ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่4-เพื่อนใหม่[หรือตัววุ่นวายหวา - -a]
บทที่ 4-เพื่อนใหม่[หรือตัววุ่นวายหวา - -a]
    “ตื่นได้แล้ว เซตัส เช้าแล้ว”
    “คร๊อก~~~~ฟี้”เสียงตอบรับจากผู้เป็นลูก
    “จะตื่นหรือไม่ตื่น”ชักเรื่มมีอารมณ์ในน้ำเสียงแล้ว
    “คร๊อก~~~~ฟี้”คำตอบยังเป็นเช่นเดิม
    “ไม่ตื่นใช่ไหม งั้นไปตามเยฟี่มาปลุกดีกว่างั้น”ผู้เป็นพ่อเตรียมหันหลังเดินออกไป
    หมับ!! “ตื่นแล้วพ่อ อย่าไปรบกวนเธอเลยพ่อ แหะๆ”เซตัสหัวเราะแห้งๆ (ขืนให้แม่เจ้าประคุณมาปลุกนรกแต่เช้าแน่นอนเลยตู - -a)
    “อะไรกันยังไม่สว่างเลยง่ะพ่อจะ รีบปลุกทำไมเนี่ย”
    “ก็ไอ้วีรกรรมที่เอ็งไปก่อไว้เมื่อวานทำให้ ต้องเลื่อน เวลาออกจากเมืองแต่เช้าเนี่ยไง เพราะขืนรอสายล่ะเอ็งจะไม่ได้ออกเอา”
    “ .”เซตัสหมดข้อสงสัยในคำตอบในบันดล (เออตูก่อเองนี่ฟ่า >.<)
    เซตัสบิดขี้เกียจสองสามที ก่อนกระโดลงจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ(จะตามมาทำไม ชิ้วๆ)
    พอเสร็จกิจธุระในห้องน้ำเสร็จแล้ว[มันไวยังไงไม่รู้อ่ะ] เซตัสเดินลงไปข้างล่างพบพ่อกะลุงจอร์จกะลังคุยกันอยู่ที่บาร์เหล้า และผู้คนที่มานั่งกินอาหารเช้าอีกสองสามโต๊ะ
    “อรุณสวัสดีฮับ ลุงจอร์จ”เซตัสทักทายชายอ้วนในบาร์เหล้า
    “ดี เซตัสหลับสบายไหมล่ะ”
    “สบายจนไม่อยากลุกเลยง่ะ แล้วเยฟี่ไม่อยู่หรอครับ”เซตัสมองซ้ายมองขวาคนหาหญิงสาวร่างอวบ อ้วน (ระวังภัย)
    “ไปจ่ายตลาดนะ” (เฮ้อ ~~รอดตัวไปตู - -*)
    “ไปก่อนน่ะ จอร์จเดียวไปไม่ทันรถออก”เบดิอาลุกจากบาร์เหล้าออกประตูไป
    “ไปก่อนน่ะครับลุงจอร์จ ฝากลาเยฟี่ด้วยน่ะครับ”เซตัสล่ำลาจอร์จแล้วเดินตามพ่อไป
    เซตัสเดินตามเบดิอาไปจนถึงท่ารถ
    ที่ท่ารถ รถม้าลากเกวียนบรรทุกของ ยาวมากยังกับจะอพยพหนีอะไรซักอย่าง แต่ในบรรดาเหล่าเกวียนทั้งหลายแทนที่จะเป็นสิ่งของเครื่องใช้มันกับบรรทุกเต็มไปด้วยสินค้าการเกษตรมากมาย เต็มคันรถ รถเกวียนเหล่านี้ จะขนส่งสินค้าการเกษตรจากเมืองนุ่งหน้าสู่ที่ต่างๆทั้งทวีปเอลลิอาส
    “ไหนดูตั๋วรถก่อนดิ รถเกวียนคันที่ 23 ราดิกัส(แอตติส)-แกรนชาย(รูเบเลีย) อืม”เบดิอาเงยหน้าจากกระดาษในมือ มองตามหมายเลยที่ใช้สีทาไว้ข้างเกวียน อ่ะนั่นไงเจอแล้ว เกวียนหมายเลข 23
    สองพ่อลูกเดือนเข้าไปยังเกวียนหมายเลข 23 ทันที
    “แกรนชาย สองคน”เบดิอายื่นตั๋วในมือให้พนังานเดินรถตรวจ
    พนักงานตรวจตั๋วซักพักก่อนยื่นตั๋วกลับไปให้เบดิอา
    “สัมภาระเอาไปไว้ในเกวียนคันที่ 24 น่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการ”ก่อนคนตรวจตั๋วจะหันไปคุยกับผู้โดยสารคนใหม่
    เซตัส เอาสัมภาระไปไว้แล้วเดินกลับมายังเกวียนหมายเลข 24 แล้วก้าวเข้าไปในรถเกวียนทันที
    เบดิอาเรียกให้เซตัสเขามานั่งข้างๆ พอนั่งแล้วเซตัสเรื่มสำรวจผู้ร่วมขบวน
    ที่ทวีปเอลิอาสมีการขนส่งสินค้าตลอดเวลา เวลาคนส่งจะว่าจ้างผู้คุ้มกันให้ไปกับสินค้าด้วยเพื่อป้องกันการทุกดักปล้น และอีกอย่างคนเดินทางคนเดียวก็ไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไรจากเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหลาย เพราะงั้น เลยเกิดธรกิจรับส่งคนพร้อมกับบรรทุกสิ่งของไปส่งตามที่ต่างๆไปด้วยเลย
    เกวียนที่รับส่งผู้โดยสาร จะเป็นเกวียนขนาดใหญ่บรรทุกสิ่งของได้เยอะ  ภายในเกวียนจัดที่นั่งเก้าอี้ยาวทั้งหมด4ที่นั่ง 10แถวโดยแบ่งพื่นที่ตรงกลางออกเป็นสองที่นั่ง แถวนึงนั่งได้สี่คนขึ้นจึงทำให้เกวียนคันนึงจุคนได้อย่างน้อยก็ 40 คนแล้ว หลังคาบุผ้าหนาใหญ่สามารถกันแดดกันฝนได้อย่างดีเยี่ยม ด้านข้างมีหน้าต่าง สี่บานอยู่รอบรถ ตัวเกวียนทำจากเหล็กผสมทำให้ทนทานแข็งแรง
   
    ผู้โดยสารจะหันหน้าไปข้างหน้าซึ่งด้านหน้ามีผ้าสีดำกันฉากระหว่างผู้โดยสารกะคนขับเกวียนไว้
    เซตัสได้นั่งข้างพ่อแถวที่ห้า ด้านขวา ด้านซ้ายของเขายังไม่คนมานั่งเซตัสชะโงกหัวมองซ้าย มองขวาดูภายในเกวียน เห็นผู้โดยสารค่อนข้างจะบางตาอาจเพราะยังเช้าอยู่
    แต่สิ่งที่เซตัสได้เห็นกลับช็อค อ้าปากข้าง
    ก่อนที่จะเอาหัวหลบอย่างรวดเร็ว
ตายล่ะหว่า เฮ้ย!! นั่นมันโจทย์เก่านี่ (ไมโลกมันกลมจังฟ่ะ - -a)
    ผู้ชนะการประลอง คนที่เขาเพิ่งมีเรื่องไปด้วยเมื่อวานนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน สาวหล่อ ฟีโอน่า นั่นเอง กะลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
    เซตัสหลุบหัวลงอย่างเร็วก่อนที่จะเจอแจ๊คพ็อตเข้าอย่างจัง(ขี้เกียจมีเรื่องด้วยแล้วคร๊าบบบบ -/\\-*)
    (เฮ้อ~~ แล้วตูจะรอดถึงโรงเรียนไหมนิ - -a) ก่อนเอามือกุมขมับอย่างปวดหัว
    เบดิอาหันมามองเห็นเซตัสนั่งเอามือกุมขมับทำหน้าปลงอนิจจัง
    “เอ็งเป็นอะไรของเอ็ง หน้าเนี่ยยังกะไม่สบาย”
    “ป่าวพ่อแค่ เจอโจทย์เก่าน่ะ เฮ้อ~~”ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกที
    “ใครรึ”น้ำเสียงถามด้วยความสงสัย
    “ก็จำได้ไหมที่ผมเล่าไปเมื่อวานนี้ที่ผมสู้กะผู้ชนะการประลองไปเมื่อวานเนี่ย วันนี้เขาไปรถคันเดียวกับเราด้วย อารายมันจะโชคสองชั้นยังงี้เนี่ย - -*”
    “ไหนคนไหน”
    “ก็ไอ้หน้าหล่อๆผมขาวๆนั่งแถวหลังๆหน่อยน่ะ”
    เบดิอาชะโงกหันไปดูด้านหลัง อ่ะนั่นแน่ เจอแล้ว โจทย์เจ้าลูกชายตัวดี
    เบดิอาเอาหัวลงก่อนหันไปสั่งเซตัส
    “นั่งนิ่งๆ อย่าก่อปัญหาล่ะ ถ้างานนี้เอ็งมีเรื่องอีก คราวนี้เองจะหัวน่วมเลย”เบดิอาขู่ใส่เซตัส
    “ผมอ่ะไม่ก่อปัญหาหรอกแต่ ไอ้ปัญหามันจะมาหาผมน่ะสิ”เซตัสได้แต่ยิ้มแห้งๆ
    เบิดาอาทำหน้าหนักใจก่อนเอามือลวงเข้าไปในกระเป๋าหยิบของบางอย่างออกมาโยนให้กับเซตัส
    “งั้นเอ็งใส่นี่ซะ “
    กำไลสีเงิน 1 วงตัว กำไลสลักลวดลายเป็นอักษรรูนน์สีทอง พันรอบกำไล
    “กำไลอะไรอ่ะพ่อ”
    “กำไลตุ๊กแก (Deceive Bracelet)”เบดิอาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
    แต่อาการคนเป็นลูกแทบจะตกจากเก้าอี้นั่งทันทีที่ได้ยินชื่อ
    “เดียวๆ พ่อว่าอะไรน่ะ กำไลตุ๊แกหรอ ไหงชื่อมันน่าเกลียดยังงั้นอ่ะ (ใส่แล้วจะเป็นตุ๊กแกอ่ะป่าวเนี่ย โยนของแปลกๆมาให้อีกแล้ว โอ๊ย~~กลุ้ม - -a)
    “ป่าวมันไม่ได้ชื่อนั่น แต่ไม่รู้ว่าเรียกอะไรข้าลืมไปแล้วเลยเรียกว่า กำไลตุ๊กแกน่ะ”
(เรียกอย่างอื่นก็ไม่ได้ กำไลออกจะสวยเรียกซะน่าเกลียดเชียว)
“แล้วมันทำไรได้ล่ะ”
“ก็ใส่ แล้วท่องตามข้า”
เซตัสใส่แล้วท่องมนต์ตรา ตามเบดิอา
“เรอามาดิลุส”
แต่ผลที่ปรากฎกลับเงียบชี่
“ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยนี่พ่อ ตกลงไอ้กำไลนี่มันทำไรได้”เซตัสหันไปถามพ่อย่างงงๆ
“อุบ๊ะ เอ้า เอานี่ไป แล้วส่องตัวเองดูซะ”
เบดิอายื่นกระจกไปให้เซตัส(ชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วแหะ)
เซตัสรับกระจกมาแล้วส่อง แต่สิ่งที่เห็น ทำเขาอยากร้องดังๆออกมา
“เฮ้ย!! ทำไมเป็นแบบนี้”เซตัสตกตะลึงแบบสุดๆ
จากใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่อ้วนกลมดั่งแป๊ะยิ้ม[ถ้าโลกนู่นมีน่ะ^ ^] แก้มป่องยังกะเป็นคางทูม นัยน์ตาสีทองเจิดจรัสดุจทองคำบริสุทธิ์เปลี่ยนมาเป็นสีขาวขุ่นมั่วไร้ประกาย ผมสีทองยาวเปลี่ยนไปเป็นผมสั้นสีขาว ผิวที่เคยขาวดูดี กลับเปลี่ยนเป็นดำสนิทดั่งถ่านหิน รูปร่างสูงโปร่งสมส่วนเหลือเพียงร่างอ้วนตุ๊ยนุ้ย ยังกะเด็กในฉลากซีอิ้วยี่ห้อดังในเมืองไทย [คงรู้ๆกานน่ะว่าตราอาราย หึหึ ไม่อยากบอกเพราะไม่ได้ค่าโฆษณา ^.^V ]
“ก็ไอ้กำไลเนี่ยมันจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้คนอื่นนอกจากผู้สวมใส่เห็นเป็นบุคคลอื่นก็เท่านั้นเอง อธิบายง่ายๆก็ กำไลเนี่ยเอาไว้ปลอมตัว”เบดิอายักไหล่อย่างไม่สนใจ
“แล้วจะกลับร่างเดินทำไงเนี่ย” (กลับไม่ได้ล่ะหมดหล่อเลยตู TT^TT)
“ก็หลายวิธีล่ะน่ะ แต่ไอ้ที่ง่ายสุดก็แค่แกถอดกำไลออกมันก็กลับเหมือนเดิมแล้ว”
“เฮ้อ~~~~~”เซตัสถอนหายใจอย่างโล่งอก (นึกว่าจะกลับร่างเดิมไม่ได้ซะแหละ- -*)
“แล้ววิธีที่เหลือล่ะ พ่อ”
“วิธีที่เหลือก็ ถ้าเอ็งพลังเวทย์หมด หรือกำไลโดนทำลายมันก็แค่นั้นเอง”
เซตัสพิจรณาตัวเองก่อนหันไปถามพ่อด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม
“ทำไมมันเปลี่ยนผมให้เป็นแบบนี้ง่ะ เปลี่ยนเป็นแบบอื่นที่มันดูดีกว่าเนี่ยหน่อยก็ไม่ได้ (ไม่ต้องเอาหล่อเท่าเดิมก็ได้ แค่น้อยกว่าเดิมหน่อยก็ยังดี เฮ้อ ~~”
“อุบ๊ะ ถามจริงเฟ้ย เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าไอ้กำไลเนี่ย มันเป็นฝ่ายเลือกเองว่าจะให้เปลี่ยนไปเป็นแบบไหน”
(อ้าว~~เป็นงั้นไป ไอ้กำไลเอาแต่ใจ เฮ้อ~~)
เซตสนั่งกุมขมับต่อแต่เรื่องที่กลุ้มใจเปลี่ยนจากสาวโหดเป็นกำไลเฮงซวยในข้อมือแทน
“รถออกได้”เสียงร้องบอกคนขับเกวียนจากนายสถานี
ขบวนเกวียนเริ่มขยับแล้ว รถเคลื่อนตัวไปอย่างๆช้าออกจากตัวเมืองไป
ตามกำหนดการเดินทางของขบวนรถเกวียนที่จะเดินทางไปแกรนชายจะมุ่งออกประตูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองอ้อมผ่านป่าลับแล ของอาณาจักรเอม่อนดิน ที่ขบวนรถไม่ตัดผ่านป่าไปเลยทั้งๆ ที่มันจะย่นระยะทางได้เร็วกว่าทางอ้อมนี่ได้ซักสามวัน
แต่ .ถ้ามีคนทำก็ไม่มีใครไปเพราะขืนไป
ก็ไม่มีใครรอดกลับมาได้ซักราย !! แล้วอย่างงี้ใครจะกล้า
หลังจากขบวนรถออกจากเมืองแอตติสในตอนรุ่งเช้ามุ่งไปทางทิศตะวันตก เพื่อจะแวะพักที่ตัวเมือง เดอริส  อันเป็นเมืองชายแดนระหว่างอาณาจักรราดิกัสกับอาณาจักรแกรนชาย
ที่นี่ผู้โดยสารทุกคนต้องพักที่ตัวเมืองหนึ่งคืนเพื่อชำระค่าเข้าอาณาจักร และจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ทางขบวนเกวียนจะจัดหาที่พักไว้ในตัวเมืองเดอริส ผู้โดยสารมีหน้าที่ไปที่ด่านคนเข้าอาณาจักรเผื่อชำระเข้า โดยทางเจ้าหน้าที่จะออกใบเสร็จหรือใบเข้าเมืองเสกมนตราป้องกันการปลอมแปลงชนิดที่ว่า เครื่องถ่ายเอกสาร[ถ้าโลกนั้นมีน่ะ  - -a]ยังถ่ายไม่ติด
เพื่อเป็นใบยืนยันว่าจ่ายค่าผ่านเข้าอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว เพราะเวลาจะผ่านเข้าเมืองต่างๆในอาณาจักรจะต้องแสดงใบนี้ถึงจะเข้าไปในเมืองได้
    ในห้องอาหารที่ทางรถเกวียนจัดห้องไว้ให้แก่ผู้โดยสารที่เดินทางมาได้เข้าพักแรมในโรงแรมที่จัดไว้ให้
สองพ่อลูกคู่หนึ่งกะลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งภายในห้องอาหารนั้น
ฝ่ายพ่อน่าจะกะลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ แต่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกเลยว่าสบายอารมณ์ตรงไหน แถมยังดูหน้ามุ้ยอีกตะหาก
ก็ในเมื่อลูกชายตัวดีของเขา กะลังกินอย่างชนิดที่เรียกว่า “รับประทานอย่างรวดเร็ว มันเร็วอย่างมาก เร็วจนเหลือเชื่อ” หรือ “ดูดเป็นพายุไต้ฝุ่นความแรงขนาด 7 ริกเตอร์ดี” ดี
ไก่งวงย่างทั้งตัว สเต็กหมู ปลาทอด อะไรต่อมิอะไรที่ พนักงานเขายกมาวาง พ่อเจ้าประคูณซัดเรียบยังไม่ถึงสามนาที จับเวลาตั้งแต่ พนักงานเสริฟ นำมาเสริฟที่ โต๊ะ 
เบดิอา คิดในใจดีน่ะงานนี้ที่ทางรถเกวียนคิดค่าอาหารกะค่าที่พัก คิดรวมกะค่ารถจนถึงแกรนชายไปเรียบแล้ว ในตอนแรกเขาคิดว่าค่าโดยสารออกจะแพงไปหน่อย แต่ .ในตอนนี้เขาคิดว่า เขาคิดถูกแล้วที่เขาจ่ายไป
เพราะพ่อเจ้าประคุณกินยังกะตายอดตายอยากมาจากไหน พอรู้ว่าทางรถเกวียนเขาจัดอาหารบุฟเฟ่ให้กับผู้โดยสารแล้ว มันกินไม่มีเบรกเลย จนเหล่าบรรดาแขกส่วนใหญ่มองมาที่โต๊ะนี้ซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่าทึ่งหรืออะไรแต่มันกก็แทบอยากให้เบดิอาลุกทำเป็นไม่รู้จักแล้ว งานนี้เจ้าของโรงแรมร้องไห้แน่นอน
“อ้าวไม่กินหรอพ่อ”ดู๊ ดู พ่อลูกชายตัวดียังห่วงบิดาตัวเอง ยื่นน่องไก่มาให้น่องนึง
“เออเอ็งกินให้อิ่มเหอะ”ก่อนจะส่ายหัวอย่างปลงๆ ว่าตูเลี้ยงมันมาได้ไงเนี่ย สิบหกปี เห้อ ~~
“เดียวข้ามาไปซื้อใบผ่านทางก่อน เอ็งกินเสร็จแล้วขึ้นไปรอที่ห้อง เข้าใจไหม อย่าก่อปัญหาอีกล่ะ ย้ำ ว่าอย่าก่อปัญหาอีกล่ะ”เสียงเครียดออกจากปากของคนเป็นพ่อ ก่อนจะลุกเดินออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้ผู้เป็นลูกนั่งทำเป็นแปะยิ้ม หัวเราะแห้งๆไป
(ก็ใครมันอยากจะหาเรื่องการเล่าพ่อ แต่ไอ้เรื่องเนี่ยมันมาหาฉันแทนตะหากล่ะ)
คิดไปแล้วยิ้ม นั่งก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ ยังไม่ลืมสั่งอาหารให้บ๋อยยกมาเพิ่มอีก[กระเพาะหมอนี่มันทำจากอะไรฟ่ะ]
เอี๊ยด~~ เสียงเลื่อนเก้าอี้ทางเบื้องหน้าของเซตัสดังขึ้น
เซตัสหยุดการกินแล้วเงยหน้าผละจากอาหาร(ใครมาขัดขว้างความสุขตูฟ่ะ)
เด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า แววตาขี้เล่นผิวขาว มุมปากมีรอยยิ้มชวนให้คิดไม่น่าไว้ใจนัก รูปร่างจัดว่าค่อนข้างผอม นั่งอยู่เบื้องหน้าเขาส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้เซตัสอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดี ฉันชื่อ นาโอกิ นายชื่ออะไรหรอ”นาโอกิพูดแนะนำตัวเอง
“สวัสดี ฉันชื่อ เซตัส”เซตัสพูดก่อนจะหรี่ตามองคนเบื้องหน้าอย่างสงสัย (นายเป็นใครฉันไม่รู้จัก - -a)
“แล้วนายมีธุระอะไรกับฉันหรอ” (ขัดขว้างตอนคนเขากินน่ะมันบาปรู้ไหม>.<)
“ก็ป่าวไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากรู้จักเห็นนายกินแล้วสนุกดี ฉันว่า ถ้านายลองสังเกตหน้าผู้จัดการโรงแรม ท่าทางฉันว่าเขาอยากร้องไห้มากเลยตอนนี้ “ก่อนจะหัวเราะแล้วชายตาไปยังคนที่ยื่นอยู่ตรงเคาร์เตอร์บาร์เหล้า
เซตัสหันไปมองตาม
ชายวัยกลางคน แต่งชุดผู้จัดการโรงแรม ทำหน้าคิ้วขมวด ถ้ามันผูกกันเป็นปมได้  เขาคงทำไปแล้ว สีหน้าเหมือนอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก มองมาที่เขา พอรู้ตัวว่า เซตัสหันมามอง เขาเปลี่ยนสีหน้าได้ทันควัน (โหยสมกับเป็นมืออาชีพแหะ)
เดินยิ้มแย้มมาที่โต๊ะเซตัส
    “ไม่ทราบว่าจะรับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” ชายคนนั้นยิ้มประจบ
    “เอา #@$%$%^@$#^%^&&^##$#$#%$[ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้เพราะมันเยอะเหลือเกิน - -a] ครับ”เซตัสสั่งอาหารเพิ่ม
เท่านั้นแหละผู้จัดการทำท่าจะลมใส่แต่รู้ตัวก่อนจะรับคำเดินจากไป
ตึง!! เสียงดังมาจากข้างในครัวด้านหลังของห้องอาหาร
นาโอกิปล่อยก๊ากออกมาดังๆหลังได้ยินเสียงล้มภายในครัว
“ยอดมากเลยนาย ว่าแต่ กินเขาไปได้ไงตั้งเยอะตั้งแยะนั่นน่ะ”นาโอกิถามด้วยสีหน้าทึ่งสุดๆ
“ช่วยไม่ได้คนมันหิวนิ”เซตัสยักไหล่อย่าไงม่สนใจ
“ว่าแต่นายกะลังจะไปไหนหรอ”นาโอกิถามอย่ากระตือรือร้น
“ก็พ่อจะพาไปเรียนแน่ะ”ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเตรียมกินอาหารต่อ
“ที่ไหนหรอ เนี่ยชั้นก็กะลังจะไปเรียนที่แกรนชาย”
“ชั้นก็จะไปแกรนชายเหมือนกัน ของนายโรงเรียนไรหรอ”เงยหน้าขึ้นถามก่อนก้มหน้ายัดไส้กรอกในมือต่อ
“โรงเรียน เอลโดรัส”
“ฉันก็เหมือนกัน”ก่อนจะส่งหมูทอดเข้าปากอีกชิ้น [น่านยังไม่หยุดกินอีกหรอนั่น]
“งั้นเราก็สมัครที่เดียวกันอ่ะดิ ดีใจจังท่าทางอยู่กะนายนี่ท่าทางจะสนุกแหะ”นาโอกิยิ้มอย่างอารมณ์ดีแต่นัยน์ตารักสนุกแฝงแววเจ้าเล่ห์
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าอยู่กะฉันแล้วจะสนุก”เซตัสจ้องคนข้างหน้าอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิความรู้สึกมันบอกน่ะ ฉันเชื่อสังหรณ์ของฉัน หึหึ เอาน่าอย่าคิดมาก มา เรามาเป็นเพื่อนกัน”
นาโอกิยื่นมือออกมาจับ เซตัสหรี่ตามคนเบื้องหน้า ในที่สุดเขายิ้มแล้วเช็ดมือก่อนค่อยยื่นออกมาจับ
ใครจะรู้ว่าการจับมือครั้งนี้จะเป็นการร่วมมือของปีศาจแห่งความวุ่วายสองตัว จับมือเป็นพันธมิตรผู้สร้างปัญหาอย่างมากมายให้แก่เหล่าคณาจารย์ รุ่นพี่และเพื่อนๆ ในโรงเรียน ในอนาคต
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งลงคุยสัพเพเหระกันไป ในที่สุด
ฮ้าว~~ เสียงนาโอกิฮ้าวออกมา ท่าทางเขาดูง่วงนอนตาของเขาดูสลึมสลือ
“ฉันไม่ไหวแล้วไปนอนก่อนน่ะ”
เซตัสวางมีดลงจากปลาทอดของเขาแล้วลาเพื่อนใหม่ของเขา
“อืมพรุ่งนี้เจอกันล่ะกัน”เซตัสเอ่ยลาก่อนจะกลับเจี๋ยนปลาทอดในจานของเขาต่อ [ดูมันยังไม่เลิกกินอีกหรือ O_O]
นาโอกิขำในท่าทางของเขาก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร
สักพักเซตัส หยิบแก้วน้ำมาดื่มและเงยหน้าครุ่นคิด (ทำไมไอ้หมอนี่มันรู้สึกคุ้นๆฟ่ะ - -a)ก่อนจะเดินขึ้นห้องที่เช็คอินเอาไว้ไป
ในวันนั้น ทางโรงแรมมีผู้ป่วยจากการเป็นลม หน้ามืด และ ช๊อคทั้งหมดสิบสองราย อันได้แก่
1.ใช่แล้ว ผู้จัดการของเรานี่เอง ช๊อคหมดสติยังไม่ฟื้นหมอออกความเห็นว่า อาการช๊อคร้ายแรงจากการกระเทือนใจอย่างแรงบางอย่าง
2.คิดว่าใครล่ะเจ้าของโรงแรมหลังจากที่ลูกน้องตามเจ้าของมาดูอาการผู้จัดการโรงแรมแล้วทราบถึงสาเหตุ เลยช๊อค เป็นลมไปอีกคน
3.ส่วนอีกสิบคนที่เหลือจะใครซะอีกล่ะ เหล่าพ่อครัวกะผู้ช่วยทั้งหลายในครัว อันนี้หมอลงความเห็นว่า อาการเกิดจากการทำงานอย่างเร่งรีบเกินไป
สรุปปัญหาทั้งหมดรู้ไหมว่ามันเกิดจากใครกันล่ะเนี่ย งานเนี่ย - -a
สวัสดีครับมาแป๊ะอีกหนึ่งตอนแล้ว
ตัวละครใครจากหัวออกตอนนี้โผล่มาครึ่งตัวแล้วน่ะงับ อิอิ
ขอคอมเม้นกานเยอะๆหน่อยคร๊าบอย่าอ่านอย่างเดียว ขอกำลังใจคนแต่งมั้งเตอะงับ สาธุ-/\\-
นักอ่านเงาทั้งหลายโปรดออกจากความมืดซะไม่งั้น
เราจะเอาไฟฉายไปส่งแล้วจะแฉความลับออกมาให้หมดน่ะงับ
แล้วก็รับสมัครตัวละครด่วนจ้าใกล้จะถึงโรงเรียนแล้วเร็วๆนี้ ด่วนๆงับ
http://dek-d.com/entertain/view.php?id=117003
ขอบคุณมากน่ะครับที่กรุณาอ่านผลงานผม ^/\\^
ฉบับหน้าพบกับ ปัญหาระหว่างทาง อย่าพลาดล่ะงับ อิอิ
    “ตื่นได้แล้ว เซตัส เช้าแล้ว”
    “คร๊อก~~~~ฟี้”เสียงตอบรับจากผู้เป็นลูก
    “จะตื่นหรือไม่ตื่น”ชักเรื่มมีอารมณ์ในน้ำเสียงแล้ว
    “คร๊อก~~~~ฟี้”คำตอบยังเป็นเช่นเดิม
    “ไม่ตื่นใช่ไหม งั้นไปตามเยฟี่มาปลุกดีกว่างั้น”ผู้เป็นพ่อเตรียมหันหลังเดินออกไป
    หมับ!! “ตื่นแล้วพ่อ อย่าไปรบกวนเธอเลยพ่อ แหะๆ”เซตัสหัวเราะแห้งๆ (ขืนให้แม่เจ้าประคุณมาปลุกนรกแต่เช้าแน่นอนเลยตู - -a)
    “อะไรกันยังไม่สว่างเลยง่ะพ่อจะ รีบปลุกทำไมเนี่ย”
    “ก็ไอ้วีรกรรมที่เอ็งไปก่อไว้เมื่อวานทำให้ ต้องเลื่อน เวลาออกจากเมืองแต่เช้าเนี่ยไง เพราะขืนรอสายล่ะเอ็งจะไม่ได้ออกเอา”
    “ .”เซตัสหมดข้อสงสัยในคำตอบในบันดล (เออตูก่อเองนี่ฟ่า >.<)
    เซตัสบิดขี้เกียจสองสามที ก่อนกระโดลงจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ(จะตามมาทำไม ชิ้วๆ)
    พอเสร็จกิจธุระในห้องน้ำเสร็จแล้ว[มันไวยังไงไม่รู้อ่ะ] เซตัสเดินลงไปข้างล่างพบพ่อกะลุงจอร์จกะลังคุยกันอยู่ที่บาร์เหล้า และผู้คนที่มานั่งกินอาหารเช้าอีกสองสามโต๊ะ
    “อรุณสวัสดีฮับ ลุงจอร์จ”เซตัสทักทายชายอ้วนในบาร์เหล้า
    “ดี เซตัสหลับสบายไหมล่ะ”
    “สบายจนไม่อยากลุกเลยง่ะ แล้วเยฟี่ไม่อยู่หรอครับ”เซตัสมองซ้ายมองขวาคนหาหญิงสาวร่างอวบ อ้วน (ระวังภัย)
    “ไปจ่ายตลาดนะ” (เฮ้อ ~~รอดตัวไปตู - -*)
    “ไปก่อนน่ะ จอร์จเดียวไปไม่ทันรถออก”เบดิอาลุกจากบาร์เหล้าออกประตูไป
    “ไปก่อนน่ะครับลุงจอร์จ ฝากลาเยฟี่ด้วยน่ะครับ”เซตัสล่ำลาจอร์จแล้วเดินตามพ่อไป
    เซตัสเดินตามเบดิอาไปจนถึงท่ารถ
    ที่ท่ารถ รถม้าลากเกวียนบรรทุกของ ยาวมากยังกับจะอพยพหนีอะไรซักอย่าง แต่ในบรรดาเหล่าเกวียนทั้งหลายแทนที่จะเป็นสิ่งของเครื่องใช้มันกับบรรทุกเต็มไปด้วยสินค้าการเกษตรมากมาย เต็มคันรถ รถเกวียนเหล่านี้ จะขนส่งสินค้าการเกษตรจากเมืองนุ่งหน้าสู่ที่ต่างๆทั้งทวีปเอลลิอาส
    “ไหนดูตั๋วรถก่อนดิ รถเกวียนคันที่ 23 ราดิกัส(แอตติส)-แกรนชาย(รูเบเลีย) อืม”เบดิอาเงยหน้าจากกระดาษในมือ มองตามหมายเลยที่ใช้สีทาไว้ข้างเกวียน อ่ะนั่นไงเจอแล้ว เกวียนหมายเลข 23
    สองพ่อลูกเดือนเข้าไปยังเกวียนหมายเลข 23 ทันที
    “แกรนชาย สองคน”เบดิอายื่นตั๋วในมือให้พนังานเดินรถตรวจ
    พนักงานตรวจตั๋วซักพักก่อนยื่นตั๋วกลับไปให้เบดิอา
    “สัมภาระเอาไปไว้ในเกวียนคันที่ 24 น่ะ ขอบคุณที่ใช้บริการ”ก่อนคนตรวจตั๋วจะหันไปคุยกับผู้โดยสารคนใหม่
    เซตัส เอาสัมภาระไปไว้แล้วเดินกลับมายังเกวียนหมายเลข 24 แล้วก้าวเข้าไปในรถเกวียนทันที
    เบดิอาเรียกให้เซตัสเขามานั่งข้างๆ พอนั่งแล้วเซตัสเรื่มสำรวจผู้ร่วมขบวน
    ที่ทวีปเอลิอาสมีการขนส่งสินค้าตลอดเวลา เวลาคนส่งจะว่าจ้างผู้คุ้มกันให้ไปกับสินค้าด้วยเพื่อป้องกันการทุกดักปล้น และอีกอย่างคนเดินทางคนเดียวก็ไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไรจากเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหลาย เพราะงั้น เลยเกิดธรกิจรับส่งคนพร้อมกับบรรทุกสิ่งของไปส่งตามที่ต่างๆไปด้วยเลย
    เกวียนที่รับส่งผู้โดยสาร จะเป็นเกวียนขนาดใหญ่บรรทุกสิ่งของได้เยอะ  ภายในเกวียนจัดที่นั่งเก้าอี้ยาวทั้งหมด4ที่นั่ง 10แถวโดยแบ่งพื่นที่ตรงกลางออกเป็นสองที่นั่ง แถวนึงนั่งได้สี่คนขึ้นจึงทำให้เกวียนคันนึงจุคนได้อย่างน้อยก็ 40 คนแล้ว หลังคาบุผ้าหนาใหญ่สามารถกันแดดกันฝนได้อย่างดีเยี่ยม ด้านข้างมีหน้าต่าง สี่บานอยู่รอบรถ ตัวเกวียนทำจากเหล็กผสมทำให้ทนทานแข็งแรง
   
    ผู้โดยสารจะหันหน้าไปข้างหน้าซึ่งด้านหน้ามีผ้าสีดำกันฉากระหว่างผู้โดยสารกะคนขับเกวียนไว้
    เซตัสได้นั่งข้างพ่อแถวที่ห้า ด้านขวา ด้านซ้ายของเขายังไม่คนมานั่งเซตัสชะโงกหัวมองซ้าย มองขวาดูภายในเกวียน เห็นผู้โดยสารค่อนข้างจะบางตาอาจเพราะยังเช้าอยู่
    แต่สิ่งที่เซตัสได้เห็นกลับช็อค อ้าปากข้าง
    ก่อนที่จะเอาหัวหลบอย่างรวดเร็ว
ตายล่ะหว่า เฮ้ย!! นั่นมันโจทย์เก่านี่ (ไมโลกมันกลมจังฟ่ะ - -a)
    ผู้ชนะการประลอง คนที่เขาเพิ่งมีเรื่องไปด้วยเมื่อวานนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน สาวหล่อ ฟีโอน่า นั่นเอง กะลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในมือโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง
    เซตัสหลุบหัวลงอย่างเร็วก่อนที่จะเจอแจ๊คพ็อตเข้าอย่างจัง(ขี้เกียจมีเรื่องด้วยแล้วคร๊าบบบบ -/\\-*)
    (เฮ้อ~~ แล้วตูจะรอดถึงโรงเรียนไหมนิ - -a) ก่อนเอามือกุมขมับอย่างปวดหัว
    เบดิอาหันมามองเห็นเซตัสนั่งเอามือกุมขมับทำหน้าปลงอนิจจัง
    “เอ็งเป็นอะไรของเอ็ง หน้าเนี่ยยังกะไม่สบาย”
    “ป่าวพ่อแค่ เจอโจทย์เก่าน่ะ เฮ้อ~~”ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกที
    “ใครรึ”น้ำเสียงถามด้วยความสงสัย
    “ก็จำได้ไหมที่ผมเล่าไปเมื่อวานนี้ที่ผมสู้กะผู้ชนะการประลองไปเมื่อวานเนี่ย วันนี้เขาไปรถคันเดียวกับเราด้วย อารายมันจะโชคสองชั้นยังงี้เนี่ย - -*”
    “ไหนคนไหน”
    “ก็ไอ้หน้าหล่อๆผมขาวๆนั่งแถวหลังๆหน่อยน่ะ”
    เบดิอาชะโงกหันไปดูด้านหลัง อ่ะนั่นแน่ เจอแล้ว โจทย์เจ้าลูกชายตัวดี
    เบดิอาเอาหัวลงก่อนหันไปสั่งเซตัส
    “นั่งนิ่งๆ อย่าก่อปัญหาล่ะ ถ้างานนี้เอ็งมีเรื่องอีก คราวนี้เองจะหัวน่วมเลย”เบดิอาขู่ใส่เซตัส
    “ผมอ่ะไม่ก่อปัญหาหรอกแต่ ไอ้ปัญหามันจะมาหาผมน่ะสิ”เซตัสได้แต่ยิ้มแห้งๆ
    เบิดาอาทำหน้าหนักใจก่อนเอามือลวงเข้าไปในกระเป๋าหยิบของบางอย่างออกมาโยนให้กับเซตัส
    “งั้นเอ็งใส่นี่ซะ “
    กำไลสีเงิน 1 วงตัว กำไลสลักลวดลายเป็นอักษรรูนน์สีทอง พันรอบกำไล
    “กำไลอะไรอ่ะพ่อ”
    “กำไลตุ๊กแก (Deceive Bracelet)”เบดิอาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
    แต่อาการคนเป็นลูกแทบจะตกจากเก้าอี้นั่งทันทีที่ได้ยินชื่อ
    “เดียวๆ พ่อว่าอะไรน่ะ กำไลตุ๊แกหรอ ไหงชื่อมันน่าเกลียดยังงั้นอ่ะ (ใส่แล้วจะเป็นตุ๊กแกอ่ะป่าวเนี่ย โยนของแปลกๆมาให้อีกแล้ว โอ๊ย~~กลุ้ม - -a)
    “ป่าวมันไม่ได้ชื่อนั่น แต่ไม่รู้ว่าเรียกอะไรข้าลืมไปแล้วเลยเรียกว่า กำไลตุ๊กแกน่ะ”
(เรียกอย่างอื่นก็ไม่ได้ กำไลออกจะสวยเรียกซะน่าเกลียดเชียว)
“แล้วมันทำไรได้ล่ะ”
“ก็ใส่ แล้วท่องตามข้า”
เซตัสใส่แล้วท่องมนต์ตรา ตามเบดิอา
“เรอามาดิลุส”
แต่ผลที่ปรากฎกลับเงียบชี่
“ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยนี่พ่อ ตกลงไอ้กำไลนี่มันทำไรได้”เซตัสหันไปถามพ่อย่างงงๆ
“อุบ๊ะ เอ้า เอานี่ไป แล้วส่องตัวเองดูซะ”
เบดิอายื่นกระจกไปให้เซตัส(ชักสังหรณ์ใจไม่ดีแล้วแหะ)
เซตัสรับกระจกมาแล้วส่อง แต่สิ่งที่เห็น ทำเขาอยากร้องดังๆออกมา
“เฮ้ย!! ทำไมเป็นแบบนี้”เซตัสตกตะลึงแบบสุดๆ
จากใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่อ้วนกลมดั่งแป๊ะยิ้ม[ถ้าโลกนู่นมีน่ะ^ ^] แก้มป่องยังกะเป็นคางทูม นัยน์ตาสีทองเจิดจรัสดุจทองคำบริสุทธิ์เปลี่ยนมาเป็นสีขาวขุ่นมั่วไร้ประกาย ผมสีทองยาวเปลี่ยนไปเป็นผมสั้นสีขาว ผิวที่เคยขาวดูดี กลับเปลี่ยนเป็นดำสนิทดั่งถ่านหิน รูปร่างสูงโปร่งสมส่วนเหลือเพียงร่างอ้วนตุ๊ยนุ้ย ยังกะเด็กในฉลากซีอิ้วยี่ห้อดังในเมืองไทย [คงรู้ๆกานน่ะว่าตราอาราย หึหึ ไม่อยากบอกเพราะไม่ได้ค่าโฆษณา ^.^V ]
“ก็ไอ้กำไลเนี่ยมันจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้คนอื่นนอกจากผู้สวมใส่เห็นเป็นบุคคลอื่นก็เท่านั้นเอง อธิบายง่ายๆก็ กำไลเนี่ยเอาไว้ปลอมตัว”เบดิอายักไหล่อย่างไม่สนใจ
“แล้วจะกลับร่างเดินทำไงเนี่ย” (กลับไม่ได้ล่ะหมดหล่อเลยตู TT^TT)
“ก็หลายวิธีล่ะน่ะ แต่ไอ้ที่ง่ายสุดก็แค่แกถอดกำไลออกมันก็กลับเหมือนเดิมแล้ว”
“เฮ้อ~~~~~”เซตัสถอนหายใจอย่างโล่งอก (นึกว่าจะกลับร่างเดิมไม่ได้ซะแหละ- -*)
“แล้ววิธีที่เหลือล่ะ พ่อ”
“วิธีที่เหลือก็ ถ้าเอ็งพลังเวทย์หมด หรือกำไลโดนทำลายมันก็แค่นั้นเอง”
เซตัสพิจรณาตัวเองก่อนหันไปถามพ่อด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวดเป็นปม
“ทำไมมันเปลี่ยนผมให้เป็นแบบนี้ง่ะ เปลี่ยนเป็นแบบอื่นที่มันดูดีกว่าเนี่ยหน่อยก็ไม่ได้ (ไม่ต้องเอาหล่อเท่าเดิมก็ได้ แค่น้อยกว่าเดิมหน่อยก็ยังดี เฮ้อ ~~”
“อุบ๊ะ ถามจริงเฟ้ย เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าไอ้กำไลเนี่ย มันเป็นฝ่ายเลือกเองว่าจะให้เปลี่ยนไปเป็นแบบไหน”
(อ้าว~~เป็นงั้นไป ไอ้กำไลเอาแต่ใจ เฮ้อ~~)
เซตสนั่งกุมขมับต่อแต่เรื่องที่กลุ้มใจเปลี่ยนจากสาวโหดเป็นกำไลเฮงซวยในข้อมือแทน
“รถออกได้”เสียงร้องบอกคนขับเกวียนจากนายสถานี
ขบวนเกวียนเริ่มขยับแล้ว รถเคลื่อนตัวไปอย่างๆช้าออกจากตัวเมืองไป
ตามกำหนดการเดินทางของขบวนรถเกวียนที่จะเดินทางไปแกรนชายจะมุ่งออกประตูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองอ้อมผ่านป่าลับแล ของอาณาจักรเอม่อนดิน ที่ขบวนรถไม่ตัดผ่านป่าไปเลยทั้งๆ ที่มันจะย่นระยะทางได้เร็วกว่าทางอ้อมนี่ได้ซักสามวัน
แต่ .ถ้ามีคนทำก็ไม่มีใครไปเพราะขืนไป
ก็ไม่มีใครรอดกลับมาได้ซักราย !! แล้วอย่างงี้ใครจะกล้า
หลังจากขบวนรถออกจากเมืองแอตติสในตอนรุ่งเช้ามุ่งไปทางทิศตะวันตก เพื่อจะแวะพักที่ตัวเมือง เดอริส  อันเป็นเมืองชายแดนระหว่างอาณาจักรราดิกัสกับอาณาจักรแกรนชาย
ที่นี่ผู้โดยสารทุกคนต้องพักที่ตัวเมืองหนึ่งคืนเพื่อชำระค่าเข้าอาณาจักร และจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ทางขบวนเกวียนจะจัดหาที่พักไว้ในตัวเมืองเดอริส ผู้โดยสารมีหน้าที่ไปที่ด่านคนเข้าอาณาจักรเผื่อชำระเข้า โดยทางเจ้าหน้าที่จะออกใบเสร็จหรือใบเข้าเมืองเสกมนตราป้องกันการปลอมแปลงชนิดที่ว่า เครื่องถ่ายเอกสาร[ถ้าโลกนั้นมีน่ะ  - -a]ยังถ่ายไม่ติด
เพื่อเป็นใบยืนยันว่าจ่ายค่าผ่านเข้าอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว เพราะเวลาจะผ่านเข้าเมืองต่างๆในอาณาจักรจะต้องแสดงใบนี้ถึงจะเข้าไปในเมืองได้
    ในห้องอาหารที่ทางรถเกวียนจัดห้องไว้ให้แก่ผู้โดยสารที่เดินทางมาได้เข้าพักแรมในโรงแรมที่จัดไว้ให้
สองพ่อลูกคู่หนึ่งกะลังนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งภายในห้องอาหารนั้น
ฝ่ายพ่อน่าจะกะลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ แต่สีหน้าไม่ได้บ่งบอกเลยว่าสบายอารมณ์ตรงไหน แถมยังดูหน้ามุ้ยอีกตะหาก
ก็ในเมื่อลูกชายตัวดีของเขา กะลังกินอย่างชนิดที่เรียกว่า “รับประทานอย่างรวดเร็ว มันเร็วอย่างมาก เร็วจนเหลือเชื่อ” หรือ “ดูดเป็นพายุไต้ฝุ่นความแรงขนาด 7 ริกเตอร์ดี” ดี
ไก่งวงย่างทั้งตัว สเต็กหมู ปลาทอด อะไรต่อมิอะไรที่ พนักงานเขายกมาวาง พ่อเจ้าประคูณซัดเรียบยังไม่ถึงสามนาที จับเวลาตั้งแต่ พนักงานเสริฟ นำมาเสริฟที่ โต๊ะ 
เบดิอา คิดในใจดีน่ะงานนี้ที่ทางรถเกวียนคิดค่าอาหารกะค่าที่พัก คิดรวมกะค่ารถจนถึงแกรนชายไปเรียบแล้ว ในตอนแรกเขาคิดว่าค่าโดยสารออกจะแพงไปหน่อย แต่ .ในตอนนี้เขาคิดว่า เขาคิดถูกแล้วที่เขาจ่ายไป
เพราะพ่อเจ้าประคุณกินยังกะตายอดตายอยากมาจากไหน พอรู้ว่าทางรถเกวียนเขาจัดอาหารบุฟเฟ่ให้กับผู้โดยสารแล้ว มันกินไม่มีเบรกเลย จนเหล่าบรรดาแขกส่วนใหญ่มองมาที่โต๊ะนี้ซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่รู้ว่าทึ่งหรืออะไรแต่มันกก็แทบอยากให้เบดิอาลุกทำเป็นไม่รู้จักแล้ว งานนี้เจ้าของโรงแรมร้องไห้แน่นอน
“อ้าวไม่กินหรอพ่อ”ดู๊ ดู พ่อลูกชายตัวดียังห่วงบิดาตัวเอง ยื่นน่องไก่มาให้น่องนึง
“เออเอ็งกินให้อิ่มเหอะ”ก่อนจะส่ายหัวอย่างปลงๆ ว่าตูเลี้ยงมันมาได้ไงเนี่ย สิบหกปี เห้อ ~~
“เดียวข้ามาไปซื้อใบผ่านทางก่อน เอ็งกินเสร็จแล้วขึ้นไปรอที่ห้อง เข้าใจไหม อย่าก่อปัญหาอีกล่ะ ย้ำ ว่าอย่าก่อปัญหาอีกล่ะ”เสียงเครียดออกจากปากของคนเป็นพ่อ ก่อนจะลุกเดินออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้ผู้เป็นลูกนั่งทำเป็นแปะยิ้ม หัวเราะแห้งๆไป
(ก็ใครมันอยากจะหาเรื่องการเล่าพ่อ แต่ไอ้เรื่องเนี่ยมันมาหาฉันแทนตะหากล่ะ)
คิดไปแล้วยิ้ม นั่งก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อ ยังไม่ลืมสั่งอาหารให้บ๋อยยกมาเพิ่มอีก[กระเพาะหมอนี่มันทำจากอะไรฟ่ะ]
เอี๊ยด~~ เสียงเลื่อนเก้าอี้ทางเบื้องหน้าของเซตัสดังขึ้น
เซตัสหยุดการกินแล้วเงยหน้าผละจากอาหาร(ใครมาขัดขว้างความสุขตูฟ่ะ)
เด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า แววตาขี้เล่นผิวขาว มุมปากมีรอยยิ้มชวนให้คิดไม่น่าไว้ใจนัก รูปร่างจัดว่าค่อนข้างผอม นั่งอยู่เบื้องหน้าเขาส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้เซตัสอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดี ฉันชื่อ นาโอกิ นายชื่ออะไรหรอ”นาโอกิพูดแนะนำตัวเอง
“สวัสดี ฉันชื่อ เซตัส”เซตัสพูดก่อนจะหรี่ตามองคนเบื้องหน้าอย่างสงสัย (นายเป็นใครฉันไม่รู้จัก - -a)
“แล้วนายมีธุระอะไรกับฉันหรอ” (ขัดขว้างตอนคนเขากินน่ะมันบาปรู้ไหม>.<)
“ก็ป่าวไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากรู้จักเห็นนายกินแล้วสนุกดี ฉันว่า ถ้านายลองสังเกตหน้าผู้จัดการโรงแรม ท่าทางฉันว่าเขาอยากร้องไห้มากเลยตอนนี้ “ก่อนจะหัวเราะแล้วชายตาไปยังคนที่ยื่นอยู่ตรงเคาร์เตอร์บาร์เหล้า
เซตัสหันไปมองตาม
ชายวัยกลางคน แต่งชุดผู้จัดการโรงแรม ทำหน้าคิ้วขมวด ถ้ามันผูกกันเป็นปมได้  เขาคงทำไปแล้ว สีหน้าเหมือนอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก มองมาที่เขา พอรู้ตัวว่า เซตัสหันมามอง เขาเปลี่ยนสีหน้าได้ทันควัน (โหยสมกับเป็นมืออาชีพแหะ)
เดินยิ้มแย้มมาที่โต๊ะเซตัส
    “ไม่ทราบว่าจะรับอะไรเพิ่มอีกไหมครับ” ชายคนนั้นยิ้มประจบ
    “เอา #@$%$%^@$#^%^&&^##$#$#%$[ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้เพราะมันเยอะเหลือเกิน - -a] ครับ”เซตัสสั่งอาหารเพิ่ม
เท่านั้นแหละผู้จัดการทำท่าจะลมใส่แต่รู้ตัวก่อนจะรับคำเดินจากไป
ตึง!! เสียงดังมาจากข้างในครัวด้านหลังของห้องอาหาร
นาโอกิปล่อยก๊ากออกมาดังๆหลังได้ยินเสียงล้มภายในครัว
“ยอดมากเลยนาย ว่าแต่ กินเขาไปได้ไงตั้งเยอะตั้งแยะนั่นน่ะ”นาโอกิถามด้วยสีหน้าทึ่งสุดๆ
“ช่วยไม่ได้คนมันหิวนิ”เซตัสยักไหล่อย่าไงม่สนใจ
“ว่าแต่นายกะลังจะไปไหนหรอ”นาโอกิถามอย่ากระตือรือร้น
“ก็พ่อจะพาไปเรียนแน่ะ”ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเตรียมกินอาหารต่อ
“ที่ไหนหรอ เนี่ยชั้นก็กะลังจะไปเรียนที่แกรนชาย”
“ชั้นก็จะไปแกรนชายเหมือนกัน ของนายโรงเรียนไรหรอ”เงยหน้าขึ้นถามก่อนก้มหน้ายัดไส้กรอกในมือต่อ
“โรงเรียน เอลโดรัส”
“ฉันก็เหมือนกัน”ก่อนจะส่งหมูทอดเข้าปากอีกชิ้น [น่านยังไม่หยุดกินอีกหรอนั่น]
“งั้นเราก็สมัครที่เดียวกันอ่ะดิ ดีใจจังท่าทางอยู่กะนายนี่ท่าทางจะสนุกแหะ”นาโอกิยิ้มอย่างอารมณ์ดีแต่นัยน์ตารักสนุกแฝงแววเจ้าเล่ห์
“แล้วนายรู้ได้ไงว่าอยู่กะฉันแล้วจะสนุก”เซตัสจ้องคนข้างหน้าอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิความรู้สึกมันบอกน่ะ ฉันเชื่อสังหรณ์ของฉัน หึหึ เอาน่าอย่าคิดมาก มา เรามาเป็นเพื่อนกัน”
นาโอกิยื่นมือออกมาจับ เซตัสหรี่ตามคนเบื้องหน้า ในที่สุดเขายิ้มแล้วเช็ดมือก่อนค่อยยื่นออกมาจับ
ใครจะรู้ว่าการจับมือครั้งนี้จะเป็นการร่วมมือของปีศาจแห่งความวุ่วายสองตัว จับมือเป็นพันธมิตรผู้สร้างปัญหาอย่างมากมายให้แก่เหล่าคณาจารย์ รุ่นพี่และเพื่อนๆ ในโรงเรียน ในอนาคต
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็นั่งลงคุยสัพเพเหระกันไป ในที่สุด
ฮ้าว~~ เสียงนาโอกิฮ้าวออกมา ท่าทางเขาดูง่วงนอนตาของเขาดูสลึมสลือ
“ฉันไม่ไหวแล้วไปนอนก่อนน่ะ”
เซตัสวางมีดลงจากปลาทอดของเขาแล้วลาเพื่อนใหม่ของเขา
“อืมพรุ่งนี้เจอกันล่ะกัน”เซตัสเอ่ยลาก่อนจะกลับเจี๋ยนปลาทอดในจานของเขาต่อ [ดูมันยังไม่เลิกกินอีกหรือ O_O]
นาโอกิขำในท่าทางของเขาก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหาร
สักพักเซตัส หยิบแก้วน้ำมาดื่มและเงยหน้าครุ่นคิด (ทำไมไอ้หมอนี่มันรู้สึกคุ้นๆฟ่ะ - -a)ก่อนจะเดินขึ้นห้องที่เช็คอินเอาไว้ไป
ในวันนั้น ทางโรงแรมมีผู้ป่วยจากการเป็นลม หน้ามืด และ ช๊อคทั้งหมดสิบสองราย อันได้แก่
1.ใช่แล้ว ผู้จัดการของเรานี่เอง ช๊อคหมดสติยังไม่ฟื้นหมอออกความเห็นว่า อาการช๊อคร้ายแรงจากการกระเทือนใจอย่างแรงบางอย่าง
2.คิดว่าใครล่ะเจ้าของโรงแรมหลังจากที่ลูกน้องตามเจ้าของมาดูอาการผู้จัดการโรงแรมแล้วทราบถึงสาเหตุ เลยช๊อค เป็นลมไปอีกคน
3.ส่วนอีกสิบคนที่เหลือจะใครซะอีกล่ะ เหล่าพ่อครัวกะผู้ช่วยทั้งหลายในครัว อันนี้หมอลงความเห็นว่า อาการเกิดจากการทำงานอย่างเร่งรีบเกินไป
สรุปปัญหาทั้งหมดรู้ไหมว่ามันเกิดจากใครกันล่ะเนี่ย งานเนี่ย - -a
สวัสดีครับมาแป๊ะอีกหนึ่งตอนแล้ว
ตัวละครใครจากหัวออกตอนนี้โผล่มาครึ่งตัวแล้วน่ะงับ อิอิ
ขอคอมเม้นกานเยอะๆหน่อยคร๊าบอย่าอ่านอย่างเดียว ขอกำลังใจคนแต่งมั้งเตอะงับ สาธุ-/\\-
นักอ่านเงาทั้งหลายโปรดออกจากความมืดซะไม่งั้น
เราจะเอาไฟฉายไปส่งแล้วจะแฉความลับออกมาให้หมดน่ะงับ
แล้วก็รับสมัครตัวละครด่วนจ้าใกล้จะถึงโรงเรียนแล้วเร็วๆนี้ ด่วนๆงับ
http://dek-d.com/entertain/view.php?id=117003
ขอบคุณมากน่ะครับที่กรุณาอ่านผลงานผม ^/\\^
ฉบับหน้าพบกับ ปัญหาระหว่างทาง อย่าพลาดล่ะงับ อิอิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น