คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ๐O ~ วุ่นนัก...รักสาวร่วมห้อง (เรียน) ~ O๐ ตอน 1
กรี๊งงงงง ~~~!!!!!
“เฮ้ย...ไอเกียรติ ตื่นไปอาบน้ำได้แล้ว โว้ยยย”
2 เสียงที่ดังรบกวนการนอนของผมอยู่ทุกเช้า
นาฬิกาปลุกคาซิโอ ตัวจ้อยแต่เสียงผิดกลับตัวมัน กับไอออฟ ไอเพื่อนตัวแสบ
ออฟมันเป็นเมทรวมห้องกับผมตอนอยู่หอใน มาตั้งแต่เรายังเป็นเฟรชชี่กันอยู่
จนกระทั้งออกมาอยู่หอนอก มันก็ยังติดสอยห้อยตามผมออกมาอีก
นอกจากผมกับมันจะนอนร่วมห้องกันแล้ว เรายังเรียนเอกเดียวกันด้วย
เรียกได้ว่าทุกวันผมต้องเจอหน้ามันตั้งแต่เช้าจนมืด
“เออ...แกอาบไปก่อนเลย เสร็จแล้วเรียกด้วย” ผมไล่มันแล้วก็หลับต่อ
ซักพักไอออฟก็อาบเสร็จแล้วมาปลุกผม
“เฮ้ย...ยังจะหลับต่ออีกนะแก ลุกเลย เดี๋ยวไปเรียนสายนะเฟ้ย” ออฟมันกระชากจนผมแทบตกเตียง
“เออ...เออ...ไปแล้วๆ” ผมเดินสะเงาะสะแงะตรงไปอาบน้ำจนเสร็จ
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็รีบบึ่งรถตรงไปที่คณะทันที โดยมีไอออฟติดสอยห้อยท้ายมาด้วย
ที่จริงออฟมันก็มีมอไซค์เป็นของตัวเองนะ แต่มันชอบซ้อนท้ายไปไหนมาไหนกะผมมากกว่า
มันให้เหตุผลว่า ..กลัวผมเหงา แล้วอีกอย่างไปด้วยกันประหยัดน้ำมันดี..
แน่ล่ะ มันอ่ะประหยัดแน่...ก็ผมเป็นคนจ่ายค่าน้ำมันเองนิ
ผมใช้เวลาจากหอถึงคณะ 10 นาที ยังเหลือเวลาอีกเกือบ 10 นาทีกว่าจะถึงเวลาเรียน
ผมเลยให้นายออฟมันขึ้นไปห้องเรียนไปก่อนแล้วตรงดิ่งไปยังซุ้มของว่าง
คอฟฟี่ เบรก
แล้วผมก็ได้เจอกับผู้หญิงคนนึงที่มีอิทธิพลกับผมในตอนนี้อย่างมาก
..... อีฟ .....
อีฟ...สาวร่วมห้องเรียนของผม ไม่ค่อยสวยเท่าไรหรอก...แต่น่ารักโดนใจผมเลย
ตาโต แก้มป่อง ตรงสเป็คผมเป๊ะ
โป๊ะเช๊ะ โดนใจ !!
อีฟเป็นผู้หญิงในชั้นเรียนที่ผมพูดคุยด้วยน้อยที่สุด ตลอด 2 ปีครึ่ง ที่ผ่านมา
แม้ว่าที่จริงแล้ว อยากจะคุยด้วยใจจะขาด
อาจเป็นเพราะอีฟเป็นคนเงียบๆ แล้วไม่ค่อยพูดซะเท่าไร ทำให้ผมหาเรื่องเนียนคุยด้วยไม่ค่อยได้
“อ้าว..อีฟ วันนี้กินไรหรอ” ผมเริ่มหาเรื่องคุยด้วย
“แซนวิสเนี่ยแหละ จาได้อยู่ท้องหน่อย
เกียรติ จะเอาด้วยม่ะ” อีฟพูดแล้วก็ส่งแซนวิสให้ผม
“ไม่ดีกว่า เราไม่ชอบกินแซนวิส”
ใช่เลยผมไม่ชอบกินแซนวิสอย่างแรง...อาหารอะไร เอาของคาวกะของหวานมาผสมกัน
ขนมปังอ่ะมันของหวาน...จะเอามากินกะแฮมรึทูน่า ที่เป็นของคาวได้อย่างไร
ไม่เห็นจะเข้ากันซักนิด !?!?!?
แล้วอีฟก็จ่ายเงินค่าแซนวิสกับน้ำส้ม แล้วก็เดินไป
ผมเลยรีบสั่งชีสไบร์ท กับเป๊ปซี่กระป๋อง พร้อมกับจ่ายค่าเสียหาย แล้วรีบเดินตามอีฟไปจนมาทันกันหน้าลิฟท์
ตลอดทางเดินไปห้องเรียนผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับอีฟอีกเลย ได้แต่เดินตามหลังเธอไปต้อยๆ จนถึงห้องเรียน
พอเข้าห้องได้อีฟก็ตรงไปนั่งที่ประจำของเธอหน้าห้อง
ส่วนผมก็ตรงไปนั่งกับไอออฟ ซึ่งอยู่หลังห้อง....ห่างกันลิบเลย
“แล้วไมวันนี้แกเดินมากับอีฟได้ว่ะเนี่ย” ออฟมันรีบแซวเมื่อเห็นผมเข้าห้องมาพร้อมอีฟ
“เจอกันที่คอฟฟี่ เบรก อ่ะ แต่ก็เหมือนเดิม คุยกันได้ 2-3 คำ” พูดไปก็ถอนหายใจไป
ซักพักอาจารย์ก็เข้ามาสอน...ตลอดเวลาเรียน 2 ชม.นั้น ผมแทบไม่ได้มองหน้าอาจารย์รึก้มไปดูหนังสือซักนิด
สายตาผมจองอยู่ที่อีฟอย่างเดียวเลย
ถ้าอีฟเป็นปลากัด ก็คงท้องไปแล้วแหละ
หลังจากหมดชั่วโมงเรียน เพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันกลับหอใครหอมัน
“หมดเรียนแล้ว ข้าว่าไปเล่นเนตอ่ะ ไปด้วยกันป่าว” ผมถามนายออฟขณะเดินไปเอารถ
“กลับไปนอนต่อดีกว่าว่ะ...ง่วงชิบ” ออฟมันตอบไปหาวไป
แล้วผมก็ต้องขับมันไปส่งที่หอแล้วจึงตรงไปยังสำนักคอมพิวเตอร์ของมหาลัย
มหาลัยมีคอมมีเนตให้ใช้ฟรีๆ จาไปเสียตังค์เล่นร้านทำไม เหอะๆ
แล้วระหว่างทางผมก็ได้เจอ อีฟ อยู่ในร้านเครื่องเขียน
สามัญสำนึกของผมสั่งรีบเลี้ยงรถจอดข้างๆร้านเลย แล้วก็ตรงดิ่งเข้าไปในร้าน
“อ้าว...อีฟ ซื้ออาไรหรอ” ผมเนียนคุยอีกแล้ว
“อ้าว มาซื้อไส้ดินสออ่ะ แล้วเกียรติอ่ะ ซื้ออาไร”
“อ๋อ...เรา...มาดูยางลบอ่ะ” เจอคำถามอีฟไปอึ้งเลย เห็นยางลบอยู่ใกล้มือเลยเนียนซะ
“เกียรติเอายางลบไปทำไมอ่ะ...เห็นปกติใช้ปากกาไม่ใช่หรอ”
“อ๋อ...นายออฟมันฝากมาซื้ออ่ะ” ยังเนียนไปได้ต่อ
แล้วอีฟก็เดินไปจ่ายตังค์แล้วก็เป็นผมอีกที่ตามหลังต๊อกๆ
พอจ่ายเงินเสร็จผมก็อาสาขับรถไปส่งอีฟที่หอ
“ขอบใจมากนะเกียรติที่มาส่ง” อีฟลงจากรถแล้วก็ขอบคุณผม
“ไม่เป็นไร...ทางผ่านอยู่แล้ว”
“ทางผ่านอะไรอ่ะ...จะไปสำนักคอมไม่ใช่หรอ แล้วเลยมาส่งอีฟที่หน้ามอเนี่ยนะ” อีฟขัดแบบยิ้มๆ
ไม่ผิดหรอกที่อีฟจะสงสัย ผมเจออีฟอยู่ข้างมอ เข้ามอมาหน่อยนึงก็ถึงสำนักคอมแล้ว
แต่ผมกลับขับรถเลยมาส่งอีฟที่หน้ามอ แต่ยังไม่วายหน้าด้านบอกว่าทางผ่านอีก เหอะๆ
“ก็ขับชมวิวไปเรื่อยๆ อ่ะแหละ...เราไม่รีบ” ยังอ้างไปข้างๆคูๆ
แล้วอีฟก็ขอตัวเข้าหอไป...ผมก็ได้แต่มองอีฟจนหายเข้าไปในหอ แล้วจึงขับรถออกมา
คิดไปคิดมา...ผมก็อยู่ในสายตาอีฟเหมือนกันนะเนี่ย
ไม่งั้นอีฟก็คงไม่รู้หรอกว่าผมใช้ปากกา...ไม่ได้ใช้ดินสอ เหอะๆ
ผมนั่งเล่นเนต แล้วก็นั่งทำโฮมเพจส่งอาจารย์ไปด้วยซะเพลิน มารู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่มแล้ว
ผมรีบตรงกลับหอ เพื่อลากออฟมันออกไปกินข้าวด้วยกัน
พอมาถึงหอก็เจอแฮงค์กะชาญอยู่หน้าบ้าน
แฮงค์กะชาญ เป็นเมทร่วมหอกับผมอีก 2 คน
2 คนนี้ มันเป็นคู่หูกันมาตั้งแต่มัธยม พอเข้ามหาลัยก็ยังลากกันมาอีก
แฮงค์มันเรียนวิศวะ สาขาโยธา...มันเป็นพวกขี้เมาแต่เอาถ่าน เมาได้เกือบทุกวัน สมชื่อแฮงค์จริงๆ
ขนาดก่อนสอบมันยังไม่ยอมอ่านหนังสือ ไปนั่งก๊งเหล้ากับเพื่อนวิศวะ
มันยังอุตส่าห์ได้ B มา ส่วนพวกที่นั่งกินกับมันไม่พ้น D+ ซักคน
ชาญเรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ เอกวิทย์คอม...คุณชายชาญ ผู้ชายเจ้าระเบียบจนเพื่อนๆ ยกตำแหน่งคุณชายให้
ชาญมีวิถีชีวิตที่เป็นระเบียบแบบแผนมาก
ตื่นเช้าไปเรียน...เรียนเสร็จเข้าห้องสมุด...ตกเย็นกินข้าว...ดึกหน่อยเล่นเกมส์
ถ้าวันไหนเรียนเช้าก็กลับมานอนเร็วหน่อย....แต่ถ้ารุ่งขึ้นไม่มีเรียนก็โต่รุ่งซะ
ชาญมันเป็นเซียนเกมส์ในคาบเด็กเรียน มันพยายามเต็มที่ให้คนอื่นมองมันเป็นเด็กเรียน
ขนาดมันสายตาไม่สั้นเท่าไหร่...มันยังอุตส่าห์หาแว่นมาใส่เลย
มันบอกว่า ... ใส่แล้วดูเป็นเด็กเคร่งดี ... เอากับมันซิน่า
ผมรู้จักมัน 2 ตัว ตอนอยู่หอในเหมือนออฟนั้นแหละ ห้องพวกมันอยู่ตรงข้ามกับห้องผมเลย
แต่ช่วงเย็นๆ หลังเลิกเรียนมันชอบมานั่งเล่นกันห้องผม ด้วยเหตุที่ว่า ... ลมจะพัดเข้าทางห้องผม
ห้องผมเลยกลายเป็นแหล่งซ่องสุมและเพาะบ่มมิตรภาพของเราทั้ง 4 คน
“เห้ย แฮงค์...ออฟมันไม่อยู่หรอ” ผมถามเมื่อมองแล้วไม่เห็นมอไซค์ของออฟ
“มันออกไปดินเนอร์กับน้องอิ๋วตั้งแต่เย็นแล้ว” แฮงค์มันตอบขณะจูงรถมอไซด์ออกมานอกบ้าน
“แล้วพวกแกจะไปไหนอ่ะ” ผมเห็นพวกมันจูงมอไซด์ออกมาเลยถาม
“จะไปส่งนายชาญที่ร้านเกมส์ แล้วว่าจะเลยไปคณะอ่ะ ไปล่ะเนอะ” แฮงค์มันตอบแล้วสตาร์ทรถออกไป
ปกติผมจะกินข้าวเย็นกับออฟ
เพราะส่วนใหญ่ตอนเย็นๆ เราจะเข้าไปทำงานที่สโมสรนิสิตของคณะ
แต่ถ้าวันไหนไม่ปกติหน่อย ออฟมันเกิดนัดน้องคนโน้นน้องคนนี้ได้ ผมก็ต้องกินข้าวคนเดียวตามระเบียบ
อย่างเช่นวันนี้ ออฟมันไม่บอกผมซักคำว่านัดกับน้องอิ๋วไว้...คงกลัวผมไปเป็น กขค. มันอ่ะดิ
ไม่บอกก็ไม่ว่า....แต่จำไว้ !!!
ผมก็ขับมอไซค์มายังแหล่งของกินข้างมหาลัย...ขับวนผ่านไปหนึ่งรอบ ด้วยอารมณ์ไม่รู้จะกินอะไร
แล้วก็มาหยุดที่ร้านอาหารตามสั่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า ... ร้านมันชอบปิดบ่อยๆ วันนี้อุตส่าห์เปิด ก็กินซะหน่อย ...
ผมจอดรถข้างร้านแล้วตรงไปสั่ง .. ข้าวหมูหิมะ .. เมนูเด็ดประจำร้านที่หากินร้านอื่นไม่ได้
แล้วก็หยิบหนังสือพิมพ์ไปนั่งอ่านระหว่างรอ
ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ซักพัก ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น
“เกียรติ...มากินข้าวคนเดียวหรอ” เสียงนึงทักขณะผมกำลังง่วนกับการอ่านหนังสือพิมพ์
เมื่อผมเงยหน้าขึ้นถึงได้รู้ว่าเป็น
ฟ้า ...
ฟ้าเป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมของอีฟ เรียนอยู่คณะพยาบาล และเช่าหออยู่กับอีฟ
ผมรู้จักฟ้าเมื่อตอนปี 1 ช่วงที่ผมชอบสร้างสถานการณ์บังเอิญไปเจออีฟตามที่ต่างๆ
ซึ่งบ้างครั้งก็มีฟ้าอยู่ด้วย อีฟจึงแนะนำฟ้าให้ผมรู้จัก
“อืม...มาคนเดียว แล้วฟ้าล่ะมาคนเดียวหรอ” ผมตอบพร้อมกับถามถึงอีกคนที่ผมอยากเจอ
“มากับอีฟ...ยืนสั่งข้าวอยู่โน้น โต๊ะมันเต็มอ่ะขอนั่งด้วยล่ะกันนะ” ฟ้าตอบพลางชี้มือไปที่อีฟ
“ได้ซิ...เชิญครับคุณพยาบาล” ผมพูดไปแซวไป
“จ้า...พ่อนักบริหาร” ฟ้าก็ไม่วายแขวะผมกลับ
“แล้วออฟไม่มากินข้าวด้วยหรอ” อีฟถามหลังจากที่นั่งลงข้างฟ้าแล้ว
“ออฟมันทิ้งเราไปดินเนอร์กับสาวอ่ะ” ผมพูดถึงนายเพื่อนตัวแสบ
“แล้วเกียรติไม่นัดสาวไปดินเนอร์บ้างล่ะ ถ้าไม่มีใครโทรเรียกเราก็ได้นะ” ฟ้ายังหาเรื่องแซวไม่หยุด
“ไม่เอาดีกว่าเราไม่ชอบพยาบาล รักษาแต่ร่างกาย...ไม่รักษาจิตใจ” ผมสวนกลับไปทันควัน
เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทั้งอีฟและฟ้าได้ทีเดียว
ผมชอบเวลาที่อีฟยิ้มมาก...อีฟเป็นคนมีลักยิ้ม แล้วเวลาอีฟยิ้มจากแก้มที่ป่องอยู่แล้ว ก็จะป่องขึ้นอีก
ดูน่ารักมากเลยทีเดียว (ใส่ซาวน์เอฟเฟค อาฉี..เสียงหล่อ ด้วย จะได้อารมณ์มาก)
ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ทำให้อีฟยิ้มได้ เพราะอีฟจัดว่าเป็นผู้หญิงยิ้มยากคนนึงเลยทีเดียว
ปกติแล้วผมจะเป็นคนคุยสนุก ชอบแซวคนโน้นคนนี้ไปทั่ว
แต่ไม่รู้เป็นไร กับอีฟผมไม่รู้จาสรรหาเรื่องอะไรมาคุยรึมาแซวดี....ให้มันได้อย่างนี้ซิน่า
“แล้ววันนี้นึกไงถึงใส่สีฟ้าทั้งตัวเลยเนี่ย” ผมเริ่มหาเรื่องแซวฟ้าต่อเมื่อสังเกตเห็นชุดที่ฟ้าใส่มา
“ก็วันนี้วันศุกร์นิ ก็ต้องใส่สีฟ้าซิ” ฟ้ายังหาเรื่องอ้างไปได้
“อ้าวหรอ...เรานึกว่ากลัวคนจะไม่รู้ว่าชื่อฟ้า ซะอีก”
ผมยังแซวเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากฟ้าและอีฟ ได้อย่างต่อเนื่อง
ผมรู้สึกว่าเวลาอีฟอยู่กับฟ้า จะดูร่าเริงและเป็นกันเองมากกว่าอยู่กับเพื่อนในเอก
อาจเป็นเพราะฟ้ากับอีฟ สนิทกันมาตั้งแต่เด็กด้วยล่ะมั่ง
ไม่นานนักเด็กในร้านก็ยกข้าวที่เรา 3 คนสั่งมาเสิร์ฟ....และผมก็สังเกตเห็นลู่ทางที่จะแซวอีฟได้แล้ว
“อีฟสั่งข้าวหมูหิมะเหมือนเราเลย คิดเหมือนกัน...ไม่รู้จะใจตรงกันรึเปล่า” ผมหาเรื่องแซวจนได้
“งั้นอีฟเปลี่ยนจานกับฟ้าก็ได้” อีฟตอบพลางจะเปลี่ยนจานกับฟ้าให้ได้
ทีนี้อีฟเป็นฝ่ายเรียกเสียงหัวเราะจากผมและฟ้าบ้าง
ถึงอีฟจะเป็นคนเงียบๆ แต่บ้างครั้งที่เรียกเสียงหัวเราะจาคนข้างเคียงได้เป็นอย่างดี
ผมกินข้าวไปพร้อมๆ กับชวนสองสาวคุยอยู่ตลอด จนแต่ล่ะคนอิ่มทั้งข้าว อิ่มทั้งมุขเลยทีเดียว
เมื่อเห็นทุกคนอิ่มกันแล้วผมก็เรียกเด็กในร้านมาเก็บเงิน โดยจ่ายตัวใครตัวมัน
ผมกะจะเลี้ยงอีฟกับฟ้าซักหน่อย แต่มาคิดได้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันนิ....แค่เพื่อนกัน
เพื่อนกัน....มันไม่เนียน !!! เดี๋ยวอีฟจับไต๋ผมได้ล่ะยุ่งเลย
ระหว่างออกจากร้านผมอาสาที่จะไปส่ง 2 สาวที่หอ เพราะคิดว่าทั้ง 2 คนเดินมา
แต่พอรู้ว่าฟ้าขับมอไซค์มาเอง ผมเลยกินแห้วไปตามระเบียบ
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยตรงไปสำนักคอมเพื่อทำโฮมเพจที่ค้างไว้ต่อ
นั่งทำโฮมเพจไป ฟังเพลงไป จนกระทั้ง 3 ทุ่มกว่าๆ ออฟมันก็โทรมาตามให้ผมกลับหอ
มันบอกมีเรื่องสำคัญมาก...ให้รีบกลับด่วน มันย้ำก่อนว่างสายด้วยว่า ... ด่วนมากๆ ...
ด้วยความเป็นเพื่อนที่แสนดีของผม ผมเลยนั่งทำโฮมเพจจนกระทั้ง 4 ทุ่มแล้วจึงกลับไปหามัน
“มีอะไรว่ะ...ไอออฟ” ผมตะโกนเรียกมันหลังจากเปิดประตูบ้านเข้ามาได้
“ไอเกียรติ...เข้ามานี่เลย ให้ว่องๆ” เสียงออฟดังมาจากห้องนอนชั้นล่าง
หอที่ผมกับเพื่อนเช่ากันอยู่เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดกำลังพอดีสำหรับ 4 คน
โดยผมกับออฟจะนอนห้องชั้นบนฝั่งหน้าบ้าน แล้วแฮงค์กับชาญจะนอนชั้นบนฝั่งหลังบ้าน
ส่วนห้องนอนชั้นล่างจะเป็นแหล่งกบดานของพวกเรา โดยห้องนี้จะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ส่วนกลางของบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ของผม คอมพิวเตอร์ (ไม่ได้ต่ออินเตอร์เน็ต) ของชาญ
เกมส์เพลย์ทูของแฮงค์ แล้วก็เตารีดไอน้ำสุดหรูของออฟ
เรียกได้ว่าเป็นห้องที่กินไฟที่สุดในบ้านเลยทีเดียว
“เรียกข้ามากินเหล้ากับแกเนี่ยนะ
.เรื่องสำคัญมากๆ” ผมแปลกใจเมื่อเปิดประตูไปเห็นพวกมันตั้งวงกันอยู่ที่พื้นห้อง
“เออดิว่ะ...ข้ากำลังล่าบอสอยู่ดีๆ มันก็โทรให้ไอแฮงค์ไปรับซะงั้น” ชาญพูดสมทบ
“เอาน่า...มาแล้วก็นั่งเลย อย่าช้า” ออฟมันบอกพร้อมกับเคลียร์ที่ให้ผมนั่ง
“แล้วนี่แกมีไรว่ะ...เห็นออกไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกะน้องอิ๋วไม่ใช่หรอ ไมมาจบที่วงเหล้าได้” ผมนั่งพร้อมถามออฟ
“เออนั้นดิ ตอนออกไปเห็นหน้าบาน...ทำไมกลับมาถึงกลายเป็นหน้าหมาง๋อยไปได้ว่ะ” แฮงค์ถามอย่างสงสัย
“อย่าพูดถึงน้องเค้าได้ม่ะว่ะ...คิดแล้วมันเศร้า” ออฟมันตอบหน้าห้อย
แล้วออฟมันก็เริ่มเล่าเหตุผลที่มันลากพวกผม 3 คนมาซดเหล้ากับมัน
เมื่อตอนเย็นมันนัดน้องอิ๋วไปเลี้ยงพิซซ่า แล้วไปต่อร้านนมที่หน้ามอ
ระหว่างที่นั่งกินนมกันอยู่นั้นเอง ก็มีเพื่อนอิ๋วคนนึง ซึ่งดูจากท่าทางก็รู้ได้ทันที่ว่าเป็นทอม เดินมาเรียกอิ๋วไปคุย
ซักพักอิ๋วก็เดินกลับมาที่โต๊ะแล้วบอกมันว่าต้องรีบไปธุระ โดยมีทอมเดินตามหลังมาติดๆ
ก่อนไปอิ๋วยังแนะนำเพื่อนคนนั้นให้รู้จักแล้วบอกอีกว่าเป็นแฟนอิ๋ว
แล้วก็จากไป
ออฟมันอึ้งไปเลย !?!?!? กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าโดนทอมมาคาบเด็กในสังกัดไป...น้องเค้าก็ไปซะไกลล่ะ
พอพวกผม 3 คนรู้เรื่องเท่านั้นแหละ
ฮาแตกทั้งวง ขำจนน้ำหูน้ำตาไหล
มีอย่างที่ไหนควงอยู่ดีๆ ปล่อยให้ทอมมาคว้าไปต่อหน้าต่อตา...สมน้ำหน้ามัน 555+
“พวกแกไม่ต้องมาขำเลย...อ่ะเหล้ากินซะปากจะได้ไม่ว่าง” ออฟมันยั้วที่โดนรุมขำ
“คิดแล้วก็เศร้าว่ะ รักแท้...แพ้ทอม” ออฟมันพูดแบบปลงๆ
“เอาน่า แกก็คิดซะว่าไม่ใช่ว่าแกเป็นผู้ชายที่ไม่ดี....แค่รสนิยมน้องเค้าดันชอบทอมก็แค่นั้น”
ชาญมันพูดเหมือนจะปลอบใจออฟ แต่กลับเรียกเสียงฮาจากผมกับชาญได้ซะมากกว่า
“ใครใช้ให้แกโง่ไปหลงน้องดี้เองนี้หว่า การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรแกจริงๆ” แฮงค์ได้ทีเย้ยออฟสุดฤทธิ์
“เออดิ...ใครจะไปฉลาดเหมือนเด็กโยธาอย่างแกล่ะ” ออฟมันฉุนเต็มที่
“แน่นอน...นอกจากโยธาจะสอนให้ข้าก่อสร้างแล้ว ยังสอนให้ข้าก่อรักกับน้องน้ำด้วย” แฮงค์ยังเย้ยต่อ
แฮงค์มันจงใจยกน้องน้ำมาเย้ยออฟเต็มที่ เพราะออฟมันพนันไว้ว่าหน้าอย่างไอแฮงค์ไม่มีทางจีบน้องน้ำติด
แต่ตอนนี้ดูท่าออฟมันต้องเสียเหล้า 2 กลมซะล่ะ เพราะตอนนี้น้องน้ำติดนายแฮงค์อย่างกะแตงเม
“เอาน่า...ปล่อยทอมเค้าอยู่กับเจอร์รี่ไป แก๊งซ์ 4 ช่าอย่างเรามาดื่มต่อดีกว่า” ผมรีบพูดตัดบท
“พวกแกจำไว้...ข้าจะไม่จีบน้องคนไหนอีกแล้ว กับน้องอิ๋วข้าก็ยังไม่ยุ่งอีก ไม่เชื่อก็คอยดู” ออฟพูดไปซดเหล้าไป
พวกเรานั่งซัดเหล้าจนถึง ตี 1 โดยมีบทสนทนาเรื่องน้องอิ๋วเป็นกับแกล้มตลอดงาน
ออฟมันสโตคดีมาก...เมาหลับไปก่อนใครพวก ตามติดมาด้วยไอชาญ มันคงกลัวน้อยหน้าไอออฟเลยเร่งตามไป
ปล่อยให้ผมที่ไม่ค่อยชอบดื่มเหล้า กับแฮงค์ที่ซัดเยอะสุดแต่ไม่ยักเมา เก็บกวาดร่องรอยการต่อสู้ไปกันสองคน
วันต่อมาออฟมันนั่งเป็นหมาหง๋อยอยู่ที่หอจนบ่าย แต่พอตกเย็นมันก็อี๋อ๋อนัดน้องส้มไปดูหนังซะงั้น
ถัดจากนั้นอีก 2-3 วัน ผมก็เห็นมันยืนคุยจิ๊จ๊ะกับน้องอิ๋วอยู่หน้าคณะ
โถ่เอ๊ย...แล้วบอกว่าจะไม่ม่อ ไม่ยุ่ง ไม่กี่วันมันก็ลืมล่ะ....นี่แหละน้า สัญญาวงเหล้า เหอะๆ
ผมยืนจ้องไอออฟอยู่หน้าคณะขณะที่มันกำลังยืนคุยกันน้องอิ๋วอยู่
ออฟมันรีบลงมาจากห้องเรียนทันทีที่อาจารย์เลิกสอน เพื่อมาดักเจอน้องอิ๋วที่เลิกเรียนเวลานี้พอดี
พอมันหันมาเห็นผม มันก็รีบลาน้องดี้ เอ้ย...น้องอิ๋ว แล้วเดินมาหาผมทันที
“ไหนแกว่าจะไม่ยุ่งกับน้องเค้าแล้วไง” ผมแกล้งถามถึงสิ่งที่ออฟมันเคยพูดไว้
“ข้าบอกว่าจะไม่ยุ่งกับน้องเค้าวันโน้น ไม่ได้บอกว่าจะไม่ยุ่งวันนี้นิ” ออฟมันแก้ตัวไปได้
“เออ...เรื่องของแก วันนี้มีประชุมสโมฯ ทุ่มนึง ไปหาข้าวกินรองท้องก่อนล่ะกัน อีกตั้งชั่วโมง”
ผมรีบลากออฟไปกินข้าวเย็น โดยเลือกร้านที่ทำอาหารเร็ว เพราะกลัวจะเข้าประชุมสาย
พอกินเสร็จผมก็ขี่รถตรงไปคณะทันที แล้วก็ได้เจอกับน้องๆ ปี 1 ที่ทำงานสโมฯ มาออกันอยู่หน้าคณะ
“สวัสดีค่ะ พี่เกียรติ พี่ออฟ” น้องหญิงประธานเอกจิตวิทยาปี 1 กล่าวทักเมื่อเห็นผมกับออฟเดินเข้าคณะมา
เรียกความสนใจจากพวกน้องๆ ที่จับกลุ่มเมาส์กันได้ทันที
แล้วเสียง ... สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ ... ก็ตามมาระลอกใหญ่
เป็นเสียงปกติที่ผมกับออฟได้ยินทุกครั้ง เวลาเดินผ่านกลุ่มน้องๆ ปี 1
“แล้วมาอออะไรกันหน้าคณะเนี่ย ไม่เข้าไปนั่งรอข้างในกัน” ผมถามน้องๆ ที่เข้ามาทักทาย
“ป่ะ เข้าประชุมกันได้แล้ว...ใกล้เวลาล่ะ” ออฟมันพูดพร้อมเดินนำน้องๆ ตรงไปยังห้องสโมฯ
“อ้าว...ออฟ เกียรติ มาซะเกือบตรงเวลาเลยนะแก” เอก เพื่อนร่วมทีมสโมทักทายเมื่อเห็นผมกับออฟเข้าห้องมา
เอก...ประธานเอกไทยปี 2 มันเป็นพวกบ้ากิจกรรมเข้าสายเลือด
ไม่ว่าจะงานไหนที่เกี่ยวกับกิจกรรม ทั้งที่เป็นงานของสโมฯ รึงานของเอก มันต้องโผล่มาคนแรกเสมอ
เอกมันเป็นพวกพูดมาก แล้วก็พูดเร็วถึงขั้นเร็วมากๆ ตอนแรกที่ผมรู้จักมัน แทบฟังมันพูดไม่ทัน
เมื่อตอนเทอมแรก เอกมันป๊อปปูล่าในหมู่น้องๆ มาก.....มีน้องๆ เปลี่ยนกันซ้อยท้ายไปไหนมาไหนไม่ขาด
แต่แล้วมันก็มาตกลงปลงใจกับน้องจอย... ที่ทำงานสโมร่วมกันและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด 3 เดือน
“ใครจะมาก่อนเวลาได้เป็นชั่วโมงเหมือนแกล่ะ” ออฟพูดหยอกกลับไป
“อ้าวๆ มากันครบแล้วก็นั่งที่เตรียมประชุมได้แล้วจ้า” พี่ต้น...นายกสโม พูดขณะเดินเข้ามายังห้องสโม
แล้วการประชุมก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการมาของพี่ต้น...นายกสโม และพวกพี่ๆ อุปนายกแต่ล่ะฝ่าย
บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยสาระและเสียงหัวเราะ ไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนการประชุมอื่นๆ
โดยเรื่องที่ประชุมก็เป็นการเตรียมการและแบ่งหน้าที่ในงานกีฬาสัมพันธ์ระหว่างคณะของผมกับอีกมหาวิยาลัย
ซึ่งเป็นมหาวิยาลัยที่อยู่ไม่ไกลกันนัก และจะมีงานขึ้นในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า
“น้องคนไหนมีอะไรสงสัยอีกมั้ยครับ ถ้าไม่มีพี่ขอปิดประชุม” พี่ต้นสั่งปิดประชุมหลังจากดำเนินการมากว่า 2 ชั่วโมง
หลังจากปิดประชุมพี่ต้นกับพวกพี่ปี 3 แล้วก็น้องๆ ปี 1 ก็คุยกันซักพักแล้วก็แยกย้ายออกจากห้องสโมฯ ไป
เหลือแต่ผม เอก ออฟ ที่ยังคงเมาส์ติดพันกับน้องปี 1 กลุ่มที่สนิทกับพวกผมอยู่ในห้อง
ซึ่งประกอบไปด้วย .. น้องหญิง .. น้องมด .. น้องพาย ..
น้องหญิง...น้องที่ขยันขันแข็งที่สุดในกลุ่ม สั่งให้ทำอะไรก็ไม่เคยขัด
จะมีบ่นบ้างเล็กน้อย...พอให้ขำขำ หญิงเลยกลายเป็นน้องพี่พวกผมมักใช้งานอยู่เป็นประจำ
น้องมด...สาวที่ก๋ากั่นที่สุดในกลุ่ม มักเป็นคนเรียกเสียงฮาให้กับเพื่อนๆ ได้อยู่ตลอด
ลูกล่อลูกชนแพรวพราว...จึงได้ตำแหน่งคู่แซวของพวกผมไปครอง
น้องพาย...น้องที่มีหน้าตาน่ารักและน่าแซวที่สุดในกลุ่ม จึงทำให้ตกเป็นเหยื่อการแซวของพวกผมไปโดยปริยาย
เมื่อตอนรู้จักกันแรกๆ ผมยังคิดจะจีบน้องเค้าอยู่เลย...พยายามหาเรื่องพูดเรื่องแซวอยู่ตลอด
แต่พอได้รู้จักมาเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดได้ว่า ... เก็บมิตรภาพความเป็นพี่เป็นน้องไว้ดีกว่า
ความคิดที่จะจีบก็เลยหายไป...เหลือไว้แต่ความสุขจากการแซวและแทะโลมน้องเค้าไปเรื่อยๆ
ทั้ง 3 คนเป็น 3 ใน 4 ของน้องสโมฯ ที่พวกผมสนิทและเข้ามาทำงานร่วมกันตลอด 7 เดือน นับตั้งแต่เริ่มกิจกรรมรับน้องใหม่
ซึ่งวันนี้สมาชิกในแก๊งขาดหายไปคนนึง .. น้องจอย ..
น้องจอย...คู่หูคู่ฮาของมด ถ้า 2 คนนี้ได้อยู่รวมกันล่ะฮากระจาย มีมุขมาจิกแซวกันเองอยู่ตลอด
แต่ไม่นานนักหลังจากโดนไอเอกมันลากไปไหนมาไหนอยู่ตลอด หัวใจของน้องจอยโดนไอเอกกุมไว้ซะแน่น
สร้างเสียงแซวและความอิจฉาตาร้อนไปทั่วทั้งสโมฯ ตลอดเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน
“อ้าว...จะ 4 ทุ่มแล้วครับท่านทั้งหลาย ไปหาอะไรกินกันม่ะ” ออฟมันพูดหลังสิ้นเสียงท้องมันร้อง
“เออ...ไปก็ไป แล้วพวกน้องๆ ไปด้วยกันม่ะ” ผมเอ่ยปากชวนน้องๆ ที่ยืนคุยกับพวกผมอยู่
“ไปด้วย...แต่พวกพี่ๆ เลี้ยงนะ” น้องมด ซึ่งก๋ากั่นที่สุดในกลุ่มเริ่มแซว
“ได้เลยน้องๆ ตามเสี่ยเอกมา” เอกมันรับปากพร้อมเดินนำออกจากห้องสโมฯ
หลังจากออกจากห้องสโมฯ มาได้ พวกผมกับน้องๆ ก็มาออกันอยู่ลานจอดรถซักพักเพื่อตกลงร้านที่จะไปกินกัน
แล้วสุดท้ายก็ตกลงกันได้ร้านประจำของพวกเราก็คือ ...ร้านก๊วยจั๊บตระผมลหมู...
ซึ่งมีเมนูให้เลือกทั้งก๊วยจั๊บ ต้มเครื่องใน และข้าวราดแกง
เมื่อระบุพิกัดที่จะไปกินกันได้แล้ว ก็ได้ฤกษ์เครื่องทัพออกจากคณะกัน
โดยที่เอกมันยอมสละรถประจำตำแหน่งของมันให้กับน้องๆ ขี่ซ้อน 3 กันไป แล้วมันมาเป็นพลขับให้ผมกับออฟซ้อน
ระหว่างทางไปร้าน...ออฟมันก็ได้ถามสิ่งที่มันสงสัยมากว่า 3 ชม.
“เอก...แล้วทำไมวันนี้น้องจอย ไม่เข้าประชุมด้วยอ่ะ” ออฟมันถามถึง .. น้องสนิทของเอก .. ที่หายตัวไป
“จอยเค้าเรียนเลิก 2 ทุ่มอ่ะ...เลยไม่ได้เข้า” เอกมันตอบ
“ปกติให้เลิกเรียนช้ายังไง จอยก็จะมาเข้าประชุมทุกครั้งนิ....มีปัญหาอะไรกันป่าว” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็....นิดหน่อย” เอกมันตอบพร้อมกับจอดรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน
เอกมันเลือกนั่งโต๊ะใหญ่หน้าร้าน พอผมกับออฟ และน้องๆ เดินตามไปนั่งที่โต๊ะ
แล้วทั้ง 6 คนก็พร้อมใจกันสั่ง .. ก๋วยจั๊บตระกุลหมู .. เป็นการพร้อมเพียงกันโดยมิได้นัดหมาย
หลังจากสั่งก๋วยจั๊บกันแล้ว เอกมันก็ลุกขึ้นไปตักน้ำดื่นมาให้พวกเรา...โดยมีน้องพายเดินตามไปเป็นลูกมือ
เอกมันเลือกเสริฟน้ำให้เฉพาะน้องๆ น้องพายเลยต้องเป็นคนเสริฟน้ำให้ผมกับออฟ
“ไม่ขอบใจนะจ๊ะพาย...เพราะพายอยู่กลางใจ” ผมแซวพายหลังจากพายวางแก้วน้ำตรงหน้าผม
“มุขนี้ตลอด...ไม่เบื่อหรอพี่เกียรติ” มดขัดขึ้นทันที
“น้ำเน่าตลอดอ่ะ พี่เกียรติ” หญิงเสริมทันควัน
“ถึงน้ำจะเน่า...ก็เห็นเงาจันทร์นะจ๊ะ” ผมสวนประโยคเด็ดของนายชัดเจนแห่งบ้านบางรักซอย 9 ไป
“ว่าล่ะ...ไม่น่าพลาดเลย” หญิงเสียดายที่หลุดพลาดท่าเสียทีผมอีกครั้ง
“พี่เกียรตินี้ก็ขยันเล่นมุขเดิมๆ จังเนอะ” พายเป็นฝ่ายแย้งบ้าง
“ถ้าเป็นน้องพายพี่เปลี่ยนก็ได้ .. ถึงน้ำจะเน่า...แต่เราก็รักกัน .. เป็นไงใช้ได้ม่ะ” ผมรีบสวนหมัดเด็ด
“ไอเกียรติ...เมื่อไหร่แกจะเลิกเน่าใส่พายซักทีเนี่ย แซวมาจนจะครบปีแล้วล่ะโว้ย” ออฟมันเริ่มขัดหลังจากนั่งฟังมานาน
“เลิกแซวนั้นยากรัก...แต่เลิกรักนั้นยากกว่า” ผมยิ้มแล้วปล่อยหมัดน๊อคออกไปเต็มๆ
หลังจากหมัดน๊อคถูกปล่อยออกไป ผมก็เรียกเสียงอ้วกได้ทั้งโต๊ะ
แล้วบรรยากาศครึกครื้นของพวกเราก็ถูกรบกวน เมื่อลุงเจ้าของร้านเอาอาหารมาเสริฟ
แล้วบทสนทนาต่างๆ จึงต้องยุติลงเมื่อมีก๋วยจั๊บชามโตมาวางอยู่ข้างหน้า
พวกเราใช้เวลาจัดการกับสิ่งตรงหน้ากันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง...โดยแทบไม่มีใครได้พูดอะไรเลย
ไม่รู้จะรีบไปไหนกันนัก
แต่เป็นผมนี่หว่า ที่กินเสร็จก่อนคนอื่นเค้า เหอะๆ
พอทุกคนซัดกันเต็มที่แล้ว ก็เรียกลุงมาคิดค่าเสียหายทั้งหมด ตอนแรกคิดว่าเสี่ยเอกจะเลี้ยงจริงๆ
แต่พอจะจ่ายเงินมันกลับบอกว่า .. ก็พามาเลี้ยงน้ำเปล่าไง อุตส่าห์ลุกไปตักให้ ..
เรียกเสียงโฮ จากน้องๆ ซะลั่นร้าน
หลังจากเคลียร์ค่าอาหารกันเสร็จ พวกน้องๆ ก็ขี่รถตรงกลับไปยังหอหญิงในมอทันที เพราะหอหญิงปิดตอน 4ทุ่มครึ่ง
โดยมีผมขี่รถตามประกบไปติดๆ เพื่อพาเอกไปเอารถคืนจากน้องๆ
จนกระทั้งมาจอดที่หน้าหอ...มดก็ส่งกุญแจรถคืนให้เอก แล้วพวกน้องๆ ก็ลาเข้าหอไป
“ดึกแล้วอ่ะ...วันนี้ข้าไปนอนหอพวกแกล่ะกันนะ” เอกมันบอกก่อนสตาร์ทรถออกไป
บ้านเอกมันอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก หลังจากออกมาจากหอใน...แม่มันเลยให้กลับไปนอนบ้าน
แต่หากวันไหนมันทำงานเลิกดึก มันก็จะไปสิงอยู่ห้องผม...ถ้าวันรุ่งขึ้นมีเรียน มันก็จะตื่นกลับไปอาบน้ำที่บ้านแต่เช้า
.. อย่างเช่นคืนนี้ ..
พอมาถึงบ้านออฟมันก็ตรงขึ้นไปอาบน้ำ...ผมกับเอกก็มาดูโทรทัศน์ที่ห้องข้างล่าง
ดูไปได้ซักพัก...ผมก็ถามเรื่องที่ยังค้างใจอยู่
“แกมีปัญหาอะไรกับจอยหรอว่ะ” ผมเริ่มถามเอก
“ก็นิดหน่อย...จอยเอาแต่ใจ พอข้าไม่ตามใจก็เลยเถียงกันเข้าอ่ะ”
แล้วเอกก็เริ่มเล่าเรื่องราวความบาดหมางของมันกับน้องจอย
ตอนแรกทั้งคู่ก็กระหนุงกระหนิงรักใคร่กัน จนเป็นที่อิจฉาแกมหมั่นไส้จากคนรอบข้าง
แต่หลังจากที่คบหากัน น้องจอยก็เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของเอกมากขึ้น
เวลาเรียนต้องคอยไปรับไปส่ง และต้องกินข้าวด้วยกัน (เกือบ) ทุกมื้อ
เอกจะไปไหนรึทำอะไรก็ต้องมีจอยคอยติดตามไปด้วย...รึไม่อย่างนั้นก็ต้องคอยโทรบอกตลอด
ซึ่งโดยนิสัยเอกแล้ว...มันเป็นคนง่ายๆ อยากทำอะไรก็ทำเลยตามใจ
จนบางครั้งมันก็ลืมนึกถึงน้องจอยไปบ้าง...จึงทำให้จอยเกิดอาการน้อยใจและผิดใจกันอยู่บ่อยๆ
บ่อยครั้งเข้ามันก็เลยทำให้เอกรู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ก็อย่างที่บอก...ข้าคงอยู่เป็นอิสระคนเดียวซะเคยแล้วว่ะ” เอกมันสรุปทิ้งท้าย
“แกก็ลองคุยเปิดใจกับน้องเค้าดิ
เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้นก็ได้” ผมให้คำแนะนำไป
“ข้าก็คิดไว้เหมือนกัน...แต่ถ้าเคลียร์ไม่ได้ มันก็คงต้องจบ” เอกมันบอกอย่างเอาจริงเอาจัง
“ขนาดนั้นเลยหรอว่ะ” ผมพยายามยั้งมัน
“ก็คงต้องเย่างนั้นแหละ...ข้าไม่อยากอึดอัดอยู่อย่างนี้”
“ถ้าจะถึงขั้นนั้นก็จบสวยๆ หน่อยล่ะกัน ยังไงๆ ก็เป็นพี่เป็นน้องกัน ยังต้องทำงานร่วมกันอีกเยอะ” ผมเตือนสติมัน
“ถ้าจะจบกันจริงๆ ข้าก็อยากกลับไปเป็นพี่เป็นน้องกับจอยอย่างเดิมเหมือนกัน” เอกมันตอบหน้าเศร้า
“ยังไง...ก็ขอให้แกเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัวล่ะกันว่ะ” ผมก็ได้แต่อวยพรมัน
หลังจากผมคุยกับเอกได้ซักพัก...ออฟมันก็ลงมาห้องข้างล่างแล้วตามเอกขึ้นไปอาบน้ำ
พอเอกไปแล้ว ออฟมันก็ถามเรื่องเอกกับน้องจอยจากผมทันที เพราะมันรู้ว่าผมต้องคุยเรื่องนี้กลับเอกมันแล้วแน่ๆ
ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เพิ่งได้ยินมาให้ออฟฟังจนหมด
ผมกับออฟก็ได้แต่หวังว่าเรื่องราวของเอกมันจะคลี่คลายและจบลงอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นไม่กี่วัน...ผมก็เห็นเอกกับน้องจอยกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไปไหนมาไหนด้วยกันอีกครั้ง
ผมคิดว่าเอกมันคงเคลียร์ปัญหาหัวใจจนลงตัวแล้ว
แต่ผมมารู้ในอีกไม่กี่วันว่า เอกมันแค่กลับไปง้อน้องจอยเท่านั้น โดยยังไม่ได้เคลียร์ใจกันเลย
เพราะมันกลัวว่าจะมีปัญหากับงานกีฬาสัมพันธ์ที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
โดยมันจะรอให้ผ่านงานนี้ไปก่อน...แล้วจึงค่อยเคลียร์ปัญหาคาใจกับน้องจอยทั้งหมด
แล้ววันงานกีฬาสัมพันธ์ก็มาถึง...โดยที่ปีนี้อีกมหาลัยเป็นเจ้าภาพ ทำให้ผมต้องเดินทางไปหาเพื่อเป็นทีมเยือนแต่เช้า
หลังจากรถของมหาลัยที่พวกผมเดินทางมาได้จอดสนิทลง ผมก็ต้องสะดุดตาเมื่อมองออกไปนอกตัวรถ
.. สาวตาโต...แก้มป่อง ในชุดวอร์ม .. 1 ในหมู่นักกีฬาที่มารอต้อนรับแขกผู้มาเยือนจากต่างมหาลัย
ผมเดินลงจากรถมหาลัย โดยสายตาจับจ้องไปยังสาวที่โดดเด่นที่สุด (ในสายตาผม) ตลอดทาง
แล้วโรคแพ้สาวตาโต..แก้มป่อง ของผมก็กำเริบอีกแล้ว เหอะๆ
“เห้ย...เป็นอะไรของแกว่ะ เห็นเหม่อตั้งแต่ลงรถมาล่ะ” ออฟมันสะกิดถามระหว่างเดินไปหน้าโรงยิม
“ไม่ได้เป็นอะไรนี่หว่า” ผมตอบไปแบบไม่ได้สนใจอะไรนัก
“ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย...ข้าเห็นแกจ้องแม่สาวแก้มป้องนั้นตาเป็นมัน” ออฟแสดงอาการรู้ทันแล้วก็เดินนำผมไป
ในระหว่างที่เจ้าบ้านปล่อยให้ผู้มาเยือนพักผ่อนตามอัธยาศัยกับอาหารว่างที่เจ้าภาพจัดไว้ให้
ออฟก็สะกิดให้ผมหันไปดูข้างหลัง...ซึ่งภาพที่เห็นก็คือ สาวแก้มป่องคนนั้นในชุดนักกีฬาบาสเก็ตบอล
หลังจากปล่อยให้ใช้เวลาพักผ่อนซักครู่ เจ้าภาพก็เริ่มพิธีเปิดแบบเป็นกันเอง
และมีการชี้แจงกำหนดการแข่งขัน โดยกีฬาที่มีการแข่งขันก็ประกอบไปด้วย
... บาสเก็ตบอล ชาย/หญิง ... เปตอง เดี่ยว/คู่ ... วอลเล่ย์บอล ชาย/หญิง ... ฟุตซอล และฟุตบอล ...
และรายการแรกที่จะแข่งขันก็คือ บาสเก็ตบอลหญิง ซึ่งเป็นกีฬาที่ผมรอติดตามอยู่
ผมกับออฟ นำทีมน้องๆ (โดยเฉพาะผู้ชาย) มานั่งรอชมการแข่งขันอย่างใจจดใจจ่ออยู่ข้างสนาม
เพราะนอกจากสาวแก้มป่องคนนั้นแล้ว...ทีมบาสหญิงของเจ้าถิ่นก็อุดมไปด้วยสาวน่ารักๆ เกือบครึ่งทีม
อย่างน้อยก็ ..สาวหน้าหมวย ปากนิด จมูกหน่อย .. ที่ออฟมันจ้องซะตาเป็นมัน
แล้วเสียงฮือฮาจากพวกน้องๆ ก็ดังขึ้น...เมื่อทีมบาสเจ้าบ้านลงมาวอร์มในสนาม
ไม่รู้ว่าที่มหาลัยนี้คัดนักกีฬาจากหน้าตารึป่าว จะเรียกว่า .. ทีมรวมดาว (มหาลัย) .. ก็คงไม่ผิด
พอได้เห็นสาวๆ น่ารักๆ อยู่ในชุดนักกีฬาเสื้อกล้ามแบบรัดตัว...แถมยังไม่ใส่เสื้อซับข้างในกันซักคน
มันทำให้คนมอง .. ตุ๊มๆ ต่อมๆ โอ้ย ใจเต้น .. ซะจริงๆ
ยิ่งเวลาสาวๆ กระโดดชู๊ตบาส แล้วหน้าอกหน้าใจ กระเพื่อมๆ ช่างทำให้หัวใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัวซะเชียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง .. กับสาวคนที่เราถูกใจ ..
แล้วผมก็เริ่มเปลี่ยนมุมมอง...จากมองกว้างๆ ทั้งกลุ่ม มาเป็นสนใจเฉพาะบุคคล
ผมพยายามมองไปข้างหลังสาวแก้มป่องคนนั้น..เผื่อว่าจะมีชื่อนักกีฬาอยู่ข้างหลังเสื้อ แล้วก็ได้เจอจริงๆ
.. PLOY .. ชื่อภาษาอังกฤษบนหลังเสื้อที่บอกให้รู้ชื่อเจ้าของ
และหมายเลย 11 ซึ่งก็คงเป็นเลขที่เธอชอบ...และก็บังเอิญตรงกับเลขโปรดผมพอดี ใจตรงกันซะจริงๆ
“เฮ้ยชื่อพลอย...แถมใส่เบอร์ 11 ซะด้วยว่ะ” ออฟมันพูดเหมือนที่ผมคิดเลยแป๊ะ
“เออ...เห็นล่ะ ท่าทางจะเป็นเนื้อคู่กันว่ะ”
ตลอดการแข่งขันผมคอยส่งเสียเชียร์ทีมของผมไม่ขาด...แต่ก็แอบเชียร์พลอยอยู่ในใจทุกครั้งที่ได้ลูก
ต่างจากไอออฟที่ส่งเสียงเชียร์ทีมคู่แข่งอย่างออกหน้าออกตา จนโดนพวกน้องๆ แขวะใส่ตลอดทั้งเกมส์
ผมรู้ว่าออฟมันไม่ได้ตั้งใจจะให้ทีมตัวเองแพ้หรอก...แต่มันแพ้ ..หน้าอกสาวหน้าหมวย .. ที่มันจ้องเมื่อเช้า
เพราะทุกครั้งที่สาวหน้าหมวยที่มารู้ชื่อทีหลังว่า .. จิ๊บ .. กระโดดชู๊ต
ออฟมันจะกระดี้กระด้าออกหน้าออกตามาก...มันยังหันมาบอกผมอีกว่า ใหญ่จริงๆ
จนการแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะของทีมเยือนแบบเฉียดฉิว
หลังจบเกมส์ผมแทบจะรีบเอาผ้าไปซับเหงื่อกับซับน้ำตา (ที่ไม่เห็นจะมี) ของพลอยทันที
แต่ติดที่...ใจไม่ด้านพอ ใจไม่ด้านพอ (ใส่เสียงอริสมัน..อมฮออล์ด้วย)
จากนั้นผมก็ต้องไปเปลี่ยนชุดบ้าง...เพื่อลงแข่งขันบาสชายต่อ แล้วก็ได้โชว์เสื้อเบอร์ 11 บ้างล่ะ
พอเปลี่ยนชุดเสร็จผมก็ลงไปวอร์มในสนามและก็ได้เห็นพลอยยังนั่งอยู่ข้างสนาม
... คงจะมาให้กำลังใจเราอ่ะดิ ... ผมแอบคิดในใจ คิดแล้วมีความสุขก็คิดไป 555+
แล้วกรรมการก็เรียกนักกีฬาทั้ง 2 ทีมมาจั๊มป์บอลเริ่มเกม...โดยมีผมนั่งลุ้นอยู่ข้างสนาม ในฐานะตัวสำรอง
ก็ผมมันเด็กกิจกรรมที่รักการเล่นกีฬาอยู่บ้างนิ...ก็เลยต้องถอยให้นักกีฬาของคณะเค้าทำคะแนนกันไปก่อน
... ตัวทีเด็ด ต้องเอาไว้ที่หลัง ...
แต่แล้วผมก็มีโอกาสได้ลงสนามหลังจากเริ่มควอเตอร์ที่ 2 ได้ซักพัก
“เล่นโชว์พลอยให้เต็มที่เลยนะพี่...เดี๋ยวพวกหนูกรี๊ดให้” หญิงเข้ามาแซวก่อนลงสนามโดยมีเพื่อนซี้อีก 3 คนอยู่ข้างๆ
“เฮ้ย..รู้กันได้ไงอ่ะ” ผมถามไปแบบงงๆ เมื่อเจอน้องๆ จับไต๋ได้
“เล่นมองซะขนาดนั้น...ไม่รู้ก็บ้าล่ะ” จอยเฉลยทันควัน
“เอาแต้มมาฝากน้องๆ ได้ 10 แต้ม...เดี๋ยวไปขอเบอร์ให้เลย” มดท้าทาย
“เออได้...แล้วอย่าลืมที่พูดล่ะ” ผมพูดพร้อมกลับวิ่งลงสนามไป
หลังจากวิ่งในสนามได้ซักพักผมก็ได้รับลูกส่งจาก แจ๊ค...นักบาสคณะรุ่นเดียวกัน ซึ่งเห็นผมว่างหาตำแหน่งว่างอยู่
ผมได้บอลในจังหวะที่ตัวประกบอยู่ห่างซะด้วย...เลยจัดการชู๊ตไปซะ
แต่บอลดันไม่เป็นใจ ลอยไปโดนห่วงกระดอนออกมา...กินแห้วไปซะ 2 คะแนน
แต่หลังจากเคี้ยวแห้วอยู่ไม่นาน...จากแห้วก็เปลี่ยนเป็นสมหวัง ได้สำเร็จ
จากจังหวะที่ แจ๊ค มันแย่งบอลการฝ่ายตรงข้ามได้แล้วรีบบุกกลับเร็ว โดยผมวิ่งตามไปอยู่อีกข้าง
แจ๊คมันดึงการ์ดของอีกทีมไป แล้วส่งบอลกลับมาให้ผมที่ยืนว่างอยู่...จัดการเลย์อัพ โล่งๆ อย่างไม่มีปัญหา
เรียกเสียงกรี๊ดจากน้องๆ โดยเฉพาะแก๊งค์ 4 สาว ได้กระหึ่ม ทำไงได้หน้าม้าผมเยอะ
พอชู๊ตลงผมก็แอบมองพลอยแปปนึง แล้วยิ้มในใจ...อีก 8 คะแนน รอหน่อยเนอะ..พลอย
แต่ผมก็อยู่ในสนามได้ ไม่ถึง 10 นาที เพราะต้องใช้ระบบหมุนเวียนนักบาสจำนวน 17 คน ในการลงสนาม
แล้วผมก็จบควอร์เตอร์ที่ 3 โดยมีคะแนนติดมือมา 6 แต้ม
“อีก 4 คะแนนเองนะพี่เกียรติ...ทำได้ได้เบอร์นะ” มดแซวหลังจากส่งน้ำให้ผมระหว่างก่อนเริ่มควอร์เตอร์สุดท้าย
“เตรียมหน้าด้านเดินไปขอเบอร์ได้เลย” ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง
เกมช่วงสุดท้ายก็เริ่มขึ้น...ผมล๊อบบี้ โดยอาศัยแจ๊ค จนได้ลงตั้งแต่เริ่มควอร์เตอร์
ไม่นาน 2 แต้มก็มาอยู่ในมือผมอีกแล้ว เมื่อผมได้ลูกขณะยื่นโล่งๆ อยู่คนเดียว
แล้วผมก็ไม่ทำให้น้องๆ ที่เชียร์ และพลอย (เจ้าตัวจะรู้ม่ะเนี่ย) ผิดหวัง...ก็เลยจัดการเทคชู๊ตลงไปอย่างง่ายดาย
แล้วเสี้ยววินาทีที่ผมกำลังวิ่งกลับลงไปตั้งโซนรับ...สายตาก็พลันไปประสานกับพลอยเข้า
ถ้าโลกนี้มีเครื่องอ่านภาษาตาได้ก็คงจะรู้สิ่งที่ผมบอกพลอยไป ... เอาเบอร์มาซะดีๆ ...
แต่หลังจากทำคะแนนที่ 8 ให้ตัวเองแล้วผมก็ไม่สามารถส่งผลผ่านห่วงและตาข่ายได้อีกเลย
แม้จะมีโอกาส 2-3 ครั้ง...แต่ก็โดนห่วงและการบล็อกของฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธแต้มไปหมด
แล้วเกมก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทีมผม กับอีก 2 คะแนน ที่ผมขาดหายไป
“อุตส่าห์เตรียมตัวเดินไปขอเบอร์ให้แล้วนะเนี่ย” มดเดินเข้ามาแซวผมทันทีหลังออกจากสนามมา
“เอาน่าพี่เกียรติ...นึกซะว่าเป็นบุญของพลอยเค้าไปล่ะกัน” หญิงทับถมไม่ให้น้อยหน้าเพื่อน
“ไม่เป็นไร...ไม่ได้เบอร์พลอย แต่พี่ก็มีเบอร์พาย” ผมแก้ต่างพร้อมมองคนที่ตกเป็นจำเลย
“เดี๋ยวพายจะกลับไปเปลี่ยนเบอร์” พายพูดนิ่มๆ แต่เรียกเสียงหัวเราะครื้นจากทั้งกลุ่ม
ถึงแม้จะไม่ได้เบอร์พลอยอย่างที่รับคำท้าไว้ แต่ผมก็ไม่ได้เสียดายอะไรซักนิด
เพราะไม่ได้คิดว่าอยากได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว...เพียงแค่อยากเอาชนะพวกน้องๆ ที่ท้าทายไว้ให้ได้ก็เท่านั้น
และถึงจะได้เบอร์มาผมก็คงไม่ได้โทรหาหรอก...ขนาดคนที่อยากคุยมาเกือบ 2 ปี ทั้งที่มีเบอร์อยู่ยังไม่กล้าโทรหาเลย
แล้วผมก็ไม่ชอบโทรศัพท์จีบหญิงซะด้วย...มันไม่จริงใจเหมือนจีบต่อหน้า
ของอย่างนี้มันต้องพูดต่อหน้า...จะได้มองตาแล้วเข้าใจ
“แล้วออฟกับเอก มันไปไหนอ่ะเนี่ย” ผมถามน้องๆ เมื่อมองไม่เห็นพวกมัน
“พี่เอกไปแข่งเปตองอ่ะ...พี่ออฟกับจอยเลยตามไปเชียร์” หญิงตอบกลับมา
ผมเดินนำน้องๆ ออกไปสนามเปตองที่อยู่ข้างๆ โรงยิม
แล้วก็เห็นออฟเชียร์อยู่ข้างสนามโดยมีน้องจอยยืนให้กำลังใจเอกอยู่ข้างๆ ผมเลยตรงเข้าไปหา
“แข่งเป็นไงมั่งว่ะ” ผมถามพร้อมกอดคอออฟ
“ทีมเรานำอยู่...ได้อีก 2 แต้มก็ชนะล่ะ” สายตาออฟมันจดจ่ออยู่กับเกมตรงหน้ามาก
ไม่ใช่เพียงออฟคนเดียวที่สนใจเกมจนแทบไม่ได้สนใจคนรอบตัว
น้องจอยก็ใจจดใจจ่อกับการแข่งขันของแฟนตัวเองซะจนไม่ได้ทักทายเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ เลย
แล้วเกมก็จบลงด้วยชัยชนะของออฟกับน้องปี 1 ที่เล่นคู่กัน แบบขาดลอย 2 เซตรวด
หลังจากนักกีฬาจับมือกัน...น้องจอยก็รีบเอาน้ำไปเสิร์ฟถึงปากไอเอกทันที
สร้างความอิจฉาตาร้อนจากข้ามสนามจนไฟแทบลุก
ก็ได้แต่ขอให้หลังจากเคลียร์ปัญหาหัวใจกันแล้ว ทั้งคู่จะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากนี้ล่ะกัน
“แล้วผลบาสแกเป็นไงมั่งวะ” เอกมันถามหลังจากหันมาเห็นผมยืนจ้องมันอยู่
“เออว่ะ...ดูไอเอกเพลิน ลืมผลการแข่งขันแกไปเลย” ออฟมันนึกขึ้นได้
“แพ้ไป 7 แต้มว่ะ”
“ก็เพราะว่าแกเล่นด้วยอ่ะดิ...ทีมเลยแพ้” เอกมันเยาะเย้ยซะใหญ่
ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับมัน เลยรีบชิงไปหาอาหารว่างที่เจ้าภาพจัดไว้ให้หน้าโรงยิม
ด้วยการเป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์...จึงไม่แปลกที่เจ้าภาพจะเตรียมอาหารว่าง น้ำอัดลม กาแฟ ไว้รับรองแขกเป็นจำนวนมาก
ชนิดที่ว่าอาหารน้ำดื่มไม่เคยขาดเลย...ถึงหมดก็เติมให้เต็มอยู่เสมอ
ทำให้พวกน้องๆ ที่ผมพามาด้วย อิ่มหมีพลีมันไปตามๆ กัน
“เป็นไงกันมั่งจ๊ะน้องๆ
สนุกกันม่ะ” พี่ต้นเดินเข้ามาทักน้องๆ ที่ยืนกินของว่างกันอยู่
“ก็สนุกดีค่ะพี่ต้น...แต่อิ่มมากกว่า” น้องคนนึงพูดขึ้นเรียกรอยยิ้มจากพี่ต้นและเพื่อนๆ รอบข้างได้ทุกคน
“เอก เกียรติ ออฟ พี่ฝากดูแลน้องๆ ด้วยนะ...พี่ยุ่งๆ กับการรับรองอาจารย์จนไม่มีเวลาเลย”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับพี่...เดี๋ยวพวกผมจัดการให้” เอกรับคำแล้วพี่ต้นก็เดินจากไป
แล้วผม ออฟ เอก ก็ทำหน้าที่ดูแลน้องๆ ตามที่ได้รับมอบหมายมาทันที
โดยน้องผู้ชาย (ส่วนใหญ่เป็นนักกีฬา) ก็จะแค่ทักทายและพูดคุยเกี่ยวกับเกมกีฬา
แต่น้องผู้หญิง ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ก็จะใช่การพูดคุยอย่างสนิทสนมและการแซว สร้างความสนุกสนานให้น้องๆ
ซึ่งจะทำให้น้องๆ มันใจได้ว่า ... ปลอดภัยการบุคคลภายนอก ... (แต่ไม่ปลอดภัยจากบุคคลภายในซะเอง)
หลังจากพวกผม 3 คน คอยดูแลน้องๆ ในบริเวณซุ้มอาหารว่างได้ซักพัก
เอกมันก็ขอตัวแยกออกไปเดินเล่นกับจอย
“แกว่าคู่นี้มันจะเคลียร์กันได้ม่ะ” ออฟมันถามหลังจากเอกเดินห่างออกไปได้ซักพัก
“ก็ขอให้มันออกมาดีๆ ล่ะกัน...อีกคนก็เพื่อน อีกคนก็น้อง” ผมบอกออกไป
“เฮ้ย...เฮ้ย...ดูนั้นดิว่ะไอเกียรติ” ออฟมันชี้ให้ผมดู
“
..” ผมยืนมองไปยังออฟชี้ให้ดู โดยไม่ได้พูดอะไร
แล้วที่ผมเห็นก็คือ พลอยเดินมากับผู้ชายคนนึง กระหนุงกระหนิงกันมาก...มองก็รู้ว่าทั้งคู่คงแฟนกัน
ระหว่างเดินมีการแหย่กันตามประสาคนรักด้วย...มองแล้วมันบาดตาจริงๆ
“เฮ้ย...ถึงกับยืนอึ้งไปเลยหรอวะ” ออฟมันพูดสะกิด
“ไม่ได้อึ้งโว้ย...กำลังอิจฉาอยู่ เหอะๆ” ผมตอบไปแบบขำๆ
“เอาน่า...ก็คิดซะว่า แกมันคนตาถึงนะเนี่ย...มองสาวกี่คนก็มองแต่คนดีๆ”
“อย่างไงวะ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็ถ้าสาวที่แกมองไม่ดี...จะมีคนเอาเป็นแฟนหรอวะ” ออฟมันเฉลย
“งั้นสาวทุกคนที่ข้ามองก็ดีทุกคนเลยดิ...เห็นมีแฟนกันหมดทุกคน” ผมพูดขำๆ
“ก็เออดิ...แกนี่มันสาวกไอน้ำป่ะเนี่ย .. หลงรักคนมีเจ้าของ ..” ออฟมันพูดไปขำไป
“แต่ก็เหลือคนนึงล่ะวะ ที่ยังโสดสนิท...ก็ อีฟ ไง” ผมแย้งไอออฟไป
“จริงของแก...แต่ก็ไม่แน่นะโว้ย อาจจะซุ่มไว้ก็ได้” ออฟมันก็ยังขัดผมไม่เลิก
“อย่างนี้ต้องต้องท้าพิสูจน์” ผมพูดทีเล่นทีจริง
“แล้วข้าจะรอดู” แต่ออฟมันพูดอย่างเอาจริง
“เออ...แล้วแต่แก แต่ตอนนี้เข้าไปดูวอลเล่ย์ดีกว่าวะ” ผมตัดบทแล้วเดินเข้าโรงยิมไป
แล้วผมก็ใช้เวลาช่วงบ่ายหมดไปกับการติดตามการแข่งขันกีฬาจนหมด โดยมีไอออฟตามไปด้วยทุกที่
แต่ออฟมันแทบไม่ได้ใส่ใจกับการแข่งขันในสนามซักเท่าไรเลย มันสนใจสิ่งแวดล้อมข้างสนามมากกว่า
มันบอกว่าในสนามอ่ะ .. ทั้งสนุก .. ทั้งมันส์ ..
แต่ข้างสนามอ่ะ .. ทั้งขาว .. ทั้งใหญ่ ..
ให้มันได้อย่างนี้ซิน่า เพื่อนผม
แล้วการแข่งขันก็จบลง...หลังจากดำเนินมากว่า 6 ชั่วโมง ก็มีพิธีปิด และมอบรางวัลให้กับนักกีฬาที่ชนะการแข่งขัน
จากนั้นก็เป็นการพูดคุยกันระหว่างมหาลัย
และก็แนะนำทีมงานสโมฯ ของแต่ละมหาลัยให้รู้จักกัน
แล้วผมก็ได้รู้ว่า พลอย อยู่ปี 2 รุ่นเดียวกันกับผม และก็ทำงานสโมสรนิสิตด้วยเหมือนกัน
หลังจากพูดคุยพร้อมกินอาหารว่างกันได้ซักพัก...พี่ต้นก็นำน้องๆ ลาเจ้าบ้านเพื่อเดินทางกลับมหาลัย
โดยมีทีมงานสโมฯ ของเจ้าถิ่นเดินมาส่งพวกเราถึงรถ...จนกระทั้งรถเคลื่อนตัวออกไป
ทำให้ผมรู้สึกดีกับการเดินทางมาแข่งขันครั้งนี้มาก
.. กิจกรรม สร้างมิตรภาพ ได้จริงๆ ..
บนรถระหว่างทางกลับมหาลัย
หลังจากเดินทางได้ไม่ถึง 20 นาที
เอกกับจอย ซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างหน้าผมก็เกิดอาการนอนหลับซบไหล่กัน
ไม่รู้หายไปทำอะไรกันมาตั้งแต่บ่าย...จนเหนื่อยหลับไปกันทั้งคู่
สร้างความฮือฮาปนอิจฉาจากคนทั้งรถ มีน้องบางคนหยิบกล้องมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานด้วย
ผมก็ได้แต่หวังว่า...หลังจากกลับมหาลัยไปแล้ว ทั้งคู่คงได้เข้าใจและรักกันมากขึ้น
“แล้ววันนี้แกจะนอนด้วยกันป่าว” ผมถามเอก หลังขนของลงจากรถมหาลัยเรียบร้อยแล้ว
“ไม่อ่ะ...ว่าจะไปกินข้าวกับจอยแล้วเลยกลับบ้านเลย”
“อืม...แล้วเจอกันวันจันทร์” ผมกับออฟก็ตรงไปยังลานจอดรถ
ผมกับออฟแวะกินข้าวเย็นก่อนแล้วตรงกลับไปพักผ่อนที่หอทันที หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน
ออฟมันมาถึงก็ตรงไปยังเตียงทันที แต่ผมเลือกพักผ่อนด้วย ..วินนิ่ง.. มากกว่า
ผมนั่งเล่นเกมซักพัก โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล...ว่าไงจอย” ผมทักทายเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนโทรมา
“พี่เกียรติยุ่งอยู่ป่ะค่ะ...หนูมีเรื่องอยากคุยด้วย” ปลายสายถามผมมา
“อ๋อได้...ให้พี่ไปหาที่หอม่ะ” ผมรีบตอบไปเพราะน้ำเสียงของจอยไม่สู้ดีเอาซะเลย
“ไม่เป็นไรค่ะ...เดี๋ยวหนูกับไปหาพี่ที่หอเองล่ะกัน” จอยตอบกลับมา
“อืมได้...เดี๋ยวพี่รอ” ผมตอบแล้วก็วางสาย
ซักพักก็มีเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน...ผมเลยลุกไปเปิดให้
“นี่ขนมากันหมดเลยหรอเนี่ย” ผมแซวเมื่อเปิดประตูไปเห็นทั้ง 4 สาว ยืนรออยู่หน้าประตู
“เข้ามากันก่อน” ผมพูดพร้อมกับเดินนำไปยังห้องนั่งเล่นชั้นล่าง
“พี่ออฟไม่อยู่หรอ” น้องมดถามถึงอีกคนที่น่าจะอยู่ในห้อง
“มาถึงมันก็ขึ้นไปนอนตายอยู่ข้างบนโน้น” ผมชี้แจง
“แล้วมีอะไรจะคุยกับพี่หรอ” ผมเริ่มเข้าประเด็น
“คือหนูอยากปรึกษาเรื่องพี่เอกอ่ะ” น้องจอยเริ่มเรื่องทันที
“มีอะไรหรอ” ผมถามอย่างตั้งใจฟัง
“หนู...หนู...ไม่มั่นใจว่าพี่เอกจะยังรักหนูอยู่รึป่าว” จอยพูดน้ำตาคลอ
“ทำไมคิดอย่างนั้นอ่ะ”
“ก็เดี๋ยวนี้พี่เอกหาเรื่องทะเลาะกับจอยอยู่บ่อยๆ ทำอะไรก็ขัดใจ ไปไหนมาไหนก็ไม่บอก” คนพูดน้ำตาเอ่อ
“.....” ผมพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นคนตรงหน้าน้ำตาอาบแก้ม จนเพื่อนๆ ต้องเข้ามาปลอบพักใหญ่
“แล้วหนูจะทำอย่างไงดีพี่เกียรติ” คนร้องไห้พูดสะอื้น
“แล้วจอยยังรักเอกมันอยู่ม่ะ” ผมถามออกไปเมื่อจอยเริ่มหยุดร้องไห้และมีเหตุผลมากขึ้น
“รักซิ...จอยถึงเสียใจและไม่รู้จะทำอย่างไงอยู่อย่างเนี่ย” คนตอบเสียงอ่อน
“ถ้ารัก...จอยก็ต้องไปคุยกับเอกมันให้เข้าใจ” ผมแนะนำ
“จะคุยอะไรล่ะ...จอยไม่รู้จะเริ่มอย่างไง”
“ก็คุยเรื่องที่ผิดใจ ว่าจอยทำอะไรไม่ดี รึเอกมันทำไม่ดีอะไร จะได้หาทางปรับความเข้าใจกัน” ผมยังคงแนะนำต่อ
“ถ้าคุยแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้นอ่ะ”
“จอยก็คงต้องถามตัวเองแหละว่าจะทนรึว่าจะ...ให้มันเป็นอย่างไง” ผมเลี่ยงที่จะพูดคำว่า .. เลิก ..
“จอยจะพยายามล่ะกัน พี่เกียรติ” จอยตอบกลับมาหลังจากที่นั่งนิ่งอยู่ซักพัก
หลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ...ทุกคนได้แต่ปลอบใจจอยด้วยสายตา
แล้วก็กลายเป็นมดที่ทำลายความเงียบลงด้วยการชวนทุกคนคุยแล้วก็สร้างเสียงหัวเราะให้กลับมาอีกครั้ง
ไม่นานพวกน้องๆ ก็ขอตัวกลับ เพราะมันใกล้เวลาที่หอจะปิดแล้ว
“ยังไงก็ฝากดูแลเพื่อนเราด้วยนะ” ผมเดินคุยกับหญิง ที่เดินรั้งท้ายออกจากห้องมากับผม
“ค่ะ...แล้วพี่ว่าจะเป็นอย่างไงต่ออ่ะ” หญิงรับคำพร้อมกับยังสงสัยถึงอนาคตของเพื่อน
“พี่ว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน...คงมีแต่ทั้งสองคนที่ตอบได้ว่าจะเป็นอย่างไง” ผมพูดกับหญิงเมื่อเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน
แล้วน้องๆ ก็กล่าวคำลา พร้อมกับขี่รถจากไป โดยที่ผมมองตามหลังจนน้องๆ เลี้ยวออกจากปากซอยไป
เมื่อผมกลับเข้ามาในบ้านก็เห็นออฟนั่งรออยู่ที่บันได
“จอยเป็นไงมั่งอ่ะ” ออฟถามพร้อมกับลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องชั้นล่าง
“ก็คงจะรู้แล้วแหละมั้ง...ว่าต้องทำอย่างไงบ้าง” ผมตอบหลังจากเดินตามออฟเข้ามาในห้อง
“แล้วแกบอกป่ะล่ะ...ว่าเอกมันก็มาคุยเรื่องนี้กับแก” ออฟมันถามขณะกำลังเปิดเกมเพลย์
“ไม่ได้บอกอ่ะ...แล้วข้าก็คงไม่บอกเอกด้วยแหละว่าจอยมาคุยวันนี้ ปล่อยให้เคลียร์กันเองดีกว่า”
“นั้นดิปล่อยให้คนรักกันเค้าเคลียร์กันเองดีกว่า...ตอนนี้แกมาเคลียร์วินนิ่งกับข้าดีกว่า” แล้วออฟก็ลากผมไปดวลวินนิ่งกับมัน
ผมเปิดศึกแดงเดือดดวลวิ่นนิ่งกับไอออฟกว่า 2 ชั่วโมง ผลัดกันแพ้...ผลัดกันชนะ
แต่ส่วนมากเด็กหงส์อย่างไอออฟมันจะเป็นฝ่ายที่ผลัดให้เด็กผีอย่างผมชนะซะมากกว่า
“เฮ้ยหงส์ปีกหักอีกแล้วว่ะ...เสียใจด้วยนะเว้ย” แล้วก็เป็นอีกนัดที่ผมได้ทีเย้ยไอออฟ
“ที่เอ็งข้าไม่ว่า...ที่ข้าเอ็งอย่างโวยล่ะกัน” ออฟมันโวยวายพร้อมกับเริ่มเกมใหม่
“อ้าวเฮ้ย...ผีชนหงส์อีกแล้วหรอวะ ขอปืนแจมด้วยดิวะ” ไอแฮงค์เด็กปืนเสนอตัว
“รอตาหน้าเลยโว้ย...ขอหงส์จิกผีก่อน” น้ำเสียงออฟมันแค้นผมมาก
“ให้มันจริงเหอะ...ระวังปีกหักอีกนะโว้ย” แฮงค์มันเย้ยก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป
แล้วศึก 3 แดง
แมน ยู ... ลิเวอร์พูล ... อาร์เซน่อล ... ก็เปิดศึกขึ้น
ด้วยกติกาใครแพ้ออก แล้วก็เป็นฝ่ายไอออฟที่ต้องวางจอยเกือบทุกนัด
ส่วนผมกับแฮงค์ฝีมือพอสูสีกัน...เลยเป็นฝ่ายผลัดกันครองจอย
“อ้าว...หงส์ออกอีกล่ะ” แฮงค์พูดยั่วประสาท
“อะไรว่ะ...พวกแกนี่กะไม่ให้ข้าเล่น 2 ตาติดเลยหรอว่ะ” ออฟมันเริ่มอ้อนวอน
“เสียใจเว้ย...หงส์อ่อนเอง” แฮงค์มันหยิบจอยจากมือออฟพร้อมทับถมซ้ำ (ใครเป็นแฟนลิเวอร์พูลอย่าน้อยใจเนอะ เหอะๆ)
“เออ...ถามอะไรหน่อยดิ ถ้าข้าหาเมทมาเพิ่มคนนึงพวกแกจะว่าไรม่ะ” แฮงค์มันถามหลังเริ่มเกมได้ซักพัก
“ใครวะ” ผมถามมันไป
“น้องน้ำ !!” แฮงค์มันตอบเสียงแข็ง
“ฮะ...ว่าไงนะ” ผมกับออฟแทบจะทักขึ้นพร้อมกัน
“น้องเค้าเป็นผู้หญิงนะเว้ย...รึว่าแกกะน้องเค้า...........” ออฟมันถาม ถึงคำสุดท้ายหายไป แต่ทุกคนก็รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
“อืม” แฮงค์มันตอบสั้นๆ แบบไม่ต้องคิด
“จริงดิวะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย” ออฟมันถามน้ำเสียงสอดรู้สอดเห็นมาก
“แกจะรู้ไปทำไมวะ” แฮงค์มันทำเป็นเล่นเกมไม่สนใจ
“ไม่บอกก็ไม่ต้องเล่นเว้ย” ผมรีบกดหยุดเกมทันที
“ก็...ตั้งแต่ก่อนปิดเทอมแรกอ่ะ ที่ข้าไม่ได้กลับบ้านน่ะแหละ” แฮงค์มันสารภาพแบบอึกอัก
“ก็ว่าอยู่...แกจะรักอะไรมหาลัยนัก ไม่ยอมกลับบ้าน ที่แท้ก็มีนัด” ออฟมันได้ทีก็แซวใหญ่
“แล้วนี่แกจะพาน้องเค้ามาอยู่จริงหรอ” ผมถามเพราะยังไม่แน่ใจ
“ก็ยังไม่แน่หรอก...เพราะยังไม่ได้คุยจริงๆ จังๆ เลย แค่ลองแย๊บๆ น้ำดูแล้วไม่เห็นว่าอะไร”
“ซะงั้น...จะพาเค้ามาอยู่ แต่เจ้าตัวยังไม่รู้เลยเนี่ยนะ...เจริญจริงๆ” ออฟมันยังขัดแฮงค์ต่อไป
“ก็ข้าอยากถามพวกแกก่อนว่าจะมีปัญหาอะไรมั้ย กลัวพวกแกลำบากใจ” ผมมันตอบแบบรอความหวัง
“ข้าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว...แล้วแกว่าไงวะ ไอเกียรติ” ออฟมันเริ่มเปลี่ยนมายิงคำถามใส่ผม
“ข้าก็ไม่มีปัญหา...ถ้าน้องเค้าไม่รู้สึกอะไรที่ต้องมาอยู่กะคนเถื่อนๆ อย่างแก” ผมตอบไปก็แขวะไอแฮงค์ไป
“โอเค...ถ้าพวกแกไม่มีปัญหา ข้าจะได้ไปคุยกะน้ำให้เป็นเรื่องเป็นราว” แฮงค์มันพูดหน้าบาน
“แล้วจะให้น้องเค้าเริ่มย้ายมาอยู่ตอนไหนเนี่ย...ข้าจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ” ออฟมันถามสีหน้าหื่น
“ไม่แน่อาจเป็นปีหน้านู้น หลังจากน้องเค้าออกจากหอในอ่ะ...และแกไม่ต้องทำหน้าซะหื่นขนาดนั้นก็ได้” แฮงค์รีบปรามออฟ
“แล้วแกจะให้น้องเค้าอยู่ตรงไหนวะ” ผมเริ่มสงสัยอีกครั้ง
“ก็ห้องข้างล่างเนี่ยแหละ...ข้าจะย้ายลงมาอยู่กะน้องเค้า” แฮงค์บอกแผนการของมัน
“แล้วน้องเค้าจะอึดอัดป่าว...เพราะห้องนี้มันทางผ่านออกไปตากผ้า ล้างจานหลังบ้านนะเว้ย” ความกังวลของผมตามมาอีก
“ทำไงได้...ข้าไม่อยากให้ไอชาญมันเป็นคนย้ายลงมา ของมันเยอะแล้วก็เกรงใจมันด้วย” แฮงค์ตอบแบบเกรงใจเพื่อน
“งั้นแกก็อย่าลืมล๊อคห้องล่ะกัน...ข้าไม่อยากเป็นตากุ้งยิง” ออฟมันแซวเสียงหื่นๆ
“เออ...แน่นอน ข้าไม่พลาดให้แกหรอกไอหื่นออฟ” แฮงค์มันใส่เสียงเข้ม
“ให้น้องเค้าตกลงมาอยู่แน่...แล้วค่อยคุยกันอีกที ตอนนี้ขอผีอัดปืนก่อน” ผมตัดบทพร้อมกดจอยเริ่มเกมอีกครั้ง
หลังจากที่ผมรู้ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างแฮงค์กับน้องน้ำ
เวลาผมเจอน้องน้ำที่คณะ...แรกๆ ผมรู้สึกเขินแทนน้องเค้าเลย แต่ก็พยายามคุยให้เป็นปกติ
แล้วก็เลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่แฮงค์มันมาถามความคิดเห็นจากผมเมื่อวันก่อน
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าน้องเค้าตกลงย้ายเข้ามาอยู่จริงๆ จะรู้สึกอย่างไง
อย่างน้อย...แรกๆ ก็คงรู้สึกแปลกมั่งแหละ แต่ไม่นานก็คงชิน (คิดว่างั้นนะ)
“หวัดดีอีฟ” ผมเดินเข้าไปทักขณะเดินไปคอฟฟี่-เบรก
“หวัดดีเกียรติ...วันนี้มาซะเช้าเลย” อีฟทักตอบ
“ถ้ามาช้าก็ไม่เจออีฟซิ” ผมแซวกลับไป...นานๆ จะมีโอกาสซักที ไม่ปล่อยให้พลาด
“...” อีฟไม่พูดอะไร ได้แต่เดินต่อไปจนกระทั้งถึงร้าน
“วันนี้เอาแซนวิสแฮมชีสอีกม่ะเนี่ย” ผมถามพร้อมส่งกล่องแซนวิสให้อีฟ
“ไม่ดีกว่า...วันนี้ไม่ค่อยหิว” อีฟตอบกลับมาพร้อมกับสั่งนมเปรี้ยวรสส้มจากคนขาย
“นมเปรี้ยวรสส้ม...กล่องนึงครับ” ผมสั่งตามอีฟ เผื่อใจอีฟจะตามผมบ้าง
แล้วระหว่างที่เดินไปขึ้นลิฟท์พร้อมกับอีฟ ผมก็เจอพวกเพื่อนๆ ในเอก ยืนรอกันเต็มหน้าลิฟท์
จากที่คิดว่า...จะได้ขึ้นลิฟท์กับอีฟ 2 คน เลยต้องการเป็นลิฟท์ประจำเอกไป
พวกเพื่อนๆ มันก็คุยกันซะลั่นลิฟท์...ตั้งแต่ชั้นล่างจนกระทั้งถึงชั้นที่ผมเรียน
แล้วในคาบเรียนนี้ ผมก็มีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับอีฟมากขึ้น
เนื่องจากอาจารย์ได้แบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม เพื่อทำงานส่ง...โดยจะมีการจัดบอร์ดพรีเซ็นต์งานในอีก 2 อาทิตย์
แล้วผมก็จับผลัดจับผูได้อยู่กลุ่มเดียวกับอีฟ...ช่วงเวลาการทำคะแนนมาแล้ว !!
หลังจากที่กำลังกำลังคิดเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นอีก
“ฮัลโหล...มีไรว่ะเอก” ผมถามคนปลายสาย
“วันนี้พี่ต้นนัดไปหาอะไรนั่งกินกันที่หาดอ่ะ” เอกมันบอกสาเหตุที่มันโทรมา
“กี่โมงว่ะ...แล้วใครไปมั่งอ่ะ” ผมถามเวลาถึงนัด
“6 โมงเย็น...เจอกันที่คณะนะ ที่ไปก็มีพี่ต้น พี่ส้ม พี่เฟิร์น...เออ ฝากแกชวนไอออฟด้วย”
“โอเค...เดี๋ยวบอกมันให้ แล้วเจอกัน” ผมตอบ แล้วเอกมันก็วางสายไป
“ใครโทรมาวะ” ออฟมันถามหลักจากผมวางสายจากเอก
“ไอเอกโทรมา...บอกวันนี้พี่ต้นนัดเลี้ยงที่หาด 6 โมงเย็น” ผมเล่าเรื่องที่เอกมันฝากมา
“ข้าไปด้วยใช่ม่ะ...จะได้ล้างท้องรอ” ออฟมันถามพลางเอามือลูบท้องตัวเอง
“เออ...งั้นกลางวันนี้แกก็ไม่ต้องกินข้าวล่ะกัน” ผมตามมันไป แล้วก็กลับไปสนใจงานกลุ่มตรงหน้าต่อ
“กว่าจะมาได้นะแก” เอกมันร้องทักเมื่อเห็นผมเดินมายังหน้าคณะ
“เออ...โทษที ช้าไป2-3 นาทีเอง” ผมแก้ตัวกลับไป
“สวัสดีคับพี่ต้น” ผมกับออฟทักทายพี่ผู้เป็นนายกสโมฯ พร้อมกัน
“มาครบแล้วก็ไปกันได้ล่ะ” พี่ต้นพูดพร้อมเดินนำออกจากคณะไป
“อ้าว...ไหนว่าพี่ส้มกับพี่เฟิร์น จะมาด้วยไง” ออฟมันถามขึ้นเมื่อไม่เห็นพี่ทั้งสองคน
“พวกพี่เค้าไปซื้อของกินให้อยู่อ่ะ เดี๋ยวเจอกันที่หาด” เอกมันตอบพร้อมกับส่งเสื่อ กระติกและแก้วน้ำ ให้ผมกับออฟช่วยขน
หลังจากเลือกทำเลที่นั่งได้แล้ว...พวกผมก็จัดการปูเสื่อและเตรียมสถานที่สำหรับดินเนอร์มื้อนี้ทันที่
ไม่นานพี่ส้มกับพี่เฟิร์น ก็มาพร้อมกับถือถุงอาหารและน้ำดื่มจนพะลุงพะลัง
อันประกอบไปด้วยอาหารประจำหาด...ส้มตำ ลาบ น้ำตก ไก่ย่าง แล้วก็ที่ขาดไม่ได้ ..ข้าวเหนียว .. (ขาดไปเดี๋ยวเปลืองกับ)
“เอก เกียรติ ออฟ พี่ขอคุยเรื่องสโมฯ ปีหน้าหน่อยนะ” พี่ต้นพูดขึ้นหลังจากจัดการมื้อค่ำจนหมด
“ได้คับพี่” เอกเป็นฝ่ายรับคำทั้งที่ไก่ย่างยังคาอยู่ในปาก โดยที่ผมกับออฟตั้งใจฟังอยู่ข้างๆ
“ในบรรดาพวกปี 2 ที่ทำงานมาทั้งปี พี่ก็เห็นพวกเรา 3 คนเนี่ยแหละที่มีแววจะเป็นหลักในการทำงานต่อปีหน้า” พี่ต้นเริ่มเกริ่น
“พวกผมเนี่ยนะ” ออฟร้องทักขึ้น
“อืม...ถ้าพวกพี่ไม่ได้พวกเรา 3 คนช่วยไว้ พี่ก็ยังไม่รู้เลยว่างานมันจะออกมาอย่างไง” พี่ส้มยืนยัน
“พี่อยากให้เราใน 3 คนนี้ เป็นนายกสโมฯ ต่อจากพี่...แล้วเราว่าจะให้ใครเป็นดี” พี่ต้นเสริม
“ไอเอกเลยครับพี่” ผมกับออฟประสานเสียงกัน โดยมีเอกยืนมองหน้าอยู่
“พี่ก็ว่าเอกเหมาะที่จะเป็นนายกนะ
งั้นเอกก็เตรียมฟอร์มทีมเลยล่ะกัน” พี่ต้นตัดบทก่อนที่เอกจะได้มีโอกาสปฏิเสธ
หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งกินอาหารกันต่อจนหมด...พูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันต่ออีกซักพัก แล้วก็แยกย้ายกันกลับ
โดยวันนี้เอกมันเลือกที่จะค้างกับผมที่หอ
“แกว่าจะฟอร์มทีมอย่างไงดีวะ” เอกมันเริ่มปรึกษาทันทีที่ขึ้นมาบนห้องนอน
“แกก็เป็นนายก ไอออฟเป็นอุปนายกฝ่ายกิจกรรม เดี๋ยวข้าเป็นอุปนายกฝ่ายบริหารให้
แกว่าเป็นไง” ผมเสนอแผน
“ข้าก็คิดว่างั้น...แต่ยังมีปัญหาอยู่อีก 2 ตำแหน่ง ฝ่ายแผนงาน กับ เลขา” เอกบอกปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก
“แล้วแกเล็งๆ ใครไว้มั่งป่ะ” ออฟถามขึ้น
“ยังเลยว่ะ...พวกแกก็ช่วยๆ กันหาด้วยล่ะ พี่ต้นให้เวลาจัดทีมให้ครบอีก 2 อาทิตย์เอง”
“แล้วแกว่าจะมีใครลงแข่งเลือกตั้งนายกกับแกป่ะ” ผมเป็นฝ่ายถามบ้าง
“ถ้าจะมี...ก็คงไออั๋นน่ะแหละ ในฐานะประธานชั้นปี เห็นพี่ต้นบอกจะไปคุยกะมันว่าจะลงรึป่าว” เอกเล่า
“ถ้าอั๋นลงจริง ก็คงดึงจ๋า กอล์ฟและพวกเอกอิ้ง มาเป็นทีมแหง๋ๆ” ออฟพูดสมทบ
“ก็คงงั้น...ข้าเลยจะรอดูก่อนว่าจะลงสมัครป่าว ถ้าอั๋นมันเอาจริง...ข้าก็อาจจะไม่ลงอ่ะ” เอกมันบอกเสียงแข็ง
“ถ้าแกไม่เป็นนายก...ข้าก็เลิกนะ ที่ข้าทำสโมฯ อยู่ทุกวันนี้ก็เพราะสนุกที่ได้ทำงานร่วมกับพวกแก” ผมบอกความรู้สึกไป
“ข้าก็เหมือนกัน...ถ้าพวกแกเลิก ข้าก็ไม่อยู่เหมือนกัน” ออฟคล้อยตาม
“อืม...งั้นลองฟอร์มทีมดูก่อนล่ะกัน แล้วค่อยว่าอีกที” เอกสรุปตัดบท
“งั้นข้าไปอาบน้ำก่อนนะ” ออฟพูดขึ้นแล้วก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องไป
“แล้วตอนนี้แกกับน้องจอยเป็นไงมั่งอ่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากออฟออกจากห้องไป
“ก็ได้คุยเปิดใจกับแล้ว...เลยตกลงกันว่าจะลองปรับตัวหากันดูอีกที”
“ก็ลองๆ ปรับกันดู เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น...และถ้าแกได้เป็นนายกจะได้ไม่มีปัญหาในการทำงาน”
“ข้าก็ขอให้เป็นอย่างนั้นล่ะกัน” เอกมันพูดทิ้งท้ายก่อนจะขอตัวออกไปซื้อของที่เซเว่น
หลังจากนั้น เอกมันก็ตกลงปลงใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกสโมสรนิสิตของคณะ โดยมีสมาชิกเพิ่มมาอีก 2 คน
.. หน่อย เอกพัฒนาชุมชน .. หญิงร่างใหญ่ที่ชอบบอกว่าตัวเองสวย
.. ส้ม เอกนิเทศ .. สาวหน้าหวาน ดาวของเอกและเชียร์หรีดของคณะ
ในตำแหน่งอุปนายกฝ่ายแผนงานกับเลขานุการ ตามลำดับ
ซึ่งทั้ง 2 คนก็ทำงานร่วมกับพวกผมอยู่บ่อยๆ ในช่วงกิจกรรมรับน้องเมื่อช่วงต้นเทอมแรก
ที่สำคัญทั้งคู่เป็นคนสนุกสนานและตั้งใจทำงาน...เลยไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเราจะทำงานร่วมกันในปีหน้า
เมื่อพวกผมฟอร์มทีมกันได้ดังนั้น ก็ทำให้มีฐานเสียงค่อนคณะ (ดูเหมือนนักการเมืองเลยนะเนี่ย)
อั๋นเลยตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง...พวกผมเลยเป็นฝ่ายได้รับตำแหน่งไปโดยปริยาย
[จบตอน 1]
ความคิดเห็น