ตอนที่ 42 : บทที่ 42 ผลแห่งการลงกระบี่ครั้งนี้2
บทที่ 42 ผลแห่งการลงกระบี่ครั้งนี้2
"อ๊ะ!"
มือขวาของเย่หลิงถูกกระชากออก และทันใดนั้นเหงื่อเย็น ๆ ก็เริ่มผุดซึมขึ้นเต็มใบหน้าเล็ก ๆ นั้น
แต่กระนั้นนางก็ยังพยายามอย่างยิ่งที่จะปีนกลับไปหาเย่ฉวน!
ทหารยามคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยและเตะเข้าที่ท้องของเย่หลิง
"ปัง!"
เมื่อถูกเตะ ร่างของนางก็ลอยละลิ่วไปกระแทกเข้ากับกำแพงเรือและหมดสติในทันที!
เมื่อได้เห็นภาพนี้ เด็กชายตัวอ้วนซึ่งมองอยู่ไกล ๆ ก็วิ่งเข้ามาหานาง แต่ทว่าชายวัยกลางคนกลับคว้าตัวเขาได้และจับแขนเอาไว้แน่น
เด็กชายตัวน้อยจ้องมองชายวัยกลางคนผู้นั้น "ท่านพ่อ เจ้าพวกนั้นมันเป็นพวกอันธพาล!"
ชายวัยกลางคนส่ายศีรษะ "จงรอดูท่าทีอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ!"
ในจังหวะนั้นเองที่เย่ฉวนซึ่งอยู่ไม่ไกลก็ลืมตาขึ้น
เย่ฉวนมองไปข้างหน้า "โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วถือว่าข้าตัวเล็กนัก แต่หัวใจของข้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด สวรรค์และโลกอาจกักขังร่างกายของข้าได้ แต่ไม่อาจขังหัวใจไว้ และเมื่อหัวใจของข้าไม่มีจุดสุดสิ้น กระบี่ของข้าก็ไร้จุดสิ้นสุดเช่นกัน!"
กระจ่างแล้ว!
เย่ฉวนมีความสุขขึ้นมาทันทีและรู้สึกผ่อนคลายไปทั่วร่าง ในเสี้ยววินาทีนั้น ดาบหลิงเซี่ยวก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา
"ฟิ้ววว!"
เสียงกระบี่โหยหวนดังก้องไปทั่วฟ้า!
ดาบหลิงเซี่ยวกำลังลอยอยู่เหนือเรือเหาะ!
ขณะนี้ทุกสายตาหันกลับไปจับจ้องอยู่ที่เย่ฉวน!
ในระยะใกล้นั้น ถัดจากเด็กน้อยที่คุยกับเย่หลิง ชายวัยกลางคนก็พูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา "เป็นไปได้ยังไง... กระบี่ใจกระจ่าง..."
กระบี่ใจกระจ่างคืออะไรน่ะหรือ?
การที่หัวใจแห่งกระบี่ส่องสว่างเจิดจ้านั้นหมายความว่า ใจแห่งกระบี่สะอาดใส ไร้สิ่งขุ่นมัว การมีจิตใจที่กระจ่างย่อมหมายความว่าคนผู้นั้นได้เริ่มสร้างรากฐานที่ชัดเจนสำหรับเต๋าของตนเองแล้ว และจะไม่สับสนหลงใหลไปกับสิ่งยั่วยุภายนอกใด ๆ อีก... หัวใจกระบี่ที่ส่องสว่างนั้นเป็นดั่งขุมพลังที่ลึกลับอย่างยิ่งของผู้ฝึกฝนกระบี่!
นอกจากนี้ มันยังเป็นขั้นพลังที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ในเต๋าแห่งกระบี่อีกด้วย!
ในประวัติศาสตร์ จอมยุทธ์ทุกคนที่มีกระบี่ใจกระจ่างล้วนแต่เป็นปรมาจารย์เต๋าแห่งกระบี่ในเวลาต่อมา มีเพียงปรมาจารย์เต๋าแห่งกระบี่คนเดียวในแคว้นเจียงเท่านั้นที่ครั้งหนึ่งเคยขัดเกลากระบี่ใจกระจ่างจนส่องประกายออกมาได้!
ฮั่นเซียงเหมิงกำลังตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้น ดวงตาแห้งโหยคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!
เมื่อเย่ฉวนรู้สึกตัว เขาก็หันไปมองด้านหลังและคลี่ยิ้ม "หลิงเอ๋อร์ ข้า..."
จังหวะนั้นชายหนุ่มก็นิ่งงันไป
เขามองเห็นเย่หลิงอยู่ไม่ไกลแต่ลักษณะของนางเหมือนกับถูกฝังเข็ม เย่ฉวนวิ่งไปหาน้องสาวด้วยท่าทางรีบร้อนอย่างกับคนบ้า เขาประคองร่างของเย่หลิงขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา "อะไร... เกิดอะไรขึ้น?"
ด้วยเหตุนี้เย่ฉวนจึงส่งเสียงคำรามรุนแรงออกมาราวกับสัตว์ร้าย "ใครเป็นคนทำ?"
ในตอนนี้เด็กชายตัวอ้วนรีบชี้ไปที่ผู้อาวุโสกู้และทหารยามสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "เป็นพวกเขา พวกเขาตีนาง ทหารยามสองคนนั่นลงมือทำร้ายพี่สาว"
เย่ฉวนมองไปที่ทหารยามคนนั้นด้วยสายตาดุดัน ทันใดนั้นก็พุ่งตัวออกไปท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน!
เมื่อเห็นเย่ฉวนตั้งท่าว่าจะต่อสู้ ผู้อาวุโสกู้ก็ร้องออกมาด้วยความโกรธ "กล้าดียังไง? เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงท่าทางสามหาวที่นี่นะ!"
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงต้องขยับตัวเพื่อย้ายที่ ทว่ากระบี่ของเย่ฉวนก็เปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันและชี้ตรงไปที่ผู้อาวุโสกู้!
ทุกคนรอบข้างล้วนตกใจ!
ผู้อาวุโสกู้อยู่ในขั้นทะยานสวรรค์!
ผู้อาวุโสกู้หรี่ตา "กล้าดียังไง!"
เมื่อสิ้นเสียง มือทั้งสองข้างก็กำแน่น ในพริบตานั้นเหมือนมีพลังที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา!
นาทีนี้เองที่กระบี่ใกล้เข้ามาถึง!
ทันใดนั้นลำแสงยาวจากกระบี่ก็สว่างวาบออกมา!
มันเป็นการฟาดฟันกระบี่เพียงครั้งเดียวที่สามารถตัดสินเป็นตายได้ในชั่วพริบตา!
รังสีกระบี่!
ยอดผู้ฝึกกระบี่!
ช่างเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ที่ยังหนุ่มแน่นอะไรเช่นนี้!
ทุกคนรอบข้างได้แต่ตะลึงงันกันอีกคำรบ!
ในหนนี้แม้แต่ผู้อาวุโสกู้ก็ยังต้องแปลกใจ
"เขาคือยอดผู้ฝึกกระบี่จริงๆ!"
ความหวาดกลัวบังเกิดขึ้นมาในในผู้อาวุโสกู้ ทว่าตอนนี้เขาจะมามัวสนใจเรื่องนั้นไม่ได้! ชายชรากำมือแน่น ก่อนจะปล่อยหมัดทั้งคู่ไปข้างหน้า กำปั้นของผู้ที่อยู่ขั้นทะยานสวรรค์นั้นช่างทรงพลังยิ่งนั้น มันระเบิดพลังออกมาราวกับคลื่นลมโหมกระหน่ำ
อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองหมัดกระทบเข้ากับกระบี่ มันก็ถูกฉีกทึ้งออกจากกันทันที ในสายตาของทุกคนคล้ายกับว่าแขนทั้งสองข้างของผู้อาวุโสกู้จะเป็นฝ่ายปราชัยในครานี้!
ผู้อาวุโสกู้ร้องออกมาเสมือนคนใจเสียก่อนจะรีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นทหารยามทั้งสองก็บุกเข้าไปเพื่อที่จะทำการโจมตีต่อ แต่เย่ฉวนไม่ออมมือ เพียงพริบตาเดียวเขาก็หายตัวมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆทั้งสองคนเหมือนกับภูตผีแล้ว
"ขวับ! ฉ่า!"
ฉับพลันสองหัวขาดกระเด็น โลหิตพุ่งไหลออกมาเป็นทาง!
นับเป็นเสี้ยววินาทีแห่งการควบคุมของพลังขั้นหลอมรวมลมปราณ!
เมื่อเหตุการณ์เป็นดังนี้ ทุกคนล้วนหวาดกลัวจนต้องก้าวถอยหลัง!
อีกด้านหนึ่ง เด็กชายน้อยตัวอ้วนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน "พี่ชายของเจ้าน่าอัศจรรย์จริงๆ..."
หลังจากที่ลงมือสังหารทหารยามสองคนจนดับดิ้นภายในเสี้ยววินาที เย่ฉวนก็มองไปที่ผู้อาวุโสกู้ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล การกระทำดังกล่าวทำเอาผู้อาวุโสกู้รู้สึกหวาดผวาขึ้นมา "ข้าคนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักอัปสรเมรัยเชียวนะ ถ้าเจ้าบังอาจทำร้ายข้าพวกนั้นต้องไม่ปล่อยเอาไว้แน่ เจ้า..."
เย่ฉวนควงกระบี่และเดินตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสกู้ เมื่อเห็นดังนั้นคนขี้ขลาดก็หนีกรูดถอยหลังซ้ำสองแทบไม่ทัน
ในตอนนี้เอง ฮั่นเซียงเหมิงก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเย่ฉวนและพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก "คุณชายเย่ พอได้แล้วล่ะ หากคุณชายยังทำเช่นนี้ต่อไปข้าเกรงว่าอาจเกิดเรื่องใหญ่จนยากจะระงับ! ท่าน..."
ฮั่นเซียงเหมิงเงียบเสียงลงทันทีเพราะถูกเย่ฉวนคว้าหมับเข้าที่ลำคอและยกร่างของนางขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
เมื่อมองไปที่เย่ฉวน ฮั่นเซียงเหมิงก็อยู่ในอาการสงบและไม่พูดอะไรต่อ
เย่ฉวนดูกราดเกรี้ยว "เป็นเจ้าเองที่อนุญาตให้เราสองคนขึ้นมาอยู่ห้องชั้นบนได้ แต่ตาเฒ่านี่กลับจงใจทำให้ข้าและน้องสาวต้องลำบาก เรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยหรือไม่?"
สตรีลึกลับได้บอกเขาแล้วเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงตระหนักได้ถึงผลลัพธ์ของมัน
ฮั่นเซียงเหมิงสบตากับเย่ฉวน "หากท่านยังไม่หยุดมือ เรื่องราวมันอาจจะบานปลายได้นะ!"
เย่ฉวนยิ้มเหี้ยม "เป็นเพราะเรื่องภายในของพวกเจ้า น้องสาวของข้าถึงต้องเจอปัญหา ถ้าหากเจ้าเป็นคนเริ่มโดยไม่มีความคิดที่จะหยุดยั้งพวกมันแล้วละก็ เจ้าเองก็สมควรตายเช่นกัน!"
หลังจากนั้นเย่ฉวนก็บีบมืออย่างแรง
เขาตั้งใจที่จะฆ่า!
แต่กระนั้นทันก่อนที่มือซ้ายจะบีบเข้าหากัน ฮั่นเซียงเหมิงก็รีบถอยห่างไปไกลหลายสิบเมตร ในเวลานั้นเองชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นขวางต่อหน้านาง
ชายชราผู้นั้นมองไปที่เย่ฉวนด้วยสายตาเยียบเย็น "คุณชายเย่ ท่านอย่าก่อปัญหามากไปกว่านี้จะดีกว่า!"
เย่ฉวนมองเย่หลิงที่นอนหมดสติไปแล้วอยู่ไม่ไกล ในเวลานี้เขารู้สึกเหมือนถูกมีดแทงทะลุขั้วหัวใจ
จู่ ๆ เย่ฉวนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง "ก่อปัญหาอย่างนั้นหรือ? แต่เดิมทีทุกอย่างมันก็ดีอยู่แล้วสำหรับเราสองคนพี่น้อง แต่แล้วเราไปทำอะไรให้? น้องสาวของข้าถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้?"
เมื่อสิ้นเสียง เย่ฉวนก็ลดมือลงและกางนิ้วทั้งห้าออก ก่อนที่จะปรากฏดาบหลิงเซี่ยวขึ้นกลางฝ่ามือ
ในฝ่ามือหนานั้น ดาบหลิงเซี่ยวกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้น แต่ดาบหลิงเซี่ยวยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารและความโกรธเกรี้ยวของเย่ฉวนจนทำให้เกิดเป็นคลื่นพลัง!
เขาต้องการใช้ท่า 'หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา' อีกครั้ง!
เมื่อเห็นว่าเย่ฉวนยังต้องการจะสู้ต่อ ชายชราก็หรี่ตาลง ในขณะที่อีกด้านหนึ่งฮั่นเซียงเหมิงก็หน้าตาดูน่าเกลียดมากเช่นกัน เป็นเพราะว่าเย่ฉวนมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นแม้ว่ามันหมายถึงว่าเขาจะต้องมอดม้วยตามศัตรูไปก็ตาม! ในตอนนี้นางรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และควรจะรีบยุติเรื่องนี้เสีย!
ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่วางรากฐานเต๋าแห่งกระบี่และเพิ่งสำเร็จกระบี่ใจกระจ่างได้ตั้งแต่วัยหนุ่มแน่น... ถึงแม้ว่าทางสำนักอัปสรเมรัยจะไม่เกรงกลัวเขา แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่านางอาจจะเลื่อนขั้นไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ และนั่นก็เป็นเพราะนางทำให้ความสัมพันธ์ของทางสำนักกับอัจฉริยะแห่งยุคต้องย่ำแย่!
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือนี่อาจกลายเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายได้! เพราะท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์และความสามารถในการต่อสู้ของเย่ฉวนที่แสดงออกมาก็ถือว่าน่าประหวั่นพรั่นพรึงมากทีเดียว กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังเขาจะต้องล้มล้างไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอน!
หากเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่ว่านาง ผู้อาวุโสกู้ ทหารยาม หรือแม้แต่ผู้ตรวจการทั้งหมดบนเรือเหอะลำนี้คงไม่แคล้วต้องถูกลงโทษสถานหนัก!
เมื่อเย่ฉวนตั้งท่าจะสู้ต่อ ทันใดนั้นเสียงของสตรีลึกลับก็ดังขึ้นในหัว "หากได้ฟาดฟันกระบี่ลงไปแล้ว เจ้าเคยคิดถึงผลลัพธ์ของมันบ้างหรือไม่?"
"ฮะฮะฮ่า..."
เย่ฉวนหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง "น้องสาวของข้าเจ็บหนักเช่นนี้ ข้าจะยังมีแก่ใจคิดถึงอะไรอีกได้เล่า?"
ดังนั้นแล้ว เย่ฉวนจึงตวัดกระบี่ลงไป!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

7 ความคิดเห็น
-
#2 แสงสุรย (จากตอนที่ 42)วันที่ 14 ตุลาคม 2563 / 15:12อยากได้อีกตอนค่ะ#20