ตอนที่ 48 : 42. ก่อนหิมะโปรยปราย
ก่อนหิมะโปรยปราย
หลังทานอาหารเสร็จเออร์วิงและเอิร์ดมานน์ก็ขอตัว ทั้งคู่ไปช่วยกันเรียบเรียงข้อความเพื่อส่งจดหมายถึงอดีตครูของพวกเขา
เออร์วิงจดจ้องไปยังมังกรปฐพีด้วยสายตาคล้ายคำถาม
เอิร์ดมานน์กลอกตาก่อนตอบออกมา
“เขาพูดว่าฉันใฝ่ฝันได้สมกับเป็นมังกรปฐพีที่จะเป็นปราชญ์แห่งราชสำนักตามรอยครอบครัว”
ประกายตาของเออร์วิงเปลี่ยนไปทันที ในนั้นไม่มีเขาอยู่หรือเป็นจะคาดหวังมากไป เออร์วิงจึงหรี่ตามองเอิร์ดมานน์ก่อนจะบอกคำที่ศจ.ซัลลิแวนทักเขาออกไป
“เขาบอกว่าฉันมัวแต่เล่น” ...เล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับคนที่พึงใจ
เอิร์ดมานน์ออกจะแปลกใจ คนที่ดูเชื่องช้านิ่งเรียบอย่างเออร์วิงกำลังเล่นอะไรอยู่ แต่แล้วเขาก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไปก่อนจะช่วยกันเขียนจดหมายจนเสร็จ
เออร์วิงมองดูว่าไม่มีใครเห็น เรียกภูติรับใช้ออกมาร่ายคาถากำบังซ้ำอีกก่อนใช้ให้ส่งจดหมายไปถึงครูกริน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เอ่ยออกมาหลังลมสายหนึ่งพัดมาปะทะใบหน้า
“ลมหนาวกำลังมา”
เอิร์ดมานน์เลิกคิ้วก่อนจะถาม
“นายหงุดหงิดเรื่องอะไร”
เออร์วิงตอบเลี่ยงไปทางอื่น
“ช่างเถอะ เย็นนี้ฉันจะไปพบครูกรินตามที่เขียนไว้ท้ายจดหมาย”
เอิร์ดมานน์คิดว่าถ้าเขาไปกับเออร์วิงท่านแม่คงไม่ชอบใจ
เมื่อเห็นสีหน้าเจ้ามังกรปฐพี เออร์วิงก็พอเดาได้จึงเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นไรฉันจะไปคนเดียว เสร็จแล้วจะส่งจดหมายหา เช่นนี้คงไม่เป็นไร”
เออร์วิงรอเวลาจนนักเรียนน่าจะกลับไปจนหมดแล้วพอก้าวเข้าไปในโรงเรียนอนุบาล เขาพบว่าเป็นครูรูบี้รอรับอยู่กับชายอีกคนเหมือนว่าเขาจะเคยเห็นหน้า อาจจะตอนครูกรินไปโรงเรียนของเขา เออร์วิงก้าวเข้าไปในห้องคนเดียวก่อนจะพบว่าห้องที่ครูรูบี้นำมายังมีใครอีกคนเป็นมังกรขาวหน้าคล้ายกับเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ของเขาด้วย
วิคเตอร์มองตามสายตาของอดีตลูกศิษย์ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เออร์วิง นั่งสิ”
เออร์วิงนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามครูกรินขณะที่ยังเหลือบมองไปยังมังกรขาวผู้นั้นอีก
“ทำไมหรือเออร์วิง” วิคเตอร์ถามทั้งที่ทราบดี เขาก็บอกฟารามุนด์แล้วว่าผู้ที่จะมาพบเขาเย็นนี้เป็นนักเรียนร่วมชั้นของเอลโม หากอีกฝ่ายยังยืนกรานจะมารับฟังด้วย
“ผมเหมือนเคยเห็นหน้ามาก่อน” เออร์วิงบอกออกมาตามตรง
“มาคุยธุระของเรากันเถิด” วิคเตอร์จึงส่งสายตาไปให้บรูโน ฟารามุนด์ ก่อนเบนสายตากลับมายังมังกรวารีตรงหน้า “ฉันคาดเดาว่า ศจ.ซัลลิแวนคงมีพลังอ่านใจ”
“เช่นนั้นหรือครับ” เออร์วิงกล่าวคล้ายต้องการคำยืนยัน
“การถูกล่วงรู้ มันคงพาให้ตกใจอยู่ไม่น้อยล่ะนะ ที่ฉันสงสัยคือ ศจ.ซัลลิแวนที่พูดถึงพวกเธอเคยพบเขามาก่อนหรือไม่”
“ไม่เคยเลยครับอาจจะอยู่ฝ่ายบริหาร ผมถามเคียฮีเช่นกันเธอบอกว่าของพี่สาวก็มีการสอบแบบเดียวกัน ทว่าคนกลางนั้นจะเป็นครูในหมวดวิชาเดียวกัน”
“เช่นนั้นฉันจะลองตรวจสอบดูนะ อย่างไรก็ขอให้พวกเธอระวังตัวเอาไว้ด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าจุดศูนย์กลางของเรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหน ตั้งแต่จิ้งจอกทะเลทรายตัวนั้นด้วยเป็นการจงใจด้วยพวกเธอมีความข้องเกี่ยวกับฉันหรือแค่บังเอิญ”
“ในความรู้สึกของผม ศจ.ซัลลิแวนผู้นั้นมีกลิ่นอายที่น่ากลัวมาก ครูประจำชั้นเองยังดูเกรงกลัวเขามากเลย”
“บางทีอาจจะเป็นการทำเพื่อข่มขวัญ ซึ่งนั่นไม่ควรทำสำหรับเด็กนักเรียนสักนิด”
“ไม่ใช่แค่ผม แรมซีย์สอบก่อนใครยังมีท่าทีไม่ดีนัก ทั้งที่เขาเป็นมังกรแห่งความมืด” เออร์วิงเองก็รู้สึกว่ามันอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ยาก “แรมซีย์ออกจะทนทานกับภาวะกดดันได้ดีกว่าใคร...”
“ครูอยากให้เธอสงบใจ การที่จะป้องกันไม่ให้ถูกล่วงรู้คือการที่เธอปล่อยใจให้ว่างเออร์วิง”
ทันใดนั้นเองประตูห้องเปิดออก เป็นมังกรขาวผู้หนึ่งก้าวเข้ามา ฟารามุนด์จึงส่งเสียงขึ้น
“ขออภัยครับท่าน” บรูโนมองไปยังเด็กชายมังกรวารีในห้อง
วิคเตอร์จึงเอ่ย “ว่ามาเถิด”
มังกรขาวผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาก่อนขออนุญาตแล้วก้มตัวลงกระซิบข้างหูวิคเตอร์ ดวงตาสะท้อนสีรุ้งยังคงสงบนิ่งราวผิวน้ำแม้กระทั่งมังกรขาวผู้นั้นถอยออกไปยืนข้างมังกรขาวที่อยู่ในห้องก่อนแล้ว
เออร์วิงจึงกล่าวขึ้นอย่างรู้ความ
“ครูครับให้ผมกลับก่อนดีกว่าไหม”
“ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ เช่นนั้นผมขอลากลับแล้ว” เออร์วิงยังคงเหลือบมองไปยังมังกรขาวผู้มีใบหน้าคุ้นตา แม้แต่ยามก้าวออกจากห้องไป
วิคเตอร์ยืนขึ้นหันไปหาฟารามุนด์
“น้องชายของเธอ ‘เอลโม ฟารามุนด์’ เขาอยู่ห้องเดียวกับลูกศิษย์ฉัน สอบถามเขาให้ทีว่า ศจ.ซัลลิแวนทักเขาก่อนออกจากห้องสอบว่าอะไร?”
ฟารามุนด์ค้อมศีรษะรับทราบ
วิคเตอร์จึงเลื่อนสายตาไปยังมังกรขาวผู้เข้ามารายงาน
“เมื่ออยู่ในมือมังกรขาวฉันยังต้องกังวลอีกหรือ”
ฟารามุนด์จึงกล่าวขึ้น
“ขอท่านโปรดวางใจฝากมังกรขาวดูแลก่อน ระหว่างท่านไปสีขาวในสุดสัปดาห์นี้ ทางเราจะรีบตรวจสอบที่มาที่ไปให้แน่ชัดก่อน ปราสาทแห่งนี้พลุกพล่านเกินจะนำอันตรายเข้ามา” ก็มีทั้งมังกรขาว มังกรแห่งแสง แล้วอาจมีมังกรแห่งความมืดอีก ไม่นับลูกมังกร
“นักเรียนของฉันจะเป็นอันตรายไม่ได้ฟารามุนด์” วิคเตอร์กล่าวเสียงเรียบ หากนั่นคือคำสั่ง
“รับบัญชา” ฟารามุนด์คุกเข่าลงตั้งเข่าขึ้นข้างหนึ่ง คำนับวิคเตอร์ราวอัศวินที่เมื่อไรเจ้าตัวก็ไม่ชินเสียที
“เพราะเลดี้เองก็สั่งห้าม ไม่เช่นนั้นมังกรแห่งแสงก็จะทำความเคารพแบบเดียวกันนี้ต่อดัสเชส มาชันเนส และท่านเช่นกัน” บลูเมนผู้ก้าวเข้ามาในห้องกล่าวขึ้น จากสีหน้าคงได้รับรายงานแล้วเช่นกัน
วิคเตอร์ระบายลมหายใจออกช้า ๆ
“ยุคสมัยของมังกรขาวจบลงไปนานมากแล้ว มังกรแห่งแสงก็เช่นกัน ยามนี้เป็นยุคของมังกรแห่งความมืด”
“ท่านก็เห็นแล้วว่าสำหรับมังกรขาวและมังกรแห่งแสงย่อมไม่มองเช่นนั้น” บลูเมนกล่าวขณะหันมองไปยังฝ่ายมังกรขาวในห้อง
“บลูเมน พอได้แล้ว” เป็นซาสเกียที่เอ่ยขัดขึ้น
-----
หลังเลิกเรียนนั้นขณะวิคเตอร์และรูบี้รอส่งลูกมังกรให้ถึงมือผู้ปกครอง เมเซอร์จับมือเอรอสเอาไว้ขณะบ่นขึ้นอย่างเลื่อนลอย เหมือนพูดถึงดินฟ้าอากาศ
“น่าเบื่อจังเลยนะเอรอส”
มังกรแห่งแสงมองสหายร่วมห้องด้วยความสงสัย
“พี่ชายน่ะสิ เพิ่งได้กลับมาบ้านแท้ ๆ นี่ต้องกลับไปทำงานอีกแล้วแถมคราวนี้ไปไกล ไกลมาก ๆ ด้วย” เมซพูดออกมายาวเหยียด “ถึงพี่ชายบอกว่าน่ายินดีที่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ตาม แต่ไปไกลแบบนั้นไม่น่ายินดีสักนิด”
วิคเตอร์ได้ยินก็คิดในใจ...ช่างเป็นการจัดการได้สมกับเป็นเอเรบุสดี มอบของหวานแฝงยาพิษให้เช่นนี้
เอรอสจึงเอ่ยขึ้นบ้าง
“เป็นทหารก็แบบนี้แหละ พ่อเองยังไม่ค่อยอยู่บ้านเลย”
“เมซถึงได้บอกว่ามันน่าเบื่อจัง ถ้าพี่หายไปนานจนเมซรู้สึกชินกับการไม่มี วันหนึ่งพี่จะกลายเป็นคนแปลกหน้าของเมซหรือเปล่า พี่ก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนเมซไหม” เมเซอร์บีบมือเอรอสแน่นเข้า กลัวว่าวันหนึ่งจะเป็นฝ่ายลืมไม่เช่นนั้นก็เป็นฝ่ายถูกลืม
“ไม่หรอก เพราะต่างฝ่ายต่างคิดถึงกันอย่างไรล่ะ” เอรอสปลอบสหาย ก่อนหันไปหาญาติผู้พี่ของตน “ยิ่งคนที่สำคัญไม่ว่าอย่างไรก็ลืมไม่ลง เนอะวิค”
วิคเตอร์วางมือบนศีรษะเด็กน้อย “ครับ เอรอสหากเธอใช้หัวใจจดจำ...” วิคเตอร์หรี่ตามองญาติผู้น้อง หันไปสั่งความกับรูบี้ก่อนจะเตรียมตัวรับรองลูกศิษย์ที่จะมาพบในเวลาไม่นาน
-----
วิคเตอร์เป็นกรินญา ในขณะเดียวกันเป็นลาเมียซีด้วย ทว่ายามกลับมายังอาณาจักรสีขาวเขาเป็นกรินญามากกว่าจะเป็นลาเมียซี
ยามเมื่อวิคเตอร์อยู่ในคราบนายน้อยแห่งลาเมียซีซึ่งไม่ว่าใครก็จดจำไม่ได้ วิคเตอร์เปลี่ยนทั้งน้ำเสียงและท่าทางของตัวเองจนหมดจด แม้กระทั่งคนคุ้นเคยเช่นเรย์มุนด์ เจอร์วิสบิดาของแรมเซย์ก็ยังจำเขาไม่ได้
แน่นอนว่าเขาได้ปลดอาวุธออกจนหมดโดยผู้ติดตามส่วนหนึ่งจะรออยู่ด้านนอกคฤหาสน์ มีเพียงซาสเกียที่ติดตามเขาเข้าไปพบคู่ค้า ขณะก้าวเดินตามคนนำทางที่ตัวสั่นงันงก ด้วยทราบว่าพวกเขาเป็นอะไร อาจเป็นเพราะสำหรับผู้ได้ชื่อว่ามือสังหารใช่จะไม่น่ากลัวยามไร้อาวุธ ด้วยทั้งเนื้อตัวนั้นจัดเป็นอาวุธ
วิคเตอร์เคยมาเยือนคฤหาสน์เจอร์วิสหลายครั้งแม้หลับตาเดินก็ยังได้ หากเขาต้องทำราวกับเพิ่งเคยมาไม่กี่ครั้ง อาจจะตั้งแต่แรมเซย์เสียชีวิตเขาไม่ได้มาในฐานะลาเมียซีอีก พ่อค้าก็คือพ่อค้า ไม่อาจร่ำรวยได้จากการค้าขายธรรมดาสามัญเพียงเท่านั้น การค้าอาวุธนั้นก็ยังจำเป็นหรือกระทั่งวัตถุดิบหายากในการสงคราม ผู้เป็นพ่อค้าย่อมมีเส้นทางติดต่อที่ดีกว่า ขอแค่มีเงินพอจะจ่ายให้ สิ่งใดที่เข้มงวดก็จะนัดมารับส่งกันโดยตรงเช่นนี้
ในห้องรับรองนั้นมีผู้อารักขาพร้อมอาวุธอยู่ ต่อให้ยืนหลบอยู่ทั้งวิคเตอร์และซาสเกียก็ทราบว่ามีกี่คน กลิ่น เสียงลมหายใจ สิ่งเหล่านี้ไม่ลอดพ้นสายตา แค่สบตากับซาสเกียก็สามารถยืนยันจำนวนและสถานะได้แล้ว
ทางเจอร์วิสทราบดีว่าคู่ค้าของตนคือลาเมียซีอันเป็นมังกรชั้นสูงและมือสังหารหลวง ยามติดต่อซื้อขายของสำคัญจะส่งบุคคลสำคัญมารับส่งของด้วยตนเอง บุคคลตรงหน้าได้รับการขานเรียกจากผู้ติดตามว่า ‘นายน้อย’ อันบ่งบอกถึงความสำคัญ
“ไม่ได้พบกันเสียนาน” หลังนั่งลงยังชุดรับแขก เรย์มุนด์ เจอร์วิสเอ่ยทักทาย ด้วยไม่ได้พบมังกรผู้นี้มาพักใหญ่
“ครับ” วิคเตอร์ตอบรับ ก่อนหน้าเป็นเคออสมารับของ
ไม่ต้องเอ่ยวาจากันมาก ต่างคุ้นเคยกับการแลกเปลี่ยนกันดีแล้ว ซาสเกียนำของแลกเปลี่ยนตามที่ทางเจอร์วิสเรียกร้องมาวางบนโต๊ะเตี้ยตรงกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ของแลกเปลี่ยนมีทั้งเงินรวมไปถึงของที่ทางนั้นเรียกร้องมาตามตกลง เรย์มุนด์กวาดตามองก่อนยกมือขึ้นเรียกให้คนของตนก้าวมาตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนจะนำกล่องใบย่อมออกมาส่งให้
วิคเตอร์รับมาตรวจสอบดูแล้วจึงส่งให้กับซาสเกีย
หลังรับส่งกันเสร็จ วิคเตอร์อดหันมองไปยังหัองข้างไม่ได้ เรย์มุนด์ดูจะรำลึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยขึ้น
“จะว่าไปก็คิดถึง” เรย์มุนด์เอ่ยขึ้นหลังจากจบการซื้อขาย
วิคเตอร์ก็ยังจดจำได้เช่นกัน ถึงการพบของเขาในฐานะลาเมียซีและแรมเซย์ครั้งแรก
“วันนั้นคุณมาที่นี่ บุตรชายฉันอยู่ในห้องนั้น เขากำลังอารมณ์ไม่ดี น่าจะทะเลาะกับสหายมา ถึงฉันจะไม่เชื่อว่าเด็กคนนั้นจะเป็นฝ่ายชวนทะเลาะก็ตาม” เรย์มุนด์เอ่ยถึงเรื่องราวในครั้งนั้น ราวเพิ่งผ่านมาไม่นาน จนในดวงตาสีน้ำผึ้งมีแวววูบไหว “น่าเสียดาย ตอนนี้แรมเซย์ไม่อยู่แล้วล่ะ”
“เสียใจด้วยนะครับ” วิคเตอร์เอ่ยออกไป ดวงตาภายใต้ผ้าคลุมมองไปยังตำแหน่งนั้นที่แรมเซย์เคยนั่งอยู่
...ที่ตรงนั้น...เคยมีแรมเซย์ และมีเขามาอยู่ตรงนี้ในฐานะลาเมียซี...
พอมองไปก็พบว่าแรมเซย์นั่งร้องไห้อยู่ เขามองไม่ผิดว่านั่นเป็นน้ำตา
“เขากำลังไปได้ดีเลยเชียวล่ะ” เรย์มุนด์เปรยถึงบุตรชายผู้ล่วงลับ
วิคเตอร์ค้อมศีรษะให้เล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสกว่าเมื่อยืนขึ้นหลังจบการสนทนา
“ขอตัวก่อน ยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้งครับ”
เรย์มุนด์กล่าวตอบรับ วิคเตอร์จึงก้าวออกจากคฤหาสน์เพื่อขึ้นรถม้าที่มาจอดเทียบ ซาสเกียก็ติดตามขึ้นมาเช่นกัน หลังรถม้าเคลื่อนตัวออกดวงตาสีสตาร์ลิ่งเกรย์ของซาสเกียมองไปยังนายน้อยของเขาทันที
วิคเตอร์ดึงฮู้ดลง ปลดผ้าปิดหน้าออกสบตากับผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“คนไม่อยู่ตรงนั้นแล้วล่ะซาสเกีย แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็ยังต้องก้าวเดินไปข้างหน้า”
“ผมยังอยู่ข้างนายน้อยเสมอครับ” ซาสเกียตอบกลับเรียบ ๆ
“ดีที่ยังมีเธออยู่ กระทั่งตอนนั้น ฉันบอกให้เธอกลับไปก่อนแท้ ๆ”
ซาสเกียจำได้ว่าในค่ำคืนนั้นหลังก้าวออกจากคฤหาสน์ นายน้อยส่งมอบของให้เขาเก็บรักษาไว้ สั่งให้เขากลับไปก่อน ส่วนตัวเองย้อนกลับไป ไม่ต้องเดาก็รู้ นายน้อยย้อนกลับไปเพราะเป็นห่วงมนุษย์ชาวสีขาวผู้ร่ำเรียนมาด้วยกัน...ชายคนพิเศษ
บางเรื่องเงาเช่นเขาสมควรดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ควรไปรับรู้เสียทุกเรื่องจะดีที่สุด เมื่อคุณชายน้อยของเขาไม่พูด ซาสเกียก็ไม่นึกจะถามถึงเรื่องราวในคืนนั้น เขาเฝ้ารออยู่ตรงจุดที่แยกกันกว่าค่อนคืนนายน้อยจึงได้ออกมาจากคฤหาสน์นั้นอีกครั้ง
หลังเปลี่ยนชุดเตรียมพักผ่อนก็ดึกมากแล้ว วิคเตอร์เห็นว่าเขามาถึงสีขาวสมควรแจ้งใครอีกคนให้ทราบไว้ จึงนั่งลงยังโซฟาในห้องแล้วหลับตาลงนึกถึงผู้ที่เขาเชื่อมโยงด้วย
‘เซฟฉันมายังสีขาวแล้ว’
อึดใจทางนั้นก็ตอบกลับมา
‘วิคเตอร์นายมาสีขาว ทว่าตอนนี้ฉันอยู่สีดำซึ่งลมหนาวกำลังมา’
‘อาณาจักรมังกรหิมะคงใกล้จะตกแล้ว’ ฉับพลันบางอย่างวาบขึ้นมาในห้วงความคิด วิคเตอร์แปลกใจที่นึกอยากถามอีกฝ่ายด้วยคำถามนี้
‘หากพูดถึงหิมะ นายนึกถึงอะไรหรือเซฟ?’
‘ท่านปู่กระมัง แต่ที่ไม่อยากจดจำที่สุดนั้น...’ ท้ายประโยคนั้นถูกกลืนหายไป
‘หิมะแบบใดที่เศร้าที่สุดหรือ’ วิคเตอร์ถามออกไปอีก
เซฟิรอสเงียบอยู่ครู่ก่อนตอบกลับมา ‘หิมะสีฟ้าอันหม่นหมอง...กับดอกกุหลาบสีแดงที่ลุกไหม้’
กรินสะกิดใจกำลังจะเอ่ยถามต่อ
‘สักครู่นะ’ เซฟิรอสขัดขึ้นก่อนเงียบหายไปพักหนึ่ง แล้วทิ้งท้ายเอาไว้ ‘มีเรื่องกลางดึกเสียแล้ว ฉันคงต้องขอตัวก่อนน้องชายของฉันไม่ค่อยปกตินัก’
(จบตอนที่ 42) Day 11 (2019) SNOW
#FICTOBER #DrachenGrundschule #DrachenKindergärten #มังกรน้อย
Talk:
เรื่องราวของกรินกับแรมเซย์ก่อนจะเกิดเหตุการณ์คืนนั้นมีพูดถึงในตอนพิเศษของอนุบาลมังกรน้อยค่ะ
SPECIAL EVENT DRAGON’S FEAST: GRIGNARD special # Bitter & Sweet
https://writer.dek-d.com/Miran/writer/viewlongc.php?id=1563641&chapter=98
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
