คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ทำความรู้จัก
สถานที่แห่งนี้คือ โรงเรียนประจำคลินตันฮีล
ขึ้นชื่อเรื่องระบบการสอนที่แปลกใหม่แต่ก็ยังคงยึดถือมารยาทแบบเก่าๆ
อายุของตึกที่เก่าที่สุดของโรงเรียนอายุมากกว่าภูเขาเสียอีก
บรรยากาศการเดินในโรงเรียนจะให้กลิ่นอายความโบราณและคลาสสิก
ลึกลับ น่าค้นหา เพราะใช้ปราสาทเก่าเป็นหนึ่งในอาคาร แต่นั่นก็ช่วยทำให้นักเรียนสนใจในตัวโรงเรียนเอามากๆ
(ถึงจะไม่ได้ใช้ตึกนั้นบ่อยก็เถอะ)
ถึงกระนั้นโรงเรียนคลินตันฮีลก็ยังมีจำนวนนักเรียนน้อยอยู่ดี
เพราะปัจจัยหลักคือเงิน เงินค่าเทอมที่ค่อนข้างแพง...
ปีนี้แมทธิวอยู่ชั้นปี 11 (ม.4) แล้ว เขาถูกญาติคนสนิทชักชวนให้มาเรียนที่นี่
เพราะว่าดรงเรียนเก่าของเขาปิดตัวลงกระทันหัน
บริเวณทางเข้ามีอ่างเลี้ยงปลาขนาบข้างซ้ายขวา
กับสวนดอกไม้ไกลๆเป็นฉากหลัง จากจุดนี้พวกเขาสามารถมองเห็นหอพักของตนได้อย่างชัดเจน
อยู่ติดกับร้านสะดวกซื้อ
"นายคิดอย่างไงล่ะ?" โอดิติน ญาติของแมทธิวหันมาถามระหว่างที่ทั้งคู่ลากกระเป๋าเดินตรงไปยังหอพัก
"ก็ดีนะ ใหญ่ดี"
"เอ แล้วห้องนึงเขานอนกันกี่คน?"
"สี่คน
นอกจากพวกเราก็มี วิลรอนโด้กับฌอน วิลคือคนที่ผมสีทองส่วนฌอนผมน้ำตาล"
พวกเขาพักอยู่ชั้น 5 ของตัวอาคาร
ถึงลิฟต์จะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าการลากสังขารเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นสูงๆแบบนั้น
อย่างน้อยก็ในความคิดของแมทธิว
"เอาล่ะ
ถึงแล้ว" พวกเขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูสีครามที่มีป้ายแสดงชื่อนักเรียนทั้ง 4
คนในห้อง แต่ไม่ทันจะได้แตะลูกบิด
เด็กหนุ่มผมทองคนหนึ่งก็เปิดประตูออกมาพอดี นอกจากผมสีทองแล้วเขายังมีตาข้างขวาสีเขียวแต่ข้างซ้ายสีฟ้า
ดึงดูดความสนใจจากแมทธิวได้พอสมควร เอาเข้าจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่แมทธิวเจอใครที่ตาสองสีตัวเป็นๆ
"อ้าว!" เขาอุทาน "โอดี้กับแมทธิวใช่ไหม?" และชี้ไปทางแมทธิวผู้ยืนมองอย่างงงงวย
"เอ่อ ใช่ๆ"แมทพยักหน้ารับ
"ฉันวิลรอนโด้นะ"
เมื่อทั้งคู่ทักทายกันเสร็จก็ถึงตาโอดิตินบ้าง
"นายจะไปไหนเหรอ?"เขาถามเพื่อนพลางลากกระเป๋าเดินเข้าห้องพักไป
"ฉันจะลงไปซื้อยาสีฟันสักหน่อยน่ะ
แล้วก็พวกขนมด้วย อยากได้อะไรไหม?" วิลเสนอ
แต่อีกฝ่ายส่ายหัว "ไม่เป็นไร ขอฉันจัดของก่อนดีกว่า
ถ้าขาดอะไรเดี๋ยวค่อยลงไปซื้อก็ได้"
ในระหว่างที่โอดิตินกำลังจัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้
แมทธิวก็มองหาที่นอนของเขา
เหลือแค่ที่เดียวระหว่างโอดิตินกับใครสักคนที่นั่งอ่านหนังอยู่บนเตียง
หนังสือใหญ่บังมิดซะจนแทบไม่เห็นหน้าเลย
เขาโยนกระเป๋าขึ้นไปบนเตียงของตนด้วยความเหนื่อยล้า
"เดี๋ยวเตียงก็หักหรอกน่า" คนที่พูดไม่ใช่โอดิติน
หากแต่เป็นเด็กชายผมสีน้ำตาลต่างหาก ซึ่งแมทธิวเดาได้เลยว่าต้องเป็นฌอนอย่างแน่นอน
"อืม"เขาตอบอย่างอึดอัดนิดๆกับคนแปลกหน้า
เด็กชายคนดังกล่าวได้ยินเสียงก็ตกใจเพราะไม่คุ้นหูเลยสักนิด
เขาจึงค่อยๆละหนังสือที่อ่านอยู่ลงและพบกับสายตาของแมทธิวพอดี
แมทธิวยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างแห้งๆและจัดของต่อไป เมื่อเขาทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายก็ยังคงอ่านอยู่หนังสือที่เดิม โอดิตินก็ขอตัวไปอาบน้ำ
"นายฌอนใช่ไหม?" แมทธิวถามด้วยน้ำเสียงอันเป็นมิตร
"ใช่ แล้วนายคือ?"
"ฉันแมทธิว ว่าแต่นายอ่านอะไรอยู่ล่ะ?"เขานั่งลงบนเตียงข้างๆเด็กชาย
"ก็แค่สารานุกรมสิ่งมีชีวิตในตำนานน่ะ"เด็กชายถอนหายใจ
"น่าสนใจนะ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?"
"แน่นอนสิ นี่นายรู้ไหม นายเป็นคนแรกเลยที่ขอให้ฉันเล่า"
"อ้าว แล้วพวกโอดี้กับวิลล่ะ?"
"พวกนั้นก็โอเค เป็นเพื่อนที่ดี แต่เขาไม่สนใจเรื่องที่ฉันสนใจกันหรอก
อีกอย่าง เวลาจับคู่กันทำงาน ฉันก็ถูกทิ้งตลอดเลย"
"อย่างน้อยทำไมนายไม่จับคู่กับรูมเมทอีกคนล่ะ? ห้องพักหนึ่งมี
4 คนนี่" เขาใช้น้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ
และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อแก้เบื่อไปพลางรอคำตอบ
"ก็ใช่ แต่ฉันไม่ค่อยถูกกับเขาเท่าไหร่--"
"ไงพวก" วิลรอนโด้เปิดประตูเข้ามาเสียงดังโครม! ขัดจังหวะพอดิบพอดี ในมือของเขามีถุงกระดาษใส่ขนมและยาสีฟันอยู่ด้วย แต่แมทก็ไม่ได้สนใจถุงของวิลนักหรอก เขาสนใจสิ่งที่ฌอนพูดและเนื้อเพลงที่เขากำลังจดจำจากในโทรศัพท์ของตัวเองมากกว่า
"โอดี้ล่ะ?"เป็นคำถามแรกที่ออกมาจากปากของวิลรอนโด้
"อาบน้ำน่ะ"
ฌอนชี้ไปทางห้องน้ำ
"อ้อ โอเค นั่งด้วยนะ" เขานั่งลงข้างแมทธิวและเห็นจอโทรศัพท์พอดี
"ร้องเพลงคงเป็นหนึ่งในวิชาเลือกของนายน่ะสิ?" วิลสะกิด
"ร้องเพลงกับแสดงน่ะ
แต่ก็เหมือนเลือกผิด" เสียงเขาเบาลงในช่วงท้ายๆ
แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อโดนวิลตบหลัง
"ไม่เอาน่า เลือกแล้วต้องไปให้สุดสิ"
( ณ ตอนนี้ฌอนก็ตัดขาดตัวเองจากโลกแห่งความเป็นจริงไปอยู่กับหนังสือต่อแล้ว)
"จริงๆฉันอายเวลาเจอคนใหม่ๆหรือขึ้นเวทีน่ะ" แมทถอนหายใจและถามกลับ
"หน้าตาแบบนี้จะเป็นนักแสดงได้เหรอ?" แมทธิวชี้หน้าตัวเองและหัวเราะ
"อย่าคิดแบบนั้นสิ หน้าตาก็ได้อยู่ ดูเผินๆนายคล้ายโอดี้นะ แต่ฉันว่านายหน้าหวานกว่า"
"แล้วนายล่ะ?"
"ฉันหน้าตาดี"
"ไม่ๆ ฉันหมายถึงวิชาเลือกน่ะ"
"ฉันเรียนทำอาหารกับจัดดอกไม้ ส่วนโอดี้น่าจะเหมือนปีที่แล้ว
การพูดแล้วก็การส่องสัตว์นะ ถ้าจำไม่ผิด ฌอนก็-"
"ถ่ายรูป...แค่อย่างเดียว"เขาตอบเอง
หลังจากที่โอดิตินอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็พาทุกคนไปที่หอประชุมอันเป็นสถานที่จัดการปฐมนิเทศน์ในครั้งนี้ภายในหอประชุมอากาศหนาวจนไปถึงกระดูก ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นต้นคิดเรื่องเปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาขนาดนั้น แมทธิวกอดอกตัวเองแน่นพร้อมกับมองไปรอบๆ
จากการคุยกันก่อนหน้าที่จะมายังห้องประชุมนี้
แมทธิวก็พอรู้ว่า
1.วิลรอนโด้เก่งเรื่องทำอาหารกับพวกดอกไม้
2.ฌอนชอบอ่านหนังสือ
เขาสามารถอ่านหนังสือกองสูงๆได้โดยไม่เบื่อ แล้วเขาก็ชอบถ่ายรูปด้วยนะ
3.โอดิติน
ถึงจะบอกว่าเป็นญาติสนิทก็เถอะแต่นี่ก็เพิ่งคุยกันจริงๆจังๆครั้งแรก เขาชอบนกมากๆ
แล้วก็เรื่องการเมืองด้วย โดยเขามักจะเป็นคนอธิบายและแนะนำสิ่งต่างๆให้แมทธิวบ่อยๆ
พวกเขาคุยกันไม่หยุดปากในห้องประชุม
จนกระทั่งมีเด็กชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พวกปลายแถวของกลุ่มดูกุ๋ยๆเถื่อนๆดูเป็นกลุ่มนักเลงมาก
ผิดกับสองคนที่เดินนำหน้าจริงๆ
"เห็นเจ้าผมบลอนด์ซีด ฟูๆคนนั้นไหม เขาเคยอยู่ในที่ของนาย
แต่ตอนนี้ทิ้งเพื่อนไปอยู่กับพวกนักเลงซะงั้น"
ฌอนแอบชี้หนึ่งในสองคนนั้นให้แมทธิวดู "เจ้าแม็กซ์เวลล์ ฉันเกลียดเขา"
"แล้วคนนั้นล่ะ? ผมสีน้ำตาลใส่แว่น ตัวสูงๆ เดินข้างแม็กซ์"
"อย่าไปยุ่งกับทิมเลย
หมอนั่นน่ะ"
แมทธิวมองเจ้ากลุ่มนั้นเดินไปนั่งแถวหน้าๆ เห็นผู้หญิงวัยประมาณเลขสี่ตอนปลายๆไม่ก็ห้าต้นๆเดินเข้ามาอีกทางพร้อมโบกมือให้ทิม แมทธิวเดาไว้ก่อนว่าต้องเป็นครูใหญ่แน่ๆ เธอเดินไปที่โพเดี้ยมและเกาไมโครโฟนก่อนจะเริ่มต้นกล่าวต้อนรับนักเรียน "สวัสดีนักเรียนทุกคน" แล้วก็บลาๆๆ แมทธิวน่ะจำไม่ได้หรอก เพราะเขานั่งฟังแบบกึ่งหลับกึ่งตื่น
"น่าเบื่อเหมือนทุกปีเลย ว่าแต่มีใครอยากไปกินไอติมไหม?"โอดิตินถาม แน่นอนว่าวิลรอนโด้ตอบตกลงทันที "ไปสิไป"
"ฉันขี้เกียจ
ขอนอนรอที่ห้องละกัน" ณอนปฏิเสธ ซึ่งแมทก็เอาด้วย
"ก็ดีจะได้นอนต่อจากในห้องประชุมเลย"
เขาหาวและขยี้ตา ก่อนจะเดินกลับไปที่หอพักพร้อมๆกับฌอน
กลางดึกคืนนั้นเองที่แมทธิวตื่นขึ้น
เขามองไปรอบๆมีแต่ต้นไม้กับพุ่มไม้และเสียงรถยนต์บนถนน เด็กชายลุกขึ้น ‘นี่มันถนนแถวบ้านเรานี่น่า แล้วทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? แล้ว...’
ไม่ทันไรที่แมทธิวจะตั้งคำถามครบทุกข้อ
เขาได้ยินเสียงเอี๊ยดเหมือนรถหักเลี้ยวด้วยความเร็วสูง ไม่นานนัก
เจ้าของเสียงก็ปรากฏขึ้นให้เห็น ก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้อย่างแรง
แมทธิวจะไม่เสียใจเลยถ้าเขาไม่รู้จักรถคันนั้น
แต่ประเด็นคือนั่นเป็นรถของพ่อเขาน่ะสิ
เขารีบวิ่งเพื่อที่จะไปดูซากรถนั่น
แต่มันดันระเบิดเสียก่อน ทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นมันดูไม่สมจริงเลยสำหรับเขา แมทธิวทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าซากรถที่ไหม้เกรียม
"มันไม่จริงใช่ไหม?" เด็กชายพึมพำกับตัวเอง
แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงตอบกลับมา
"จริงสิ" เสียงผู้หญิงอันน่าขนลุกลอยมาตามกับสายลมอันหนาวเหน็บ
ไฟตามถนนเริ่มดับลงจากไกลๆจนมาถึงดวงสุดท้ายตรงหน้าเขา
ทุกอย่างมืดสนิท
และตัวของแมทธิวก็ไม่สามารถขยับได้เลย คล้ายอาการที่เราเรียกกันว่าผีอำ
"เธอรู้ รู้แก่ใจว่าเขาไม่ใช่ของเธอ" คำพูดมันดูย้อนแย้งมาก
ในเมื่อแมทธิวเพิ่งเห็นพ่อของเขาตายไปกับตาย "เขาเป็นพ่อฉัน
แล้วเขาก็ตายแล้ว!"
"แน่ใจแล้วเหรอ?
ในครอบครัวเธอมีใครอีกหรือไงที่มีหางแบบนั้นน่ะ?"มันถามกลับ
คำถามนี้มันดังสะท้อนไปมาในหัวของเขา...
"แมทธิว...แมท! ให้ตาย ตื่นสิพวก" ใครบางคนเขย่าตัวเขา
แมทธิวสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ
เห็นเพื่อนๆอีกสามคนนั่งรายล้อมตัวเขาพร้อมกับความสงสัยบนใบหน้า
"นายฝันร้ายนะ" โอดิตินบอก
"ทำเอาพวกเรานอนไม่หลับเลย นายโวยวาย
แถมดิ้นไปทั่ว"วิลรอนโด้เสริม ส่วนฌอนก็พยักหน้า
แมทธิวยังคงงงอยู่เพราะฝันเมื่อสักครู่นี้มันเหมือนจริงมาก "ฉันขอโทษ
แต่...แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันฝันแบบนี้ มันแค่...มากเกินไป" มือของเขาสั่นระริก
เหงื่อไหลเต็มหน้าผาก โอดิตินเห็นดังนั้นจึงตบไหล่อีกฝ่าย
"ไม่เป็นไรๆ
นอนต่อดีกว่านะ พรุ่งนี้พวกเราทุกคนต้องตื่นเช้า"
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ความคิดเห็น