ตอนที่ 47 : บทที่ 47 หัวใจที่แท้จริง!1
บทที่ 47 หัวใจที่แท้จริง!1
ทันใดนั้นทุกคนบนดาดฟ้าเรือพลันเงียบเสียงลง
ชายชราในชุดคลุมสีเทานิ่งเงียบ เขาเลือกที่จะเก็บซ่อนความรู้สึก ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครคาดเดาได้ว่าคนผู้นี้กำลังโกรธหรือว่ามีความสุขกันแน่
แน่นอนว่าที่จริงเขาย่อมต้องรู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจ เนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดกระทำการอาจหาญเหยียบหยามสำนักอัปสรเมรัยต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้มาก่อน แต่ถึงแม้จะขุ่นเคืองสักแค่ไหนก็ตาม ในเวลานี้ชายชราก็ไม่กล้าระบายมันออกมา
เซียนกระบี่!
สตรีลึกลับผู้นั้นท่าทางน่าจะเป็นเซียนกระบี่จริง ๆ หากเขาเดาถูก แน่นอนว่าสำนักอัปสรเมรัยย่อมไม่ได้อยู่ในระดับที่จะต่อกรกับนางได้เลยแม้แต่น้อย
ถ้าหากว่าสำนักอัปสรเมรัยรวบรวมกองกำลังจากสาขาที่มีอยู่ทั้งหมด อาจพอเป็นไปได้ว่าจะสามารถรับมือกับเซียนกระบี่ได้อย่างสูสี แต่นี่เป็นเพียงการวางแผนเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีกำลังรบที่สมดุลกันเพียงเท่านั้น ใครเลยจะรู้ว่าเซียนกระบี่ยังมีพรรคพวกเพื่อนพ้องอีกหรือไม่? หรือหากนางรู้จักมักจี่กับกองกำลังหนุนหลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ล่ะ?
ต่อให้นางไม่มีพวกพ้องหรือกองกำลังอื่นคอยหนุนอยู่เบื้องหลังจริง ๆ ทว่าลำพังแค่นางเพียงคนเดียวก็สามารถถล่มสำนักอัปสรเมรัยให้ราบคาบได้แล้ว!
เซียนกระบี่!
ความสามารถในการต่อสู้ของคนประเภทนี้น่ากลัวเพียงใดน่ะหรือ?
นอกเหนือจากผู้พิทักษ์เต๋าแห่งจักรวาลแล้ว คนที่ไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดก็คือเซียนกระบี่! ในบรรดาตำแหน่งที่บรรลุได้ยากที่สุดก็เห็นจะเป็นเต๋าแห่งกระบี่นี่แหละ
ดังนั้นแม้ว่าสิ่งที่สตรีลึกลับพูดมาจะทำให้เขาต้องอับอายอย่างมาก แต่ชายชราก็ไม่มีความกล้าพอที่จะโต้แย้งอะไรอยู่ดี
ข้อหนึ่งที่ควรรู้ก็คือผู้ฝึกเพลงกระบี่มักจะมีนิสัยแปลก ๆ ถ้าขืนยังดึงดันปริปากมากกว่านี้อีกหนึ่งคำแล้วละก็ เขาอาจจะต้องตายที่นี่วันนี้เลยก็ได้!
ชายชราในชุดคลุมสีเทาเลิกจมอยู่ในความคิด เขาหันไปมองเย่ฉวน เห็นได้ชัดว่าการที่สตรีลึกลับผู้นั้นยอมหยุดลงมือ ส่วนใหญ่ก็เป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้าเขาคนนี้
ผู้ฝึกเพลงกระบี่มักไปไหนมาไหนอย่างอิสระ แต่เมื่อมีลูกศิษย์ไว้สืบทอดแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป
ศิษย์ผู้สืบทอดแห่งเซียนกระบี่!
ชายชราในชุดคลุมสีเทารู้สึกสงสัยไม่น้อย อันที่จริงพวกเขาควรพยายามอย่างเต็มที่ในการเอาอกเอาใจเพื่อให้คนผู้นี้รู้สึกพอใจสิจึงจะถูก แต่ดูสิว่าคนของเขาทำอะไรลงไป!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ชายชราในชุดคลุมสีเทาก็เดินเข้าไปหาเย่ฉวน จากนั้นจึงงอนิ้วและกระดิกเรียกของสิ่งหนึ่งออกมา มันเป็นบัตรใบสีม่วงที่ถูกยื่นมายังเย่ฉวน "สหายเอ๋ย ความขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นระหว่างท่านและสำนักอัปสรเมรัยได้ถูกชำระสะสางไปแล้ว นี่เป็นบัตรอภิสิทธิ์จากทางสำนักอัปสรเมรัย ขอให้สหายโปรดรับไว้"
อีกด้านหนึ่ง ฮั่นเซียงเหมิงก็เร่งรีบอธิบายขึ้นอย่างรวดเร็ว "หากใช้บัตรสีม่วงใบนี้ ท่านจะได้รับส่วนลดครึ่งหนึ่งหากซื้อของจากในสำนักอัสรเมรัยในอนาคต นอกจากนี้แล้วท่านยังสามารถฝากขายสิ่งของอะไรก็ได้ในสำนักอัปสรเมรัยโดยที่เราจะไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้ยังมีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเราจะแจ้งให้คุณชายเย่ทราบในภายหลัง"
แน่นอนว่าเย่ฉวนไม่ได้ปฏิเสธ เขารับบัตรอภิสิทธิ์สีม่วงใบนั้นมาก่อนจะกำหมัดแน่นและกล่าวว่า "เอาละ ถ้างั้นข้าขอไปพักผ่อนก่อนละกัน"
หลังจากนั้นเขาก็ดึงเย่หลิงให้มาด้วยกันก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
เมื่อคล้อยหลังเย่ฉวนและน้องสาวไปแล้ว ฮั่นเซียงเหมิงและชายชราข้างนางก็ค่อย ๆ คุกเข่าลงอย่างช้า ๆ
ชายชราในชุดคลุมสีเทาค่อย ๆ หลับตาลง "ปู่ของเจ้าเคยเป็นคนของข้า แน่นอนว่าข้าไม่ได้ปฏิบัติกับเขาอย่างคนใต้บังคับบัญชา หากแต่นับถือเป็นเหมือนพี่น้อง เจ้าเป็นหลานสาวของเขา จึงนับว่าเป็นหลานสาวของข้าด้วยเช่นกัน"
ฮั่นเซียงเหมิงก้มหน้าลงเล็กน้อยและไม่กล้าปริปากแม้แต่คำเดียว
ชายชราในชุดคลุมสีเทาส่ายหน้า "ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก เพราะเป็นเจ้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่ แต่อย่างไรเสียเจ้าก็ควรพ้นสภาพจากการเป็นคนของสำนักอัปสรเมรัย จงกลับไปใช้ชีวิตที่เมืองหลวงซะแล้วก็ดูแลตัวเองให้ดี"
เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่นเซียงเหมิงก็พลันหน้าซีดลงอย่างหวาดผวา
การทำงานอย่างหนักในหลายปีที่ผ่านมาของนางสูญเปล่าแล้ว!
ชายชราในชุดคลุมสีเทาเหลือบมองไปที่แม่น้ำใหญ่ด้านล่าง มือข้างขวาค่อย ๆ กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว "เซียนกระบี่หรือ... ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เห็นในชั่วชีวิตนี้ แต่กลับมาเป็นเช่นนี้เสียได้..."
หลังจากนั้นชายชราก็หมุนตัวและหายลับไปบนท้องฟ้า
บนดาดฟ้าเรือ ฮั่นเซียงเหมิงยิ้มจางออกมาอย่างคนไร้ค่า "ข้าทำผิดอะไรงั้นหรือ?"
ถัดจากนางไป ชายชราก็กล่าวปลอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "คุณหนู หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ท่านอย่าโทษตัวเองให้มากนักเลย"
ฮั่นเซียงเหมิงส่ายศีรษะ "หากข้าจริงใจกับเขาเสียตั้งแต่แรก การมีเขาเป็นสหายไว้คอยสนับสนุน หากจะขึ้นเป็นเจ้าสำนักอัปสรเมรัยในอนาคตคงเป็นเรื่องง่าย... โชคร้ายที่ข้าคิดมากเกินไป ข้าพลาดโอกาสพลิกฟื้นชะตาของตัวเองและครอบครัวไปแล้ว!"
ชายชราก้มศีรษะเล็กน้อยและไม่พูดอะไรออกมา
ฮั่นเซียงเหมิงยืนขึ้นและเหม่อมองไปที่ท้องฟ้า "เอาล่ะ เรื่องในวันนี้ข้าจะจำไว้เป็นบทเรียนก็แล้วกัน"
เมื่อกล่าวจบ หญิงสาวก็หันหลังและเดินจากไป
เย่ฉวนกลับมาที่ห้องพักพร้อมกันกับเย่หลิง และคราวนี้เป็นเพียงห้องพักธรรมดา ๆ เท่านั้น เพราะสองพี่น้องรู้สึกเข็ดหลาบกับเรื่องวุ่นวายจึงไม่อยากพักอยู่ที่ห้องชั้นบนแล้ว!
ภายในห้อง หลังจากที่เย่ฉวนกล่อมจนน้องสาวหลับไปแล้ว เขาก็กลับไปที่หอคอยเรือนจำอีกครั้ง และเมื่อเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที!
เขาพบว่าชั้นที่สองได้ขยับเขยื้อนจากตำแหน่งเดิมไปเล็กน้อย!
เมื่อสังเกตได้ดังนี้สีหน้าของเย่ฉวนก็พลันเปลี่ยนไป และก่อนที่เขาจะได้เอ่ยปากพูด เสียงของสตรีลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง "โทสะของเจ้าคลายลงบ้างแล้วหรือยังหืม?"
เย่ฉวนคำนับอย่างสุดซึ้ง "ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือข้า!"
สตรีลึกลับเอ่ยอย่างเย็นชา "ช่วยเจ้าอย่างนั้นเหรอ? แล้วเจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงออกมาช่วยเจ้า?"
เย่ฉวนส่ายหน้า
สตรีลึกลับทวงถามความทรงจำของลูกศิษย์ "เจ้ายังจำประโยคที่ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่? ข้าถามว่า เจ้ารู้ผลลัพธ์ของวิชาฟาดฟันกระบี่หนึ่งคราหรือเปล่า"
เย่ฉวนพยักหน้า
สตรีลึกลับกล่าวต่อ "ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าปลดปล่อยกระบี่ออกมากะทันหัน วันนี้ข้าก็ว่าจะไม่ออกไปหรอก!"
เย่ฉวนตกใจ เขายังรู้สึกค่อนข้างสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ทำไมหรือ? ถ้าหากว่าข้าไม่ชักกระบี่ออกมาแล้วละก็ เรื่องชั่ว ๆ พวกนั้นก็คงเงียบหายแน่"
"ฮึ่ม!"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
