ตอนที่ 11 : STUMBLE LOVE♥ :: สะดุดครั้งที่ 09 : สายรหัส [FULL]
ฉันแยกกับเฮียโฬมได้สักพักแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งรอเพื่อน ๆ อยู่ที่โต๊ะเดิม หลังจากเฮียโฬมขอ(ขู่) ให้ฉันนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนเค้า เป็นการนั่งกินข้าวครั้งแรกที่ฉันระแวงหน้าระแวงหลังสุด ๆ กลัวเพื่อนในภาคจะบังเอิญลงมาเจอ เพราะถ้าหากมีคนเห็นแล้วเข้ามาถามว่าฉันรู้จักกับพี่ระเบียบจอมโหดนี่ด้วยเหรอ บอกตามตรงฉันก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไงเหมือนกัน
ทั้งที่เมื่อวานเค้าแทบจะกินหัวฉันอยู่แล้วแต่วันนี้กลับมานั่งกินข้าวกันเนี่ยนะ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ...
เรานั่งกินข้าวด้วยกันโดยไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ เค้านั่งก็กินไปเงียบ ๆ ไม่นานก็ลุกออกไปโดยไม่ลืมตั้งเงินไว้ให้ 60 บาท เค้าจ่ายคืนฉันทั้งค่าน้ำและข้าวที่ฉันซื้อมาผิดเลยนะเหรอ แปลกคนดีจังบางครั้งก็ดูน่าหมั่นไส้ บางครั้งก็ดูใจดี...
“ริณ!” เสียงเพื่อนเดินมานั่งลงข้างฉันแล้วรัวคำถามออกมาไม่หยุด “ตกลงรีบลงมาทำอะไรวะ แล้วนี่กินข้าวแล้วเหรอไหนบอกอยากกินสุกี้แห้งไง”
ฉันก้มลงมองจานข้าวมันไก่ทอดในจานที่พร่องลงไปครึ่งจานแล้ว ตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะกินหรอก แต่นั่งไปนั่งมาในที่ ๆ มีแต่กลิ่นอาหารลอยอบอวลเต็มไปหมด รู้ตัวอีกทีก็ตักข้าวใส่ปากเรื่อย ๆ ซะแล้ว
“อ๋อ เราลงมาคุยธุระกับพี่อ่ะ” ฉันเลือกที่จะตอบปัดเพื่อนไปเหมือนเดิม “แล้วก็เห็นข้าวมันไก่น่ากินเลยซื้อกินก่อน ขอโทษที่ไม่ได้รอนะ”
“เห้ย! ไม่เป็นไรไม่ซี(เรียส)” เพื่อนตอบพร้อมโบกมือยิ้ม ๆ “พวกเราก็ไปหาอะไรกินบ้างไปหิวแล้ววะ ไอ้นายเลี้ยงข้าวเลย”
เพื่อนเดินเข้าไปกระโดดกอดคอนายที่ยืนมองอยู่นิ่ง ๆ “เลี้ยงอะไรวะ”
“เลี้ยงเพราะการคำนวณเปอร์เซ็นต์กาก ๆ ที่ไม่เป็นจริงของแกนั้นแหละ อย่าทำเฉไฉป่ะ! หิว!”
“อะไรวะ ยังไม่ได้สัญญาเลย” เพื่อนไม่ฟังคำพูดของนาย แต่เลือกที่จะลากคอคู่กัดออกไปทันที
ฉันจึงหันกลับมาเงยหน้ามองเพื่อนอีกคนที่ยังคงยืนมองฉันอยู่นิ่ง ๆ “ไม่หิวเหรอ”
“นิดหน่อย” พายุตอบกลับมาเสียงเรียบแต่ยังไม่หยุดจ้องหน้าฉัน
“มีอะไรรึป่าว” ฉันเลิกคิ้วแล้วถามพายุออกไปเมื่อเค้ามีท่าทีแปลก ๆ
“เมื่อกี้มีรุ่นพี่ผู้ชายมาถามหาไอริณอ่ะ”
“ห้ะ?” ฉันเบิกตขึ้นอย่างมึนงง รุ่นพี่ผู้ชาย? ฉันไม่ได้คุยกับรุ่นพี่ผู้ชายที่ไหนเลยนะ จะมีก็แต่เจ้าหนี้อย่างเฮียโฬมเท่านั้นเอง แต่เค้าเพิ่งแยกจากฉันไปเองนะ... “ใครเหรอ”
“เค้าบอกว่าชื่อ ‘ติณ’”
“เราไม่รู้จักคนชื่อติณเลยนะ แล้ว...เค้าฝากอะไรไว้รึป่าว”
“ไม่นะ” สีหน้าพายุดูดีขึ้นจากเมื่อครู่เล็กน้อย
“อาจจะเป็นรุ่นพี่ในภาคแล้วเค้ามีธุระมั้ง” ฉันตอบแบบขอไปที “พายุไม่ไปหาอะไรกินเหรอ เดี๋ยวขึ้นเรียนตอนบ่ายจะหิวเอานะ”
“อือ ว่าจะไปแล้วละ ไอริณจะฝากซื้อน้ำอะไรมั้ย” พายุมองบนโต๊ะที่มีแต่จานข้าวมันไก่ผ่าน ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมายกยิ้มให้ฉัน
“งั้น...ขอน้ำแดงก็ได้” ฉันส่งยิ้มกลับไปแล้วหยิบเงินส่งให้เค้า แต่คนตรงหน้ากลับเอาแต่มองมือฉันที่ยื่นเหรียญไปให้เค้า
“น้ำแก้ว 10 บาทเอง เดี๋ยวเราเลี้ยง” พายุดันมือฉันกลับมา
“เห้ย! ไม่ได้ดิ” ฉันท้วงขึ้นแต่พายุก็เอาแต่ยิ้มแล้วหมุนตัวเดินออกไปเลย อะไรกันเนี่ย! มีใครฟังฉันบ้างสักคนมั้ย เห้อ...
ติ้ง! ติ้ง!
ระหว่างนั่งรอเพื่อน ๆ โทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็สั่นพร้อมเสียงแจ้งเตือนมีข้อความจากคนไม่รู้จักเข้ามา
TTIINN: น้องไอริณ
TTIINN: อยู่ไหนครับ พอดีพี่มีของจะให้
Airada: คะ?
Airada: เอ่อ ขอโทษนะคะ นี่ใครเหรอคะ
TTIINN: เออ ลืมแนะนำตัว
TTIINN: พี่ชื่อติณ เป็นพี่รหัสเราอ่ะ
Airada: พี่รหัสเหรอคะ
TTIINN: ใช่พี่มีของจะให้เพราะเดี๋ยวพี่จะกลับแล้ว
Airada: อ๋อ ตอนนี้ริณอยู่ที่โรงอาหารกลางค่ะ นั่งอยู่โต๊ะริมในสุดเลยค่ะ
TTIINN: โอเค เดี๋ยวพี่ไปหา
พี่รหัส? พี่รหัสเหรอ นี่เค้าทักฉันมาเองเลยเหรอเนี่ย... ขุนพระขุนเจ้าคิดว่าต้องหาแทบพลิกแผ่นดิน อะไรวะ? นี่เดินเข้ามาหาเองง่าย ๆ แบบนี้เลย
คุยเสร็จฉันก็นั่งกินข้าวกับเพื่อน ๆ ต่อแม้ในใจจะแอบตื่นเต้นกับการเจอพี่รหัสของตัวเองสักแค่ไหนก็เถอะ
“น้องไอริณใช่มั้ย” ฉันเงยหน้ามองผู้ชายร่างสูงตรงหน้า
“ใช่ค่ะ พี่...ติณ” ฉันยืนขึ้นทักทายเค้า
“ใช่” พี่ติณตอบรับแล้วยิ้มกว้างโชว์ฟันเขี้ยวของตัวเอง เอ่อ...ดูน่าจะอัธยาศัยดีอยู่นะ
“อ้าว พี่คนนั้นนี่นา” เพื่อนชี้ไปที่พี่ติณ “เออ เมื่อกี้พี่คนนี้มาหาริณที่ห้องด้วย เราลืมบอก”
“พายุบอกแล้วละ” ฉันส่งยิ้มขำไปให้เพื่อน เมื่อเจ้าตัวทำท่าเลิ่กลั่กเหมือนเพิ่งคิดเรื่องที่ลืมบอกฉันได้
“งั้นแนะนำตัวอีกทีละกัน พี่ชื่อติณ วิศวะฯ อุตสาหการปี 2 เป็นพี่รหัสเรา” พี่ติณแนะนำตัวเสร็จสรรพก็ส่งถุงกระดาษในมือมาให้ “อันนี้ของขวัญรับน้องพี่ไม่รู้จะเลือกอะไรเลยให้แฟนแนะนำ ได้เป็นสมุดโน้ตน่ารัก ๆ มา หวังว่าจะชอบนะ”
ฉันรับถุงจากพี่เค้ามาแล้วเปิดดูของด้านในพบว่ามีสมุดโน้ตน่ารัก ๆ อยู่ 5 เล่ม “ขอบคุณมากนะคะ ริณยังไม่ได้เตรียมอะไรให้พี่เลย”
“ไม่เป็นไรค่อยให้ก็ได้” พี่ติณส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง ฉันมองสำรวจตัวเองพบว่าเค้าเป็นผู้ชายตัวสูงผิวสองสีดูเป็นคนยิ้มเก่งแล้วท่าทางน่าจะใจดี
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ปกติพี่รหัสไม่เฉลยตอนรับน้องเสร็จเหรอ” นายที่นั่งฟังบทสนทนาของฉันกับพี่รหัสถามขึ้น
“ปกติก็แบบนั้นแหละ แต่พี่ไม่ค่อยมามหา’ลัย เรียนเสร็จก็กลับไม่ค่อยร่วมกิจกรรม คิดว่าน้องรหัสคงหาไม่เจอแน่เลยมาหาเอง” พี่ติณตอบนายด้วยท่าทางสบาย ๆ
“หู้ยย ดีจังเลยค่ะ แบบนี้พี่ติณช่วยใบ้พี่รหัสให้เราสองคนได้มั้ยค่ะ ไอ้หมอนี่รหัส 10” เพื่อนชี้นิ้วไปหานายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วชี้นิ้วมาหาตัวเอง “ส่วนเพื่อนรหัส 12 รหัสใกล้ ๆ กับพี่เลย พี่น่าจะรู้ใช่มั้ย”
ทันทีที่เพื่อนพูดแกมขอร้องจบพี่ติณก็พยักหน้าแล้วใบ้พี่รหัสให้ทั้งสองคนจากนั้นจึงลากสายตาไปมองพายุที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ “แล้วเราอ่ะไม่ถามเหรอ ถ้ารหัสใกล้ ๆ ก็พอจะจำได้อยู่”
“ผมอยู่ไฟฟ้าครับ” พายุตอบเสียงเรียบพร้อมก้มหัวทักทายพี่ติณอีกรอบ
“อ๋อ เออจริงด้วยปี 1 มันเรียนรวม ๆ กันนี่หว่า” พี่ติณพยักหน้าให้พายุแล้วหันกลับมามองฉัน “ยินดีตอนรับเข้าสู่สาย 011 นะ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันส่งยิ้มกว้างให้พี่ติณมีพี่สายรหัสมันรู้สึกแบบนี้เองเหรอ เหมือนเจอคนที่พึงพาได้เลย...
“แต่เรายังต้องผ่านด้านลุงรหัสอีกนะ เฮียมันใจดีนั้นแหละแต่จะปากหมาไปนิด ไม่ดิมันปากหมามากอยู่ เราเจอแล้วอาจจะไม่อยากยุ่งกับมันก็ได้ แต่จริง ๆ มันดูแลดีนะ” พี่ติณทำหน้าครุ่นคิดพร้อมโต้แย้งคำพูดของตัวเองไปมาอยู่คนเดียวเมื่อพูดถึงพี่รหัสของตัวเอง หรือก็คือลุงรหัสของฉัน
ที่พี่ติณพูดมาทั้งหมดสรุปแล้วลุงรหัสฉันเป็นคนยังไงกันแน่วะ ใจดีหรือไม่ดี? แต่ที่แน่ ๆ น่าจะปากไม่ค่อยดีแค่ยังไม่แน่ใจว่าปากไม่ดีมากหรือปากไม่ดีมาก ๆ
ว่าแต่ไอ้ประโยคปากหมาแต่ใจดีนี่มันคุ้น ๆ นะ เหมือนเคยได้ยินใครเคยพูดให้ฟังเลย แต่ว่าใครพูดแล้ววะ...
“แล้วพี่ปี 4 ละค่ะ” คณะเราเรียน 4 ปีดังนั้นสายรหัสที่ยังเรียนอยู่ตอนนี้ก็ควรจะมี 4 รุ่น
“พี่ปี 4 เราไม่มีอ่ะ พี่เค้าซิ่วไปแล้ว พี่มันไปเรียนหมอ ไว้ถ้าเจอมันจะแนะนำให้รู้จักแล้วกัน” ซิ่วจากวิศวะไปเรียนหมอ จากวิทยาศาสตร์สายประยุกต์ไปเรียนสายสุขภาพงั้นเหรอ?
“พี่เค้าเพิ่งซิ่วเหรอคะ” ฉันถามออกไปด้วยความอยากรู้ ถ้าพี่ติณรู้จักก็แสดงว่าทันตอนพี่เค้าเรียนที่นี่นะสิ
“ซิ่วไป 2 ปีแล้วมันเรียนหมอที่นี่แหละ นาน ๆ ทีจะว่างมานั่งกินเหล้าด้วยกันบ้าง”
ฉันพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เค้าพูด งั้นแสดงว่าพี่ในสายฉันตอนนี้เหลือ 2 คนคือพี่ติณกับลุงรหัสแล้วจากที่พี่ติณพูดถึงพี่ที่ซิ่วไปแล้วแสดงว่าฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวในสายสินะ
“เรามีอะไรจะถามพี่อีกมั้ย เดี๋ยวพี่จะรีบกลับแล้วต้องไปรับแฟนด้วย” พี่ติณก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วพูดขึ้น
“พี่ติณช่วยใบ้ลุงรหัสให้หน่อยได้มั้ยคะ” ฉันถามออกไปในที่สุด
“เป็นผู้ชาย” พี่ติณตอบออกมาทันทีแบบไม่ต้องคิด
ฮายยยย...หม้ายสาไรเลย แหลงมาว่าลุงก็ต้องผู้ชายอยู่แล้วมั้ย แล้วกัน!
“ริณรู้แล้วค่ะว่าผู้ชาย ขอดีเทลอื่นอีกนิดได้มั้ย”
“พี่พูดไรไม่ได้มากว่ะ เดี๋ยวเฮียมันจะมาถีบเอา” พี่ติณทำหน้าคิดหนักอยู่สักพักใหญ่แต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อนบอกใบ้เพิ่ม “‘ผู้ชาย สูง ปากหมา’ นี่ใบ้เยอะแล้วนะ มากกว่านี้ไม่ได้แล้วว่ะ”
สูง? รุ่นพี่ผู้ชายในคณะก็สูง ๆ กันทั้งนั้นอ่ะ แถมผู้ชายยังมากกว่าผู้หญิงอีก ส่วนปากหมาฉันจะพิสูจน์ยังไงวะ ไปง้างปากรุ่นพี่เรียงคนว่ามีหมาในปากรึป่าวแบบนี้เหรอ
“เราก็สนิทกับเฮียมันไว้นะ มีอะไรก็ถามมันได้ มันรู้เยอะ ส่วนพี่ไม่ค่อยมามหา’ลัยก็หาตัวยากหน่อยว่ะ ฮ่า ๆ” พี่ติณหัวเราะเสียงดังกลบเกลื่อน “เออพี่ไปก่อนนะ แฟนส่งข้อความมาตามละ”
พี่ติณยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนจะโบกมือลาฉันแล้วเดินออกไปทันทีฉันว่าบางทีฉันน่าจะต้องคิดใหม่เรื่องที่จะพึงพาพี่รหัสคนนี่แล้วละ ก็แหม่~ เจ้าตัวเล่นพูดดักซะขนาดนี้ ไม่ค่อยมามหา’ลัยบ้างละ หาตัวยากบ้างละ ไหนจะแฟนโทรตามอีก งั้นก็ตามสบายเลยค่ะพี่ติณ
เห้อ~~ คงเหลือแค่ลุงรหัสแล้วสินะ...
“โอเคทุกคนตอนนี้เราได้ประธานรุ่น เลขาฯ เหรัญญิก รวมถึงหน้าที่อื่น ๆ แล้วสินะ พี่ขอให้ผู้ที่มีหน้าทีหลัก ๆ ออกมายืนด้านหน้าเพื่อแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ อีกรอบครับ” สิ้นเสียงรุ่นพี่ในภาค ฉันกับนาย รวมถึงเพื่อนอีก 4-5 คนก็ก้าวขาออกมายืนด้านหน้า
อยู่ดี ๆ ฉันกับนายก็โดนเพื่อนในภาคโหวตให้มารับหน้าที่แบบงง ๆ เพื่อนโหวตนายให้เป็นประธานรุ่นเพราะเห็นว่านายมีภาวะความเป็นผู้นำจากการที่ยื่นมือเข้ามาช่วยฉันที่กำลังโดนรุ่นพี่เอาเรื่องเมื่อวาน และเนื่องจากหน้าที่เหรัญญิกมันยังว่างอยู่แถมยังไม่มีใครอยากรับหน้าที่นี้ทั้งนั้น เพื่อนจึงทำการโหวตเลือกฉันขึ้นมาโดยอ้างเหตุผลว่าฉันกับนายอยู่กลุ่มเดียวกันน่าจะทำงานด้วยกันสะดวกกว่า
แบบว้อท!!!! พวกสู*ถามกันสักคำรึยังว่าฉันอยากทำมั้ย หน้าที่ที่เกี่ยวกับเงินทองนี่มันค่อนข้างเสี่ยงในหลาย ๆ เรื่องนะ อีกอย่างช่วงนี้ฉันไม่อยากพัวพันกับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ของคนอื่นสักเท่าไหร่ ก็เพิ่งมีประเด็นกับเฮียโฬมมานี่ ทั้งที่ฉันปฏิเสธแทบตายแต่เพื่อน ๆ ก็ยังคะยั้นคะยอจนในที่สุดไอริณคนนี้ก็ใจอ่อนจนได้
เป็นท้อ...
ส่วนไอ้เพื่อนชื่อเพื่อนนะเหรอรายนั้นเอาตัวรอดด้วยการอ้างว่า ‘ถ้าพวกเราเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยกันหมดใครจะคอยตามงานให้เพื่อนในกลุ่มละ...’
เยี่ยม! เอาตัวรอดเป็นยอดดีได้เยี่ยมมาก ต่างกับฉันที่สุดท้ายก็ใจอ่อนทุกที ไอ้บ้าเอ้ย! คิดแล้วอยากตีตัวเองให้หลังลาย
ระหว่างที่พวกฉันกำลังเตรียมจะแนะนำตัว อยู่ ๆ เสียงของรุ่นพี่และเพื่อน ในภาคก็เงียบไป ฉันหลับตาพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำใจเตรียมรับมือกับสิ่งชั่วร้ายที่กำลังจะย่างกรายเข้ามาหาพวกเรา
มันมาอีกแล้วค่ะ! มาทีไรเสียบรรยากาศทุกที
พวกพี่ระเบียบเดินไปยืนเอามือไพล่หลังเรียงกันทางด้านหลังปี 1 ที่นั่งอยู่ซึ่งหันหน้าตรงเข้ามาหาพวกฉันที่ยืนอยู่ด้านหน้าพอดี ฉันแอบเหลือบตามองเฮียโฬมก็พบว่าตอนนี้เค้ากำลังปั่นสีหน้าให้ดูน่ากลัวอยู่ เข้าดาร์กโหมดอีกแล้วเหรอวะ โคตรน่ากลัวอย่างกับพร้อมจะเดินเข้ามาต่อยกันทุกเมื่อถ้าทำอะไรไม่เข้าตา
“ผมได้ยินมาว่าพวกคุณเลือกตำแหน่งผู้รับผิดชอบประจำระดับชั้นแล้ว ผมอยากมาดูให้เห็นกับตา” รุ่นพี่ผู้ชายที่ดูจะเป็นตัวหลักของพี่ระเบียบเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “เชิญแนะนำตัวและบอกหน้าที่ของตัวเองทีละคนครับ”
สิ้นเสียงพี่เค้านายก็เป็นคนแรกที่เริ่มแนะนำตัว โดยบอกชื่อ รหัส 3 ตัวหลัง พร้อมหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จนในที่สุดก็ไล่มาถึงฉันที่ยืนอยู่ปลายแถว
“สวัสดีค่ะ ชื่อไอรดา รติโชติ รหัส 011 ทำหน้าที่เหรัญญิกค่ะ” รายงานเสร็จฉันก็แอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับสายตา 4-5 คู่ที่ยืนกดดันกันอยู่
“คุณจำรหัสนักศึกษาของตัวเองได้รึยังครับ” อยู่ ๆ พี่ระเบียบที่เป็นตัวหลักก็ถามขึ้นพร้อมส่งสายตากดดันมาที่ฉัน
“ดะ...ได้แล้วค่ะ” ฉันตอบกลับเสียงตะกุกตะกัก จำได้ดี จำได้ขึ้นใจเลยละ ฉันจะไม่ยอมโดนถูกลงโทษแบบเมื่อวานแล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ
“ดี! ไว้ผมจะสุ่มทดสอบ ทุกคน!”
“หน้าที่พวกนี้ แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะให้เพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหน้าทำ” เฮียโฬมที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ พูดขึ้น “พวกคุณรู้ใช่มั้ยว่าหน้าที่พวกนี้มันต้องมีความรับผิดชอบมากแค่ไหน”
“...”
“อย่างหน้าที่เหรัญญิก มันไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องตามเก็บเงินเพื่อนอย่างเดียว แต่คุณต้องรักษาเงินที่เก็บมายิ่งชีพ ถ้าทำเงินหายตัวคุณเองนั้นแหละที่ต้องรับผิดชอบ” เฮียโฬมจ้องหน้าฉันนิ่ง “ต้องแบกรับความลำบากใจได้ แถมตอนปิดงบประมาณกิจกรรมแต่ละงานยังต้องหาบิลมาให้ครบกับเงินที่หายไปทุกบาททุกสตางค์”
“...”
“คิดว่าทำได้มั้ย” เฮียโฬมจ้องมาที่ฉันอย่างต้องการคำตอบ
“ได้...ได้ค่ะ” ฉันตอบกลับไม่เต็มเสียงมากนัก
“คนที่พวกคุณเลือกมาจะต้องไว้ใจได้ พวกคุณต้องแน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหาหรือการโกงเงินขึ้น” ฉันหน้าชายิบขึ้นมาทันทีที่เฮียโฬมพูดจบ พร้อมมองไปยังเพื่อนในภาค ที่เริ่มส่งสายตาแปลก ๆ มาทางฉัน “แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะเอาคนนี้ ไม่สิ…แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะเลือกคนพวกนี้”
ทำไมต้องพูดขนาดนี้ด้วย...จะกัดไม่ปล่อยเลยรึไง ฉันคิดว่าเค้าจะเข้าใจที่ฉันอธิบายไปทั้งหมดแล้วซะอีก
พูดแบบนี้มันจงใจให้เพื่อนระแคะระคายฉันไม่ใช่เหรอ เมื่อเช้าก็ดูใจดีอยู่ แท้ ๆ ทำไมพอเข้าโหมดพี่ระเบียบถึงเป็นแบบนี้ขึ้นมาอีก นิสัยแย่จริง ๆ
“ผมถามว่าแน่ใจแล้วใช่มั้ย!” เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากน้อง ๆ พี่ระเบียบจอมโหดก็เปร่งเสียงที่ดังขึ้นอีกหลายระดับออกมา
“ครับ/ค่ะ” เพื่อนภาคที่นั่งอยู่ทุกคนตอบรับเสียงดังฟังชัดกลับไป แม้จะแอบสะดุ้งกับเสียงแปดหลอดของรุ่นพี่จอมโหดแค่ไหนก็ตาม
เหอะ! ถึงพวกเธอจะไม่มั่นใจในตัวฉันสักแค่ไหนก็ต้องตอบรับไปสินะ เพราะยังไงก็ไม่มีใครอยากเป็นอยู่แล้วนี่ไอ้หน้าที่ที่ต้องแบกรับอะไรมากมายขนาดนี้
ฉันโมโหมากนะที่บางคนมองฉันด้วยสายตาจับผิดกันตั้งแต่แรก มีสิทธิ์มามองฉันแบบนั้นด้วยเหรอทั้งที่ตัวเองเป็นคนยัดเยียดมันมาให้ฉันน่ะ
ไม่อยากทำหน้าที่อะไรนี่แล้วว้อยยย เซ็ง!
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยพี่ระเบียบก็เรียกให้พวกฉันเข้าไปนั่งที่ของตัวเอง
“ไอ้พี่หน้าหล่อหุ่นนายแบบสุดโหดนั้นทำไมดูจงใจหาเรื่องริณจังวะ” เพื่อนเอนตัวมากระซิบฉันทันที่ที่นั่งลงข้างเธอ
“ไม่รู้สิ” ฉันโกหกออกไปแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเค้าจงใจหาเรื่องกันเพราะอะไร แค้นฝั่งหุ่นเลยรึไง! เจ้าคิดเจ้าแค้นจังเลย “พี่เค้าไม่ชอบหน้าเรามั้ง”
“เหรอ…เอ๊ะ! หรือว่าพี่เค้าจะชอบริณเลยหาเรื่องแกล้งเหมือนในนิยายไง แบบพี่ว๊ากจอมโหดปิ๊งรักยัยเฟรชชี่หน้าใส แกล้งโหดใส่แต่ที่จริงแอบชอบงี้” เพื่อนพล่ามความคิดน่าปวดหัวของตัวเองกรอกหูฉันไม่หยุด
“ไม่มีทางอ่ะ เปลี่ยนชื่อนิยายเป็นพี่ว๊ากจอมโหดอยากกระโดดถีบยัยเฟชรชี่หน้ามึนยังจะเข้าซะกว่า” ฉันรีบแย้งความคิดของเพื่อน มันจริงนะทุกครั้งที่เจอกันสายตาเค้าบ่งบอกแล้วถ้าฉันเป็นผู้ชายละก็โดนโบกหัวหลุด ไม่ก็โดนกระทืบไปแล้ว
“ตรงนั้นจะคุยกันอีกนานมั้ย จะได้ให้ออกมาคุยให้ฟังด้านหน้า” เสียงปรามแกมตะคอกของเฮียโฬมทำฉันและเพื่อนรีบผละออกจากกัน ฉันแอบเหลือบตามองเค้าก็พบว่าไอ้รุ่นพี่จอมโหดมันแอบกระตุกยิ้มชั่วใส่กันอยู่
สันดาน! ข่มกันได้ก็ข่มไปนะ
เมื่อพี่ระเบียบเดินออกไปแล้วพี่ ๆ จึงให้เราพักไปทำธุระส่วนตัว กินน้ำกินขนมกันก่อนที่จะเริ่มสันทนาการกันอีกรอบ ฉันที่ไม่ได้ปวดเข้าห้องน้ำเลยได้แต่นั่งเป็นคนกลางให้เพื่อนกับนายเถียงกันข้ามหัวไปมา
เอาที่เพื่อนสบายใจเลย ไอริณโอเค๊!
“น้องครับน้ำครับ” ความเย็นจากขวดน้ำขนาดเล็กที่แตะแขนเรียกสายตาฉันให้หันไปมองคนที่มาใหม่ ฉันเบิกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อพี่คนนี้เป็นหนึ่งในเพื่อนกลุ่มเฮียโฬมที่เจอในร้านคาเฟ่หน้าตึกคณะ
“จ้องหน้าพี่แบบนี้มีอะไรรึป่าว หลงเสน่ห์พี่อ่ะดิ” พูดจบคนตรงหน้าก็ขยิบตาให้ฉันไปทีนึง ซึ่งไอ้ท่าทางเจ้าชู้นี้ก็เรียกสติฉันกลับมาแล้วรีบรับน้ำจากเค้าโดยเร็ว
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับน้อง…ไอริณ” เค้าเว้นจังหวะการพูดแล้วเหลือบตามองป้ายชื่อที่ห้อยคอฉันอยู่ “ชื่อน่ารักจัง แต่คนน่ารักกว่า”
เจ้าชู้ไก่แจ้มากเลยพ่อ!
“พี่ชื่อกวินทร์นะ เรียกพี่กวินทร์หรือพี่วินก็ได้ครับ เอาที่น้องไอริณพอใจ” พูดพร้อมส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ “แต่จะให้ดีเรียกพี่ว่าที่รักก็ได้นะ”
TALK
.
.
อย่าลืมคอมเมนต์นะ เมนต์หายกำลังใจหดนะ ขออ่านโหน่ยย แลกกันๆ♥
...
MINNIK
...
มีคำผิดบอกได้นะคะ กด ♥ แล้วคอมเมนต์ให้กันด้วยนะ
อนุญาต เขียนแบบนี้นะคะ ไม่มีสระอิค่ะ
พี่วิน มาวินนนตลอดดด 5555
เมื่อไหรเค้าจะชอบกัน555
ใส่ไม้ตรีไม่ได้นะคะ​ เพราะ​
ส​
เป็นอักษร​สูง​ ใส่วรรณ​ยุกต์​ได้แค่ไม้เอก​กับไม้โทค่ะ
#อยากให้ไรท์อ่านแล้วนำไปปรับใช้ค่ะ​ #หวังดีเด้อ
ขอบคุณมากนะคะเดี๋ยวเราไปแก้ไขเนอะ
เฮียจะหาเรื่องแกล้งไรน้องอีก
เพื่อนก็ช่างเลือกถูกคนจริงๆ
- หาเรื่องเด็ก นี่คงเป็นเอกลักษณ์ของเฮียสินะ หุหุ
ความง่ายมันไม่มีในโลกนะลูกไอริณ 555