ตอนที่ 45 : +ลวงรัก 14+ การเรียนรู้งาน ที่ ‘ไม่ใช่ใช่แค่เรื่องงาน’ [2] 150%
“…” ฉันไม่ได้เถียงอะไรต่อทำเพียงกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีก็เท่านั้น
“คนนั้นไม่ใช่แฟนเขาหรอก น่าจะแค่คู่ขาซะมากกว่า มึงรู้จักความสัมพันธ์แบบ FWB ใช่ป้ะ คือเขาแค่ดีลเอาไว้ทำเรื่องแบบนั้นอ่ะ ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือกว่านั้น ไม่ก็… อาจจะมีข้อแลกเปลี่ยนกันบ้างนิดหน่อย แต่โดยรวมก็ถือว่าวินวินทั้งคู่ ตอนสมัยเรียนก็มีเพื่อนเราทำแบบนี้ตั้งเยอะ มันก็แค่การปลดปล่อยรูปแบบนึงอ่ะ แล้วแต่คน”
พูดเหมือนกันเลย… ไอ้กายพูดเหมือนพี่ภัคตั่งแต่คืนแรกที่เจอกันเลย จะว่าไป เขาก็ชัดเจนตั้งแต่เรกเลยนะ
แต่ว่า... ใจฉันตอนนี้มันไม่อยากยอมรับ มันต่อต้านไปแล้ว!
“เพราะงั้นพี่ภัคอ่ะ ไม่ใช่คนเจ้าชู้ขนาดนั้นหรอก จะว่าไงดีวะ ก็แค่เป็นคนเล่นหูเล่นตาเป็น รู้จักดึงเสน่ห์ของตัวเองออกมาใช้ประโยชน์อ่ะ หรือถ้ามึงสังเกตดี ๆ นะ คนที่มองพี่ภัคไม่ได้มีแค่ผู้หญิงนะเว้ย เรียกว่าพี่เขาดึงดูดทุกเพศเลยดีกว่า ขนาดตอนกูเจอพี่เขาครั้งแรกนะ กูยังจะแทบไม่มองผัวตัวเองเลย”
ฟังที่เพื่อนพูดฉันก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมากด้วยทิฐิที่มันค่ำคอ “ทำไมมึงต้องแก้ตัวให้เขาด้วยเนี่ย! มึงต้องเข้าข้างกูสิกูเป็นเพื่อนมึงนะ”
“กูไม่ได้แก้ตัวแทน ที่กูด่า ๆ มึงไปให้มึงตั้งรับเขาได้ไง” ไอ้กายเหล่ตามองท่าทีของฉันที่แสดงออกว่าไม่พอใจมันถึงที่สุด “กูแค่พูดตามที่เห็น ที่ได้สัมผัสไง กูก็แค่จะบอกว่ามันไม่ได้มีใครเพอร์เฟคร้อยเปอร์เซ็นหรอก แต่มึงจะเอาไงต่อกับพี่เขา มึงก็คิดเองสิไอ้หมวย กูแค่จะบอกว่าถ้ามึงสนใจพี่เขาจริง ๆ เขาก็ไม่ได้แย่ ข้อดีก็มี”
“…” ฉันขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิดตามสิ่งที่ไอ้กายพูด
“คิดหนักเลยสินะ ชอบเขามากเลยอ่ะดิถึงได้เสียอาการขนาดนี้”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“โกหก” ไอ้กายบีบปากฉันแน่นเหมือนที่มันชอบทำเวลาจับได้ว่าฉันพูดโกหก “มึงไม่มีทางตามเขาทันหรอก ถ้าไม่ระวังตัวให้ดี จนโดนพี่เขาล่อลวงไปล่ะก็… เตรียมตัวโดนจับกินได้เลยอีหมวย”
ฉันขับรถเข้ามาจอดตรงที่จอดรถพนักงาน ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋า และเอกสารสำหรับเริ่มงานวันนี้ไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับก้าวขาลงจากตัวรถเพื่อตรงเข้าไปในตึกสำนักงาน
ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ที่คำพูดของไอ้กายวนเวียนอยู่ในหัวฉันไม่หยุดจนแทบจะไม่ได้นอน ฉันคิดไม่ตกจนกดบล็อก กดปลดบล็อกเบอร์ และแชทของใครบางคนเพื่อจะตัดปัญหาตั้งหลายรอบ
เพราะอะไรนะเหรอ... เพราะว่าฉันก็ไม่ค่อยเชื่อใจตัวเองยังไงล่ะ
แต่ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกที่ควร ในเมื่อตอนนี้ฉันมีหน้าที่การงานที่ต้องทำ และเขาก็คือเจ้านายคนใหม่ของฉัน สุดท้ายก็จำใจต้องปล่อยมันเอาไว้แบบนั้น
ก็ช่างมันสิ เราจะคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องงานฉันก็แค่ไม่คุย ไม่ตอบก็จบ
“จับกินเหรอ… ก็ลองดูสิ แม่จะเสยให้คางแตกเลย แถมเตะให้ไปใช้งานกับใครไม่ได้เลยด้วย” ฉันทั้งชก และเตะขากลางอากาศเมื่อนึกถึงคำพูดของไอ้กายที่ปรามาสไว้ว่าฉันจะต้องโดยไอ้คุณชีกอภาคินจับกินอย่างแน่นอน
“จะทำเรื่องรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ น่ากลัวจัง” เสียงกระซิบที่ข้างหูทำเอาฉันสะดุ้งโหย่ง ก่อนจะรีบกระถดถอยตัวออกห่างเมื่อหันไปเจอผู้ชายที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาว พร้อมกางเกงสแล็คสีดำ ทั้งยังเช็ตผมสีบลอนด์เทาที่ดูสะดุดตานั้นขึ้น ทำผมแบบนี้มันยิ่งช่วยเสริมให้หน้าเขาดูคมชัด มีมิติ และน่าหลงใหลขึ้นไปอีก
คนตรงหน้าแย้มยิ้มพร้อมทั้งกวาดสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “มัดผมแบบนี้แล้ว น่ารักมากเลยค่ะ”
ได้ยินเขาพูดแบบนั้นฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับดึงยางมัดผมของตัวเองออก ปล่อยผมประบ่าที่มัดรวบต่ำ ๆ เอาไว้ให้สยายลงมาอย่างเช่นเคย เพราะไม่ยินดีจะรับคำชมจากเขา ก่อนจะเดินตรงไปด้านหน้าเหมือนไม่ใส่ใจอีกคนทันที
“ไม่ทักทายเจ้านายแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ” คนเจ้าเล่ห์เพทุบายรีบเดินตามมาขนาบข้างกันทั้งยังพูดหยอกล้อไม่หยุด
“ยังไม่ถึงเวลางานนี่คะ ยังไม่ต้องทักก็ได้มั้ง” ฉันเอ่ยตอบแล้วเดินเลี้ยวเข้าตึก
“คุณภาคิน คุณจีนสวัสดีค่ะ”
แต่ทันทีที่เดินเข้ามาภายในตึกสำนักงาน การกระทำของพนักงานประชาสัมพันธ์ที่ทักทายเราสองคน ก็ทำเอาฉันต้องขบริมฝีปากด้วยความอับอาย ก่อนจะแสร้งยิ้มส่งให้เธอแล้วเดินตรงไปกดลิฟต์
เมื่อลิฟต์เลื่อนลงมาถึงชั้นล่าง ฉันก็สวมบทบาทหน้าที่ของตัวเองด้วยการผายมือให้ผู้เป็นเจ้านายเดินเข้าไปก่อน
แต่คนข้างกายกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง “เลดี้ส์เฟิร์สเลยค่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ คุณเป็นเจ้านายจีนนะคะ” ฉันกัดฟันตอบกลับด้วยความสุภาพ
“ทำไมล่ะคะ ยังไม่ถึงเวลางานไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องสนใจตำแหน่งหน้าที่หรอกคะ พี่สบาย ๆ” เขาพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มร้าย เมื่อจับทางได้ว่าฉันกำลังปฏิบัติหน้าที่แม้จะไม่ใช่เวลางาน เพราะกำลังถูกพนักงานคนอื่นจับตามองอยู่
ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อฝึกความอดทน พร้อมกับเอ่ยทักทายคนตรงหน้าเสียงใส “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณภาคิณ วันนี้มาทำงานตั้งแต่เช้าเลยนะคะ”
คนตรงหน้ายกยิ้มอย่างพึงพอใจที่สามารถทำให้ฉันสยบได้ ก่อนจะยอมเดินเข้าไปในลิฟต์ตามที่ฉันผายมือให้ แล้วเล่นบทเจ้านาย และลูกน้องไปกับฉัน “คุณจีนก็เหมือนกันนะครับ”
ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์กันสองคน ฉันก็เลือกที่จะยืนห่างเขาให้ได้มากที่สุด ส่วนอีกคนก็เอาแต่ยืนพิงผนังลิฟต์อมยิ้มมองท่าทีของฉันอย่างชอบใจอยู่ได้
น่าโมโห!
“คุณอิ๋วพาเดินดูทั่วทั้งบริษัทหรือยังครับ” ฉันเหลือบตามองเขานิ่ง ๆ พร้อมทั้งแอบจิกกัดในใจว่าคนตรงหน้าช่างสวมบทบาทเก่งอะไรอย่างนี้ เพียงพริบตาเดียวก็สวมบทบาทเป็นคุณภาคินซีอีโอของบริษัทได้เนี้ยบทุกระเบียบนิ้ว
แบบนี้ลาออกจากการเป็นประธานบริษัทไปเป็นนักแสดงเถอะย่ะ!
“พาเดินดูแค่สำนักงานค่ะ ส่วนชั้นอื่นเขาบอกว่าให้รอคุณเมย์มาแนะนำ” ฉันตอบเขาไปตามตรง
เขาสวมบทบาทเก่ง ฉันก็ต้องเล่นตามเกมเขาให้ทัน จะไม่ยอมเป็นเหยื่อหน้าโง่เชื่อลมปากเขาอีกแล้ว
งานคืองาน!
ได้ยินแบบนั้นคุณภาคินก็ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มลิฟต์ที่เลข 3
ตอนนั้นแหละ ฉันถึงได้มารู้ตัวว่า เราสองคนยืนเหล่กันอยู่ในลิฟต์ตั้งพักใหญ่ โดยที่ฉันไม่ได้กดเลขชั้น…
น่าขายหน้าอีกแล้ว!
“เราไม่ได้ทำงานที่ชั้น 8 เหรอคะ”
“เหลือเวลาก่อนเข้างานประมาณครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวผมจะพาคุณเดินดูส่วนอื่นเองครับ” เขาส่งยิ้มให้ฉันเหมือนเคย
เห็นแบบนั้นฉันก็รีบเบื่อนหน้าหนี และพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ไห้เผลอใจไปกับเขาอีก
“จีนไม่กล้ารบกวนเวลาอันมีค่าของคุณภาคินหรอกค่ะ เดี๋ยวให้คุณเมย์ช่วยแนะนำก็ได้”
“ผมก็เกรงว่าคุณเมย์ก็คงไม่สะดวกครับ”
ได้ยินแบบนั้นฉันก็กลอกตาด้วยความไม่ชอบใจก่อนจะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว “… ที่แท้ก็กลัวคู่ขาจะเหนื่อย”
ด้วยความหมั่นไส้ เพราะตัวเองไม่เคยจับทางเขาได้เลยสักครั้ง พอลิฟต์เคลื่อนตัวมาถึงชั้น 3 ฉันจึงตัดสินใจเดินออกจากลิฟต์ก่อนหน้าเขาทันที
เขามันน่าโมโห จนการได้เอาชนะด้วยเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้ก็ทำให้ฉันรู้สึกดี ถึงจะถูกมองว่าเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ก็ช่างมันสิ
แต่พอเดินออกมาจากลิฟต์จากที่ตั้งใจจะเดินดูโดยไม่รอเขา ฉันกลับต้องยืนงงอยู่ที่เดิมเมื่อเจอทางแยกเป็นสองฝั่งอีกครั้ง จนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มเดินไปทางไหนก่อน สุดท้ายจึงทำได้แค่ยืนรอคนเป็นเจ้านายอยู่ดี...
แพ้อีกแล้ว แพ้ทุกอย่าง ไอ้บ้าเอ้ย!
“ไม่ออกมาเหรอคะ” ฉันหันไปถามอีกคนที่ยังเอาแต่ยืนอมยิ้มอยู่ในลิฟต์
“ผมเห็นคุณจีนรีบออกไป คิดว่าอยากจะเดินดูคนเดียวซะอีก”
ก็อยากอยู่หรอก แต่มันไม่รู้ทางนี่!
“จีนแค่อึดอัดเพราะอากาศในลิฟต์มันไม่ถ่ายเทต่างหากค่ะ ก็เลยรีบเดินออกมา”
“อ่า… แบบนี้นี่เอง” ภัคกี้… ไม่สิ! คุณภาคิน! พยักหน้าทำความเข้าใจก่อนจะก้าวขาออกมาจากในลิฟต์แล้วเดินนำฉันไปทางด้านขวามือก่อน
พอเดินเข้ามาเขาก็ไล่เปิดไฟในชั้นเนื่องจากตอนนี้ยังไม่ถึงเวลางาน ทั้งชั้นจึงเงียบกริบ… มีสิ่งมีชีวิตแค่สองคน คือฉันกับเขา จะว่าไปถ้าให้ฉันมาเดินดูคนเดียวจริง ๆ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ
“ชั้นนี้ทั้งชั้นจะเป็นพื้นที่สต็อกของเพื่อตรวจสอบสินค้ารอส่งออกไปให้ลูกค้าครับ” เขาเดินไปเรื่อย ๆ พร้อมกับพูดอธิบายงานในส่วนนี่ไปเรื่อย ๆ
ฉันฟังพร้อมพยักหน้าทำความเข้าใจ และไม่ลืมจดรายละเอียดบางส่วนที่คนเป็นเจ้านายอธิบายให้เข้าใจเนื้องานได้ไม่ยาก จะว่าไปกระบวนการทำงานก็คล้าย ๆ ที่บ้านฉันนั่นแหละ แค่ของเขามันเป็นบริษัทใหญ่ ส่วนฉันมันเป็นระบบครัวเรือน
“แล้ว… โรงผลิตไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอคะ” ฉันถามออกไปด้วยความใคร่รู้
“เปล่าครับ โรงงานที่ผลิตสินค้าอยู่ที่อยุธยา ถ้าว่างผมก็จะเข้าไปตรวจความเรียบร้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง” เขาตอบก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ฉัน “ครั้งนี้ว่าจะพาคุณจีนไปด้วย”
ฉันพยักหน้าตอบรับไปตามหน้าที่ ก่อนที่อีกคนจะยกยิ้มด้วยความพอใจ แล้วเดินนำเข้าไปในห้องเก็บสิ้นค้า
ระหว่างทางคุณภาคินก็แนะนำอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่ฉันจะสังเกตเห็นลังเก็บของชั้นบนสุดมันเหลื่อมออกมาจากชั้นวางของ ด้วยความกังวลว่ามันอาจจะหล่นลงมาเกิดอันตรายกับพนักงานที่ต้องเดินผ่านไปมา ฉันจึงละความสนใจจากคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าแล้วหยิบบันไดที่พิงอยู่ใกล้ ๆ มาปีนขึ้นไปดันลังกลับเข้าที่
“คุณจีนทำอะไรครับ” หลังจากจัดการลังใส่ของที่ว่าเสร็จฉันก็ตั้งใจจะปีนลงไป แต่เสียงของใครอีกคนที่โผล่มาอยู่ด้านหลังก็ทำเอาฉันตกใจจนก้าวลงพลาดขั้นบันได รู้ตัวอีกทีก็โผล่เขาหาคนที่ยืนอ้าแขนรออยู่ด้านล่างเข้าซะแล้ว
“ทำไมไม่บอกพี่ก่อนคะ ปีนขึ้นไปสูงแบบนี้เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีกหรอก” น้ำเสียงตำหนิเล็ก ๆ พร้อมสรรพนามที่ใส่เรียกกันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงจากก่อนหน้า
“ปล่อย! จีนจะเจ็บตัวก็เพราะคุณนี่แหละ” ฉันไม่ตอบอะไรแต่พยายามจะผลักคนตรงหน้าออก เพื่อบอกให้เขาปล่อยตัวฉันลงได้แล้ว แต่สิ่งที่เขาทำมันกลับตรงกันข้าม เพราะคนที่อุ้มฉันอยู่กลาย ๆ กลับก้มลงช้อนตัวฉันให้อยู่ในท่าเจ้าหญิงแล้วออกตัวเดินต่อทันที
“บอกให้ปล่อยไง หูหนวกหรือไง” ฉันเอ่ยปากพ่นคำพูดเจ็บแสบใส่เขาต่อพร้อมทั้งสะบัดขาไปมา เพื่อให้เขารำคาญ และอุ้มฉันลำบากขึ้นจนต้องยอมปล่อยตัวฉันลง
“ไม่ได้ค่ะ น้องจีนซนพี่ตามจับไม่ไหว อุ้มไว้แบบนี้ดีกว่าจะได้มีสมาธิในการฟังพี่ไงคะ ขืนพี่ปล่อยเดี๋ยวน้องจีนก็หายไปทำนู่นทำนี่ไม่สนใจกันอีก”
“จะตั้งใจฟังแล้วนี่ไง ก็ปล่อยสิเดินเองได้”
“ทำไมเป็นเลขา ฯ ที่ดื้อขนาดนี้คะ นี่พี่เป็นเจ้านายนะ จะไม่ฟังกันเลยเหรอ” คนที่อุ้มฉันอยู่ก้มลงมาใกล้จนฉันต้องเบี่ยงหน้าหนี
นิสัยไม่ดี! เกลียดจริง ๆ เกลียดทั้งรอยยิ้มบ้า ๆ นี่ เกลียดทั้งกลิ่นตัวหอม ๆ ของเขาด้วย เกลียด! เกลียดที่สุด!
“ไอ้บ้า! เรื่องแบบนี้ใครจะไปเชื่อฟังล่ะ” ฉันไม่สนใจคำพูดเขาก่อนจะออกแรงดิ้นอย่างคนเอาแต่ใจต่อ แต่ยิ่งดิ้นคนที่อุ้มอยู่กลับกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
“ถ้ายังดื้ออีก พี่จะดุนะคะ”
“ไม่สน ปล่อย!”
“อยากโดนพี่ดุแบบเมื่อวานเหรอคะ” คนที่อุ้มกันอยู่เคลื่อนใบหน้าลงใกล้กันมากยิ่งขึ้น จนฉันต้องหยุดดิ้นแล้วเคลื่อนมือมาปิดริมฝีปากตัวเองโดยอัตโนมัติ
เห็นแบบนั้นเขาก็ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจแล้วออกเดินต่อไป “อยากให้พี่ปล่อยมั้ยคะ”
ฉันพยักหน้าตอบเขาแทน เพราะยังไม่ไว้ใจที่จะเปิดปากตัวเองในตอนนี้ ก็เพราะคนแบบเขามันไว้ใจไม่ได้ไงล่ะ!
“งั้นขอร้องพี่หวาน ๆ เพราะ ๆ หน่อยสิคะ แล้วพี่จะปล่อย”
ฉับขบริมฝีปากแน่นอย่างคนคิดหนัก จะให้พูดหวาน ๆ ใส่สถานการณ์แบบนี้ก็เสียศักดิ์ศรีนะสิ
แต่ถ้าไม่พูด… ฉันก็ต้องโดนเขาอุ้มอยู่แบบนี้นะเหรอ ทางไหนก็แย่พอกัน
“คุณภาคิน… ปล่อยจีนลงได้มั้ยคะ” สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง แล้วพูดอย่างขอไปที
ยังไงก็ดีกว่าโดนคนเจ้าชู้ ปลิ่นปล้อนแบบเขาอุ้มอยู่ก็แล้วกัน มือเขามันนิ่งซะที่ไหนล่ะ!
ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าเขาคิดจะหาเศษหาเลยจากฉันอยู่ สารเลวที่สุดเลย!
“ยังไม่พอใจค่ะ” เขายู่ปากด้วยท่าทางน่ารัก ๆ เพื่อแสดงออกมายังไม่พึงพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ฉันสูดลงหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อเรียกความอดทนอดกลั้นของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยสรรพนามที่ฉันใช้เรียกเขาก่อนจะรู้ความจริงที่ทำเอาฉันช็อกจนแทบไม่อยากจะเจอคนตรงหน้าอีก “พี่ภัค… ปล่อยจีนลงได้มั้ยคะ”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่อยากได้ยินเขาก็ยกยิ้มกว้างก่อนจะค่อย ๆ วางตัวฉันลงกับพื้นอย่างเบามือ “ได้ค่ะ ถ้าน้องจีนขอพี่ไม่ขัดใจอยู่แล้ว”
“ไม่ขัดใจกับผีนะสิ ไอ้คนสารเลว!” ฉันจิกกัดคนตรงหน้าเสียงเบาแล้วทำท่าจะเขยิบออกห่าง แต่ยังไม่ทันไรก็กลับโดนเขาคว้าข้อมือเอาไว้ก่อนด้วยความรวดเร็วอีกครั้ง
“นี่!”
“ปล่อยให้เดิน แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้เดินเองคนเดียวนี่คะ” พูดจบเขาก็กระตุกตัวฉันเข้าไปใกล้ ทั้งยังยกยิ้มด้วยความชอบใจกับสีหน้าของฉัน “เมื่อวานคุณอิ๋วมารายงานพี่ว่า น้องจีนโดนน้ำร้อนลวกด้วย เจ็บมากหรือเปล่าคะ”
“ยุ่งอะไรด้วย”
“พี่รู้สึกผิดค่ะ ที่เมื่อวานพี่ไม่ได้สังเกตมัวแต่...” คนตรงหน้าไล่สายตามองที่ริมฝีปากฉัน เห็นท่าทีแบบนั้นฉันก็ยกมือขึ้นทุบไหล่เขาอย่างแรงจนเจ้าตัวต้องคว้ามือข้างนั้นของฉันเอาไว้
“ไอ้ทุเรศ! ไม่ต้องมารู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น จีนแค่ชงกาแฟตามหน้าที่ แล้วก็หายดีแล้วด้วยเพราะคุณอิ๋วเอายาดีมาให้” คนอย่างเขามันก็แค่งูพิษ! งูพิษจริง ๆ
“ดีจังเลยค่ะ ไม่เสียแรงที่พี่บอกให้คุณอิ๋วซื้อยาที่ดีที่สุดในร้านมาให้ เพราะกลัวมือสวย ๆ ของน้องจีนจะเป็นแผล” พูดจบรอยยิ้มมุมปากของคนตรงหน้าก็ผุดขึ้นมา พร้อมกับนิ้วเรียวที่ลูบข้อมือฉันอย่างแผ่วเบา
จนเป็นฉันเองที่รู้สึกแปลก ๆ กับสัมผัสดังกล่าวก่อนจะตั้งสติแล้วพยายามหมุนข้อมือออกจากฝ่ามือใหญ่ “ทำไม! จะมาทวงบุญคุณหรือไง”
“เปล่าคะ พี่แค่จะบอกว่าต่อไปน้องจีนไม่ต้องชงกาแฟให้พี่แล้วก็ได้ค่ะ”
“จะไม่ทำได้ยังไง มันเป็นหน้าที่ของเลขา ฯ นะ”
“พี่ไม่ได้มีเลขา ฯ คนเดียวนี่คะ ให้คุณเมย์ทำไปเถอะค่ะ”
ได้ยินแบบนั้นอารมณ์โมโหของฉันกลับยิ่งทวีคูณเหมือนถูกราดน้ำมันใส่ จนไฟมันลุกสูงขึ้นมามากกว่าเดิม “อ่อ... จีนคงจะชงได้ไม่ถูกใจเท่าคู่ขาของคุณภาคินสินะคะ!”
“คงจะอย่างนั้นมั้งคะ” ใบหน้าที่ยังคงแย้มยิ้มของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกหมั่นไส้จนอยากกางเล็บแล้วขวนหน้าเขาให้หายแค้น “พี่ว่าของน้องจีนชงหวานไปหน่อย ดื่มแล้วไม่ค่อยมีสมาธิทำงานค่ะ”
“ตอแหล! จีนไม่ได้ใส่น้ำตาลสักนิดจะหวานได้ไง”
“สำหรับน้องจีน ไม่ต้องใส่น้ำตาลก็หวานค่ะ”
ฉันชะงักกับหยอกเอินที่ได้ยิน แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ตั้งสติขึ้นมาใหม่ พยายามไม่หลุดลอยไปกับคำพูดหวานอาบยาพิษแล้วสะบัดข้อมือตัวเองที่ยังไม่หลุดออกจากฝ่ามือเหนียวหนึบของคนตรงหน้า “ปล่อย! ไม่ต้องมาจับเลย”
“ปล่อยไม่ได้ค่ะ ลูกแมวน้อยของพี่ซนแบบนี้ต้องจับไว้ให้แน่น ๆ สิคะ เดี๋ยวเดินหลงไปแล้วแย่เลย”
“ใครเป็นแมว!”
“ไม่ใช่เหรอคะ เห็นขู่ฟ่อ ๆ เลย”
“จีนเกลียดคุณ!”
“แต่พี่ชอบน้องจีนนะคะ”
TALK WITH ME
อาศัยหยอดวันล่ะนิดให้น้องใจอ่อนเหรอคะ แต่น้องจีนจะไม่นอมง่าย ๆ หรอกค่ะ แล้วอิพี่จะมีแผนอะไรอีกมั้ยน้าาา
..
ตอนนี้ทั้งหนังสือทั้งอีบุ๊คยังไม่มีอะไรให้อัปเดทมินนิคก็เลยยังไม่อัปเดทนะคะ ทุกฝ่ายก็คือกำลังทำงานอย่างเต็มที่ มินนิคก็ตั้งใจเขียนเต็มที่ค่ะ ตอนแรกแพลนว่าจะเปิดพรีกลางเดือน อีบุ๊คออกปลายเดือน แต่ยังไม่ชัวร์ค่ะ เพราะฝ่ายพิสูจน์อักษรเขาเกิดแอคซิเดนด้วย ไว้มินนิคเห็นแบบร่างปกน่าจะพอกำหนดวันที่แน่ชัดได้มากกว่านี้ค่ะ ไว้จะอัปเดทเรื่อย ๆ น้าาา สั่งวาดภาพไปเยอะเลยเรื่องนี้ เดี๋ยวเขาจะเอามาอวดน้า >< ขอบคุณณที่ติดตามพี่ภัคกับยัยน้องเยอะแบบเน้ รักนะคะ
ใครอยากอ่านตะปอยความแซ่บของฝีปากยัยน้อง ไป จิ้มดูได้ที่เพจ MINNIK นะคะ ขอฝากเพจหน่อยไปกดไลก์กันได้น้า ♥
.
ป.ล. ใครเล่นทวิตไปคุยกันในแท็กได้นะคะ วันดีคืนดีมินนิคก็ไปสปอยในนั้นแหละ >,<
MINNIK
มีคำผิดบอกได้นะคะ เพราะแต่งสดลงสดงับ
อย่าลืมกด ♥ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจดี ๆ ใจเรานะคะ
1 เมนต์ = สิบล้านกำลังใจ
ร๊ากกกรีดเดอร์สองล้านเท่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สภาวะอารมณ์ของน้องจีนเป็นรองเห็นๆนะ เอาใหม่ต้องใจเย็นก่อน เพราะอิคุณพี่ภัคนี่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวและเก๋าเกมกว่ามาก ต้องใช้แผนอ่อนนอกแข็งในไม่งั้นเสียเปรียบ จะโดนตอดเรื่อยๆ..หยอดมาอ่อยมาก็เงียบไว้หรือไม่ก็ทำเออออไปก่อน แต่ถ้าเข้าถึงตัวก็ค่อยๆพูดเป็นเชิงขอให้เขาให้เกียรติผู้หญิงบ้าง..ถ้าเขาไม่ห่ามจริงๆก็ต้องฟังเราบ้างแหละ555
นอกจากจะชอบคุณภาคิณแล้ว ยังชอบคนเขียนมากๆค่ะ แต่งได้ใจมากๆ 55555
พี่ภัค เอะอะอุ้ม เอะอะจูบเขาน๊า นั่นเลขานะคะยังม่ใช่แฟน🤣🤣🤣
บุคลิกจีน นิ แรงๆ ตรงๆปากจัดด่าแรงปะ แต่ไม่ได้ด่าใครมั่วซั่วก่อน คือเหมือนต้องมาสะกิดหรือโดนระรานก่อนงี้ ดูจากที่โดนผู้สมัครงานแกล้งจีนก็ด่าเลย คุณภัคก็ด่าเลย ในมุมนึงมันก็เรียลดี นางเอกควรมีแบบนี้บ้าง
จะอยู่ถึงตอนจบไหมชีวิตฉันนนน
ตกลงใครดื้อกันแน่คะ
น่ารักกกอ่าาาา