ตอนที่ 42 : +ลวงรัก 13+ ห้ามรู้สึก ที่ ‘ยังรู้สึก’ [1] 150%
“ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ” เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้น ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ ๆ อีกข้างของเขาจะเลื่อนมากุมหน้าฉันเอาไว้พร้อมกับนิ้วหัวแม่มือที่ปาดเอาลิปสติกที่เลอะตามขอบริมฝีปากของฉันออกอย่างแผ่วเบา
“ไม่ได้อยากน่ารักสักหน่อย” ฉันสะบัดหน้าหนีการกระทำดังกล่าว
“แต่ก็น่ารักอยู่ดี” ฉันถึงกับชะงักค้างกับคำพูดตรงไปตรงไปตรงมา ก่อนจะเบี่ยงสายตาหลบดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้น
อย่า! ใจ! อ่อน!
“คำพูดของคนอย่างคุณนี่มันเชื่อไม่ได้เลยจริง ๆ เจ้าชู้! กลับกลอก!” ฉันดึงสติตัวเองกลับมาพร้อมกับพยศไม่ยอมเขาท่าเดียว “ปล่อยนะ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะตะโกนจริง ๆ ด้วย”
“เอาเลยค่ะ ถ้าน้องจีนอยากให้คนอื่นรู้ว่าเราอยู่ในนี้กันสองต่อสอง ก็ตะโกนได้เลยค่ะ”
ฉันจ้องคนที่ยังระบายยิ้มอย่างไม่มีความรู้สึกสะทกสะท้านให้กันอยู่ด้วยความไม่พอใจ
ถ้าคิดว่าไอ้จีนจะกลัวล่ะก็คิดผิดแล้ว! ต่อให้โดนคนอื่นมองไม่ดียังไง ก็ยังดีกว่าต้องมาอยู่กับคนอันตรายอย่างเขาสองต่อสองในที่ลับตาคนแบบนี้อยู่แล้ว “ช่วยด้วยค่ะ! ชะ…”
เสียงตะโกนจนสุกเสียงของฉันขาดหายไปเมื่ออยู่ ๆ คนตรงหน้าก็ยกมือขึ้นมาปิดปากฉันพร้อมทั้งส่งสายตาดุ ๆ แกมล้อเล่นมาให้กัน “เดี๋ยวน้องจีนจะโดนมองไม่ดีเอานะคะ นี่พี่หวังดีนะ... โอ๊ย!”
ไม่ต้องรอให้เขาพูดจบฉันก็กัดฝ่ามือใหญ่เข้าเต็มแรง จนเจ้าตัวต้องยอมปล่อยมือออกไป
“หน้าตาชั่วขนาดนี้ ยังมีหน้ามาบอกว่าหวังดีอีกเหรอ ใครเชื่อก็โง่แล้ว!”
ฉันกระตุกยิ้มด้วยความสะใจที่ทำให้เขาเจ็บตัวได้ แล้วอ้าปากหมายจะตะโกนขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฝ่ามือใหญ่ของอีกคนไม่ได้ยกขึ้นมาปิดริมฝีปากฉันเหมือนครั้งก่อน แต่กลับยึดคางกลมมนของฉันบังคับให้หันกลับมาหาเขา ก่อนที่คนร่างสูงตรงหน้าจะทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มของตัวลงมาทันทีโดยไม่ปล่อยเวลาให้ได้ตั้งตัว
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ ก็โดนคนตรงช่วงชิงความเป็นอิสระของริมฝีปากตัวเองด้วยการจุมพิตร้อนอย่างบางเบาต้องการจะหยุดคำพูดของฉัน และเพียงไม่นานเขาก็ผละตัวออกไปทั้งยังยกมุมปากหยักลึกขึ้นอย่างผู้ชนะ
“อะ… อะ ไอ้บ้า! ไอ้ทุเรศ!” ฉันกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ พร้อมทั้งผลักคนตรงหน้าให้ออกห่างอย่างนึกโมโห
“ชู่ว~” นิ้วเรียวยาวแตะลงบนริมฝีปากฉันพร้อมการส่งเสียงเตือนให้ฉันเงียบเสียงลงจากคนตรงหน้า “ก็พี่บอกแล้วไงคะว่าอย่าเสียงดัง น้องจีนดื้อไม่เชื่อพี่เองนะ อ่ะ!”
ฟังที่เขาพูดจบฉันก็อ้าปากหมายจะงับนิ้วของคนสารเลวให้หายแค้นใจ แต่ก็เหมือนเดิม... เขาหลบได้ อีกแล้ว!
ทำไมฉันสู้เขาไม่ได้สักอย่างเลยนะ! ทำไมฉันต้องแรงน้อยกว่า ทำไมฉันต้องตกหลุมพรางเขาทุกครั้ง
“มาจูบทำไม! ไม่ให้จูบ!” ทำไมฉันต้องทำได้แค่ด่าด้วยวะ!
“อะไรกันคะน้องจีน วันที่ค้างด้วยกันน้องจีนเป็นคนเริ่มจุ๊บปากพี่เป็นการให้รางวัลอยู่เลย ไม่กี่วันก่อนก็มาขโมยจุ๊บพี่ทีเผลออีก มาวันนี้พี่ขอจุ๊บน้องจีนกลับเป็นการยินดีที่ได้ร่วมงานกัน ทำไมคนดื้อผลักไสพี่ซะงั้นล่ะคะ”
“จีนไม่ได้อนุญาต มาจุ๊บบ้า จุ๊บบออะไร”
“ทุกครั้งน้องจีนก็ไม่เคยขออนุญาตพี่นะคะ พี่ยังไม่ว่าอะไรเลย”
ฉันขบริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ แต่ก็เถียงเขาไม่ออก ในเมื่อเรื่องการสกินชิพทั้งหลายแหล่ของเราสองคนในแต่ละครั้ง ฉันเป็นคนเริ่มมันก่อนทั้งนั้น เริ่มมันก่อนทุกครั้งเลยด้วย
แต่ว่าตอนนี้น่ะ… มันไม่เหมือนเดิมแล้วนี่!
เขาไม่ใช่ภัคกี้ที่ฉันรู้จักสักหน่อย ในตอนนี้ฉันเหมือนไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ เขาก็แค่...
“คนขี้โกหก ไอ้คนสารเลว!” เอ่ยปากด่าเมื่อนึกถึงเรื่องที่คนตรงหน้าตีเนียนเป็นภัคกี้เกย์หนุ่มใจดี พร้อมกับพยายามใช้ส้นสูงที่ใส่อยู่กระทืบเท้าคนตรงหน้าไปด้วย
แต่ก็เหมือนเขาจะจับทางฉันได้ไปหมด มันถึงได้กระทืบไม่โดนสักทีเนี่ย!
“ยิ่งทำแบบนี้น้องจีนก็ยิ่งเจ็บเท้าเองนะคะ”
“ก็ปล่อยสักทีสิไอ้บ้า!”
“พูดแบบนี้กับเจ้านายไม่น่ารักเลยนะคะ ถ้าคนอื่นมาได้ยินจะหาว่าน้องจีนเป็นเด็กไม่ดีนะ พี่เคยบอกแล้วนะคะว่าพี่จะดุ”
“ดุบ้าดุบออะไรล่ะ!”
“ถึงน้องจีนจะน่ารักแต่พี่ก็มีวิธีดุนะคะ” ไอ้บ้านี้มันจงใจยั่วโมโหกันชัด ๆ ไม่ทนแล้วนะ!
“ไปดุไกล ๆ Teen!” ด่าด้วยถ้อยคำเจ็บแสบพร้อมกับก้มหน้าลงพยายามกัดข้อมือของอีกคนให้หายแค้นใจ
แต่... เขาก็หลบได้มันทุกที
เออ! ไหลลื่นให้มันทุกเรื่องแบบนี้สิดี! โจมตีไม่ได้สักอย่าง ดีแต่ด่าจริง ๆ เลยไอ้จีน
“ดุจริง ๆ นะคะ”
“ไอ้บ้า! ไอ้คนเลว! ไอ้ชีกอ! ไปตายซะ…” ฉันที่กำลังหลับหูหลับตาสาดคำด่าเสีย ๆ หาย ๆ ใส่ผู้ชายร้ายกาจตรงหน้า กลับต้องกลืนคำด่าทั้งหมดลงคอ เมื่อถูกอีกคนคว้าต้นคอรั้งเข้าไปใกล้แล้วฉกฉวยริมฝีปากของฉันไปอีกครั้ง
“อือ!” ฉันขบริมฝีปากแน่นทันทีที่ตั้งสติได้ ทั้งมือ และเท้าที่ถูกเขาล็อกเอาไว้ก็ยังพยายามผลักเขาออก พร้อมดิ้นไม่หยุด ทำไมจะไม่รู้ว่ารอบนี้คนตรงหน้าไม่ได้ต้องการแค่จุมพิตเบา ๆ อย่างที่ทำก่อนหน้านี้แน่นอน
ในเมื่อเขาออกปากเตือนฉันไปแล้วตั้งสามครั้ง...
เขาครอบครองริมฝีปากฉันด้วยเรียวปากอวบอิ่มของเขา ทั้งยังพยายามจะแทรกเรียวลิ้นเข้ามาด้วยความร้อนแรงจนเกินจะต้าน แต่ฉันที่ยังคุมสติอยู่ก็ขบริมฝีปากตัวแน่นไม่ยอมปล่อย
และแค่เพียงพริบตาเดียวสัมผัสร้อนของเขาก็แปรเปลี่ยนมาเป็นความอ่อนโยน นุ่มนวลขึ้นมาจนฉันสับสน มึนงง และไม่สามารถจับทางเขาได้ ทั้งค่อย ๆ ละเลียดละไมชิมรสหวานจากริมฝีปากฉันอย่างอ้อยอิ่ง และแผ่วเบา จนฉันแคลงใจ ก่อนจะยอมปล่อยมือที่เกาะกุมข้อมือฉันออก เพื่อให้ทุบตีเขาได้อย่างเต็มที่
ฉันจึงตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการหาทางรอด เพราะท่าทีเขาก็ดูเหมือนจะยอมอ่อนข้อให้กัน เมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมให้เกิดดีพคิสขึ้น เขาก็พร้อมจะยอมปล่อย และไม่คิดจะบังคับ…
ยังคงเป็นภัคกี้ที่แสนใจดีเหมือนเดิม
ซะที่ไหนล่ะ!
“อ่ะ!” เพราะไม่ทันไร ฝ่ามือใหญ่ที่เคยกุมข้อมือฉันไว้ก็ย้ายไปวางบนสะโพกโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉันที่ตกใจกับการกระทำอันรวดเร็วนั้น จึงเผลออ้าปากร้องห้ามคนตรงหน้าทั้งที่ริมฝีปากยังแนบชิดกันอยู่
“หึ!” เสียงหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจดังขึ้น ทำให้รู้ตัวว่า ฉันเสียท่าให้คนมือไวใจเร็วแบบเขาเข้าซะแล้ว
และช่วงเวลานั้นเองที่เป็นช่องโหวให้ผู้ชายอันตรายอย่างเขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามาครอบครองริมฝีปากฉันอย่างเต็มรูปแบบ ฉันที่ยังคงทุบตีเขาอย่างไม่ลดละก็ถูกแขนแกร่งโอบรอบเอวให้ขยับเข้ามาแนบชิดแผงอกหนาจนแทบไม่เหลือช่องว่างระหว่างเรา
คุณภาคินปรับองศาใบหน้าของฉันให้รับกับริมฝีปากเขาได้อย่างแนบชิด และแนบแน่นมากยิ่งขึ้น เรียวลิ้นร้อนแทรกเข้ามาสำรวจไปทั่วทุกมุมในโพรงปากของฉันอย่างคนเชี่ยวชาญชำนาญการ ดูดดึงด้วยความเอาแต่ใจ อย่างคนหิวกระหาย
ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้ แต่มันกลับเป็นฉันเองที่เสียอาการ และเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
ความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อบินว่อนอยู่ในช่องท้องเต็มไปหมด จนฝ่ามือที่กำลังทุบตีผู้ชายตรงหน้าแปรเปลี่ยนมากำสูทของเขาไว้แน่น เพื่อระบายความรู้สึกปั่นป่วนในตอนนี้ก็เท่านั้น
เมื่อเห็นว่าฉันไม่มีท่าทีพยศใด ๆ ใส่กันอีก เขาก็ค่อย ๆ กอดกระชับฉันให้แน่นขึ้น มือแกร่งที่เคยล็อกรอบคอฉันเอาไว้ไม่ให้หันหนี ก็ลูบไล้ต้นคอฉันอย่างแผ่วเบาเพื่อให้ฉันผ่อนคลายจากอาการเกร็ง และพร้อมที่จะตอบรับสัมผัสของเขา
เรียวลิ้นร้อนที่มีกลิ่นมิ้นท์ผสมเชอร์รี่เริ่มต้อนเกี่ยวกวัดกับเรียวลิ้นฉันไปมาอย่างเชื้อเชิญ และยังไม่ทันได้คิดอะไรฉันที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์ที่ไร้สติก็เผลอตอบรับสัมผัสของเขาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวเองผลักไสเขาแทบตาย
อาการฉันมันเหมือนคนไร้สติที่ถูกคนตรงหน้ากรอกเหล้าวอดกาเพียว ๆ เข้าปากโดยไม่รู้ตัว มันทั้งเคลิบเคลิ้ม และมัวเมา เหมือนเมรีขี้เมาที่ซัดเหล้าเข้าไปเต็มเหนียวจนอีกคนชักนำไปทางไหนก็พร้อมจะเดินตามเขาไปในทันที
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาทีที่เราสองคนมาแอบทำอะไรแบบนี้ในห้องเก็บของเล็ก ๆ ข้างห้องน้ำ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แข้งขาฉันเริ่มอ่อนแรง จนในที่สุดคนตัวสูงก็ยอมปลดปล่อยริมฝีปากฉันให้เป็นอิสระ แต่ก็ยังไม่คิดจะขยับตัวออกห่างกันสักนิด ทั้งยังช่วยประคองตัวฉันไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น เพราะรู้สึกหมดแรงกับสัมผัสวาบหวามที่เกิดขึ้น
ฉันรีบหลุบตาลงไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าทันทีที่รู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอทำอะไรน่าอายลงไป ทั้งใจยังเต้นรัว เหมือนออกไปวิ่ง 4 x 100 เมตรมาซะอย่างนั้น
ไม่เคย… ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะถูกจูบดูดดื่ม เหมือนจะกลืนกินกันทั้งตัวขนาดนี้
จูบจนแทบล้มแบบนี้ นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย!
“จูบเก่งนะคะ” เสียงกระซิบแผ่วเบาพร้อมคำพูดแสนน่าอายที่ทำเอาหน้าฉันเห่อร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ “น้องจีนทำให้พี่ต้องอดทนอยู่บ่อยครั้งเลยนะ รู้ตัวมั้ย”
TALK WITH ME
ดุจริง ๆ ดุชิบเป๋งเลยพ่อ!!! เจ้าเล่ห์เจ้ากลอะไรนักอะคนเรา ทำไมจัดการลูกแมวแง้ว ๆ ได้ จูบทั้งพาทแบบนี้ได้เหรอคะ แงงงงงงงงงง อิพี่มันเอาคืนที่น้องขโมยจูบเหรอ งง // ใครหาพระเอกแสนดีทุกระเบียบนิ้ว อันนี้ไม่ใช่ทางนะคะ ความชั่วร้ายจะเพิ่มขึ้นตามเลเวลการแสดงตัวคร่ะะะ
ใครอยากอ่านตะปอยความแซ่บของฝีปากยัยน้อง ไป จิ้มดูได้ที่เพจ MINNIK นะคะ ขอฝากเพจหน่อยไปกดไลก์กันได้น้า ♥
.
ป.ล. ใครเล่นทวิตไปคุยกันในแท็กได้นะคะ วันดีคืนดีมินนิคก็ไปสปอยในนั้นแหละ >,<
MINNIK
มีคำผิดบอกได้นะคะ เพราะแต่งสดลงสดงับ
อย่าลืมกด ♥ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจดี ๆ ใจเรานะคะ
1 เมนต์ = สิบล้านกำลังใจ
ร๊ากกกรีดเดอร์สองล้านเท่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ป้าขอตำหนิหนูนิ๊ดดดนึงนะลูก
ป้าว่าการที่หนูหน้าแตกชนิดหมอไม่รับเย็บในครั้งนี้ มันเกิดจากการที่หนูทึกทักเอาเองคนเดียวเลยนะคะ ป้ายังไม่เห็นคุณภาคินบอกหนูตอนไหนเลยว่าเธอเป็นเพศที่สาม หรือมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันเลย ป้าเห็นแต่หนูคิดเอาเองว่าคุณภาคินเธอเป็นแบบนั้น เพราะว่าหนูฟังเพื่อน และหนูก็ไปเจอคุณเขาในบาร์เกย์เท่านั้นเองนะคะ หนูยังไม่ได้ถามคุณภาคินเค้าตรงๆซักครั้งเลยลูก
ป้าเข้าใจว่าหนูโกรธที่คุณภาคินเธอไม่ยอมอธิบาย ปล่อยให้หนูเข้าใจผิดอยู่ได้เป็นนานสองนาน และจริงๆ เธอก็ทำไม่ถูกที่เก็บเงียบไม่ยอมพูด แต่ป้าก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเหตุผลให้หนูไปทำตัวก้าวร้าวใส่คุณเขาได้นะคะ
น้องจีนต้องยอมรับความจริงก่อนว่าถึงคุณภาคินจะไม่เคยอธิบาย แต่เธอก็ไม่เคยบอกหนูว่าเธอมีรสนิยมทางเพศแบบพิเศษ ดังนั้นการที่หนูจะไปต่อว่าเธอแบบที่ทำอยู่ มันก็ไม่ถูกนะคะ อีกอย่างน้องจีนเป็นเด็ก การที่หนูใช้คำหยาบคายแถมยังตะโกนใส่คนที่มีอาวุโสมากกว่าแบบนี้ มันไม่น่ารักเอาซะเลย นอกจากไม่น่ารัก มันยังจะแปลความได้อีกหลากหลาย เช่นว่าหนูได้รับการอบรมมาอย่างไร หนูมีวุฒิภาวะทางอารมณ์แค่ไหนนะคะ ป้าอาจจะแก่คร่ำครึไปซักหน่อย แต่การที่หนูไปตะโกนด่าคุณภาคินอย่างหยาบคายแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ ป้าคิดว่ามันไม่ดีเลยลูก นอกจากจะไม่เหมาะสมแล้ว มันยังเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าน้องจีนยังไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เลยลูก
ป้ายกประโยชน์ให้จำเลยตอนที่หนูไปหาเรื่องทะเลาะกับสองสาวระหว่างรอสัมภาษณ์ เพราะตอนนั้นหนูโดนเค้ากระทบกระเทียบใส่ก่อน แต่ถึงอย่างนั้นถ้าป้าเป็นคนสัมภาษณ์หนู ป้าตัดสิทธิ์ทั้งหนูทั้งแม่สองสาวนั่นทันทีที่รู้ว่าทะเลาะกันเลยจ๊ะ ป้าจะไม่ถามเหตุผลด้วยว่าใครเริ่ม เพราะว่าการไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง ไม่รู้จักอดทนอดกลั้น ก็แปลว่าคนๆนั้นไม่เหมาะสมที่จะทำงานร่วมกับคนอื่น ถึงหนูจะโปรไฟล์เริศหรูอลังการขนาดไหน ป้าก็ไม่ให้ผ่านแน่นอน เพราะการทำงานร่วมกับคนที่ไม่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มันก็เหมือนการทำงานร่วมกับระเบิดเวลา ไม่รู้ว่าจะเกิดระเบิดขึ้นมาตอนไหน ถ้าสมมติหนูมีหน้าที่ต้องประสานงานกับลูกค้า แล้วลูกค้าเรื่องมากหรือพูดจาไม่ดี เกิดหนูจะไปแว้ดใส่ลูกค้าภาพลักษณืของบริษัทก็จะเสียหาย แถมลูกค้าจะมองว่าเราทำงานไม่เป็นมืออาชีพด้วย เสียหายหลายอย่าง นอกจากนี้คนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทำตัวเป็นน้องคนเล็กตลอดเวลา มันจะทำให้บรรยากาศในการทำงานน่าเบื่อหน่าย ไม่มีใครอยากทำงานด้วยนะจ๊ะ
หนูต้องอย่าลืมว่าตอนนี้หนูเข้ามาในสังคมการทำงาน ไม่ใช่สังคมเด็กนักเรียนอย่างที่ผ่านมา คนรอบข้างและเพื่อนร่วมงานรวมทั้งหัวหน้าหนูเขาไม่ใช่พ่อแม่พี่ชายหรือเพื่อนสนิทเพื่อน ที่เข้าใจการแต่ใจโดยไม่มีเหตุผลของหนู หรือทนรองรับอารมณ์หนูได้ตลอดเวลานะลูก
ป้าเข้าใจว่าหนูพึ่งจบปริญญา ยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก แถมเป็นลูกสาวคนเล็กที่ได้รับการโอ๋มาตลอด ทำให้มีนิสัยแบบเด็กเอาแต่ใจ แต่ป้าแนะนำว่าการพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ดี และแสดงออกอย่างมีกึ๋นอีกซักหน่อย หนูจะเดินสะบัดบ็อบสวยๆใส่คุณภาคินให้ใจเสียเล่นได้ง่ายๆ เลยนะจ๊ะ อีกอย่างมันจะทำให้หนูสามารถทำงานเข้ากับคนอื่นได้ดี ซึ่งจะทำให้โอกาสที่จะไม่มีปัญหากับผู้ร่วมงานคนอื่นน้อยลงด้วยจ๊ะ
ด้วยรัก
จากคุณป้านักอ่าน ถึงน้องจีนในเรื่อง Just Me!
กลร้าย ลวง(ให้)รั
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 30 มกราคม 2564 / 06:53
1. เป็นผู้ที่ได้รับการอบรมมาดี
2. เป็นการสร้างเสน่ห์ให้กับตัวเองอย่างง่ายๆ เพราะทุกคนก็คงอยากพูดกับคนที่พูดจาน่ารัก มากกว่าพูดกับคนที่พูดไม่ค่อยน่ารักใช่ไหมล่ะจ๊ะ
การเป็นตัวของตัวเอง มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรทุกอย่างที่เราอยากทำได้ การเป็นตัวของตัวเองคือการไม่คล้อยตามความคิดเห็นของคนอื่น ไม่โลไปเลยมา ไม่กลืนไปกับกระแสคลื่น แต่การแสดงตัวตนก็ควรอยู่บนพื้นฐานของมารยาททางสังคม เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ แสดงความคิดเห็นอย่างที่ตัวเองคิดได้ แต่ในหลวงณะที่เราเคารพตัวเอง เราก็ควรต้องเคารพคนอื่นด้วย ไม่จำเป็นว่าการพูดหยาบคายคือการแสดงความเป็นตัวของตัวเอง คนที่พูดจาน่ารักก็เป็นตัวของตัวเองได้จ๊ะ
ในความคิดของป้า การพูดคำหยาบคายหรือการแสดงกริยาก้าวร้าวไม่ได้หมายความว่าคนคนนั้นแสดงความเป็นตัวเองออกมา แต่มันเป็นการเขียนประกาศแปะไว้กลางหน้าผากว่าชั้นอ่อนแอ และสิ่งที่ทำคือการสร้างเกราะหนามขึ้นมาทิ่มแทงคนอื่นเพื่อซ่อนความอ่อนแอของตัวเองนะคะ
ป้าเข้าใจว่าน้องจีนโกรธและเสียใจถึงทำตัวไม่น่ารักแบบนั้น แต่ป้าก็ยังอยากแนะนำให้น้องจีนต้องหัดควบคุมตัวเอง เพราะป้าเห็นว่าหนูมักจะปล่อยตัวให้ทำอะไรตามอารมณ์หลายครั้ง อย่างการไปทะเลาะกับแม่สองสาวนั่น หรือการไปขโมยจูบคุณภาคอนก่อนหน้านี้ด้วย การทำตัวเพลิดไปตามอารมณ์ไม่ว่าจะรักหรือโกรธโดยไม่พยายามใช่สติกำกับ มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย มันจะเป็นจุดอ่อนที่คนอื่นจะเอามาทำค้ายได้ง่ายๆ น้องจีนต้องเรียนรู้ที่จะเก็บอารมณ์ สีหน้าของตัวเองบ้างไม่ใช่คิดอะไรก็ปล่อยออกมาเสียหมด ไม่ถึงกับจะต้องฉีกยิ้มใส่หรืออะไรขนาดนั้น แต่การหัดระงับอารมณ์ตัวเอง เก็บสีหน้า ท่าทาง ให้คนเดาเราไม่ถูกนั้นป้าเห็นว่ามันจะเป็นผลดีกับน้องจีนในอนาคตแน่นอนจ๊ะ
และอันที่จริงป้าก็อยากตำหนิคุณภาคินหนักๆเลยด้วยที่ทำพฤติกรรมไม่ให้เกียรติ์ผู้หญิงแบบนี้ ถึงจะอยากปรับความเข้าใจยังไง แต่การการฉวยโอกาสฉุดลากคนอื่นเข้าไปอยู่ในมุมลับตาแถมลวนลามด้วยนั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องแน่นอน น้องจีนสามารถแจ้งความเพื่อดำเนินคดีอาญาข้อหากระทำอนาจารกับคุณภาคินได้เลยนะคะ
อันที่จริงแทนที่จะอาละวาดโวยวาย หรือพูดจาหยาบคายใส่แบบที่ทำไปแล้ว แต่ถ้าน้องจีนพยายามประนีประนอม (และเก็บหลักฐานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้) เพื่อที่จะออกจากสถานที่ลับตานั้น และไปแจ้งฝ่ายบุคคลว่าโดนทำ sexual harassment ป้าว่าจะเป็นการโต้กลับที่เจ็บแสบมากกว่าการตอบโต้ทางวาจาเยอะเลยจ๊ะ
และป้าก็เฝ้ารอพัฒนาการที่ดีขึ้นจากน้องจีนด้วยค่ะ :)
ใจหายไปหมดแล้ว
ดุจริงๆ
ไปไม่เป็น สุดท้ายก็ไปไม่รอดนะน้องจีน...เอ่อก็..ก็ต้องยอมอ่ะนะ ต้านไม่ไหว ห่างชั้นกันเกินไป ยอมค่ะ...ยอมมมม อิอิ