ตอนที่ 56 : +ลวงรัก 18+ ไม่ต้องการ ที่ ‘ยังต้องการ’ [2] 100%
“คุยกันดี ๆ ไม่ได้เหรอวะจีน ทำไมต้องด่ากันตลอดด้วย”
“แล้วทำไมจีนต้องคุยดี ๆ กับโอ๊ตด้วยอะ โอ๊ตทำตัวน่าด่าเองมั้ย จีนรำคาญโอ๊ตจะตายอยู่แล้ว เลิกมายุ่งวุ่นวายกันสักทีเถอะ! เลิกก็เลิกกันไปแล้วนะ” ฉันสะบัดแขนเขาอย่างแรงก่อนจะหมุนตัวเดินหนีออกมาอีกครั้ง
แต่อยู่ ๆ อีกคนก็ทำอะไรที่ฉันไม่คาดคิดด้วยการตะคอกคำหยาบคายใส่กันเสียงดัง
“ก็กูบอกแล้วว่าไม่เลิกไงวะ กูไม่เลิก!” เขาออกแรงกระชากแขนฉันอย่างแรงจนฉันทรงตัวไม่อยู่ถลาเข้าหาเขาพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่สวมอยู่มันขาดออกแล้วกระเด็นออกไปอีกทาง “ขึ้นรถไปคุยกันให้รู้เรื่อง ครั้งนี้กูจะไม่ยอมง่าย ๆ แล้วนะจีน”
ฉันที่รู้สึกเจ็บกับแรงกระชาก ทั้งยังโมโหที่รองเท้าคู่ใหม่ขาดแบบนั้น จึงสวนคำหยาบคายออกไปอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็กูบอกว่าไม่คุยไง! กูไม่คุย!”
“จีน!”
“เป็นโรคจิตเหรอวะ เลิกกันไปแล้วยังจะมาตามรังควานอยู่ได้ สันดานเลว ๆ แบบนี้ช่วยหยุดสักทีนะ จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป” ฉันด่าออกไปอย่างสุดจะทน ก่อนจะหันไปมองยังป้อมรปภ.
แม้ว่าฉันจะยังทำปากเก่งใส่สักแค่ไหน แต่วันนี้โอ๊ตก็แสดงท่าทีที่มันดูน่ากลัวเกินไปจนฉันเริ่มไม่ไว้วางใจ ที่จะต้องอยู่ตรงนี้กับเขาสองคน
“รปภ… อื้อ~~” ฉันดิ้นสุดแรงเมื่ออยู่ ๆ โอ๊ตก็เข้ามาปิดปากพร้อมกับรวบตัวอุ้มฉันไปที่ประตูรถข้างคนขับ ฉันที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จึงทั้งพยายามดิ้น ทั้งอ้าปากกัดมือเขาแต่ก็ไม่สำเร็จ
จนเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจ…
เขาจะพาฉันไปไหน เขาจะทำอะไรฉัน...
พรึบ!! ในตอนที่เหตุการณ์กำลังชุลมุนวุ่นวาย ไฟสูงหน้ารถฝั่งตรงข้ามก็สาดเข้ามาที่เราสองคนจนต้องหรี่ตาหนีแสง และชั่ววินาทีนั้นเองตัวฉันก็ถูกใครบางคนกระตุกเข้าหาผู้มาใหม่
“รปภ.!!!” เสียงตะเบ็งเรียกที่ก้องเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่าดังขึ้น
ตัวฉันที่ฝังหน้าลงบนหน้าอกของคนที่กำลังโอบกอดกันไว้สูดดมน้ำหอมกลิ่นคุ้นจมูกเข้าไป พร้อมเสียงฝีเท้าสองสามคู่ที่รีบวิ่งตรงดิ่งมาทางนี้
เพียงไม่นานแสงไฟจากรถที่สาดส่องมาก็ดับลง ภาพที่เห็นตรงหน้าฉันคือพี่รปภ.สองคนที่กำลังยืนจับตัวโอ๊ตเอาไว้ พร้อมกับโอ๊ตที่มองตรงมาที่พวกเราด้วยความไม่สบอารมณ์
เห็นแบบนั้นฉันจึงเงยหน้ามองคนที่โอบเอวกันไว้หลวม ๆ แล้วก็พบว่ามันคือเขาจริง ๆ ...กลับมาตอนไหน?
“คุณปล่อยให้ใครเข้ามาบริเวณบริษัทผม ได้ตรวจสอบก่อนหรือเปล่า” คนข้างกายฉันเอ่ยปากถามรปภ.ด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมและเด็ดขาด จนคนถูกถามถึงกับยืนก้มหน้านิ่ง
“คะ… ครับ พอดีเขาบอกว่ามารอรับเพื่อนผมก็เลยให้เข้ามาน่ะครับ”
“ได้แลกบัตรมั้ย”
รปภ.คนหนึ่งที่เฝ้าอยู่บริเวณป้อมยืนอ้ำอึ้งจนคนข้างกายฉันถอนหายใจออกมาเสียงดัง แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมไม่ทำตามขั้นตอน ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ไม่ควรมีข้อยกเว้น”
“ข... ขอโทษครับ”
“จัดการส่งตำรวจด้วย เขาคนนี้มาทำการอุกอาจกับคนของผม” ฉันสังเกตลำคอสวยของคนข้างกายที่มีเส้นเลือดปูดขึ้นมา เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเขากำลังโกรธถึงขีดสุดกับเรื่องที่เกิดขึ้น “ห้ามให้คนคนนี้เข้ามาเหยียบบริเวณบริษัทผมอีกเด็ดขาด แล้วพรุ่งนี้… พวกคุณก็มาพบผมที่ห้องด้วย!”
เขาเหล่ตามองโอ๊ตที่ยังคงยืนอึ้งอยู่ พร้อมกับออกคำสั่งใส่ลูกน้องเสียงแข็งก่อนจะก้มลงเก็บรองเท้าส้นสูงของฉันที่ตกลงพื้นจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แล้วช้อนตัวฉันที่ยืนเท้าเปล่าขึ้นพาเดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามทันที
“คุณภาคินจะไปไหนต่อหรือเปล่าครับ” คนขับรถที่ฉันเคยเห็นหน้าผ่าน ๆ อยู่หลายครั้งเอ่ยถามผู้เป็นเจ้านาย
“ลุงเลิกงานไปได้แล้วครับ เดี๋ยวผมไปต่อเอง” สั่งการลูกน้องเสร็จเขาก็อุ้มตัวฉันที่กอดคอเขาเอาไว้แน่นเข้าไปที่เบาะนั่งข้างคนขับ ส่วนตัวเขาก็กลับมานั่งประจำที่คนขับ แล้วขับออกจากบริษัทโดยไม่แม้แต่จะเหลียวตาไปมองโอ๊ตที่กำลังโดนรปภ.จัดการอยู่แม้แต่นิด
“ร้าน XXX ใช่มั้ยคะ”
“คะ?” ฉันหันไปถามเขาเมื่ออยู่ ๆ คนที่นั่งขับรถเงียบ ๆ มานานก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนก่อนหน้านี้
“ร้านที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับน้องจีนไงคะ” ฉันพยักหน้ารับแทนคำตอบ เมื่อเริ่มตั้งสติได้แล้ว
เหตุการณ์มันรวดเร็วไปหมดจนฉันตั้งตัวไม่ทัน รู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ในรถของคุณซีอีโอเข้าซะแล้ว
“คุณภาคิน กลับมาที่บริษัททำไมเหรอคะ”
“พี่กลับมาเอาเอกสารไปทำงานต่อคืนนี้ค่ะ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาเห็นเหตุการณ์แบบนี้”
“เห็น… ตั้งแต่แรกเหรอ”
เขาพยักหน้ารับช้า ๆ “ไม่คิดเลยนะคะ ว่าแฟนเก่าน้องจีนจะกล้าทำอะไรอุกอาจแบบนี้ เห็นหน้าหงิม ๆ นึกว่าจะไม่มีอะไรซะอีก”
ฉันมองตรงไปข้างหน้า พร้อมถอนหายใจออกมายาว ๆ อย่าว่าแต่เขาเลย ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าโอ๊ตจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ ไม่สิ ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะกล้าขึ้นกูมึงกับฉันเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคำพวกนั้นจากเขา
บอกตรง ๆ ว่าตกใจและกลัวโอ๊ตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่คิดว่ารู้จักโอ๊ตดี แต่ดูจากวันนี้แล้ว เหมือนที่ผ่านมาเขาแค่เล่นละครเป็นคนสุภาพตบตากันก็เท่านั้น
“วันนี้ไม่ได้เอารถมาเหรอคะ”
“อือ รถเตี่ยเสียยังซ่อมไม่เสร็จเลย”
“งั้นเหรอคะ” เสียงดุดันเปลี่ยนเป็นเสียงนุ่มทุ้ม พร้อมสีหน้าเคลือบรอยยิ้มเหมือนปกติ ทำให้ฉันเริ่มหายใจคล่องคอขึ้นมา
อย่างที่เคยบอก ใบหน้าเขาตอนไม่ยิ้มกับตอนยิ้มนี่เหมือนอยู่กันคนละโลก อย่างกับคนละคนเลย ดวงตาสุกใสน่ามองก็แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาคมกริบดุเหมือนเหยี่ยวขึ้นมาจนใคร ๆ ก็ไม่กล้าสบตา
เพียงไม่นานเขาก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถหน้าร้านที่จัดงาน ฉันก้มลงหยิบรองเท้าของตัวเองขึ้นมาแล้วพยายามจะซ่อมมัน แต่ดูทรงของรองเท้าแล้วมันก็เกินกว่าที่ฉันจะทำให้มันกลับมาในสภาพเดิมได้
แล้วแบบนี้ฉันจะเข้าร้านยังไงล่ะเนี่ย… ต้องเดินเท้าเปล่าเข้าไปเหรอ
ในระหว่างที่กำลังคิดไม่ตก คนข้าง ๆ ก็ส่งกล่องรองเท้าแบรนด์เดียวกันกับในครั้งก่อนมาให้ “สวมอันนี้สิคะ คู่นี้ยังไม่มีเจ้าของอย่างที่น้องจีนเข้าใจผิดหรอกค่ะ”
ฉันจ้องหน้าคนข้าง ๆ ก่อนจะไล่สายตาลงมายังกล่องที่เขายื่นให้ “โกหก ถ้าไม่มีเจ้าของแล้วคุณจะซื้อไซซ์ผู้หญิงมาทำไม”
“นั่นสิคะ” เขายกยิ้มก่อนจะยักไหล่ด้วยท่าทางสบาย ๆ “แต่เอาเป็นว่ายังไม่มีเจ้าของจริง ๆ ค่ะ”
“แล้วคุณเอามาให้จีนใส่ ไม่กลัวจะเสียของเหรอคะ”
“ไม่กลัวค่ะ”
ฉันจ้องเขาด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้งแล้วตัดสินใจรับมันมาในที่สุด จังหวะเวลาแบบนี้ มีอะไรก็คงต้องสวมไปก่อน ให้กลับบ้านไปตอนนี้คงไม่ได้ มันต้องเสียมารยาทกับพี่ ๆ ที่รออยู่แน่ แค่นี้ฉันก็สายมากพออยู่แล้ว...
เมื่อเปิดกล่องรองเท้าในมือก็ต้องขมวดคิ้วแปลกใจที่เห็นกล่องเครื่องประดับสีเงินเล็ก ๆ อีกอันอยู่ในกล่องรองเท้าที่ว่า ฉันหยิบมันขึ้นมาด้วยความแปลกใจระคนสงสัยก่อนจะเปิดมันขึ้นดูอย่างเสียมารยาท และพบว่ามันคือต่างหูเงินรูปดาวที่ประดับด้วยพลอยเต็มดวง
“ไหนบอกไม่มีเจ้าของไง” ฉันถามเขาด้วยความไม่ชอบใจ ทั้งยังรู้สึกปวดหนึบที่หน้าอกตัวเองแปลก ๆ “โกหกกันอีกแล้วเหรอ”
“เปล่าค่ะ ที่น้องจีนถืออยู่มันมีเจ้าของค่ะ” พูดจบเขาก็ฉวยกล่องไปจากมือฉัน ก่อนจะหยิบต่างหูที่ว่านั่นออกมา
คุณภาคินขยับเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือทัดผมประบ่าของฉัน พร้อมกับยกยิ้มขึ้นมาโดยที่ยังเกลี่ยผมที่หลังใบหูของฉันอยู่ “บังเอิญจังเลยค่ะ”
ฉันที่ยังสับสนมึนงงกับการกระทำของคนตรงหน้ากลับต้องสะดุดเฮือกเมื่อเขาสัมผัสบริเวณหลังใบหูที่ว่างเปล่าของฉัน จนเกิดความรู้สึกแปลก ๆ อย่างกับบริเวณนั้นเป็นจุดไวสัมผัส
“ท… ทำอะไร” ฉันถามออกไปอย่างตะกุกตะกักพร้อมทั้งยกมือขึ้นมาจับข้อมือแกร่งของอีกคน
“อยู่นิ่ง ๆ สักครู่ได้มั้ยคะ” เขาเอ่ยปากร้องขอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทั้งยังจ้องลึกเข้ามาที่นัยน์ตาฉัน แล้วก็เหมือนทุกครั้ง ฉันเหมือนตกอยู่ในมนตร์สะกดหรือหลุมพรางอะไรสักอย่างของเขาจนยอมทำตามที่อีกคนพูดในที่สุด
เมื่อเห็นฉันยอมนั่งนิ่ง ๆ ตามที่ร้องขอ เขาก็ค่อย ๆ ดันต่างหูเข้ากับหูของฉันอย่างเบามือ ฉันจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความหลงใหล
ทั้งที่พยายามหักห้ามใจตัวเอง… แต่สุดท้ายก็ยังโงหัวไม่ขึ้นสักทีสินะ
“น่ารักมากเลยค่ะ” เสียงของคนตรงหน้าเรียกสติฉันกลับมาอีกครั้ง
“คุณ… ใส่ให้จีนทำไมคะ”
“ของขวัญต้อนรับค่ะ”
TALK WITH ME
กรี๊ดดดดด เขาคุยกันดี ๆ ในรอบกี่ตอนเนี่ย พี่ภัคคนโหดหายไปไหนนน พออยู่กับน้องละเป็นคนละคนเลย อยากให้อ่านเต็ม ๆ กันแน้วว ในเล่มยังมีเซอร์ไพร์สอีก แงงงง ไม่ใช่แค่นักอ่านรอ นักเขียนก็รอ 555555555
...
มินนิคเปิดพรีออเดอร์หนังสือแล้วนะคะ
ขออนุญาตแปะขายของ อย่าลืมไปสอยกันน้า ฟิลลิ้งกู๊ดมว๊ากกกกจีง ๆ
สนใจกดซื้อได้ที่ http://minnik.lnwshop.com/
หรือ INBOX ที่เพจ MINNIK
จิ้มติดตามข่าวสารหนังสือได้ที่เพจ MINNIK นะคะ ขอฝากเพจหน่อยไปกดไลก์กันได้น้า ♥
.
ป.ล. ใครเล่นทวิตไปคุยกันในแท็กได้นะคะ วันดีคืนดีมินนิคก็ไปสปอยในนั้นแหละ >,<
MINNIK
มีคำผิดบอกได้นะคะ เพราะแต่งสดลงสดงับ
อย่าลืมกด ♥ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจดี ๆ ใจเรานะคะ
1 เมนต์ = สิบล้านกำลังใจ
ร๊ากกกรีดเดอร์สองล้านเท่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่อยนะฮ้า น้องจีนยิ่งหนักหัวโงไม่ขึ้นเข้าไปใหญ่แล้ว..ยอมเลยเถอะ แพ้หลุดลุ่ย555
พี่ภัคคนโหดหายไปไหนนน 😆😆