ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Whitecap : เสียงกระซิบของคลื่นทะเล (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : Whitecap : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 53




    Chapter 1

     

     



    วันนี้ไม่ได้ไปเยี่ยมแม่ปลื้ม เพราะต้องไปทำงาน น้ากลางลงทุนซื้อเสื้อผ้าให้แสนรักใส่ เพราะอยากให้มันดูดี ยิ่งเป็นของใหม่อยู่ด้วย คงเรียกราคาจากลูกค้าได้มากโข เขาคิดไว้แล้ว ว่าจะพามันไปขายให้กับพวกแขกกระเป๋าหนัก เพราะหน้าตามันก็ดี แม้ผิวจะไม่ได้เนียนนุ่ม แต่ก็ขาวใช้ได้ ส่วนหุ่นของมันก็ผอมแห้งไปหน่อยเอาไว้มีเงินแล้วจะขุนให้มันอ้วนกว่านี้

                “ต้องให้ลูกค้าใช้ถุงยาง ห้ามสด...ถ้ามันไม่ยอมก็อย่าให้ หนีออกมาเลยก็ได้ เดี๋ยวนี้อาชีพอย่างเราติดเอดส์กันเยอะ กูไม่อยากให้มึงติดโรค เข้าใจมั้ย”

                “ครับ”

                “อีกอย่าง ครั้งเดียวพอ ถ้าแขกเรียกร้องอีกก็ให้จ่ายเพิ่ม ใช้ลูกอ้อนหน่อย มึงรู้มั้ยถ้าเป็นเด็กคนอื่นกูไม่ห่วงไม่เตือนขนาดนี้ แต่เพราะเห็นแก่แม่ปลื้มของมึง”

                แสนรักพยักหน้ารับแม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ เขาไม่ได้เข้าเรียนเพราะแม่ปลื้มไม่มีเงิน ลำพังอาหารวันละมื้อก็ถือว่าเป็นบุญกับชีวิตแล้ว แต่ถึงจะไม่ได้เข้าเรียนแต่เขาก็อ่านหนังสือออก เพราะครูไก่ที่อยู่ห้องเช่าใกล้กันสอนมัน เห็นว่าเป็นเด็กดี ช่วยแม่ปลื้มทำงานตั้งแต่ยังเล็ก แต่นอกจากอ่านออก เขียนได้ ไอ้เรื่องอื่นก็อย่าไปพูดถึง ยิ่งเรื่องเกี่ยวกับเซ็กซ์มันยิ่งไม่รู้เรื่อง ปกติแม่ปลื้มจะกันตัวไม่ให้มันไปยุ่งกับน้ากลาง เพราะรู้ว่าน้ากลางทำอาชีพอะไร แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอก

    “แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”

    “มึงไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ถ้าแขกสั่งให้ทำอะไรก็ทำ อย่าไปขัดขืนมัน แขกบางคนมันโหด ถ้าโกรธขึ้นมาก็ซ้อม เดี๋ยวมึงจะกลัวจนไม่อยากทำอีก”

    น้ากลางรับหน้าที่เป็นคนจัดหาเด็กให้แขก ยิ่งเป็นเด็กใหม่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วก็ยิ่งหวานปาก ความจริงแล้วน้ากลางมีเด็กในสังกัดอยู่เยอะ แต่เพราะว่าพวกมันเชี่ยวกันแล้ว ก็เลยแยกตัวออกไปหากินเอง ตอนนี้ก็เลยมีเพียงไม่กี่คน

    ก่อนไปทำงานน้ากลางก็เลี้ยงข้าวมัน กินให้อิ่ม บำรุงให้เต็มที่ จะได้ไม่เป็นลมเป็นแล้ง

    แขกคนแรกของแสนรักเป็นตาแก่พุงพลุ้ย ไม่รู้น้ากลางไปติดต่อกันตั้งแต่เมื่อไหร่ หรืออาจจะเป็นคนรู้จักแนะนำมาให้ พอรู้ว่าเป็นของใหม่ก็รีบซื้อ ยิ่งเห็นหน้าตาก็ยิ่งชอบใจ ตาแก่คนนั้นจ่ายเงินให้น้ากลางไปก่อน แล้วเดี๋ยวน้ากลางจะเอามาให้แสนรักหลังจากทำงานเสร็จ แสนมันไม่รู้หรอกว่าจำนวนเงินที่แท้จริงมันเท่าไหร่ แต่พอเห็นธนบัตรพันบาทเป็นปึกก็ชื่นใจ หวังว่าจะพอสำหรับค่าผ่าตัดของแม่ปลื้ม

                ถ้าเลือกได้แสนรักก็ไม่อยากทำงานนี้อีก เพราะหากแม่ปลื้มรู้ คงจะโกรธและเสียใจมาก

                ...ขอโทษนะครับแม่ปลื้ม...

                “ชื่ออะไรหรอหนู” เขาถามพลางใช้มือลูบศีรษะของแสนรักอย่างหื่นกระหาย

                รังรักของประวิทย์คือโรงแรมสามดาว แสนรักว่ามันสวยมาก แต่ไม่ใช่อย่างนี้

                “แสนรักครับ”

                “ทำไมถึงมาทำงานนี้ล่ะ”

                “ผมจะเอาเงินไปรักษาแม่”

                แขกคนนั้นหัวเราะในลำคออย่างนึกขำ คงจะเป็นมุขตลกเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร เผื่อจะได้ทริปอีก เขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่ามีกี่คนกันที่ใช้ประโยคนี้เพื่อร้องเรียกเงินในกระเป๋า แต่ก็เอาเถอะ...หน้าตาดี หุ่นก็ดี ผิวพรรณก็ขาว เด็กแบบนี้แหละที่สนองตัณหาเขาได้แบบถึงใจ

                เขาลูบไล้ตามลำตัวแสนรักด้วยความต้องการอันท่วมท้น ลำตัวแสนสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้จะทำใจมาก่อนหน้า แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้ หลายครั้งที่คิดอยากจะวิ่งหนีออกจากห้องนี้ไปซะ แต่เพราะคิดถึงใบหน้าแม่ปลื้มที่นอนอยู่โรงพยาบาล

                “ครั้งแรกด้วยใช่มั้ย”

                “ครับ”

                “ขอพี่พิสูจน์หน่อยนะ”

                ความเจ็บปวดกับร่างกายที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับคนฉีกเนื้อของเขา ตอนที่อีกคนร้องครวญครางไปด้วยความสุข แต่สำหรับแสนรักมันคือความทรมานที่เหมือนตกนรก มันทั้งเจ็บและขยะแขยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แขกคนนั้นใช้ร่างกายของเขาเป็นเพียงเครื่องระบายความใคร่ ไม่สนใจกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่สนใจกับเสียงวอนขอให้หยุดการกระทำ ไม่สนแม้กระทั่งเลือดมากมายที่ไหลเปรอะเปื้อนที่นอนเพราะเกิดจากการกระทำที่รุนแรง

                พอปลดปล่อยเสร็จ หวังจะทำอีกครั้ง แต่เพราะร่างกายที่สลบคาเตียงไปแล้ว และยังจำนวนเลือดมากมายนั่นอีก ไม่ใช่ว่าสงสาร แต่เพราะรู้สึกรังเกียจก็เลยหยุดและเดินออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะวางเงินทริปไว้บนเตียง

                กว่าที่แสนรักจะรู้สึกตัวอีกก็สายมากแล้ว เขาเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย รู้สึกปวดร้าวที่ช่องทางด้านหลังอย่างมาก เหมือนจะเป็นไข้อีกด้วย แต่ต้องอดทนสู้ จัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วตรงกลับบ้านทันที

                เงินทริปที่แขกให้ตั้งสามพัน แสนรักดีใจมาก ยังเหลือเงินที่น้ากลางอีก ก่อนจะเข้าห้องก็เลยเดินไปเคาะประตูเรียกน้ากลาง ไม่นานแกก็เปิดออกมา

                “มีอะไร ไม่ไปพักผ่อนรึไง คืนนี้ต้องออกทำงานอีก”

                “ผมมาเอาเงิน...”

                “เออ รอก่อน” น้ากลางปิดประตูแล้วเดินเข้าไปหยิบเงินมาให้แสนรักจำนวนหนึ่ง พอมันได้รับก็รับนับใหญ่ แต่ทั้งหมดมันแค่สามพันบาท ทั้งที่ตอนมันเห็นมีแบงค์พันตั้งเยอะ อาจจะมากกว่าหนึ่งหมื่นด้วยซ้ำ

                “ทำไมมีแค่นี้...”

                “ของมึงสามพันก็ถูกแล้ว ที่เหลือเป็นค่านายหน้า”

                “แต่...”

                “มึงลองคิดดูแล้วกัน ถ้าไม่มีกูมึงจะหาแขกกระเป๋าหนักได้ขนาดนี้หรอ ถ้าไปหาเอาข้างถนนอย่างมากก็แค่พันนึงล่ะว้า”

                “ถ้างั้น...ผมยืมเงินก่อนได้มั้ย จะเอาเงินไปผ่าตัดแม่ปลื้ม แล้วเดี๋ยวผมทำงานใช้คืนให้”

                แสนรักอ้อนวอนทั้งน้ำตา ทั้งเจ็บใจและเจ็บกาย ไม่คิดว่าน้ากลางจะเอาเปรียบเขาขนาดนี้ เงินตั้งเยอะตั้งแยะแต่กลับแบ่งมาให้แค่สามพัน เหมือนความหวังของแสนรักมันพังลงมา

                “ไม่ได้หรอกโว้ย”

                น้ากลางพูดเพียงแค่นั้นก็ปิดประตูใส่หน้าอย่างแรง แสนรักยืนสะอื้นจนตัวโยนอยู่นาน ส่งเสียงร้องอ้อนวอน ขอร้อง ทำทุกวิถีทางก็ไม่ได้ผล น้ากลางยังคงไม่ออกมา ถ้าเขาให้เงินไอ้แสนมันหมด มันก็คงไม่ทำงานแบบนี้ต่อ สู้หลอกใช้มันตอนที่ยังหลอกได้ ดูดเงินจากมันไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะเก็บเงินไปรักษาแม่มันครบ ป่านนั้นกลางก็คงมีเงินเยอะ จะเอาเงินไปลงทุนทำอะไรสักอย่าง

                แสนรักนอนพักได้ไม่นานก็ตื่นขึ้นเพราะพิษไข้ ทั้งหนาวทั้งเจ็บ ไม่มีแรงพอที่จะลุกขึ้นยืน หลับๆ ตื่นๆ อยู่อย่างนี้หลายครั้ง พอรู้ตัวอีกทีตะวันก็ตกดินแล้ว นั่นหมายถึงเวลาทำงาน

                น้ากลางเคาะประตูส่งเสียงเรียกมันอยู่พักใหญ่ แสนรักพยุงกายเดินโซซัดโซเซมาเปิดประตู น้ากลางแลหัวเสียใหญ่ที่เปิดประตูช้า แถมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย

                “ผมไปไม่ไหว”

                “ไม่ได้!” น้ากลางบอกเสียงแข็ง วันนี้มีแขกกระเป๋าหนัก เป็นนักธุรกิจทั้งนั้น ถ้าหากพลาดไปก็ถือว่าปล่อยทองก้อนใหญ่ให้หลุดลอยจากมือ

                “วันนี้กูจะให้เงินมึงเยอะกว่าเดิม ถ้ามึงไป”

                “แต่...”

                “จะเอามั้ยเงิน”

                น้ากลางสั่งให้แสนรักไปอาบน้ำอาบท่า เอาน้ำหอมที่เพิ่งซืื้อมาจากตลาดนัดฉีดให้มันด้วย เสื้อผ้าก็เอาจากในตู้ของเขาเองนั่นแหละ พอจัดการเสร็จก็ดูดีขึ้นมาอีก ถ้าไม่นับหน้าตาที่ดูซีดเซียวของมันในตอนนี้ รับรองได้เลยลูกค้าต้องเลือกเด็กของเขาแน่

                “น้ากลางครับ ถ้าเกิดแม่ปลื้มหายแล้ว น้ากลางอย่าบอกแม่ปลื้มว่าผม...”

                “เออ กูไม่บอกหรอกน่า”

                ที่แม่ปลื้มไม่อยากให้แสนมันอยู่ใกล้น้ากลางก็เพราะอย่างนี้ ชอบเอาเปรียบคนอื่น โดยไม่คิดถึงจิตใจ แถมยังจ้องจะพาแสนรักมันไปทำงานขายตัวแบบที่เขาทำนั่นอยู่เสมอ แต่ที่ผ่านมาแม่ปลื้มไม่ยอมให้ทำ ถึงมันจะได้เงินดีสักแค่ไหนก็ตาม ถึงเราจะจนแต่ก็เราก็มีศักด์ศรี แม่ปลื้มไม่อยากให้เราดูตกต่ำให้คนเหยียบย่ำ และไม่อยากให้ใครมองว่าแม่ปลื้มขายลูกตัวเองกิน

                “เมื่อวานมันใช้ถุงยางมั้ย”

                “เอ่อ ใช้ครับ”

                “เออ ดีแล้ว พวกของใหม่แขกมันไม่ค่อยป้องกัน แล้วหายเจ็บหรือยัง”

                “ยังเจ็บอยู่ครับ”

                น้ากลางแวะร้านขายยา เขาควักเงินซื้อถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นให้ เมื่อวานดีใจที่แสนมันตอบตกลงเลยลืมนึกถึงของสำคัญ จับมันอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่ แต่ดันลืมไปว่าครั้งแรกของมันคงเจ็บปวดน่าดู

                “ไอ้นี่มันจะช่วยให้หายเจ็บ ส่วนนี่คือถุงยาง เก็บไว้กับตัวไว้เผื่อจำเป็น”

                “ครับ” แสนรักรับมันมาแต่ก็ไม่รู้ว่าใช้ยังไงอยู่ดี

    น้ากลางพาแสนรักมายังผับชื่อดังของเมือง มันทั้งหรูและมีระดับ พวกขายน้ำอย่างน้ากลางไม่มีทางมาทำมาหากินแถวนี้ได้หรอก เพราะว่ามันคนละชั้น เด็กที่นี่หน้าตาดีๆ ทั้งนั้น พอพาแสนรักมาค่อยพอไปเทียบกับคนอื่นเขาได้หน่อย แม้ไม่ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม ไม่ได้ฉีดน้ำหอมดังๆ แต่น้ากลางก็ยืดอกภูมิใจกับเด็กใหม่ในสังกัดที่เคยหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องจับมาทำงานให้ได้คนนี้มาก เอาไว้สอนให้มันเป็นงาน คงได้เงินเป็นกอบเป็นกำ

    ที่ได้พาเจ้าแสนมาที่นี่ได้ก็เพราะเมื่อก่อนน้ากลางเคยทำงานอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าไปแอบถ่ายรูปแสนรักมาให้เจ้าของร้านตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเจ๊แหม่มค่อนข้างชอบใจ อาจด้วยหน้าตาที่ดูเรียบร้อย ไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมนี่ก็ได้

    เสียงเพลงที่ดังลั่นบวกกับกลิ่นบุหรี่มันชวนให้เวียนหัว แสนรักถูกพาเข้ามาทางหลังร้าน เลี้ยวเลาะไปยังชั้นสามได้อย่างคล่องแคล่ว สมกับเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ พอมาถึงน้ากลางก็ให้แสนไหว้เจ้าของร้าน หรือที่ใครๆ เรียกว่าเจ๊แหม่ม แกเป็นผู้หญิงเทียม หน้าตาดูดุๆ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม

    “แน่ใจนะว่าไม่ได้โดนหลอกมา”

    “โธ่ เจ๊...ผมไม่เคยหลอกใครมาหรอกน่า” น้ากลางบอกยิ้มๆ

    “ชื่ออะไรน่ะเรา” เจ๊แหม่มเลื่อนสายตาไปมองเจ้าเด็กตัวน้อยที่ยืนตัวสั่น ดูท่าคงจะกลัว ได้ยินเรื่องราวจากปากน้ากลางมาก่อนแล้ว มันบอกว่าเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ที่บ้านยากจน ต้องหาเงินไปผ่าตัดให้แม่มัน ตอนแรกที่ดูรูปก็นึกชอบใจอยู่ก่อนแล้ว พอได้ฟังเรื่องราวชีวิตก็เวทนา ไม่รู้ว่าน้ากลางโกหกเพื่อให้หล่อนรับเข้ามาทำงานหรือเปล่า แต่ดูจากใบหน้าซื่อๆ คงจะเป็นจริงอย่างที่น้ากลางว่า

    “แสนรักครับ” มันบอกอย่างนอบน้อม

    “เมื่อวานมันรับแขกเป็นวันแรก” น้ากลางพูดเสริม

    “เดี๋ยวคืนนี้ฉันหาลูกค้าให้แล้วกัน ส่วนเงินฉันคิดค่านายหน้ายี่สิบเปอร์เซ็น เห็นว่าเดือดร้อนก็เลยอยากช่วย ส่วนแกกลับไปได้แล้ว” เจ๊แหม่มออกปากไล่น้ากลาง

    “แล้วเงินของผม?”

    เจ๊แหม่มควักแบงค์พันมาสองใบแล้วยื่นให้น้ากลาง สำหรับค่าตัวแสนรักวันนี้ เขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าแบ่งเงินกันยังไง ไม่รู้ว่าจะโดนหักไปเท่าไหร่ คงได้แต่ภาวนาขอให้มีเงินพอที่จะรักษาแม่ปลื้มเร็วๆ ไม่อยากต้องทำแบบนี้แล้ว

    “งานมันไม่ยาก แค่เอาใจแขก อย่าขัดใจ...นั่งคุยนั่งดื่มไปเรื่อย แต่ถ้าแขกอยากจะซื้อก็ค่อยว่ากันอีกเรื่อง ส่วนค่าตัวเจ๊จะเก็บจากแขกก่อน ถ้าแขกให้ทริปก็เอาไป ส่วนอีกวันค่อยมารับเงินค่าตัว”

    น้ากลางกลับไปแล้ว ส่วนแสนรักถูกสั่งให้นั่งอยู่ในห้องนั้น มีพี่เอาขนมกับน้ำมาให้ ประมาณหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็ถูกเรียกไปรวมตัวยังหน้าห้องวีไอพี นอกจากแสนรักแล้วยังมีเด็กผู้ชายและหญิงอีกสิบกว่าคน แต่ละคนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น

    “เด็กใหม่หรอ”

    “ครับ”

    หนึ่งในนั้นแสดงท่าทีสนอกสนใจในตัวเด็กใหม่ คงเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันกระมัง แต่ก็คุยได้ไม่นานก็ถูกพาเข้าไปยังห้องวีไอพี

    ข้างในนี้มีกลุ่มผู้ชายประมาณหกคน แสนรักไม่กล้าเงยหน้ามอง ถึงอยากได้เงินใจจะขาด แต่เหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็ทำให้เขากลัว ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีก มันเจ็บ...ร้องขอให้หยุด แต่ก็ไม่เป็นผล แค่คิดน้ำตามันก็แทบจะไหล

    เพื่อนร่วมอาชีพถูกเลือกไปทีละคน แสนรักยืนก้มหน้านิ่ง มีชั่วหนึ่งที่เขาเงยหน้ามอง เพราะไม่แน่ใจว่าคนที่ถูกเรียกใช่ตัวเองหรือเปล่า พอเงยหน้าก็เจอเข้ากับสายตาคมคู่หนึ่ง เขาจับจ้องแสนรักอยู่ ทันทีที่สบตาก็เป็นฝ่ายที่แสนรักต้องหลบตา ไม่กล้าเงยขึ้นไปมองอีก

    “แล้วของคุณนับหนึ่งล่ะครับ”

    “เชิญพวกคุณตามสบาย ผมขอบาย”

    เจ้าของใบหน้าคมเข้มกล่าวปฏิเสธด้วยท่าทีสุภาพ

    “ไม่เอาน่า ไหนๆ ก็มาทั้งที เลือกสักคนสิครับ”

    “เชิญเลือกได้ตามสบายนะคะ เด็กของเราบริการดีทุกคนค่ะ” เจ๊แหม่มส่งเสียงร้องเชียร์แขก หล่อนโอบไหล่แสนรักแล้วพาเดินมายังข้างหน้าเพื่อเป็นการนำเสนอ เหมือนกับการขายของ นับหนึ่งเหยียดมุมปากอย่างสมเพช

    “นี่เป็นเด็กใหม่ค่ะ เพิ่งมาเมื่อครู่นี่เอง”

    “เอาคนนั้นก็ได้ครับ” นับหนึ่งร้องบอก

    แสนรักสะดุ้งเล็กน้อย เขาถูกผลักให้เดินไปนั่งข้างๆ คุณนับหนึ่ง ลูกค้าวีไอพีของร้าน เจ๊แหม่มก้มลงกระซิบกับคุณนับหนึ่งว่าเป็นเด็กใหม่ ไม่ค่อยเป็นงาน ถ้าหากมีอะไรทำให้ขัดใจก็บอกได้ เดี๋ยวเจ๊แหม่มจะจัดการให้ คุณนับหนึ่งพยักหน้ารับเล็กน้อย หากไม่ได้พูดอะไรต่อ

    เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก เสียงพูดคุยของแขกส่วนใหญ่มีแต่เรื่องงาน บางทีก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดคุยในเรื่องอะไรอยู่ ส่วนคุณนับหนึ่งนั้นไม่ได้มีท่าทีสนใจแสนรักเท่าไหร่ มีบ้างที่ส่งแก้วเหล้าให้ดื่ม ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยได้ลิ้มรส ได้ลองหน่อยก็แทบสำลักเพราะมันขม ไม่รู้ว่าคนชอบมันกันไปได้ยังไง รสชาติไม่อร่อยเลย

    ตกดึก แขกหลายคนเริ่มเมาแล้ว บางคนหันไปจูบกับเด็กของตัวเอง บางคนก็จูงมือกันไปเข้าห้องน้ำ แต่คุณนับหนึ่งนั่งนิ่งไม่ได้ทำอะไรเขา นับว่าเป็นโชคของตัวเอง แต่นั่นก็หมายถึงว่าเขาเองก็จะชวดเงินในวันนี้

    คงเพราะอาการป่วยที่ยังไม่หายดี บวกกับกลิ่นบุหรี่ที่มันตลบอบอวลอยู่ภายในห้อง มันทำให้แสนรักมึนๆ เบลอๆ พอไม่มีอะไรทำก็เผลอหลับ ซบลงกับเบาะนุ่มๆ ของโซฟา แขกของเขาเพียงปรายหางตามามอง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก จนคนอื่นทยอยกลับกันหมดแล้ว เหลือเพียงนับหนึ่งกับแสนรักเท่านั้นภายในห้อง

    เขาพาลูกค้ามาทานข้าว และพอจะรู้รสนิยมของพวกเขา ก็เลยพามาที่นี่ เพื่อหวังว่าการตกลงระหว่างธุรกิจจะราบรื่น พอเห็นสีหน้าและความพึงพอใจของลูกค้า ก็คงคาดเดาได้ว่าการเจรจาคงเป็นผลสำเร็จ ไม่เสียแรง...

    “นี่...”

    เขาสะกิดเรียกคนที่นอนหลับเป็นตายให้ตื่น หากยังไม่มีทีท่าว่าคนขี้เซาจะตื่นง่ายๆ เอามือตบใบหน้าแสนรักเบาๆ รู้สึกว่ามันร้อนก็เลยลองทาบใบหน้าดู ปรากฎว่ามันร้อนมากๆ นึกค่อนแคะในใจว่าป่วยแล้วยังจะมาทำงานอีก

                คนท่ีนอนหลับอยู่ขยับตัว เปลือกตาเปิดขึ้นช้าๆ พอรู้ตัวว่าตัวเองเผลอหลับไปก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาลุกนั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

                “ไปตามคนมาเช็คบิล”
               ​ "ครับ"











    จบไปแล้วกลับอีกหนึ่งตอน :) อย่าลืมคอมเม้นท์บอกนะคะ
    ว่าเรื่องเป็นยังไงบ้าง มันเป็นนิยายวายเรื่องแรกที่ลองแต่ง
    อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ดีไม่ดียังไงก็ทิ้งเม้นท์ไว้ได้นะคะ จะได้นำไปปรับปรุง


               


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×