ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CLUB NEWS 2

    ลำดับตอนที่ #91 : Other :: แปล Magazine ของหนูพี

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 55


    vol.87 "WORLDVIEW"

    =======

           ในมุมมองของยามะพีที่อยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เด็กจะมีเห็นโลกใบนี้ยังไง? เขาจะเล่าให้ฟังว่าการเดินทางในอเมริกานั้น
    เปลี่ยนวิธีคิดและปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของเขาไปอย่างไร

            ผมก็รู้นะครับว่างานของผมมันมีความพิเศษต่างจากงานอื่น แต่ว่าตอนเด็กๆก็ไม่ค่อยรู้หรอก รู้แต่ว่ามันไม่มีตารางเวลาชัดเจน
    ผมว่ามันไม่ดีต่อร่างกายคนเราหรอกแต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะตอนนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผมแล้วล่ะ
    พอโตขึ้นผมก็ค่อยๆเรียนรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองพูดออกไปนั่นสำคัญขนาดไหนแล้วก็ต้องรับผิดชอบมันด้วย
    คือถ้าเราได้อะไรมาสักอย่างเราก็ต้องเสียอะไรไปบางอย่างด้วย อย่างเช่นถ้าจะให้ได้เกรดดีขึ้น เราก็คงต้องลดเวลาเล่นลงบ้าง
    มัน ก็เป็นได้นะที่จะเรียนไปเล่นไปด้วยแต่ว่ามันไม่ได้ผลดีนักหรอกถ้าเราจะเรียน รู้สิ่งใหม่ๆในขณะที่เราก็ยังหัวเราะเล่นกับเพื่อนไปด้วย
    อย่างคนที่ อยู่ในธรรมชาติเค้าก็ยังต้องเรียนรู้การขี่ม้า หรือว่าชาวไร่ก็ต้องเรียนรู้วิธีการปลูกข้าวโพด ทุกๆเรื่องมันต้องใช้ความพยายามทั้งนั้นล่ะครับ ถึงจะเป็นงานที่เราเองรักก็เถอะ
    พักหลังนี้ผมก็เลยทุ่มเวลาให้กับการอ่านหนังสือเยอะแยะเลย แล้วก็ลองอ่านแนวอื่นๆมากขึ้นด้วยอย่่างพวกนิยายสืบสวน

           ก่อนหน้านี้เวลาไปอเมริกา ผมก็ไปแต่เมืองใหญ่ๆอย่างนิวยอร์คหรือว่าแอลเอ แต่ตอนที่ผมเดินทางผ่านรูท 66 ก็จะได้ไปเมืองเล็กๆ
    แล้ว ก็เจอคนธรรมดาๆ รุู้ไหมว่ามันเหมือนญี่ปุ่นเลยล่ะ คือคนส่วนใหญ่ก็จะโฟกัสแต่โตเกียว ทั้งที่ความจริงแล้วมันยังมีเมืองอื่นๆอีกด้วย
    ขนาดประเทศเล็กๆอย่าง ญี่ปุ่นเนี่ยในโตเกียวกับนอกเมืองนี่ยังแตกต่างกันทั้งเรื่องสำเนียงการพูด อาหารการกินแล้วก็อีกหลายอย่าง ผมนึกว่าที่อเมริกาจะไม่เป็นแต่ว่าความจริงมันก็เป็นเหมือนกัน
    เรื่อง ที่จำเป็นจริงๆกับชีวิตคนเราก็มีแค่กิน นอน หาอาหารแล้วก็ดำรงเผ่าพันธุ์ ประเด็นสำคัญของการเติบโตเป็นมนุษย์น่ะซ่อนอยู่ในเรื่องง่ายๆพวกนี้เท่านั้น แหละ

           ระหว่างทริปนั้นผมได้ใช้เวลาคิดเรื่องจริงจังตามลำพังเยอะเลย ว่าผมควรจะทำอะไรในชีวิตตอนนี้บ้าง ผมอยากทำนั่นทำนี่แล้วก็ต้องทำอันนี้!
    แต่พอความอยากมันเพิ่มมากขึ้นมันก็กลายเป็นภาระกดดันแล้วมันก็ไม่มีทางที่ทุกๆอย่างจะสำเร็จได้หรอก
    ผม ได้เจอคาวบอย เค้าก็ตื่นเช้ามาเลี้ยงม้าเลี้ยงวัว แล้วก็ให้้เวลาที่เหลือกับครอบครัว พวกเค้าไม่ได้มีความทะเยอทะยานว่าอยากจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอะไร ผมก็เลยคิดว่าการมีชีวิตเรียบง่ายแบบนี้นี่มันเยี่ยมไปเลยนะ
    บางทีถ้าผมไม่ทำงานตรงนี้แล้วผมอาจจะไปเป็นชาวไร่ก็ได้นะ!?  หรือเป็นคาวบอยก็น่าสนุกดี (หัวเราะ)
    ผม ว่าการที่ลูกชายได้เรียนรู้ทั้งการใช้ชีวิตแล้วก็การงานจากพ่อตัวเองนี่ดูดี มากเลยนะ พอได้เจอหลายๆคนที่เค้ามีชีวิตเรียบๆแต่ก็มีความสุขดีแบบนี้แล้วผมก็ไม่อยาก จะเป็นคนที่ให้ค่าแค่ความสำเร็จอย่างเดียวหรอก
    ผมยังอยากจะพยายาม อยากทำงานอยู่แต่ว่าการที่จะต้องสู้ไปตลอดชีวิตน่ะมันก็หนักหนานะ

           วันนึงผมคุยกับตากล้องระหว่างทริป เค้าเล่าให้ฟังว่าคุณค่าที่คนญี่ปุ่นทุกวันนี้ยึดถือในวันวันนึงน่ะมันต่างจากคนจากประเทศอื่นนะ
    ผม ลองคิดไปถึงช่วงที่คนเรามีอายุเฉลี่ยสัก 50 นะ เพราะตอนนี้อายุเฉลี่ยเราอยู่ที่ประมาณ​70 ปีเนอะ ก็คือคนที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 150 ปีก่อนนี้เค้าคงคิดว่าแต่ละวันนี่เป็นช่วงเวลาที่มีค่าและมีความหมายของ ชีวิตมากๆเลย
    แล้วคุณตากล้องก็เล่าว่าที่ญี่ปุ่นเนี่ย กว่าคนเราจะเป็นเพื่อนกันได้ต้องใช้เวลาเป็นปีเลยนะ แต่มีบางประเทศเค้าใช้เวลาแค่วันเดียวเอง
    ผมก็ไม่รู้นะว่าประเทศไหนแต่ เค้าเล่าประสบการณ์ของเค้าให้ฟังไง เหมือนแบบว่าเราไปดื่มกัน แล้วก็คุยกัน เล่าว่าเราเป็นคนแบบไหนยังไงแล้วถ้าคิดว่าเราเข้ากันได้นั่นเราก็กลายเป็น เพื่อนกันแล้ว! ผมว่าน่าจะมีบางประเทศที่คนเราเปิดใจให้กันได้ง่ายๆแบบนั้น ง่ายจนแบบที่คนญี่ปุ่นเราคิดไม่ถึงเลยล่ะ เพราะขนาดในชีวิตประจำวันของเรา เราก็ยังเล่นละครใส่กันก็บ่อย
         ผมว่าอาจจะมีบางที่ที่ความเจริญอาจไม่เท่า เรา อายุขัยคนอาจจะสั้นกว่า สุขอนามัยแย่กว่า แต่ว่าเค้าอาจจะให้คุณค่าเรื่องมิตรภาพมากกว่าเราก็ได้
    การมีชีวิตอยู่ โดยไม่ได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้นี่ก็เสียของนะ ผมอยากจะเป็นคนที่เปิดเผยความรู้สึกให้มากกว่านี้ล่ะ ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันโอเคไหมที่จะอยู่ดีๆก็เปลี่ยนตัวเองให้เปิดเผยมาก ขึ้น
    แต่ก็ไม่อยากจะให้ความรู้สึกตรงนี้มันเสียไป ถ้าผมได้เจอใครสักคนที่ผมรู้สึกชอบจริงๆผมก็จะบอกเค้าไปเลย คนที่ใช้ชีวิตแต่ละวันอยู่ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองอาจจะตายพรุ่งนี้น่ะมัน ต่างจากคนที่อยู่แบบคิดว่าฉันจะตายตอน 70 มากๆเลยนะ คนอายุเท่าผมที่อยู่ในยุคเอโดะน่ะก็เป็นผู้ใหญ่กว่าผมเยอะเลย
    พวกเค้า มีชีวิตอยู่แบบพร้อมที่จะตายได้เสมอ เวลาเราดูหนังย้อนยุคแล้วมีฉากที่เค้าพูดว่า “ผมพร้อมที่จะตายเพื่อท่าน” น่ะ เค้าหมายความอย่างนั้นจริงๆ

           ผมอยากจะเห็นอยากจะเรียนรู้โลกในอีก หลายๆด้านแล้วก็ทำความรู้จักกับผู้คนอีกมากมาย เพราะคิดยังงั้นเลยคิดว่าคงยังไม่แต่งงานเร็วๆนี้หรอก
    ยังมีอีกตั้ง หลายสิ่งที่ผมอยากจะรู้ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น จะให้ทิ้งแฟนไว้ที่บ้านก็คงไม่ดี แต่ถ้าจะให้ไปในที่ต่างๆทั่วโลกด้วยกันก็อาจจะอันตรายเกินไป
    ใช่แล้วล่ะ! ผมน่ะอยากจะเป็นนักผจญภัยมากกว่านี้นี่นะ (หัวเราะ)

    ============

    พีบอกอยากเป็นชาวไร่ อุว๊ะ!!!~ ชาวไร่หล่อขนาดนี้จะไปช่วยปลูกข้าว เลี้ยงควายเลยนะตัว ><
    แถมพีบอกยังไม่แต่งงานเร็วๆนี้ ปิดซอยฉลอง!!!!


    credit: Eng Translation amapi@LJ ค่ะ
    YamaKat
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×