ตอนที่ 41 : +ลวงรัก 12+ คิดถูก ที่ ‘คิดผิด’ [2] 150%
“ฉันก็คิดว่าคุณภาคินสลัดคุณเมย์ทิ้ง แล้วคว้าเธอมาเป็นคู่ขาคนใหม่แล้วซะอีก”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ”
“ก็การที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ มันก็เหมือน ๆ กับเข้ามาด้วยเส้นสายคุณภาคินนั่นแหละ เพราะมันไม่ค่อยถูกต้องตามระเบียบสักเท่าไหร่”
“เส้นสายคุณภาคิน?” ฉันขมวดคิ้วมึนงง ฉันไปใช้เส้นเขาตอนไหนวะ รู้จักก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย
“ก่อนที่ฉันจะโทรไปเรียกตัวเธอ คุณภาคินขอดูรายละเอียดบุคคลที่เข้ามาสัมภาษณ์จากคุณเมย์ แต่คุณเมย์ดันเอาเข้าไปให้แค่ 3 ชื่อ คุณเมย์คัดใบสมัครของเธอออกไป”
คัดออก!? ยัยเลขานั่นมีดีแค่หน้าสวยจริง ๆ ด้วย สันดานนี่เสียแบบไม่ไหวจะเคลียร์
“แต่คุณภาคินก็ไม่ยอม ก่อนจะตามฉันมาแล้วขอใบสมัครของเธอไป แถมยังพูดดุคุณเมย์ต่อหน้าฉันเลยนะ พอฉันบอกว่าจะนัดเธอเข้ามาสัมภาษณ์ใหม่หากเขาสนใจ เขาก็บอกว่าให้รับเธอเข้ามาได้เลย เพราะเขาสัมภาษณ์เธอมาแล้ว”
“สัมภาษณ์จีนเหรอคะ”
“อือ ฉันก็เลยสงสัยว่าเธอคือคู่ขาคนใหม่ของเขาหรือเปล่า เพราะช่วงนี้คุณเมย์เขาดูหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ คิดว่าความสัมพันธ์คงจะไม่ต่อยดีเท่าไหร่แหละมั้ง”
“ไม่ใช่หรอกคะ จีนไม่มีทางไปเป็นคู่ขาคุณภาคินหรอก ว่าแต่… คุณภาคินนี่ก็ดูเจ้าชู้มากเลยนะคะ” ฉันเบ้ปากพร้อมกับหันมาชงกาแฟให้คนที่กำลังพูดถึงต่อ
เส้นสายอะไรกัน เขาอาจจะแค่ถูกชะตาละมั้งเลยโกหกเธอเพื่อตัดปัญหา เพราะดู ๆ แล้วคุณอิ๋วก็ท่าทางจะเนี้ยบไม่น้อย
แต่ถ้ามาทำตัวชีกอใส่ฉันละก็ เจ้านายก็เจ้านายเถอะจะเตะให้น้องชายให้ร้องจ๊ากเลย!
“นี่เดี๋ยวเถอะ! ยังไม่ทันได้เริ่มงานเธอก็นินทาเจ้านายซะแล้วเหรอ” คุณอิ๋วพูดเอ็ดฉัน
“ก็คุณอิ๋วมานินทาเจ้านายให้จีนฟังก่อนเองนี่คะ จีนก็แค่ตามน้ำไปเท่านั้นเอง” ฉันยิ้มน้อย ๆ ให้เธอ ก่อนจะยกจานซาลาเปาพร้อมกาแฟใส่ถาด “จีนพร้อมไปเจอคุณภาคินแล้วค่ะ”
“เอาเถอะ ถ้าเธอไม่ใช่คู่ขาคนใหม่ก็ดีแล้วล่ะ ฉันขี้เกียจจะห้ามศึกเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในบริษัท คุณภาคินเองก็แพรวพราวใช่เล่น สาว ๆ ในบริษัทนี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่”
“ไม่ใช่แน่นอนค่ะ จีนมีคนที่จีนเล็งเอาไว้แล้ว คบคนในบริษัทน่าอึดอัดจะตาย” ฉันขยิบตาให้เธอ
เห็นแบบนั้นคุณอิ๋วก็ส่ายหัวก่อนจะเดินนำฉันไปหน้าห้องคุณภาคิน แล้วยกมือขึ้นเคาะประตูตามมารยาท “อิ๋วพาเลขา ฯ คนใหม่มารายงานตัวค่ะคุณภาคิน”
พูดจบเธอก็เปิดประตูเข้าไปทันที ฉันกวาดตามองภายในห้องที่เดินเข้ามาก็เจอโต๊ะรับแขก ก่อนจะมองตรงเข้าไปยังโต๊ะทำงานของคนที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในที่แห่งนี้ ฉันเคลื่อนสายตามองเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ที่หันเบี่ยงไปด้านหลังให้เราสองคนอยู่ ทำให้ฉันเห็นเพียงเสี้ยวหน้าเท่านั้น ทั้งยังได้ยินเสียงคุณโทรศัพท์ที่พอจะจับใจความได้บ้าง
เราสองคนรอจนกระทั้งคุณภาคินคุยโทรศัพท์เสร็จเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา พร้อมกับคุณอิ๋วที่เริ่มแนะนำฉันอย่างเป็นทางการ “คุณภาคินคะ คนนี้เลขา ฯ คนใหม่คุณจันทกานต์ แซ่หยี่ หรือว่าคุณจีนค่ะ”
“สวัสดีค่ะ จีนนะคะ เริ่มงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา ฯ เป็นวันแรก ยินดีที่ได้พบกันค่ะคุณภาคิน” ฉันพูดด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเสียง พร้อมคลี่ยิ้มเพื่อสร้างความประทับใจแรกพบ
“ครับ” สิ้นเสียงนั้นเก้าอี้ตรงหน้าก็หมุนหันมาเผชิญหน้ากับฉัน ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหล่าที่บางครั้งก็ดูสวยหวาน พร้อมกับผมสีบลอนด์เทาอันแสนคุ้นตาเพียงแค่วันนี้โดนเซ็ตจัดทรงนิดหน่อย จะแย้มยิ้มให้ฉันเบา ๆ “ผมรู้จักแล้วครับ ยินดีที่ได้พบกันนะครับ คุณจีน”
ฉันเบิกตากว้างมองบุคคนตรงหน้านิ่ง ทั้งรอยยิ้มก่อนหน้านี้ยังหุบลงเร็วพลัน อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
เหมือนตัวฉันตอนนี้ยืนอยู่บนสังเวียนมวยที่กำลังโดนคู่ต่อสู้รัวกำปั้นใส่จนหัวสมองมันว่างเปล่าไปหมด
และใช่! คู่ต่อสู้ก็คือคนตรงหน้าฉันนี่แหละ
“คุณจีน” คุณอิ๋วจะสะกิดฉันเบา ๆ เป็นการเรียกสติให้เข้าไปเสิร์ฟกาแฟให้เจ้านายคนใหม่
ฉันยืนทำใจ พร้อมกลืนก้อนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ก่อนจะก้าวขาเดินตรงเข้าไปหาเขาดั่งหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่ง
ในสมองฉันตอนนี้มันคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิด ทั้งสายตาที่ยังจับจ้อง ทั้งรอยยิ้มของผู้เป็นเจ้านายก็เริ่มพล่าเบลอไปเรื่อย ๆ ก่อนที่ภาพ และคำพูดหลากหลายเหตุการณ์ของเราสองคนจะวิ่งเขามาในหัวไม่หยุด
“จะ… จีน ช… ชงกาแฟมาให้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” คุณภาคินรับแก้วกาแฟที่ฉันส่งให้ และในจังหวะที่มือเราแตะกันฉันก็รีบชักมือออกอย่างกับโดนไฟฟ้าช็อต จนเขาต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาประคองแก้วกาแฟนั้นไว้ไม่ให้หกใส่เอกสารบนโต๊ะเขาซะก่อน
ทำอะไรเนี่ยไอ้จีน! ไม่มีสติเลย... แต่ว่าก็ว่าเถอะ เจอแบบนี้ใครจะมีสติไหววะ
“อิ๋วขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีนัดสัมภาษณ์งานต่อ” ฉันรีบหันหน้าไปหาคุณอิ๋วเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เธอกลับเดินออกไปจากห้องทันทีที่คนเป็นเจ้านายพยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาตโดยไม่แม้แต่จะหันมามองฉันสักนิด
บ้าไปแล้ว! สถานการณ์แบบนี้มาทิ้งให้ฉันอยู่กับเขาแค่สองคนได้ยังไง! ทิ้งกันได้ยังไงเล่า!
“ง… งั้นจีนขอตัว… นะคะ” ฉันหลุบตาลงหนีสายตาของคนตรงหน้าพร้อมกับรีบหมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากห้อง แต่เสียงของอีกคนกลับชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าของฉันเอาไว้ก่อน
“ซาลาเปานั่น ไม่ได้ตั้งใจยกเข้ามาให้ผมเหรอครับ” ฉันยืนหันหลังกำถาดในมือแน่นอย่างทำตัวไม่ถูก
ก่อนที่เสียงของอีกคนจะดังขึ้นต่อ “ผมติดใจซาลาเปาเจ้านี้ซะด้วยสิ พอดีลูกสาวเจ้าของร้านเคยเอามาให้ชิมครั้งนึง แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปอุดหนุนเลยครับ”
เสียงฝีเท้าที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้กัน มันทำเอาฉันกลั้นหายใจจนแทบจะหมดลมเหมือนกลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงลมหายใจกันทั้งที่เราอยู่ในห้องนี้กันแค่สองคน พร้อมกับภาวนาให้ตัวเองหายตัวไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ถ้าจะให้บรรยายความรู้สึกตัวเองตอนนี้นะเหรอ… ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่ ความรู้สึกหลากหลายมันพุ่งเข้ามาทั้งยังปะปนกันไม่หมดจนแยกไม่ออก
“ถ้าไม่ว่าอะไร...” เสียงแหบพร่าที่กระซิบข้างหู พร้อมไอร้อนบริเวณแผ่นหลัง มันทำให้ฉันรับรู้ได้ในทันที ว่าตอนนี้เขาคนนั้นกำลังยืนประกบอยู่ด้านหลัง ทั้งยังเอื้อมมืออ้อมมาหยิบจานซาลาเปาในถาดตรงหน้าฉันไปอย่างช้า ๆ “ผมขอนะครับ”
ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ฉันแน่ใจยิ่งขึ้นไปอีกว่า ผู้ชายคนนี้กับเขาคนนั้น คือ คน ๆ เดียวกันอย่างไม่มีอะไรมาเป็นข้อโต้แย้ง “ยินดีต้อนรับนะคะ น้องจีน”
ฉันถึงกับต้องขบปากแน่นเมื่อขนอ่อนทั่วร่างมันลุกไปทั้งตัว เพียงแค่ลมหายใจที่เป่ารดลงที่หลังใบหู เพียงแค่นี้ก็คาดเดาได้ไม่ยากแล้วว่าเขาเข้ามาใกล้ฉันขนาดไหน
“ขะ… ขอตัว ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันละล่ำละลักพูด เมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ไหว ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องซีอีโอแล้วเลี้ยวหายเข้ามานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องน้ำห้องริมสุดพร้อมกับถาดในมือที่ยังกำแน่นไม่ยอมปล่อย
นี่มัน… เรื่องอะไรกันเนี่ย
ภัคกี้… พี่ภัค… คุณภาคิน… หรือCEO สุดคาวที่ฉันตั้งฉายาให้ พวกเขาคือคน ๆ เดียวกันงั้นเหรอ?
คนเดียวกันจริง ๆ นะเหรอ รุ่นพี่เกย์ใจดีที่ฉันชอบ กับผู้ชายนิสัยเจ้าชู้ที่ฉันรู้สึกไม่อยากเข้าใกล้คือคน ๆ เดียวกัน…
ถ้าอย่างนั้นภัคกี้… ก็ไม่ใช่เกย์สินะ
ถ้าไม่ได้เป็นเกย์ ก็แสดงว่าเขาชอบผู้หญิง ถ้าเขาชอบผู้หญิงก็แสดงว่าฉันจูบกับ…
นี่มันตัวพ่อเลยไม่ใช่หรือไง!!
‘มึงอยู่ห้องพี่ภัคเหรอ นี่มึงเสร็จเขาแล้วใช่มั้ย!’
‘คุณภาคินเองก็แพรวพราวใช่เล่น สาว ๆ ในบริษัทนี่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่’
อยู่ ๆ คำพูดของไอ้กายที่เคยโทรมาหากันตอนที่ฉันไปค้างห้องภัคกี้ ทั้งคำพูดของคุณอิ๋วที่พูดถึงคุณภาคินให้ฟังก่อนเข้าพบเจ้าตัวก็วิ่งเข้ามาในหัวไม่หยุด
ให้ตายเถอะไอ้จีน! ทำไมโง่ได้ขนาดนี้นะ
ทำไมไม่นึกเอะใจตั้งแต่ที่ไอ้กายพูด... ทั้งที่มันพูดด้วยน้ำเสียงยกใจ และไม่ไว้วางใจแท้ ๆ แต่ฉันกลับปล่อยผ่าน ทั้งวันที่ลืมเลือนเรื่องพวกนี้ไป
ไหนจะการที่ฉันไปเจอกับที่งานแต่งไฮโซอีก ทั้งที่ตอนนั้นก็แอบเถียงกับตัวเองในใจอยู่แล้วว่าภัคกี้กับซีอีโอคนนั้นช่างดูคล้ายคลึงกัน
แต่ทำไม… สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะเชื่อสายตา และความคิดแบบผิด ๆ ของตัวเองแบบนี้นะ
ทำไงดีล่ะทีนี่ โอ๊ย!! จะไปมองหน้าเขาติดมั้ยวะ ใครจะไปคิดว่าเป็นคนเดียวกันเล่า เป็นเพราะดันเจอกันในผับเกย์ ทั้งเขายังเป็นผู้ชายหน้าสวยแบบนั้น ฉันก็เชื่อสนิทใจนะสิว่าเป็นเกย์จริง ๆ
“โอ๊ย! จะทำยังไงดีเนี่ยไอ้จีน!” ฉันกระทืบเท้าด้วยความโมโหตัวเอง ทำไมถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้
ซื่อถึงขนาดที่ว่ามองผู้ชายท่าทางร้ายกาจคนนั้นเป็นเกย์หนุ่มน่ารักไปได้ยังไง ทั้งยังไปรุกจูบเขาก่อนเพราะทนความน่ารักปลอม ๆ นั่นไม่ไหว แล้วก็… ไปนินทาว่าร้ายเขาให้เจ้าตัวเขาฟังอีก นี่มันจุดใต้ตำตอที่แท้เลย!
มองหน้าไม่ติดแน่ ๆ ยังไงก็มองหน้าไม่ติด แถมตอนนี้ดันมารู้ตัวว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเขาไปแล้วอีก
ฉันจะจัดการตัวเองยังไงดีละเนี่ย
ฉันควรจะดีใจที่เขาไม่ใช่เกย์ แต่ให้ตาย… ทำไมถึงกล้ำกลืนขนาดนี้นะ พอได้มาพบความจริงว่าเขาไม่ใช่เกย์ แต่เป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อที่ทั้งแพรวพราว และมีชั้นเชิงจนฉันตามไม่ทันเลยสักนิดแบบนี้ มันน่าดีใจตรงไหนกันล่ะ
สู้จีบเกย์แบบที่คิดไว้ตั้งแต่แรกดีกว่าเยอะเลยไม่ใช่เหรอ
พอลองได้คิดย้อนดูแล้ว ฉันเปลืองตัวให้ผู้ชายร้ายกาจคนนี้ไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย! น่าขายหน้าที่สุดในโลกเลย ฉันไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลยนะ
ลาออกไปเลยดีมั้ยวะ…
แต่สัญญาที่เซ็นไปมันโดนปรับตั้ง 5 เท่าเลยนะเว้ย ไหนจะตอนที่เขาหลอกสัมภาษณ์งานวันนั้นฉันยังพูดไปซะดิบดีอีก จะมาล้มเลิกความตั้งใจแค่นี้ไม่ได้มั้ยวะ
เนี่ยไง! ฉันตามเขาไม่ทันเลยสักนิด ทำไมพอมารู้ความจริงแล้วมองย้อนไป ชั้นเชิงเราถึงได้ต่างกันเยอะขนาดนี้นะ
ในขณะที่เขารู้เรื่องของฉันตั้งมากมาย แต่ฉันกลับไม่รู้จักเขาเลยสักนิด
ไอ้จีนเอ้ย… ไม่รู้จะด่าตัวเองว่าอะไรแล้วนอกจากโง่!
ฉันเดินถือถาดออกมาจากห้องน้ำหลังจากเข้าไปสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่ก็เท่านั้นละ จิตใจฉันตอนนี้มันไม่ได้สงบลงเลยแม้แต่นิด ทั้งยังคิดหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลยด้วย
แต่ว่าก็ว่าเถอะ! เขาก็ตีเนียนเลยไม่ใช่เหรอ แทนที่จะปรับความเข้าใจผิดของฉันตั้งแต่แรก แต่กลับเล่นละครตบตาฉันไม่เลิก!
จะโทษแต่ตัวเองก็ไม่ถูก พี่ภัคก็นิสัยแย่เหมือนกันนั่นแหละ ไม่สิ! เขามันแย่ที่สุดเลยต่างหาก ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้!
ฉันแสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดด้วยความหงุดหงิดขั้นสุด ถึงขนาดนี้แล้วจะไปทำอะไรได้วะ นอกจากต้องปล่อยเบลอแล้วตีตัวออกห่าง คงสถานะไว้แค่เจ้านายกับลูกน้องก็เท่านั้น
อันดับแรกฉันต้องจัดการความรู้สึกตัวเองก่อนเลย จะไม่มีวันปล่อยให้มันถล่ำลึกไปมากกว่านี้อีกแล้ว ถ้าหลงรักผู้ชายแบบนั้น มีหวังได้นั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าแน่ไอ้จีน!
พรึบ! แกร็ก! เคร้ง!
แต่แล้วเหตุการณ์ฉุกละหุกที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะทันทีที่ฉันเดินพ้นจากประตูห้องน้ำได้เพียงแค่เสี้ยววินาที ผู้ชายที่เดินออกจากห้องน้ำชายฝั่งตรงข้ามกลับคว้าแขนฉันดึงตัวเข้ามาในห้องเก็บของขนาดเล็กที่อยู่ถัดออกมาจนถาดที่อยู่ในมือฉันร่วงลงพื้นด้วยความตกใจ
กริ๊ก!
ฉันเบิกตามองผู้ชายตรงหน้าที่ก้มลงมาใกล้ก่อนจะเอื้อมมือไปกดล็อกลูกบิดประตูด้านหลังฉันด้วยท่าทางสบาย ๆ ทั้งน้ำหอมที่เป็นกลิ่นประจำตัวของเขายังลอยแตะจมูกจนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
และเมื่อรวบรวมสติตัวเองได้ ฉันก็ผลักอกคนตรงหน้าออกอย่างแรง ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเปิดประตูออกไปข้างนอก เพราะผู้ชายอย่างเขามันอันตรายเกินกว่าที่จะอยู่กันสองต่อสองในที่ลับตาคนขนาดนี้
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้หมุนลูกบิดประตูคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก็รวบเอวฉันไปด้วยแขนเพียงข้างเดียวยกตัวให้ออกห่างจากประตูก่อนจะดันตัวฉันให้ชิดกับกำแพงข้าง ๆ “ปล่อย! ทำอะไรของคุณ!”
“หนีพี่ทำไมคะ”
ภัคกี้ ไม่สิ คุณภาคิน ต่อไปนี้ฉันจะจำให้ขึ้นใจว่าคนตรงหน้าคือคุณภาคิน ไม่ใช่ภัคกี้อย่างที่เคยเข้าใจ
เขาถามพร้อมรวบมือฉันที่กำลังจะดันตัวเขาออกอีกครั้งด้วยมือเพียงข้างเดียว “พี่ยังไม่ได้ให้ของขวัญแสดงความยินดีกับน้องจีนเลยนะคะ จะรีบไปไหน”
“ไม่เอา” ฉันปฏิเสธในทันที เพราะรู้สึกได้ว่าของขวัญที่จะได้จากคนอย่างเขามันดูไม่น่าไว้ใจ
“ไม่ได้ค่ะ พี่เป็นคนรักษาสัญญา” คนตรงหน้าส่งยิ้มให้กันก่อนจะเคลื่อนสายตาลงมามองที่ริมฝีปากฉัน “ทาลิปที่พี่เลือกให้มาจริง ๆ ด้วย”
ทำไมครั้งนี้ฉันกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของคนตรงหน้ามันดูร้ายกาจกว่าครั้งไหน ๆ มากเลยนะ อย่างกับพวกตัวร้ายชาติชั่วในละครหลังข่าวพี่พร้อมจะเขามาฉุดตัวนางเองไปอย่างนั้น
หรือเพราะว่าฉันรู้ความจริงแล้วว่าเขาเป็นคนยังไงจึงไม่สามารถมองเขาให้เหมือนเดิมได้อีกต่อไป
ฉันรีบก้มหน้าถูริมฝีปากกับฝ่ามือตัวเองที่ถูกเขายึดเอาไว้เพื่อแสดงท่าทีต่อต้านเขา
จะไม่เชื่ออะไรไอ้คนปลิ้นปล้อนนี่อีกแล้ว!
TALK WITH ME
ไปฉุดนุ้งหมวยได้ไง ไอ้คุณภาคิน!! มินนิคได้กลิ่นคนโดนเกลียดแล้วหนึ่ง สมน้ำหน้าดีมั้ยเอ่ยยยยยย แต่ท่าทีดื้อด้านของยัยนุ้งมันจะไปน่ารักถูกใจพิเขาอีกป่าวว อันนี้ไม่รู้ 55555555
ใครอยากอ่านตะปอยความแซ่บของฝีปากยัยน้อง ไป จิ้มดูได้ที่เพจ MINNIK นะคะ ขอฝากเพจหน่อยไปกดไลก์กันได้น้า ♥
.
ป.ล. ใครเล่นทวิตไปคุยกันในแท็กได้นะคะ วันดีคืนดีมินนิคก็ไปสปอยในนั้นแหละ >,<
MINNIK
มีคำผิดบอกได้นะคะ เพราะแต่งสดลงสดงับ
อย่าลืมกด ♥ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจดี ๆ ใจเรานะคะ
1 เมนต์ = สิบล้านกำลังใจ
ร๊ากกกรีดเดอร์สองล้านเท่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำเป็นยอมไปก่อน พอเผลอได้จังหวะก็กระทุ้งเข่าเข้าใส่จุดยุทธศาสตร์ เอาประมาณ หกริกเตอร์ก็พอนะ(ถ้าแรงไปเดี๋ยวจะสูญพันธ์) ฮู้ยยส์..จากนั้นก็โกยสิคะอยู่ทำไม55555
อัพเลเวลไปไกลมาก
เข้าทางอิพี่มานนนน
พี่มันยิ่งชอบยุไปทำตัวน่ารักต่อต้านงุ้งงิ๋งนี่เข้าทางพี่เค้าไปอีก งับแขนสักทีดีมั้ยเนี๋ย ไม่ปล่อยให้น้องตั้งสติเลย หมั่นใส้-หน้าหล่อ