ตอนที่ 44 : บทที่ 44 หากฟาดฟันกระบี่เกินกว่า 1 ครั้ง ข้าพ่าย!2
บทที่ 44 หากฟาดฟันกระบี่เกินกว่า 1 ครั้ง ข้าพ่าย!2
ทันใดนั้นเองเรือเหาะก็ได้หยุดจอดกะทันหัน ฝั่งตรงข้ามมีนกกระเรียนมงกุฎสีแดงบินตรงเข้ามาหาพวกเขาที่ยืนจ้องมองอยู่ นกกระเรียนตัวนั้นมีขนาดใหญ่ ปีกทั้งสองของมันมีความกว้างอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสามสิบเมตรเมื่อกางออก และที่ด้านหลังนั้นก็ยังมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งท่าทางสูงสง่าถือพัดหยกขาวเอาไว้ในมือ
ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน นกกระเรียนตัวนั้นก็ร่อนลงบนเรือเหาะ คลื่นลมแรงพัดพาคนที่ไม่เกี่ยวข้องจำนวนมากถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นเดินลงมาจากนกกระเรียนมงกุฎสีแดงอย่างช้า ๆ ฮั่นเซียงเหมิงและชายชราที่อยู่ข้าง ๆ หน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด เป็นการปรากฏตัวของผู้มาใหม่ที่คาดไม่ถึง ทั้งสองคนรีบร้อนเดินเข้าไปหาและแสดงความเคารพต่อชายคนนั้นในทันที "คารวะท่านจ้าวหอฮั่น"
เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่เสี่ยวหลาน ชาเต๋อเหลียนแห่งเมืองพันภูผาก็ดูผึ่งผายขึ้นมาทันที!
สำนักอัปสรเมรัยนั้นมีทั้งหมดเก้าชั้นด้วยกัน โดยในแต่ละชั้นนั้นจะมีจ้าวหอที่ไม่เพียงแต่มีพลังยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีความแข็งแกร่งที่หยั่งรากไม่ถึงอยู่ด้วย!
จ้าวหอที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ควรจะเป็นผู้ที่ควบคุมดูแลกิจการทั้งหมดของสำนักอัปสรเมรัยที่แม้แต่กษัตริย์แห่งแคว้นเจียงเองยังต้องให้ความเคารพ!
จ้าวหอฮั่นพยักหน้าเล็กน้อย เขาเหลือบมองร่างของผู้อาวุโสกู้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล จากนั้นจึงได้ถามขึ้นว่า "ตายแล้วเหรอ?"
ฮั่นเซียงเหมิงและชายชราไม่กล้าตอบ จึงได้แต่ก้มศีรษะอยู่อย่างนั้น
จ้าวหอฮั่นหันไปมองเย่ฉวนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อพินิจมองให้ดี ความประหลาดใจก็ฉายชัดขึ้นในแววตา "รากฐานของเขาแข็งแกร่งมาก แปลกจริง นอกจากจะเป็นผู้ฝึกกระบี่แล้ว ยังสำเร็จกระบี่ใจกระจ่างอีกด้วย ช่างเป็นผู้มีความสามารถที่หายากโดยแท้ ข้าไม่นึกเลยว่าจะมีอัจฉริยะที่เปี่ยมพรสวรรค์เช่นนี้อยู่ในแคว้นเจียงด้วย!"
ด้วยเหตุนี้จ้าวหอฮั่นจึงมองไปรอบๆ "ปล่อยให้นี่เป็นธุระของสำนักอัปสรเมรัยเถิด ขอเชิญทุก ๆ ท่านไปพักผ่อนได้!"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าอยู่ต่อ ฝูงชนโดยรอบจึงรีบสลายตัวแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ลู่เสี่ยวหลาน ชาเต๋อเหลียนแห่งเมืองพันภูผามองไปที่เย่ฉวนก่อนจะเดินหมุนตัวกลับเข้าห้องไปพร้อมกับพาเด็กอ้วนที่ยังยืนลังเลอยู่ไปด้วย
เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังอยู่บนดาดฟ้าของเรือเหาะ
จ้าวหอฮั่นประสานสายตากับเย่ฉวนอีกครั้ง "คนอย่างเจ้าต้องมีที่มาที่ไปไม่ธรรมดาแน่นอน ไหนลองบอกซิว่าใครกันที่คอยหนุนพวกเจ้าอยู่เบื้องหลัง ข้าล่ะสงสัยเสียจริงว่าเหตุใดเจ้าจึงมีความกล้าที่จะสังหารคนของสำนักอัปสรเมรัยได้"
เย่ฉวนส่ายหน้าและยิ้มถาม "ทำไม? ถ้าหากข้ามีกองกำลังที่ยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่ แล้วท่านจะปล่อยให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปงั้นหรือ?"
จ้าวหอฮั่นปฏิเสธ "เปล่าเลย เจ้าได้สังหารผู้อาวุโสกู้ต่อหน้าผู้คน การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการต่อต้านสำนักอัปสรเมรัย ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม หรือมีใครคอยหนุนอยู่เบื้องหลังเจ้าก็จะต้องตายวันนี้อยู่ดี แม้ว่าออกจะน่าเสียดายไปสักหน่อยแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะข้าเองก็ไม่อาจยอมให้สำนักอัปสรเมรัยถูกล่วงเกินจนเป็นที่น่าอับอายต่อหน้าคนทุกแคว้นในทวีปชิงได้"
แม้จะกล่าวไปดังนั้น แต่ดูเหมือนจ้าวหอฮั่นจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ "สาเหตุที่ข้าถามถึงกองกำลังที่หนุนอยู่ข้างหลังเจ้านั้นก็เพื่อประเมินการตัดสินใจว่าเราจะต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้างต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น หาใช่เพราะว่ากลัว ในแคว้นเจียงนี้ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรกับสำนักอัปสรเมรัยแน่!"
เย่ฉวนยืนเงียบ
กองกำลังงั้นหรือ?
ของพรรค์นั้นชายหนุ่มมีเสียที่ไหน จะมีก็แต่ผีซะมากกว่าที่คอยหนุนหลังเขาอยู่น่ะ!
อย่างไรก็ดี การสังหารคนพวกนี้ไม่ทำเย่ฉวนรู้สึกเสียใจทีหลังเลยแม้แต่น้อย
มุทะลุ? ผลีผลาม?
เขายอมรับว่าตัวเองขาดสติและหุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่หากเลือกได้อีกครั้งเขาก็ไม่ลังเลที่จะทำแบบเดิมอยู่ดี หากไม่สังหารคนเหล่านี้ด้วยตัวเอง ทางสำนักเมรัยก็อาจพิจารณากำหนดโทษเบา หรืออย่างเลวร้ายที่สุดก็เป็นไปได้ว่าไอ้พวกคนชั่วเหล่านั้นอาจไม่ได้รับโทษอะไรเลยด้วยซ้ำ หรือถึงแม้จะถูกลงโทษ แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่ปี คนจำพวกนั้นก็จะกลับมามีชีวิตที่สุขสบายโดยไร้สำนึกอีก!
หากเป็นเช่นนั้นแล้วน้องสาวของเขาต้องถูกทุบตีด้วยเรื่องอะไรกัน?
ไม่มีทางเสียหรอก!
เขาสามารถทนได้ถ้าหากคนที่ถูกทำร้ายนั้นเป็นตัวเองไม่ใช่เย่หลิง แต่อย่างไรก็ตาม หากมีใครมารังแกน้องสาวผู้เป็นยอดดวงใจ เขาขอยอมตายซะยังดีกว่ายอมศิโรราบให้!
จ้าวหอกระซิบถาม "ทำไม? หรือว่าเจ้าไม่อยากเอ่ยถึงพวกเขา?"
เย่ฉวนคลี่ยิ้มก่อนจะตอบ "ไม่มีกองกำลังใด ๆ หนุนหลังข้าอยู่ทั้งนั้นแหละ นี่เป็นความจริง และข้าไม่ได้โกหก!"
จ้าวหอฮั่นหรี่ตาลง "ว่าไงนะ เจ้ากล้าลงมือสังหารคนของสำนักอัปสรเมรัยโดยที่ไม่มีใครหนุนหลังอย่างนั้นเรอะ?"
เย่ฉวนมองชายผู้สง่างามแต่ไม่อาจหยั่งถึงที่ยืนอยู่ตรงหน้า "คนของสำนักอัปสรเมรัยเที่ยวใช้พลังกลั่นแกล้งรังแกผู้คน ข้าจึงจำต้องสังหารพวกมันซะ เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้"
จ้าวหอฮั่นหัวเราะเบาๆ "รังแกผู้คนอย่างนั้นหรือ? ในโลกใบนี้ คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็จะได้เป็นราชา เจ้าหาว่าคนของสำนักอัปสรเมรัยเอาเปรียบเจ้า แต่หากเจ้าทนได้ ป่านนี้เจ้าคงจะยังมีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แต่ตอนนี้เป็นเพราะเจ้าพ่ายแพ้ให้กับแรงโทสะ อนาคตอันสดใสจึงได้พังทลาย ข้าขอบอกว่านั่นเป็นเรื่องที่โง่สิ้นดี เจ้ารู้หรือไม่?"
เย่ฉวนยืดตัวตรง "เมื่อเป็นผู้ฝึกกระบี่แล้ว จะทำให้กระดูกสันหลังงอได้อย่างไร?"
ชายผู้สง่างามอมยิ้มเล็กน้อย "ผู้ฝึกกระบี่งั้นหรือ นั่นก็ใช่ หากผู้ฝึกกระบี่มีกระดูกสันหลังที่คดงอย่อมไม่ใช่มือกระบี่ที่แท้จริง เอาล่ะ ในเมื่อเจ้ากล่าวเองว่าไม่มีกองกำลังใดคอยหนุนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นเจ้าก็จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ล่ะนะ"
"พี่ชายยังมีข้า!"
ทันใดนั้นเย่หลิงก็กอดเย่ฉวนเอาไว้แน่น สายตาของนางยังคงจับจ้องไปที่ชายสูงสง่าผู้นั้น "เราจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไปด้วยกัน!"
จ้าวหอฮั่นมองไปที่เย่หลิงและยิ้มออกมา "ก็ดี งั้นข้าจะจัดให้สมความปรารถนาทั้งเจ้าและพี่ชายเลยก็แล้วกัน"
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมองไปที่ชายชราซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล "แขวนร่างของพวกมันเอาไว้ที่หัวเรือเหาะซะ ข้าต้องการให้ทุกคนในโลกรู้ว่าหากลองดีกับสำนักอัปสรเมรัยแล้วจะมีจุดจบเช่นใด ข้าอยากให้ทุกคนรู้ว่าสำนักเราใส่ใจทุกความเห็นของผู้คนโดยรอบ และถ้าหากใครไม่เห็นด้วย ก็มาท้าทายเราได้เลย!"
เมื่อพูดจบจ้าวหอฮั่นก็หมุนตัวจากไป
ในตอนนี้เองที่กระบี่ตรงเอวของเย่ฉวนสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง
เย่ฉวนถึงกับตกใจ
มันเป็นจังหวะเดียวกับที่จ้าวหอฮั่นหันกลับมา ทุกคนล้วนหันหน้าไปทางหัวเรือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ที่ด้านบนหัวเรือนั้น มีสตรีผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น
นางสวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดาและมีเส้นผมยาวสยายถึงเอว หญิงสาวยืนหันหลังให้กับทุกคนโดยมีมือขวาไพล่หลัง วัตถุสีขาวและสีดำกำลังหมุนอยู่ระหว่างปลายนิ้วเรียวนั้น
สิ่งที่นางทำเพียงแค่ยืนอยู่บนหัวเรือเท่านั้นโดยปล่อยให้เรือเหาะลอยไป สายลมพลิ้วผ่านเส้นผมและเสื้อผ้าบนร่างกายของอิสตรีผู้นั้น
ทุกคนหยุดนิ่ง
"คนผู้นี้เป็นใครกัน?"
ใบหน้าของจ้าวหอฮั่นหม่นลง เขาไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าสตรีนางนั้นปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด
ชั่วขณะที่จ้าวหอฮั่นกำลังจะเอ่ยปากนั้น หญิงสาวนางนั้นก็พลันพูดขึ้นก่อน "ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้ว่าอันพาลที่แท้จริงคืออะไร ขอให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักอัปสรเมรัยจงก้าวออกมาสู้กับข้าซะ และถ้าหากคนคนนั้นสามารถรับกระบี่จากข้าได้มากกว่าหนึ่งครั้ง ถ้างั้นก็ให้ถือว่าข้าแพ้!"
...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
