เรื่องรักๆ
แบบว่ารักอ่ะ
ผู้เข้าชมรวม
314
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความรักที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งคือ
" ถ้ารักกันแล้วเราขาดกันไม่ได้ "
ยกตัวอย่างกรณีที่เราจะพบเสมอ
ทันทีที่รู้ว่าคน (ที่เรา) รักจากไปสู่ที่ชอบๆ
...คือไปอยู่กับคนที่เขาชอบมากกว่าเรา
และที่ชอบของเขาเป็นที่ไม่ชอบของเรา
ไม่ว่าหญิงหรือชายจะเกิดอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะเป็นจะตาย
หลายรายถึงกับสำเร็จความตายด้วยตนเอง...คิดว่าเป็นการบูชาความรัก
ตัวอย่าง คนไข้สาวรายหนึ่ง
แฟนหนุ่มมีอันต้องจำพรากจากไป...อยู่กับสาวอื่นแทน
เธอพรอดพร่ำรำพันต่อหน้าจิตแพทย์ "
หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก
แล้ว หนูอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา "
เธอลืมไปว่าก่อนที่จะมีเขา เธอก็ยังมีชีวิตอยู่ได้
" หนูรักเขามากค่ะ...คุณหมอขา
คุณหมอคงเข้าใจใช่ไหมคะว่าหนูรักเขามากแค่ไหน"
ถ้อยคำมากมายพรั่งพรูจากปากของเธอ
ขณะที่กระแสน้ำตาที่คลอเบ้าหลั่ง
ล้นท้นท่วม จนกระดาษทิชชูที่มีอยู่ไม่เพียงพอ
จิตแพทย์เริ่มคิดถึงวัสดุผ้าที่มีคุณสมบัติในการซึมซับของเหลวได้มากกว่า...
" คุณเข้าใจผิดเสียแล้วล่ะครับ คุณไม่ได้รักแฟนคุณหรอก "
จิตแพทย์พูดบ้าง หลังจากฟังมานาน
" คุณหมอหมายความว่ายังไง ก็หนูเพิ่งพูดไปแหม่บๆ
ว่าถ้าขาดเขาเสียแล้วชีวิตของหนูก็อยู่ไม่ได้ "
น้ำเสียงเธอแสดงความไม่พอใจ จิตแพทย์พยายามอธิบาย
"สิ่งที่คุณพูดมาทั้งหมดไม่ได้เรียกว่าความรักหรอกครับ
เขาเรียกว่า...ภาวะกาฝาก
ตราบใดที่คุณยังต้องพึ่งใครสักคนเพื่อความอยู่รอดของคุณ
คุณก็ทำตัวเหมือนพยาธิ ในลำไส้ของเขา...
มันทำให้ชีวิตคุณไม่มีทางเลือกและขาดอิสรภาพ
มันกลายเป็นภาวะจำเป็นมากกว่าความรัก "
คนไข้สาวช็อคไปชั่วขณะ
นึกว่าจะได้รับคำปลอบใจที่มีคุณภาพสูงกว่า
ที่เคยได้จากเพื่อนๆ ...
แต่*ังพูดต่อทั้งๆ ที่คนไข้กำลังนั่งนิ่งตะลึงด้วยความมึนงง
เหมือนจงใจ " ซ้ำเติม " ปัญญาสู่จิตอันขลาดเขลา
"ความรักที่แท้ต้องมีอิสรภาพ...คนสองคนจะรักกันได้ก็ต่อเมื่อเขาทั้ง
สองสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามลำพังอย่างไม่เป็นทุกข์
แต่เขาทั้งสองก็เลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันเพื่อความสุขที่มากขึ้น "
ฉับพลันทันใดในดวงใจของหญิงสาว...พุทธิปัญญาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างพวยพุ่ง
ดวงตาเห็นธรรมเป็นแสงสว่างส่องทางชีวิตให้หลุดพ้นจากหุบเหวห้วงอารมณ์อันมืดมิด...
เธอใช้เวลาตั้งสติพักหนึ่ง สีหน้าเริ่มสงบ
คิ้วผ่อนคลายขมวดรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่มุมปาก ก่อนเปล่งวาจา
"คำพูดของคุณหมอเปรียบเสมือน
แสงตะวันที่สาดส่องทะลุทำลายกำแพงเมฆหมอกแห่งมิจฉา
ทิฐิของดิฉันบัดนี้ดิฉันได้เห็นแล้วซึ่งสัจธรรม
ต่อแต่นี้ไปจะขอดำเนินชีวิตที่เหลือตามรอยแห่งพุทธะ...สาธุ "
จิตแพทย์ที่กล้าพูดเตือนสติแทนการพูดประคองใจท่านนี้ คือ Dr.Scott Peck
ซึ่งได้เขียนบรรยายเหตุการณ์เรื่องนี้ในหนังสือขายดิบขายดีชื่อ
The Road Less Traveled
ซึ่งท่านได้ให้แนวคิด เรื่อง "ภาวะพึ่งพิง " (Dependency)
ไว้ด้วยความหมายว่า
เป็นภาวะที่เราไม่สามารถดำเนินชีวิตโดยปราศจากการดูแลเอาใจใส่จาก
บุคคลอื่น
ในภาวะปกติเราอาจต้องพึ่งพิงขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นในกรณีที่เรา
ได้รับบาดเจ็บ หรือกำลังป่วย
แต่หากเรามีสุขภาพร่างกายที่ดีแล้วยังต้องพึ่งพิงผู้อื่นทางจิตใจ
เพื่อช่วยให้ เราเป็นสุขี
แสดงว่าสุขภาพทางจิตของเรากำลังย่ำแย่ เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
เวลาที่ผ่านไป จะช่วยเยียวยาบาดแผลให้สมานจนหายสนิท
พร้อมภูมิต้านทานทางใจที่มากขึ้น...
คนที่มีสุขภาพจิตดีจะให้ความรักแก่ตัวเองเป็น
และดำเนินชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงใคร
แต่อาจพึ่งพาในบางกรณี เพราะคนเราไม่ได้เก่งหรือทำเป็นหมดทุกอย่าง
แต่ถ้าคุณถึงขั้น " ขาดเขาไม่ได้ "
...จงอย่าเอาคำว่า " รักเขามากเหลือเกิน "
มาลวงหลอกใจตัวเอง ยิ่งต้องถึงคิดฆ่าตัวตาย
...ยิ่งแสดงว่า " แม้แต่ตัวเอง ก็ยังไม่รัก "
หลายคนคิดว่าถ้าฉันฆ่าตัวตาย
จะทำให้เขารู้สึกผิดกับการกระทำของเขาที่ทิ้งเราไป
ตั้งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมว่า " เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต"
...คิดอย่างนี้ส่วนใหญ่มักตายฟรี
ปัจจุบันผู้หญิงไทยมีการศึกษา
มีการงานและความสามารถไม่แพ้เพศชาย
ไม่จำเป็นต้องอาศัยเพศชายเป็นผู้นำของชีวิตเหมือนหญิงไทยสมัยโบราณ...
การอยู่เป็นโสด เป็นหม้าย หรือหย่าร้าง
ไม่มีผลถึงกับทำให้วิญญาณต้องหลุดออกจากร่าง
ผู้หญิงทั้งหลายจึงสามารถใช้ชีวิตด้วยตนเองได้อย่างมีความสุขและ
ภาคภูมิใจ ในเกียรติของผู้หญิง
และหากได้พบชายใด ที่เราเห็นว่าทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น
และดีขึ้นกว่าการ อยู่คนเดียว
คุณก็อยู่ในฐานะที่มีโอกาสเลือก...ไม่ใช่จำเป็นต้องเลือก
หรือจำใจเลือกเขามาเป็นคู่ชีวิต
ขอกล่าวทวนประโยคเดิมที่จิตแพทย์ Dr.Scott Peck
พูดกับคนไข้ด้วยภาษาต้นฉบับ
" Love is the free exercise of choice. Two people love each
other only when they are quite capable of living without
each other but choose to live with each other "
...หยุดวิ่งตามใครคนนั้นซักครั้ง...
หากเราหาเหตุผลให้กับตัวเอง
ว่าทำไมเราถึงรักคน ๆ นี้นัก
แล้วเหตุผลที่ได้ มีแค่เพียง...รักเพราะรัก
ฟังดูอาจเลื่อนลอยไร้จุดหมายเกินไป
แต่สำหรับคนที่รักกัน เหตุผลเพียงแค่นี้
ก้อเพียงพอที่จะสานต่อความรักให้อยู่ต่อไป
แต่กับคนที่เรารักเค้า แล้วเค้าไม่รักเรา
ไม่เคยจะมองเห็นแม้แต่คุณค่าในตัวเรา
ต่อให้เราหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้เค้าเพียงไหน
หรือให้เหตุผลมากมายในคำว่ารักที่เรามีให้
เค้าก้อคงมองไม่เห็นมันเหมือนกัน
และกับคนประเภทนี้ ยิ่งเราเรียกร้องมากแค่ไหน
ก้อจะยิ่งสร้างความเหนื่อยใจให้กับเราเท่านั้น
ถ้าคุณมีความสุขกับมันก้อดีไป
แต่สุข...แล้วเหนื่อยใจก้อน่าคิดเหมือนกัน
คนเราเหนื่อยแล้วก้อต้องพัก
ต้องหาทางออกที่ทำให้เราดีขึ้น
กับเรื่องของความรักก้อเช่นกัน
เมื่อเราต้องเหนื่อยล้าเพราะมัน
คงต้องพักซะบ้าง...
ลองหยุดวิ่งตามเค้าซักครั้ง
แล้วมาเดิน(แค่เดิน)ตามตัวเองดูสักหน
คุณอาจรู้สึกดีกว่าการต้องวิ่งตามใครคนนั้น
Ps... อย่างน้อยๆ คุณจะพบว่า
การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองนั้นไม่ทำให้เราเหนื่อยใจเลย ...
pa ro
ผลงานอื่นๆ ของ MinikungZaa ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ MinikungZaa
ความคิดเห็น