ตอนที่ 3 : +ลวงรัก 02+ การวิ่งหนีคือ 'การพบเจอ' [FULL 250%]
“กลับมั้ยคืนนี้” โกโจ หรือ ‘โจโฉ’ พี่ชายคนเดียวของฉันที่วานให้ขับรถมาส่งกันที่ผับในย่านท่องเที่ยวกลางคืนตามที่นัดไว้กับกายหันมาถามกัน
“ไม่กลับ วันนี้นอนคอนโดกาย โกกลับไปกินเหล้ากับพี่ ๆ ที่อู่ต่อเถอะ” ฉันตอบโกก่อนจะก้าวขาลงจากรถ ได้ยินแบบนั้นโกก็พยักหน้ารับแล้วขับรถออกไปทันที
อยู่ ๆ เมื่อตอนบ่ายกายก็โทรมาชวนฉันออกไปเที่ยวกลางคืนเพื่อคลายเครียดกับเรื่องเหลืออดเหลือทนที่เจอในช่วงนี้ และฉันเองก็เห็นพ้องกับเพื่อนจึงตกลงรับปากมาโดยไม่คิดอะไร ได้เมาก็ดีเหมือนกันจะได้หลับไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
‘JUST... club’ ฉันอ่านป้ายหน้าผับที่ตกแต่งด้วยไฟหลากสีส่องประกายวิบวับโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ พลางเคลื่อนสายตาไปมองผู้คนที่เดินเข้าไปในผับอย่างล้นหลาม แต่สิ่งที่น่าแปลกใจคือทุกคนที่เดินเข้าไปในร้านล้วนมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น นาน ๆ ที ถึงจะมีผู้หญิงโผล่มาสักคน
เห็นแบบนั้นฉันก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างเอะใจ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเสิร์ชหาข้อมูลของผับ ก่อนจะต้องหัวเราะเยาะตัวเองออกมาทันทีที่อ่านเจอว่าที่นี่คือ... ผับเกย์
ไอ้กายนะไอ้กายเล่นกูแล้วไง... ลากกูมาที่ไหนวะเนี่ย
Rrr Rrr Rrrr~ ในระหว่างที่กำลังจะโทรไปด่าเพื่อนสนิทตัวเองโทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้น พร้อมกับเบอร์ผู้เป็นแม่ที่แสดงขึ้นหน้าจอ
(มีอะไรม้า)
(หมวย แฟนเอ็งมาตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านอีกแล้ว งอนอะไรกันนักหนา ทำไมไม่เคลียร์กันให้จบ ๆ แล้วนี่ไม่ได้ออกไปเที่ยวกับมันหรือไง)
(เปล่า...จีนเลิกกับมันแล้ว)
(ฮะ!) เสียงม้าดูตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ฉันพูดออกไป
(ม้าไล่มันไปเลย ไม่ก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ คนอย่างมันทนได้ไม่นานหรอก) ฉันตอบอย่างขอไปที คนอย่างโอ๊ตไม่มีทางทนอะไรได้นาน ๆ หรอก อีกเดี๋ยวเดียวโดนยุงกัดเข้าหน่อย ก็ท้อใจจนถอยกลับไปเองแหละเหมือนอย่าง 2-3 คืนที่ผ่านมา
หรือไม่เสียงดังมาก ๆ เดี๋ยวคนข้างบ้านฉันก็เปิดประตูออกมาด่ามันเองนั่นแหละ
สำหรับฉัน... เขาคงใช้ความอดทนในตอนที่ตามจีบฉันไปจนหมดแล้วละมั้ง
(เอางั้นเหรอหมวย)
(อือ ไม่ต้องสนใจหรอกม้า มันก็เหมือนคืนก่อน ๆ นั่นแหละ แค่นี้นะไอ้กายมาแล้ว)
(โอเค ๆ เดี๋ยวม้าจะให้เด็กที่ร้านไปไล่มัน ยังไงก็ระวังตัวด้วย)
ตอบรับคำม้าเสร็จฉันก็รีบวางสาย เมื่อเหลือบตาไปเห็นกายที่กำลังจะข้ามถนนมาหาฉัน และทันทีที่กายเดินมายืนอยู่ตรงหน้า ฉันก็เตะหน้าแข้งมันด้วยความหงุดหงิดไปเต็มแรง
“โอ๊ย! อะไรของมึงอีหมวย”
“ชื่อนี้ให้แค่ที่บ้านกูเรียกก็พอเถอะ” ฉันตวัดตามองมันด้วยความไม่พอใจ
“เลิกกับแฟนก็อย่ามาพาลใส่กูสิวะ”
“มึงจะตอกย้ำกูอีกทำไม แล้วกูก็ไม่ได้เตะมึงเพราะเรื่องนั้นสักหน่อย”
ไอ้กายส่ายหัวยิ้ม ๆ ก่อนจะกอดคอฉันเดินเข้าไปในผับที่ว่านั้นทันที “แล้วมึงเตะกูเรื่องอะไร”
“เรื่องที่มึงหลอกกูมาผับเกย์นี่ไง อะไรของมึงเนี่ย” ฉันเงยหน้าถามมันในระหว่างที่แลกบัตรเข้าผับ แต่ไอ้ตัวต้นเหตุกลับหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “กูเคยเข้ามาที่แบบนี้ที่ไหน ขืนเข้าไปเขาไม่มองกูเป็นตัวประหลาดกันหมดหรือไง”
“ใครบอก มึงโดนแฟนสวมเขาเป็นควายแบบนี้ยิ่งต้องมาที่นี่เลย ที่นี่มีคนที่พร้อมปลอบใจมึงเพียบ อีกอย่างไม่ต้องกลัวโดนลวนลามด้วย เขาทรีตมึงอย่าวดีดั่งลูกสาว เอาเถอะนาคนที่นี่เขากูรูเรื่องแบบนี้”
“ให้มันจริงเถอะ!” ฉันกระแทกเสียงใส่มันก่อนจะเดินตามเข้าไป ไม่นานมันก็พาฉันมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะกลมในมุมส่วนตัว ที่มีผู้ชายหน้าตาดีนั่งอยู่ 2-3 คน “อ่อ... นัดกับผัวสินะ ทำมาเป็นพูดดี”
“ก็นิดนึง ผัวก็สำคัญเพื่อนก็สำคัญไง วันนี้พี่มาร์คจะฉลองวันเกิดกับเพื่อน ๆ กูก็ไม่อยากให้มึงเศร้าคนเดียวเลยชวนออกมาสนุกด้วยกัน”
“มีแต่ผู้ชาย กูเบื่อผู้ชาย”
“กูก็ผู้ชายมั้ย”
“มันไม่เหมือนกันนี่”
“ก็นี่ผับเกย์มั้ยอีจีน ไม่มีอะไรหรอก ที่นี่ผับพี่มาร์คเอง เขาเป็นหุ้นส่วนร่วมกับเพื่อนเขาด้วย มึงสนุกได้เต็มที่เลย เพราะวันนี้แบ็กมึงใหญ่มาก” ฉันหรี่ตามองเพื่อนตัวดี ก็พอจะรู้ว่าผัวมันรวย แต่ไม่คิดว่าจะมีกิจการแบบนี้ด้วย
“กาย...น้องจีน” ทันทีที่พี่มาร์คแฟนหนุ่มสุดหล่อของไอ้กายเงยหน้าขึ้นมาเขาก็รีบทักทายเราทั้งคู่ แล้วในจังหวะนั้นเองที่ผู้ชายบนโต๊ะทั้งหมดก็หันมามองที่พวกเราด้วย
แต่ใครก็ไม่ดึงดูดสายตาฉันได้เท่ากับผู้ชายหน้าสวยผมบลอนด์เทาที่กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ในชุดกางเกงสแล็กสีดำพร้อมเสื้อยืดสีเดียวกับกางเกงที่คอกว้างมากจนคาดว่าถ้าเขาคนนั้นก้มตัวลงสักทีคงได้เห็นไปถึงไหนต่อไหน
ให้ตายเถอะเป็นคนที่ sex appeal สูงจัดเลย ไม่สิ! ตอนนี้อยู่ในผับเกย์นี่นา เพราะฉะนั้นเขาน่าจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบ Unisex เลยต่างหาก ไม่ใช่แค่ฉันที่รู้สึกแบบนั้น แต่เหล่าชายจำนวนมาก และหญิงจำนวนน้อยในที่แห่งนี้ก็คงคิดไม่ต่างกัน
เขาคนนั้นนั่งท่าสบาย ๆ พร้อมกระดกน้ำสีอำพันในแก้วรวดเดียวจนหมด ก่อนจะส่งยิ้มเป็นมิตรมาที่ฉัน
แค่ขยับเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ยากที่จะละสายตาซะแล้ว เฉิดฉายที่สุดในผับตอนนี้เลยละมั้ง ผู้ชายคนนี้... สุดปัง!
แม้จะแอบชมเขามากมายในใจ แต่ฉันที่ไม่ใช่คนอัธยาศัยดีอะไรก็ทำแค่พยักหน้าให้ทุกคนส่ง ๆ แล้วเดินตามแรงลากของไอ้กายเข้าไปที่โต๊ะ มันทรุดตัวนั่งข้าง ๆ พี่มาร์ค แล้วดึงฉันให้นั่งลงข้างตัวมันอีกที ซึ่งก็ใกล้กับผู้ชายหน้าสวยคนดังกล่าวพอดี
“สวัสดีค่ะ” ทันทีที่ฉันนั่งลง คนข้าง ๆ ก็ชวนคุยกระชับมิตร ทั้งยังส่งยิ้มหวานหยดย้อยมาให้กันอีกต่างหาก
“ค่ะ”
“ภัคกี้ อันนี้เพื่อนแฟนกูเอง ฝากดูแลด้วยนะ” พี่มาร์คเอ่ยแนะนำฉันทั้งยังฝากให้เขาดูแล ทำให้ฉันรู้ชื่อเขาในทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม
ภัคกี้...
“น้องจีนดื่มเข้มมั้ยคะ” ผู้ชายหน้าสวยหันมาถามฉันเสียงหวาน
เหอะ! พูดคะพูดขาแบบนี้ ถ้าเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงละก็ฉันไม่คบด้วยหรอกนะ มองตาก็รู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้วว่าเจ้าชู้มาก ดีนะเนี่ย ที่เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงจึงรู้สึกสบายใจที่จะคุยสักหน่อย
ไหน ๆ ก็มีไอ้กายอยู่ด้วย แถมเจ้าตัวยังบอกว่าที่นี่ปลอดภัย เพราะผู้ชายที่นี่ก็ไม่มีใครสนใจผู้หญิงอย่างฉัน งั้น...วันนี้ขอจัดหนักจัดเต็มไปเลยคุณแม่ ไม่เมาจนคอพับ ไอ้จีนไม่เลิก!
แด่ความเฮงซวยในชีวิต แด่ชีวิตที่โดนไอ้ผู้ชายเฮงซวยมันสวมเขา
“เข้ม ๆ ไปเลยค่ะ จีนอยากเมา”
“จะดีเหรอคะ” ภัคกี้หันมาหรี่ตามองฉัน ก่อนจะกระตุกยิ้มเบา ๆ ที่มุมปาก ทั้งที่ปากถามออกมาแบบนั้นแต่มือเขากลับชงเหล้าให้ฉันตามคำขอ ทั้งยังพูดจี้จุดกันจนจุก “ดืมแบบนี้.... หรือว่าอกหัก”
“หน้าจีนดูเหมือนคนอกหักเหรอพี่?”
“ก็นิดนึงค่ะ ดูอมทุกข์ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่”
“จะเรียกว่าอกหักเหรอ ในเมื่อจีนเป็นคนบอกเลิกเขานะ” ฉันรับแก้วที่มีน้ำสีอำพันเข้ม ๆ ตามต้องการมาจากเขาแล้วยกมึงขึ้นจิบทันที
“เป็นคนบอกเลิก ก็รู้สึกอกหักได้นี่คะ”
“พี่ดูเชี่ยวชาญจัง ผ่านมาเยอะละสิ”
“พี่ดูเป็นคนอย่างนั้นเหรอคะ” ภัคกี้เท้าแขนลงกับต้นขาที่ไขว้ห้างอยู่ของตัวเองแล้วหันมามองกันยิ้ม ๆ ในตาเขามีประกายวิบวับ จนฉันรู้สึกว่า... ผู้ชายคนนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือล้นจริง ๆ
อันตรายมาก หูตาแพรวพราวอะไรขนาดนี้เนี่ย
“พี่ดูตอบจีนได้ฉะฉานดีนะ สงสัยที่ไอ้กายบอกจะจริง ว่าที่นี่มีแต่กูรูความรัก มีคนพร้อมจะปลอบใจกันเพียบ!”
“กลายเป็นกูรูความรักไปซะล่ะ พูดแบบนี้ งั้นคืนนี้... น้องจีนอยากให้พี่เป็นคนปลอบใจใช่มั้ยคะ”
“พี่คิดว่าไงล่ะ” ฉันเลิกคิ้วถามเขา ก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นกระดกรัว ๆ
“ถ้าน้องจีนต้องการแบบนั้น พี่เป็นให้ก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้องปลอบใจจีนหรอก แต่ถ้าจีนเมาแล้วระบายอะไรออกไป พี่รับฟังจีนแทนไอ้กายหน่อยก็ดี สงสารมัน มันน่าจะฟังจนเบื่อแล้ว” เมื่อรู้สึกเริ่มคุยถูกคอกับผู้ชายหน้าสวยตรงหน้า ฉันก็แย้มยิ้มให้เขา แล้วชวนเขาชนแก้วเป็นการสานสัมพันธ์กันในที่สุด “แด่มิตรภาพในวงเหล้าของเรา”
ชายตรงหน้ายิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะยอมยื่นแก้วมาชนกับฉัน “แด่มิตรภาพในวงเหล้าของเราค่ะ”
เนี่ย! เพื่อนกินเหล้ามันคุยกันง่ายแบบนี้ เข้าร้านเหล้านี่มันสานสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าง่ายจริง ๆ
“ขออีก” ฉันยื่นแก้วให้ผู้ชายหน้าหวานข้างกาย หลังจากนั่งกระดกเหล้าอยู่พักใหญ่ โดยที่มีภัคกี้คอยชงเหล้าให้กันอยู่เรื่อย ๆ ไม่บ่นหรือแสดงทีท่าไม่พอใจอะไรออกมาเลย แถมเขายังยิ้มด้วยความชอบใจที่ได้ชงเหล้าให้ฉันอีกต่างหาก
ทั้งที่ตั้งใจจะมาดื่มให้ลืมไอ้แฟนเก่าเฮงซวยไปแท้ ๆ แต่พอแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดมากเท่าไหร่ ภาพคู่ชายหญิงบนเตียงเช้าวันนั้นก็ยิ่งฉายชัดขึ้นในความทรงจำเรื่อย ๆ
คิดแล้วก็เจ็บใจ วันนั้นฉันน่าจะเดินเข้าไปทึ้งหัวมันให้รู้แล้วรู้รอด ไม่น่าหยิบแค่โทรศัพท์มาถ่ายประจานมันเลย แถมถ่ายมาแล้วก็ดันไม่กล้าย้อนกลับไปดูรูปพวกนั้นอีก
ฮึ้ย! โมโหจนจุกในอกไปหมด!
“เอาละครับทุกคน พร้อมจะสนุกกันหรือยัง...” เสียงนักร้องที่กำลังเตรียมร้องเพลงบนเวทีดังแว่วเข้ามาในหู ทำให้เสียงรอบกายพลันเงียบลงเพื่อหันไปให้ความสนใจเขา “งั้นผมนับ 1-3 แล้วทุกคนตะโกนส่งเสียงให้คำคืนที่แสนสนุกของพวกเราพร้อมกันนะครับ”
แต่ฉันกลับไม่สนใจมันเลยสักนิด อยู่ ๆ ในหัวฉันก็ผุดทั้งคำด่า และจินตนาการการกระทำมากมายที่จะทำให้โอ๊ตเจ็บแสบได้พอ ๆ กับที่ฉันเจอบาง
ฉันไม่น่าทำแค่นั้นเลย น่าจะตบหน้ามันให้หันไปเลย ไม่สิ! พูดแล้วก็พูดเถอะ จริง ๆ ฉันน่าจะลากคอไอ้โอ๊ตออกมาประจานมันหน้าหอซะด้วยซ้ำ มานึกย้อนแล้วก็เจ็บใจฉิบหาย! ทำไมตอนนั้นคิดไม่ได้วะ
“หนึ่ง...”
หรืออย่างน้อยฉันก็น่าจะตะโกนด่ามันให้ลั่น ให้รู้ไปทั้งหอเลยก็ดี ว่าผู้ชายอย่างมันเฮงซวยขนาดไหน
“สอง...”
เอาคนอื่นมานอนด้วย แถมยังบอกว่าฉันผิดที่ไม่ให้งั้นเหรอ? บังอาจมากนะ บังอาจมากที่มาสวมเขาให้ฉันคนนี้!
“สะ...”
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! เฮงซวยกันทั้งหมด!!!” ฉันลุกขึ้นตะโกนออกไปสุดเสียงเมื่อความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในใจมันปะทุจนต้องระบายออกมา “อย่าให้เจอแมร่งนะ ครั้งนี้จะเอาตีนขยี้หน้าให้หมดเลยคอยดู!”
“เฮ้ย! ไอ้จีน ทำเชี่ยไรของมึงเนี่ย” แรงกระชาก พร้อมน้ำเสียงดุ ๆ ของไอ้กายดังขึ้นหลังจากฉันตะโกนออกไป “เดี๋ยวก็โดนตีนจริง ๆ หรอก”
“อะไร! จะโดนตีนได้ไงกูแค่ด่าไอ้โอ๊ต ไม่ได้ด่าคนอื่นสักหน่อย ไหนมึงบอกที่นี่จะมีคนพร้อมปลอบใจกูเยอะแยะไง ทีนี่จะมายำตีนกูได้ไง”
“มึงด่ามันที่ไหน มึงไม่ได้เอ่ยช่อมันสักคำ เอาแต่แหกปากเสียงดังว่าผู้ชายเฮงซวย ในขณะที่รอบตัวมึงมีแต่ผู้ชายเนี่ยนะ” ฉันขมวดคิ้วไม่ชอบใจกับสิ่งที่มันพูด ก่อนจะทอดสายตามองผู้คนรอบกาย จึงได้เห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่กำลังจับจ้องสายตามาที่ฉันจริง ๆ
เออ ลืมไปเลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
“แถมบอกว่าจะเอาตีนขยี้หน้าด้วยนะคะ แบบนี้หน้าพี่จะโดนด้วยหรือเปล่า” ภัคกี้ถึงกับหลุดขำออกมา เมื่อเห็นว่าฉันมีท่าทีอ่อนลง
“ก็อยู่ ๆ มันแค้นใจขึ้นมา” ฉันเอ่ยออกไปเสียงเบาเพราะไอ้กายจ้องเหมือนจะกินหัวกันอยู่นั่น “วันนั้นกูน่าจะตบมันสักที มึงว่ามั้ย?”
“เมาแล้วสินะมึง ถึงไร้สติยับยั้งชั่งใจแบบนี้”
“ว่าแต่กูเมา มึงก็นัวผัวไม่หยุดเหมือนกันนั่นแหละ” ฉันตอกกลับไปก่อนจะปรายตามองมันที่แม้ปากจะยังด่าฉันไม่หยุด แต่มือมันกลับอยู่ไม่นิ่งแปะปายไปตามตัวพี่มาร์ค
แหม่~ มึงก็เมาไม่ต่างไปจากกูหรอก อีคนเมาแล้วยั่วผัว!
“อย่าตะโกนบ้า ๆ อีกนะมึง โดนโยนออกไปข้างนอกละก็ กูช่วยไม่ได้นะ” ไอ้กายไม่สนใจคำพูดฉัน ทั้งยังหันมากำชับเสียงแข็งก่อนจะหันไปพูดกับภัคกี้
“ไหนมึงบอกว่าวันนี้แบ็กกูใหญ่ไง ที่แท้ก็ขี้โม้” ฉันหรี่ตามองมาก่อนจะบึนปากไม่พอใจ
อย่ามาทำส่ายหัวเหนื่อยใจใส่กูนะ!
“ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับพี่ภัค มันเมาแล้วชอบทำอะไรไม่คิด”
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ” พี่ภัคหรือภัคกี้ตอบกายก่อนจะก้มลงมาพูดกับฉันที่นั่งหน้าหงอเป็นหมาเหงา เพราะแอบรู้สึกผิดที่ตะโกนออกไปแบบนั้น แล้วก็ไม่พอใจไอ้กายด้วยที่เอาแต่คุยกับผัว ไม่สนใจไยดีเพื่อนรักอย่างฉัน! “พี่ไม่ยอมให้น้องจีนโดนโยนออกไปหรอกค่ะ ไม่ทำหน้าแบบนี้นะคะ”
“จีนไม่ได้ตั้งใจ มันแค่อยากระบายเฉย ๆ”
“โอ๋ ๆ มีอะไรก็ระบายกับพี่ได้นะคะ” ไม่พูดเพียงเท่านั้น ภัคกี้กลับอ้อมมือมาด้านหลังแล้วกดหัวฉันลงซบเข้ากับไหล่กว้างของตัวเอง
ไม่รู้ว่าเพราะเขาดูอัธยาศัยดี หรือเพราะกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้มันเป็นกลิ่นที่ผ่อนคลาย และดูน่าเข้าหากันแน่ ทั้งที่ฉันไม่ใช่คนที่จะชวนคนแปลกหน้าคุย หรือเล่าเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟังเลย ปกติจะทำตัวไม่ค่อยถูกกับคนไม่คุ้นเคยด้วยซ้ำ แต่ภัคกี้กลับมีทอปปิกมาชวนคุยตลอด ทำให้ฉันชอบใจ และถูกชะตากับเขามาก ถึงมากที่สุด
ฉันถึงได้ยอมที่จะซบไหล่ของเขาอย่างเต็มใจ แล้วระบายเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง
“คนเรา...มันต้องพิสูจน์ความรักด้วยเซ็กเหรอภัคกี้”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ” ภัคกี้กระซิบถามฉันที่ยึดไหล่กว้าง ๆ ของเขาเป็นที่วางหัวให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“ตอบหน่อยสิ อยากรู้” ฉันช้อนตามองคนหน้าหวานทั้งที่ตอนนี้หน้าเราอยู่ใกล้กันแค่คืบ แต่ฉันกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด ไม่มีความเคอะเขินหรือประหม่าแม้แต่น้อย
หรือเป็นเพราะฉันกับไอ้กายเราเคยใกล้กันมากกว่านี้อีกละมั้ง
ด้วยความที่ใกล้ชิด และสนิทใจกันมานาน ในทุก ๆ วันเกิดของฉัน หรือของมัน เรามักจะให้ของขวัญเป็นการจุ๊บปากเบา ๆ กันทุกปี ซึ่งกับคนในครอบครัวฉันก็ทำแบบนี้ เป็นเพราะเราบริสุทธิ์ใจต่อกัน
อีกอย่างฉันเองก็เชื่อว่าการที่ปากเราแตะปากใครสักคน มันเป็นการแสดงความรัก แสดงวามรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กัน หรือบางครั้งก็แสดงออกถึงการขอบคุณ หรือให้กำลังใจได้เหมือนกัน ขนาดในบางประเทศยังใช้จากจูบเป็นการทักทายเลย
ฉันจึงเป็นคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องจูบเลยสักนิด
“ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ เซ็กมันจะไปพิสูจน์ความรักได้ไง ในเมื่อเราสามารถมีเซ็กกับคนที่เราไม่รักก็ได้”
“หมายความว่ายังไงเหรอ งั้น...เราจะมีเซ็กกับใครก็ได้เหรอ”
“สำหรับพี่ พี่คิดแบบนั้นค่ะ จริง ๆ การมีเซ็ก มันก็เป็นความต้องการพื้นฐานทั่วไปของมนุษย์นี่คะ ถ้าเราทั้งคู่โอเค หรือตกลงที่พร้อมจะปรนเปรอความสุขให้กันและกัน มันก็วินวินกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“แล้วถ้าอย่างนั้น เราจะรู้ได้ไงว่าคนที่มีเซ็กกับเราเขาจะรักเราจริง ๆ ไม่ได้ทำ... เพราะแค่ความต้องการ”
“แสดงออกแบบอื่นสิคะ เราแสดงความรักได้ตั้งหลายวิธี ทั้งคำพูด และการกระทำ แสดงให้คน ๆ นั้นรู้ว่าเรารักเขาจริง ๆ”
“เป็นแบบนี้เองเหรอ”
“เลิกกันเพราะเรื่องนี้เหรอคะ” ภัคกี้เกลี่ยปรอยผมประบ่าที่ไหลลงปรกหน้าฉันขึ้นไปเหน็บที่ข้างหูพร้อมทั้งเอ่ยถามเสียงนุ่มทุ้ม
“อือ เพราะเขาบอกว่าจีนไม่ยอมเขาสักที”
“แต่น้องจีนเป็นคนบอกเลิกไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่” ฉันตอบก่อนจะตีหน้าขาคนที่เอนตัวพิงอยู่ให้หยิบแก้วเหล้าส่งให้กันหน่อย เพราะตัวเองทิ้งตัวได้ที่แล้ว จึงขี้เกียจจะขยับลุกไปนั่งให้ดี ๆ พิงไหล่ภัคกี้สบายกว่าตั้งเยอะ ส่วนอีกายก็นัวกับผัวสุดหล่อไปเรียบร้อยแล้วไม่ง้อก็ได้
“เพราะเรื่องนี้เหรอคะ”
“เปล่า...เพราะมันนอกใจต่างหาก” ฉันกระดกเหล้าในแก้วเข้าปาก เมื่อกลืนน้ำสีอำพันลงคอไปเกือบหมดแก้วแล้วฉันก็ยกมือขึ้นเช็ดปากก่อนจะพูดความรู้สึกออกมา “เจ็บใจ!”
“อ้าว! พี่ก็นึกว่าเพราะเรื่องนี้ซะอีก”
“จีนเลิกกับมันเพราะมันพาผู้หญิงอื่นมาเอาถึงในห้องต่างหาก แต่มันก็บอกว่ามันเป็นแบบนี้เป็นเพราะจีนไม่ให้มัน! แถมมันยังบอกว่าจีนผิด” ภัคกี้หยิบแก้วจากในมือฉันไปชงให้อีกรอบ เขาตามใจเป็นบ้าเลย พอบอกว่าอยากเมาเจ้าตัวก็จัดให้เต็มที่ ไม่มีห้าม ไม่มียั้ง
“งั้นก็แสดงว่ามันไม่ผิดสินะ ในเมื่อภัคกี้บอกจะมีเซ็กกันใครก็ได้ถ้าพอใจนี่ เรื่องนี้จีนเป็นคนผิดจริง ๆ เหรอ”
“ผิดสิคะ”
“งั้นเหรอ...” ฉันเอ่ยเสียงเบา ตกลงฉันผิดเหรอที่โดนแฟนนอกใจเพราะตัวเองยังไม่ยอมหืทำเรื่องอย่างว่า
ฉันตวัดตามองภัคกี้ด้วยความไม่พอใจ มาบอกว่าฉันผิด ไม่น่าจะคาดหวังกับเขาเลยผู้ชายนี่มันนิสัยมักมากกันหมดหรือไง ไม่ว่าจะชายแท้ หรือเกย์ “มักมากกันไปหมดเลยสินะ”
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ พี่ไม่ได้บอกว่าน้องจีนผิด” ภัคกี้ใช้นิ้วจิ้มระหว่างคิ้วของฉันที่กำลังขมวดเข้าหากัน แล้วมองเขาอย่างไม่พอใจ “พี่หมายถึงแฟนน้องจีนต่างหากที่ผิด”
“หืม?” ฉันหรี่ตามองเขาที่เหลือบตามามองฉันเล็กน้อย “ไหนบอกมีกับใครก็ได้ไงถ้าพอใจ และยินยอมทั้งคู่”
ภัคกี้หัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำพูดกลับไปกลับมาของฉัน “ที่พี่พูดว่ามีกับใครก็ได้ตามความพึงพอใจเนี่ย มันในกรณีที่เรายังโสดค่ะ ถ้ามีแฟนแล้วก็ถือว่าผิดสิคะ”
“งั้นแบบนี้ที่จีนเลิกกับมัน จีนก็ทำถูกแล้วใช่มั้ย”
“พี่ตอบไม่ได้หรอกค่ะ ว่าถูกหรือผิด แต่จริง ๆ แล้ว เราควรจะซื้อสัตย์กับคนรักของตัวเองไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ไหว
จริง ๆ ผู้ชายก็จัดการตัวเองได้ไม่ยากนะคะ” ภัคกี้อมยิ้มมุมปากอย่างมีเสน่ห์แล้วส่งแก้วให้ฉัน ครั้งนี้ฉันจึงเอื้อมมือไปควงแขนเขาแล้วดันตัวขึ้นมาก่อนจะยื่นหน้าไปจ้องหน้าอีกคนใกล้ ๆ
“คุยกับภัคกี้แล้วสนุกจัง งั้นถ้ามีปัญหาอีก ก็ปรึกษาภัคกี้ได้อีกสินะ”
“ปรึกษาได้ตามที่น้องจีนต้องการเลยค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบจากคนตรงหน้าฉันก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา ก่อนที่เขาจะยิงคำถามใส่กันต่อ “ว่าแต่น้องจีนคิดจะกลับไปคืนดีมั้ยคะ”
“ไม่มีใครเชียร์เลย ทุกคนดีใจกันหมดที่จีนเลิก จีนเองก็ว่าจะพอแล้วแหละยังไงก็ไปต่อไม่ไหวหรอก นอกใจครั้งที่หนึ่ง เดี๋ยวมันก็ต้องมีครั้งต่อ ๆ ไปอยู่ดี”
ฉันพูดพร้อมกับมองแก้วเหล้าของภัคกี้ที่อีกคนนึงกำลังยกขึ้นกระดกมันแบบไม่มียั้ง ก่อนจะไล่สายตามองลำคอยาวขาวที่แสนจะเซ็กซี่ของเขา
คอสวยจัง...
“แล้วเสียใจที่เลิกมั้ยคะ”
“มันก็มีเสียใจนิด ๆ” ฉันตอบก่อนจะนึกถึงคำพูดของไอ้กายที่เตือนสติกันในวันนั้น “แต่คิดแล้ว จีนน่าจะเจ็บใจมากกว่าที่โดนสวมเขาจนโง่เหมือนควาย”
“ถ้าน้องจีนเป็นควาย คงจะเป็นควายที่น่ารักที่สุดเลยค่ะ”
“ภัคกี้ว่าจีนเป็นควายเหรอ”
“เปล่าค่ะ ก็น้องจีนเปรียบเทียบแบบนั้นเองนี่คะ พี่ก็แค่ตามน้ำ”
ฉันหรี่ตามองภัคกี้ก่อนจะยกยิ้มกับคำหยอกล้อของเขา “ถ้าไม่ติดว่าเจอกันที่นี่ จีนจะคิดว่าพี่หยอดจีนแล้วนะเนี่ย”
“พี่ดูหยอดน้องจีนเหรอคะ”
“ใช่นะสิ แถมยังทำตาเจ้าชู้ใส่จีนด้วย”
“ทำตาเจ้าชู้ยังไงคะ พี่ว่าก็มองปกตินี่นา” ไม่พูดเปล่า ภัคกี้ขยับเข้ามาใกล้กันก่อนจะจ้องตาฉันนิ่ง
“ก... ก็แบบนี้ไง สายตาเจ้าชู้” อยู่ ๆ คำพูดของฉันก็ตะกุตะกักขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพราะทันทีที่ภัคกี้ขยับเข้ามาใกล้ แล้วจ้องตากันนิ่ง ๆ แบบนี้ ทำไมอยู่ ๆ ถึงใจสั่นขึ้นมานะ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้สึกอะไรเลย ผู้ชายตรงหน้าฉันนี่มัน... มีแรงดึงดูดสูงเกินไปหรือเปล่า
“แล้วถ้าพี่จะจีบน้องจีนจริง ๆ ล่ะคะ”
ฉันเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหลุดขำออกมากับคำพูดของเขา “ตลกแล้วภัคกี้ ถ้าพี่มาเที่ยวที่นี่ พี่คงไม่คิดจะจีบจีนหรอก หน้าพี่มันฟ้อง”
“ฟ้องยังไงคะ” ภัคกี้ขมวดคิ้วเล็ก ๆ จนฉันถือโอกาสยกมือไปกุมหน้าเขานิ่ง ขยับหน้าเข้าไปใกล้ แล้วจ้องเขาไปในดวงตาร้ายกาจที่แสนจะชวนลุ่มหลงของเขาคู่นั้น
“เพราะจีนเป็นผู้หญิงไง”
“ก็ถูกแล้วนี่คะ น้องจีนเป็นผู้หญิง”
“นี่ภัคกี้ดูนะ” ครั้งนี้ฉันเปลี่ยนเป็นคว้าต้นคอเขาแล้วขยับตัวเข้าไปแนบชิด ก่อนจะชี้ให้เขาหมุนตัวมองหนุ่ม ๆ ทั่วสารทิศที่จดจ้องมองมาที่เขากันตาเป็นมัน “ภัคกี้ฮอตตั้งขนาดนี้ ปั๊วะปังที่สุดในร้านแบบนี้อะนะ จะมาจีบจีน”
“น้องจีนเชื่อมั่นในตัวเองดีนะคะ” ภัคกี้หันมาถามฉันจนปลายจมูกของเขาเฉียดผิวแก้มฉันไปเบา ๆ
“แน่นอนสิ” ฉันตอบก่อนจะขยับตัวออกห่างเล็กน้อย “แต่วันนี้จีนไม่ยอมให้ภัคกี้ออกไปกับหนุ่มคนอื่นหรอก จีนถูกใจภัคกี้แล้ว เพราะฉะนั้นพี่ต้องดื่มเป็นเพื่อนจีนก่อนนะ”
“พี่ก็ถูกใจน้องจีนแล้วเหมือนกันค่ะ” ภัคกี้ยกยิ้มเบา ๆ ได้ยินแบบนั้นฉันก็ชอบใจเอนเข้าไปซบไหลเขาอีกรอบ
ดูแลดีเหมือนเห็นฉันเป็นลูกสาวอย่างที่ไอ้กายบอกจริงด้วย...
“แต่ว่าก็ว่าเถอะนะภัคกี้ พอมีแฟนมานาน แล้วอยู่ ๆ มาโสดแบบนี้ มันก็เหงาเหมือนกันนะ”
“ถ้าจะกลับไปหาคนเก่าละก็ พี่ไม่เชียร์ด้วยหรอกนะคะ”
“ทำไมล่ะ ภัคกี้ยังไม่เคยเห็นแฟนเก่าจีนสักหน่อย”
“จากที่น้องจีนเล่ามา พี่ไม่สนับสนุนหรอกค่ะ นิสัยไม่ดี อย่ากลับไปคบมันเลยค่ะ เชื่อพี่” ภัคกี้ยู่หน้าสวย ๆ ของเขาอย่างน่ามันเขี้ยว
เห็นแบบนั้นฉันก็ยื่นหน้าเข้าไปกดจมูกลงบนแก้มนุ่ม ๆ ของอีกคนอย่างอดใจไม่ไหว และขาดความยับยั้งชั่งใจเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มที่ดื่มเข้าไป “หืม?”
“น่ารักนะ แก้มนุ่มกว่าแก้มจีนอีก”
“พี่ไม่เชื่อหรอกค่ะ ถ้าไม่ได้พิสูจน์...” ฉันขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของเขาด้วยความแปลกใจ จนอีกคนหลุดหัวเราะออกมา “ล้อเล่นค่ะ ว่าแต่น้องจีนเมาตาใสเหรอคะเนี่ย ผิดกับคนหน้าเหวี่ยง ๆ ตอนแรกลิบลับเลย”
“มากินเหล้านะ ไม่ได้มากินน้ำเปล่า จะไม่เมาได้ไง แต่ที่ดมเมื่อกี้ เพราะภัคกี้น่ารักหรอกนะ น่ารัก แถมยังเซ็กซี่แบบนี้หนุ่ม ๆ เพียบเลยละสิ”
“น้องจีนก็น่ารักค่ะ ยิ่งเมายิ่งน่ารัก” ภัคกี้หัวเราะออกมาเบา ๆ “แต่เมื่อกี้... เขาไม่เรียกว่าดมหรอกมั้งคะ”
“แค่ดมเถอะ! ภัคกี้อย่ามามั่ว”
“ดมซะแก้มพี่ยุบเลยนะคะ”
“ก็จีนดมแรงไปหน่อยมั้ง”
“ดมก็ดมค่ะ” ภัคกี้ยกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจกับความดื้อดึงของฉัน “น้องจีนจะดื่มอีกมั้ยคะ”
“ขอพักก่อน จีนจะไปห้องน้ำ” ฉันผงกหัวขึ้นมาจากไหล่เขา พร้อมหันไปหาไอ้กายเพื่อชวนมันไปเป็นเพื่อน แต่พอหันไป กลับเห็นมันเมาหลับซบอกพี่มาร์คไปเรียบร้อย
โง่จริง ๆ กินเค้กวันเกิดพี่มาร์คไปตั้งเยอะแถมต่อด้วยกินเหล่าแบบนั้นจะไม่เมาพับไปได้ไง ไม่ได้เรื่องเลยไอ้เพื่อนคนนี้
เห็นแบบนั้นฉันก็ตัดใจ เพราะขี้เกียจปลุกมัน แล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเกิดอาการโลกเอียงจนเซลงไปนั่งลงบนหน้าตักภัคกี้อย่างยั้งตัวเองไม่อยู่
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ยคะ”
FULL...250%
TALK WITH ME
กรี๊ดดดด อยากพานุ้งจีนหนี ไม่มีแผ่วเลยนพี่คนเน้!!! คุณพี่ไม่รู้จักเกียร์ถ้อยหลังเหรอคะ เดินหน้าอย่างเดียวเลย เหมือนมินนิคป้อนลูกแกะตัวน้อยเข้าปากเสือในร่างแมวเหมียวยังไงก็ไม่รู้ 555555
MINNIK
มีคำผิดบอกได้นะคะ เพราะแต่งสดลงสดงับ
อย่าลืมกด ♥ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจดี ๆ ใจเรานะคะ
1 เมนต์ = สิบล้านกำลังใจ
ร๊ากกกรีดเดอร์สองล้านเท่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องเข้าใจผิด เลยทำตัวตามสบายซะ