คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : งานเทศกาลฮาเฮ
ณ ทะเลพิษ ปราสาทมังกรดำ
เพล้ง!! เสียงของแก้วน้ำใบหนึ่งร่วงหล่นลงกับพื้นและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำสีเลือดในแก้วหกเต็มพื้นไปหมด ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีดำสลับแดงขว้างแก้วน้ำใส่คนบางคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโกรธ ก่อนจะต่อว่าอย่างหนัก
"แค่พาตัวมังกรวารีที่ไร้พลังมาส่งให้ข้าทำไมถึงทำงานผิดพลาด" เสียงนั้นก้องจนแทบจะลั่นปราสาท ชายคนนั้นคงอายุไม่เกิน25 ผมสีดำสนิทดั่งราตรี และดวงตาสีทองซึ่งวาวโลดด้วยความโกรธเกรี้ยว ชายอีกคนซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าเอ่ยคำบางอย่าง
"ขออภัยนายท่าน ข้าจะไม่ทำผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง" ชายคนนั้นแก้ตัว เขาสีผมเป็นสีน้ำเงินแปลกตาและรอยบาดแผลที่ศีรษะซึ่งได้จากการโดนแก้วน้ำเขวี้ยงเข้าใส่อย่างจัง เลือดสีแดงไหลรินไม่หยุดแต่ดูเหมือนว่าผู้ได้รับบาดแผลจะไม่ได้ใส่ใจมันเท่าไรนัก
"ชิ" ชายผมดำสบถเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางใครบางคนที่พึ่งเข้ามา
หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เส้นผมสีเงินดั่งเส้นไหมที่ถูกทออย่างปราณีตเรียงกันอยู่บนศีรษะ ผิวขาวนวล ดวงตาสีน้ำเงินเข้มดูน่ากลัวเล็กน้อย คิ้วบางเรียบเฉียบและริมฝีปากสีซีด เธอค่อยๆย่างกรายเข้ามาในห้อง
ชายหนุ่มผมดำเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ไปไหนมา ข้าเป็นห่วงเจ้ามากนะซิงฮวง"
"แค่ไปเดินเล่นมาค่ะ...ท่านพ่อ" ซิงฮวงเอ่ยแล้วปรายตาไปยังชายหนุ่มผมสีน้ำเงินที่นั่งคุกเข่าอยู่ "ทำอะไรอยู่หรือคะ"
"เรียกลูกน้องมาตักเตือนที่ทำงานผิดพลาด" ชายผมดำหันไปแล้วกล่าวไล่ "ครั้งนี้จะละเว้นให้ซักครั้ง ไปได้แล้ว"
ชายผมสีน้ำเงินหายวับไปทันที ซิงฮวงหันไปทางผู้ที่ตนเรียกว่า บิดา ด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็กๆ "ท่านพ่อ ข้าอยากเก่งขึ้นกว่านี้"
ชายผมดำเลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะในลำคอ "แล้วทำไมถึงมาถามข้าละ?"
"ก็ท่านพ่อเก่งที่สุดนี่นา เป็นถึงมังกรดำที่เอาชีวิตของมังกรทองมาได้" ซิงฮวงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เลื่อนลอย เหรียญตราสัญลักษณ์ของมังกรสีเขียวส่องประกายในมือเธอ "ถึงข้าจะไม่ใช่มังกรดำแบบท่านพ่อแต่ข้าก็อยากเก่ง ข้าควรทำอย่างไรดี"
ชายผมดำหยิบเหรียญของมังกรดำมาใส่ในมือซิงฮวง แน่นอนว่ามันร้อนจนเกือบลวกมือของหญิงสาว "ฆ่ามังกรทั้ง4ซะ ลูกสาวของข้า แล้วเจ้าจะได้เป็นมังกรดำสมใจ"
"ข้ารับคำ ท่านพ่อ" ซิงฮวงเอ่ย สายลมหมุนรอบตัวเธอก่อนที่ร่างของเธอจะหายไป วิชาหนึ่งของพวกธาตุลม
"ฆ่าพวกมันซะ ลูกสาวของข้า" เสียงหัวเราะอย่างชั่วร้ายดังลั่นปราสาท ซิงฮวงลงไปยังเมืองต่างๆเพื่อเสาะหาศัตรูของผู้ที่เธอเรียกว่าท่านพ่อ
และต้องจัดการ...ฆ่าพวกมันซะ...
---------------
"..." อาเหมยตาโตกับภาพเบื้องหน้า ผู้คนมากมายเดินกันเต็มถนนด้วยความสนุกสนานครึกครื้น ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆซึ่งประดับตกแต่งกันอย่างสวยงาม ธงหลายแบบและโคมไฟหลากสีถูกแขวนประดับอยู่ที่หน้าประตูบ้านเรือนทุกหลัง ยิ่งบรรยากาศเป็นยามพลบค่ำแสงไฟยิ่งเห็นเด่นชัด กลิ่นหอมของข้าวผัดข้างทางที่อาเจ็กคนหนึ่งสะบัดกระทะโชว์ลีลาราวกับระลึกถึงวัยหนุ่มลอยมาเตะจมูกอาเหมย
เด็กสาวดึงเสื้อพี่ชายแล้วชี้ไปทางร้าน
"หืม" ฟูหลงละสายตามาจากหญิงสาวสวยท่าทางสูงศักดิ์แล้วหันมามองน้องสาวที่ทำท่าตื่นเต้นยังกับเด็กเล็กๆ "มีอะไร หิวข้าวเหรอเรา"
อาเหมยยิ้มแล้วพยักหน้า ฟูหลงจึงพาน้องสาว(โดนลาก)ไปที่ร้านข้าวผัดข้างทางที่เจ้าของร้านท่าทางไม่น่าไว้ใจนักแต่เด็กเสิร์ฟสวยใช้ได้ คนเยอะแบบนี้เขาเดินลำบากแต่ตัวเล็กๆแบบอาเหมยกลับเดินพริ้ว บางทีตัวเล็กก็ดีไปอย่างแฮะ
นั่งรอไม่นานข้าวผัดสูตรพิเศษของเจ้าของร้าน ที่จริงๆแล้วก็คือข้าวผัดใส่ไข่ใส่ผักธรรมดาก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ อาเหมยตั้งหน้าตั้งตากินอย่างขะมักเขม้นจนฟูหลงขำเล็กๆ พลางเอื้อมมือไปปัดเศษข้าวที่ติดปากอาเหมย เด็กสาวหน้าแดงแบบอายๆแล้วก็กินต่อ
เสียงเพลงดังกึกก้องมาจากทางฝั่งถนน ทำให้อาเหมยเลิกกินแล้วหันไปมอง ขบวนแห่อะไรสักอย่างกำลังเคลื่อนอยู่บนถนน ผู้คนแหวกทางให้ราวกับมีขบวนของคนสำคัญผ่านมา เด็กหญิงฝาแฝดตัวเล็กใส่ชุดสีแดงสดถือพู่สีขาวเดินนำขบวนมาก่อน ตามมาด้วยชายสองคนร่างกายบึกบึนถือกระบี่กระบองและทำท่าราวกับต่อสู้ หญิงสาวหลายคนในชุดสีฟ้าถือเครื่องดนตรีต่างชนิดกันตามมาติดๆ และสิงโตสีแดงซึ่งเป็นตัวเด่นของขบวนค่อยๆเคลื่อนผ่านหน้าอาเหมยไปอย่างครื้นเครง เด็กชายที่อยู่หลังสุดของขบวนวิ่งไปเก็บหมวกที่ตนเองทำตกแล้วรีบวิ่งตามขบวนแห่ของตนเองไปด้วยท่าทางน่าขบขัน จนกระทั่งเสียงเพลงได้หายไปจากโสตประสาทของอาเหมย กลายเป็นเสียงผู้คนจ้อกแจ้กดังเดิมแทน
"ขบวนเชิดสิงโตปีนี้ก็ครึกครื้นดีนะ" ฟูหลงพูดแล้วหันไปเรียกให้เด็กเสิร์ฟมาเก็บเงิน "กินเร็วๆเข้า เดี๋ยวถ้าดึกกว่านี้พี่ไม่พาเดินนะ"
อาเหมยรีบกินแล้วเดินตามฟูหลงเข้าไปเที่ยวในงานต่อ นานทีปีหนได้มีโอกาศเราก็ควรจะเที่ยวเล่นให้เต็มคราบ เป็นคำพูดก็ฟูหลงก่อนจะเดินไปชมร้านที่ไหนต่อไหน
"จำไว้นะคนเยอะๆแบบนี้หลงกันได้ง่ายๆ" ฟูหลงพูดแล้วหันไปทางอาเหมย "ฉะนั้นเราควรจะอยู่ติดพี่เอาไว้... เฮ้ย!!" เด็กหนุ่มอุทานเสียงดัง พูดยังไม่ทันขาดคำน้องสาวตัวดีก็ได้อันตรธานหายไปเสียแล้ว
"ไปไหนแล้วเนี่ย!!" ฟูหลงสอดส่ายสายตา รอบด้านเต็มไปด้วยผู้คนมากมายยากที่จะหาเจอ แล้วเขาจะทำยังไงดีละเนี่ย
-------------
อาเหมยมองไปยังผู้คนมากมายด้วยความสับสนงุนงง พี่ฟูหลงหายไปไหนเสียแล้ว เธอยังไม่รู้จักทางแถมถามใครก็ไม่ได้ด้วยสิ แล้วแบบนี้เธอจะทำอย่างไรดีเนี่ย
โครม!! เสียงของสิ่งของบางอย่างตกกระจายดังมาจากด้านข้าง ชายวัยกลางคนร่างกายผอมแห้งคล้ายขี้ยาวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาทางอาเหมย เขากวาดสายตาแวบหนึ่งแล้ววิ่งเข้ามาล็อคคอเด็กสาว ใบมีดคมกริบเข้าแนบติดลำคอเธอ
"หยุด ไม่งั้นตัวประกันตาย" ชายขี้ยาตะโกน ยามรักษาการณ์2-3คนที่วิ่งตามมาต้องหยุดชะงัก ผู้คนที่มาร่วมงานเทศกาลบริเวณนั้นต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บ้างส่งเสียงร้อง หรือวิ่งหนีอลม่าน แต่ที่ตกใจที่สุดคงเป็นอาเหมยซึ่งตกเป็นตัวประกันโดยไม่รู้ตัวนี่แหละ
"อย่าคิดว่าเจ้าขู่แล้วจะหนีรอด" ยามคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ชายขี้ยากดมีดเข้าไปชิดลำคออาเหมยจนเลือดสีแดงไหลซึมออกมาเล็กน้อย "ข้าไม่ได้ขู่ ถ้าไม่อยากให้ตัวประกันตายพวกเจ้าจงวางอาวุธ แล้วถอยออกไปเดี๋ยวนี้"
พวกยามมองหน้ากันเลิกลั่กแล้วตัดสินใจวางอาวุธอย่างไม่มีทางเลือก
"อาเหมย!!" ฟูหลงตะโกนแล้วจะวิ่งเข้าไปอัดไอ้โจรที่กล้าจับน้องสาวเข้าเป็นตัวประกันแต่พวกยามรั้งไว้ซะก่อน
"ปล่อยสิ ปล่อยข้า" ฟูหลงพยายามดิ้นจากการถูกจับ 'ทำไมพวกแกไม่ไปจับโจรมาจับข้าทำไมละโว้ย' ตอนนี้ฟูหลงชักออกอาการเลือดขึ้นหน้าเรื่อยๆ ยามคนหนึ่งจึงบอกให้เขาฟัง "ถ้านายออกไปเดี๋ยวเจ้านั่นมันก็ฆ่าตัวประกันตายหรอก"
"เชอะ!" ฟูหลงสะบัดมือจังหวะเดียวกับที่ยามปล่อยเขา ยังไงซะเจ้าโจรนั่นมันก็ไม่ตายดีแน่
อาเหมยมองไปยังฟูหลงแล้วโบกมือ ชายขี้ยาล๊อคคอเธอแน่นขึ้นแล้วตวาด "อยู่เฉยๆสินังเด็กนี่"
....ไอ้นี่มันไม่รู้ซะแล้วว่าเล่นอยู่กับใคร....
"เพลงดาบเจ้านภา วายุกักวิญญาณ" เสียงของหญิงคนหนึ่งดังมาจากทิศใดมิอาจทราบ สายลมรอบๆอาเหมยกลายเป็นรูปโซ่แล้วเข้ารัดตัวชายขี้ยา จังหวะนั้น อาเหมยบิดข้อมือคนร้ายแล้วเลื่อนตัวหลุดจากการล๊อคของเขามาได้
อาเหมยวิ่งเข้าไปคว้าหอกที่ยามวางไว้บนพื้นแล้วกระโดดเข้าไปหาโจรที่จับเธอเป็นตัวประกันเมื่อครู่
เมื่อฟูหลงเห็นว่าน้องสาวหลุดมาได้แล้ว ชายหนุ่มชักดาบออกมาจากฝักแล้ววิ่งเข้าใส่เป็นรายที่สอง บังอาจจับน้องสาวเขามันต้องเจอแบบนี้
รายที่สามเป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง ผมสีดำผูกเป็นหางม้า นัยน์ตาสีเพลิงและผิวขาวราวหิมะ ในมือถือดาบเล่มใหญ่สีเขียวมรกตเข้าไปใส่โจรคนนั้นเหมือนกัน
ตูม!!! อาวุธของคนทั้งสามโดนเจ้าโจรดวงซวยเต็มๆพร้อมๆกัน ชายคนนั้นล้มลงไปกองกับพื้นเสียงอวัยวะฉีกขาด ถูกกระแทก กระดูกหัก และอื่นๆดังต่อมา แต่เสียงเฮของคนดูดังกลบเสียมิด พร้อมตบมือกันสนั่นราวกับเป็นการแสดงสด
ยามรักษาการณ์เข้าไปลากตัวเจ้าโจรคนนั้นแล้วกล่าวกับทั้งสาม "ขอบคุณทุกคนมากๆนะครับ เจ้านี่มันเป็นโจรปล้นฆ่าที่หลบหนีมา ถ้าไม่ได้พวกคุณเราคงจับมาไม่ได้"
"ไม่เป็นไร แต่ทีหลังกรุณาโยนเจ้าพวกนี้เข้าตะรางเร็วๆจะได้ไม่เที่ยวไล่จับชาวบ้านเขาแบบนี้ ถ้าเกิดน้องสาวผม...." ฟูหลงพูดแล้วหันไปหาน้องสาวที่แว้บหายไปอีกแล้ว
"หายไปไหนอีกแล้วเนี่ย!!" ชายหนุ่มร้อง พลันเสียงหัวเราะดังมาจากด้านข้าง เด็กหญิงผมหางม้ายืนหัวเราะอยู่กับน้องสาวเขานี่เอง ฟูหลงจึงวิ่งเข้าไปหา
"อาเหมย" ฟูหลงจับไหล่น้องสาว เด็กหญิงผมหางม้าหยุดหัวเราะแล้วชี้ไปที่ฟูหลงโดยที่ใบหน้ายิ้มระรื่น "นี่แฟนเธอเหรอ"
อาเหมยส่ายหน้าเร็วๆแล้วทำมือเป็นสัญลักษณ์อะไรซักอย่าง ฟูหลงบอกแบบงงๆ
"อ๋อ พี่ชาย ฮ่าๆๆ หน้าไม่ค่อยเหมือนกันเลยน้า" เด็กหญิงหัวเราะร่วนต่อ อาเหมยหน้าแดงนิดๆแล้วอธิบายเป็นภาษามือ
"เอ่อ เธอเป็นใคร" ฟูหลงถามเด็กหญิงผมหางม้าด้วยท่าทีงงเล็กน้อย
"ฮานชุนริน เรียกสั้นๆว่าชุนรินก้ได้คะ แล้วนายกับยัยใบ้นี่ละ" ชุนรินหัวเราะแล้วตบไหล่อาเหมยที่ทำยิ้มแหยๆ
"ชั้นหลิวฟูหลง ส่วนนี่เหมยน้องสาวชั้น เธอเป็นคนร่ายมนต์จับตัวโจรนั่นใช่ไหม" ฟูหลงเอ่ย ชุนรินชักดาบเล่มใหญ่สีเขียวมรกตออกมา "ใช่ นายท่าทางเก่งนี่ จะลองไหมละ"
อาเหมยมองหน้าทั้งสองเลิกลั่กกับบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยไอรบ แล้วพึ่งนึกขึ้นได้ว่าหยิบหอกของยามรักษาการณ์ติดมือมาด้วย จึงกำลังจะวิ่งไปคืน
"หยุดเลยนะแม่ตัวดี" ฟูหลงดึงเสื้ออาเหมยไว้ก่อนที่น้องสาวจอมเปิ่นจะเดินไปไหนอีก "ขอเทศน์หน่อยเถอะ"
เสียงเทศน์ของฟูหลงที่อบรมน้องสาวคราวนี้เบากว่าคราวที่แล้วนักเพราะไม่อยากให้ผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เสียบรรยากาศ แต่เนื้อหายังเข้มข้นเหมือนเดิม คราวนี้ผู้โชคร้ายคือชุนรินและคนที่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้ฟังคำเทศนาสั่งสอนจนหูชาไปตามๆกัน
"รักกันจังนะ ชั้นไปดีกว่า" ชุนรินปิดหูมิดแล้วเดินเข้างาน อาเหมยเลิกก้มหน้ารับฟังฟูหลงแล้ววิ่งไปหาชุนริน
อาเหมยโค้งแล้วยิ้มให้เด็กหญิงเป็นการขอบคุณ ชุนรินยิ้มตอบแล้วควานหาม้วนกระดาษในเสื้อส่งให้อาเหมยพร้อมพูดบางอย่าง "ไว้เจอกันใหม่ ถ้าเธอไปเมืองหลวง"
ชุนรินโบกมือแล้วหัวเราะร่า อาเหมยโบกมือลาตอบแล้ววิ่งไปหาพี่ชาย
"สนุกเลยละสิ กลับได้แล้ว" ฟูหลงเขกหัวอาเหมยเบาๆทีหนึ่งแล้วจูงมือน้องสาวกันหลงแบบเด็กๆ คอยดูพรุ่งนี้จะมีเหตุการณ์อะไรรออยู่อีก
เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะก้าวข้ามมันไปได้ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคยิ่งใหญ่เพียงใด
ตราบใดที่ยังอยู่ด้วยกัน
ความคิดเห็น