรดและให้เรียกฉันว่าบลู ตอนนั้นยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันมีความหมายเกี่ยวพันกันเช่นไร’
เซฟิรอสจึงต่อให้ด้วยความทรงจำของอดีตที่มีถึงผู้ที่เคยรัก
‘โรส...ชอบกุหลาบสีแดง... โรสเรดกับบลูสโนว์ อา วิคเตอร์เรื่องนี้คุยกันทั้งคืนก็ไม่จบสิ้น’
ได้ยินเช่นนั้นวิคเตอร์จึงบอกต่อครึ่งวิญญาณของเขา คืนนี้จะข่มตาหลับยังยากแล้ว
‘เซฟิรอสฉันให้เวลานายถึงเช้า หลังจากนั้นฉันจะกลับอาณาจักรมังกร’
‘มากเกินพอเลยวิคเตอร์’ ในกระแสความคิดเซฟิรอสคล้ายมีความยินดีแฝงมา ‘นายบอกว่าตระกูลมีบันทึกหลังจากสโนว์ตาย แล้ว...’
‘เรา และโรสได้ทิ้งร่าง เถ้าถ่าน ไว้ที่ตรงนั้น ใช้พลังชีวิตก่อนจะตายสร้างอาณาเขตของกรินญาทิ้งไว้ยังสีขาวตามที่แม่เฒ่าขอเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อให้คนในตระกูลได้อพยพกันมาตอนเกิดเป็นเกอทรูด กรินญาในเวลาต่อมา นายมีความทรงจำช่วงนี้ไหม’
‘ขอฉันนึกก่อน บางทีอาจจะเคยเห็นภาพนั้น หากวิญญาณเรายังรวมอยู่ด้วยกัน ยังไม่แยกออกเป็นสองในตอนนั้น’ เซฟิรอสเงียบไปครู่ก่อนจะส่งกระแสความคิดมา
‘ตระกูลถูกล่าเพื่อชิงหัวใจของมังกรไร้สี มีอยู่ราง ๆ วิคเตอร์’
‘หลังจากเกิดเป็นสโนว์ และเกอทรูด ตอนนี้ฉันเป็นวิคเตอร์ กรินญา ส่วนนายไปเป็นชาวสีขาวเสียแล้ว’
‘วิญาณแยกออกเป็นสองตั้งแต่เมื่อไร’ เซฟิรอสตั้งข้อสงสัย
‘ไม่รู้สิ ตอนนี้อาจจะยังไม่มีคำตอบ แต่คงได้ทราบสักวันหนึ่งถึงเหตุที่เราต้องแยกจากกัน’ ถึงวิคเตอร์จะได้รับรู้ความทรงจำในอดีตของตน แต่บางเรื่องก็ยังไม่ชัดเจน
‘เป็นไปได้’ เซฟิรอสเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ‘ฉันก็อยากทราบว่าด้วยเหตุใดกัน ทั้งที่มีปัญหาเฉพาะหน้าให้ดูแลมากมาย’
‘ฉันก็เช่นกัน หลังกลับไปถึงอาณาจักรมังกรก็มีเรื่องด่วนต้องจัดการเรื่องหนึ่ง ไม่สิยังมีอีกเรื่อง’ วิคเตอร์นึกขึ้นมาได้
‘มีเรื่องใดหรือ’
‘ทางมังกรขาวเก็บลูกมังกรแห่งความมืดมาได้ ที่ประหลาดสุดคือในยุคมังกรแห่งความมืดเรืองอำนาจนี้ เด็กคนนั้นเป็นข้ารับใช้ต่ำต้อยของมังกรแห่งความมืดอีกที ป่านนี้น่าจะได้ความคืบหน้าใดบ้างแล้ว’
ยามเอ่ยถึงเด็ก เซฟิรอสอดนึกถึงน้องชายคนเล็กของเขาไม่ได้ จึงถามออกมา
‘ลูกมังกรหรือ อายุสักเท่าใดแล้ว’
‘มากกว่าเอรอสสักปีสองปีได้’
เซฟิรอสนึกถึงเด็กน้อยที่เขาช่วยไว้ในความฝัน ‘ยังเด็กอยู่เลย’
‘สภาพที่พบไม่ธรรมดาเลยเซฟ ผู้เป็นนายนั้นไม่ได้ปฏิบัติต่อเด็กคนนั้นดีเท่าไร’
เซฟิรอสเงียบไปอีกครั้งให้วิคเตอร์ต้องไถ่ถามว่าเป็นอะไรหรือไม่ วิคเตอร์จึงตัดสินใจจบบทสนทนาเสีย
‘ฉันคงทำให้นายรู้สึกไม่ดีไปมากแล้ว คืนนี้พอแค่นี้เถิด สุดท้ายฉันมีคำถามเกี่ยวกับสีขาวสักข้อ คุกน้ำ คุกไร้ขอบเขตอะไรพวกนี้ พอจะได้ยินเรื่องเหล่านี้หรือไม่ เท่าที่ฉันเติบโตมากับสีขาวรู้สึกไม่คุ้นเลย’
เซฟิรอสตอบกลับมาทันที
‘คุกหรือ ไว้จะลองถามผู้เชี่ยวชาญให้นะ’
‘นายรู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านคุกด้วยหรือ’ วิคเตอร์อดแปลกใจไม่ได้
‘อย่างน้อย...เขาก็อยู่มานาน’ เซฟิรอสทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะแยกย้ายกันไป
(จบตอนที่ 44) Day 13 (2019) ASH
#FICTOBER #DrachenGrundschule #DrachenKindergärten #มังกรน้อย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
