ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มังกรวารี [ภาคหนึ่ง]

    ลำดับตอนที่ #5 : ต้องจากกันแล้วนะ

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 49


         1 เดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก


        
    "อาเหมยๆ" เสียงเรียกของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังมาจากชายป่าริมลำธาร เด็กสาวผมยาวสยายสีดำขลับดั่งราตรียืนอยู่กลางน้ำ ในมือถืออาวุธประเภทหอกซึ่งทำจากไม้ ลำธารสูงแค่เข่า น้ำใสแจ๋วมองเห็นเหยื่อตัวใหญ่สีเทาชัดเจน

         'ปึ้ก' ปลายหอกแทงไปยังปลาตัวใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วจับมันใส่เข่งไม้ไผ่สานที่เอว เด็กสาวหันหลังไปตามเสียงเรียกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางรีบเดินฝ่าลำธารไปหาเด็กหนุ่ม

         "ไหนๆวันนี้ได้กี่ตัว" ฟูหลงลูบหัวน้องสาว(บุญธรรม)แล้วถาม อาเหมยชูนิ้วทำเป็นเลข7กับ2แล้วยิ้ม

         "72เลยเหรอ เก่งนี่เรา" เด็กหนุ่มเอ่ยชมแล้วแบกเข่งไม้ไผ่สานเล็กๆที่อาเหมยใช้ใส่ปลาเดินนำลิ่วไป โดยที่อาเหมยโดนตามต้อยๆเหมือนลูกหมา ตั้งแต่ฝึกวิธีใช้หอกให้อาเหมยบ้านเขาก็มีรายได้ใหม่เกิดขึ้น นั่นคือ 'ขายปลา'

         บางคนอาจสงสัยว่าไอ้เข่งใบเล็กๆนี่ทำไมมันใส่ปลาได้เยอะจัง จริงๆแล้ว เข่งใบนี้คือ'เข่งสารพัดนึก'(อาเหมยเรียกมันว่าเข่งโดราเอม่อน แต่ไม่ได้บอกใคร)สามารถบรรจุของได้ไม่จำกัด มีราคาแพงมากแต่ท่านบิดาของฟูหลงซื้อมาเก็บไว้เพราะบอกว่าวันหนึ่งมันจะใช้คุ้ม แล้วฟูหลงก็พึ่งเห็นผลวันนี้แหละ มันใช้คุ้มจริงๆ


         "กลับมากันแล้วเหรอ"  พี่หลีหลินเอ่ยทักน้องชายกับน้องสาวที่ออกไปหาปลา ฟูหลงยิ้มร่าแล้ววางเข่งลง "วันนี้อาเหมยจับได้ตั้ง70กว่าตัวแหนะพี่ อ้าว แล้วพี่จะไปไหนเนี่ย" เด็กหนุ่มเอ่ยถามพี่สาวที่ทำท่าจะออกไปข้างนอก

         "จะไปในเมืองซื้อของหน่อย แล้วก็...ท่านพ่อเรียกเจ้าให้ไปหาที่ห้อง" พี่หลีหลินพูดแล้วเดินผ่านฟูหลงไปหาอาเหมย

         "เจ้าน่ะหาปลามาคงเหนื่อยไปนอนที่ห้องซะนะ" หญิงสาวเอ่ยอย่างใจดี อาเหมยพยักหน้าแต่ในใจเธอรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย แล้วพี่หลีหลินก็ออกไปข้างนอก

         ฟูหลงเดินเข้าไปในบ้านแล้ว อาเหมยเกิดความรู้สึกแปลกๆเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างเธอจึงลองเดินตามฟูหลงไปที่ห้อง ค่อยๆแง้มประตูออกดูโดยไม่ให้คนในห้องรู้ตัว แล้วมองผ่านช่องประตูเล็กๆ

         ท่านลุงกับท่านป้านั่งกันพร้อมหน้ากันในห้อง ท่าทางของพวกท่านดูจริงจังผิดปกติ ฟูหลงนั่งอยู่ด้านหน้าทั้งสองคนพร้อมแสดงท่าทางเคารพยำเกรง อาเหมยเอาหูแนบประตูเพื่อจะฟังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน

         "เจ้าพร้อมที่จะออกเดินทางฝึกแล้วใช่รึไม่" เสียงของท่านลุงดังมาอย่างชัดเจน เสียงตอบรับของฟูหลงก็ฟังดูหนักแน่นพอๆกัน "ครับ"

         ท่านลุงหยิบดาบส่งให้ฟูหลง เป็นเล่มเดียวกับที่เธอเคยเห็นท่านลุงตีขึ้นในห้อง ฟูหลงรับไปแล้วมองอย่างตื่นตะลึงพลางลูบๆคลำๆดาบเล่มสวยจนมันส่องประกายเงาวับ ตรารูปมังกรอัคคีแขวนอยู่ที่ปลายด้ามจับ

         "ข้าให้เจ้า" ท่านลุงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง แม้อาเหมยจะไม่ได้เห็นแต่ก็รู้ว่าสีหน้าของฟูหลงตอนนี้คงดีใจสุดขีด "ครับ"

         "แล้วจะออกเดินทางเมื่อไหร่" ท่านป้าพูดบ้างด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาผิดปกติ จนอาเหมยรู้สึกเสียวสันหลัง แต่เธอตะหงิดๆกับคำว่า ออกเดินทาง? ฟูหลงจะออกเดินทางไปที่ไหน?

         "พรุ่งนี้ตอนเช้ามืดครับ" ฟูหลงตอบเสียงหนักแน่น ทำให้อาเหมยรู้สึกงงเข้าไปใหญ่ ทำไมเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย

         "ที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นอาเหมยละนะ...อุตส่าห์สนิทกับเจ้าถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆ" ท่านป้าพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างเศร้า แม้จะทำใจมาแล้วก็เถอะ เธอใกล้จะร้องไห้เต็มทีแล้ว

         "ขอให้โชคดีนะ ลูกรัก" ท่านลุงพูด ฟูหลงโค้งลงน้อมรับ

         ปึ้ง! เสียงเปิดประตูโครมใหญ่ดังมาจากหน้าห้อง ทั้งสามหันไปดู อาเหมยยืนขวางประตูไว้ด้วยสีหน้าที่สับสนปนเปกันไปหมด นี่มันอะไรกัน?

         "อาเหมย มาตั้งแต่เมื่อไหร่" ฟูหลงหันไปถาม เด็กสาวส่งสายตาไม่พอใจอย่างยิ่ง แล้วหันไปสบตาท่านลุงกับท่านป้า  เธอพูดด้วยสายตาที่ใกล้จะร้องไห้ 'นี่มันเรื่องอะไรกัน??'

        
         ท่านลุงตัดสินใจเล่าทุกอย่างให้อาเหมยฟัง จนเด็กสาวนั่งนิ่งแบบแทบไม่เชื่อหูตนเอง

         เมื่ออายุครบถึงวัยที่สมควรแล้ว ชายหนุ่มในตระกูลหลิวทุกคนต้องออกเดินทางฝึกวิชาไปทั่วทิศของดินแดน และต้องกลับมาอย่างเข้มแข็ง มีส่วนมากออกเดินทางแล้วไม่กลับมาบ้านอีกเลย อาจจะตายหรือย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ก็มีส่วนมากเหมือนกันที่กลับมาหาครอบครัวพร้อมด้วยชื่อเสียง หรืออาจจะพาหญิงสาวจากทิศอื่นมาแต่งงานที่บ้านเกิดของตนแบบพ่อของฟูหลงก็ได้

         ถึงกระนั้น พ่อแม่ของฟูหลงก็ยังเป็นห่วงว่าลูกชายของตนจะตายหรือไม่ แต่คำพูดของฟูหลงที่บอกว่า

         "ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมนั้นยังมิได้แทนคุณพวกท่านเลยแม้แต่น้อยจะตายเสียก่อนได้อย่างไร อีกอย่าง ยังไงก็ตามผมก็จะกลับบ้านมาพร้อมด้วยหญิงสาวที่แสนดีแบบท่านแม่ให้ได้"

         คำพูดที่หนักแน่นจริงจังแม้หลังๆจะหยอกล้อเล่นบ้าง แต่ก็ทำให้พวกท่านหมดห่วง และเชื่อมั่นในตัวลูกชายคนนี้ จนกว่าเขาจะกลับมา

         อาเหมยได้ฟังก็รู้ว่า ฟูหลงจะต้องออกเดินทางไปฝึกวิชาพรุ่งนี้แล้ว จิตใจของเด็กสาวแทบรับไม่ได้


         ทำไมถึงไม่ยอมบอกกันก่อน? ถ้าไม่รู้ จะทำให้ฉันเสียใจไปชั่วชีวิต ไม่คิดบ้างเลยเหรอไง?


         ...เด็กสาววิ่งเข้าไปในห้องพร้อมเก็บตัว...เย็นนั้น...อาเหมยไม่ยอมออกมาทานข้าว...



    ----------------



         ช่วงเช้ามืดของวันถัดมา


         ฟูหลงในชุดนักเดินทางสีเทาหม่นนั่งอยู่บนหลังม้า สัมภาระไม่มากนักถูกวางเรียงกันรอบตัวม้าสีขาวที่เขาขี่อยู่ ดาบที่ท่านพ่อมอบให้เขาเมื่อวานถูกเหน็บไว้ที่เอวอย่างดี ท่านพ่อท่านแม่และพี่สาวของเขาออกมาส่งที่หน้าบ้าน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่ใจจริงก็คงเศร้าสร้อย 

         ฟูหลงยิ้มตอบพวกท่านเพื่อให้คลายกังวล ถึงกระนั้น คนที่รู้สึกกังวลใจกลับเป็นฟูหลง เขาพยายามมองหาเข้าไปในบ้าน แต่พวกคนที่มาส่งเขากลับไม่มีแม้แต่เงาของเด็กสาวตัวเล็กที่เขาคุ้นตา

         "โชคดีนะฟูหลง" ท่านพ่อของเขาพูด ทุกคนในที่นั้นโบกมือลาฟูหลง เด็กหนุ่มตัดสินใจควบม้าออกไปโดยไม่หันกลับไปมองบ้านของเขา เสียงแว่วๆของหลีหลินที่บอกว่าเขาต้องกลับไปให้ได้ยังก้องอยู่ในหัว ฟูหลงไปแล้ว...


         "ท่านแม่ หนูขอตัวไปดูอาเหมยหน่อยนะคะ" หลีหลินพูดแล้วเดินกลับเข้าบ้าน บิดามารดาของเธอต่างแยกย้ายกันไป

         "อาเหมยๆ" หลีหลินเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากเด็กสาวภายในห้อง

         ประตูไม่ได้ลงกลอนไว้ หลีหลินจึงตัดสินใจถือวิสาสะเข้าไปดู

         ห้องของอาเหมยว่างเปล่า ข้าวของยังอยู่ครบแต่ไร้เงาของเด็กสาวเจ้าของห้อง มีเพียงม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งวางอย่างเรียบร้อยบนเตียงพร้อมกับดอกเหมยดอกหนึ่งเท่านั้น

         หลีหลินเดินเข้าไปแล้วคลี่กระดาษออกดู เป็นข้อความไม่กี่บรรทัดที่เขียนด้วยลายมือโย้เย้เหมือนไก่เขี่ยแต่พออ่านออก 'ถึงท่านลุงท่านป้าและพี่หลีหลินที่รัก ขอบคุนสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง หนูตัดสินใจแล้วว่าจะออกเดินทางไปกับฟูหลง รัก ซงเสียฟาน หรือ อาเหมย'

         "ซงเสียฟาน...อาเหมย" หลีหลินกำดอกเหมยไว้ที่มือขวาแน่น เสียงม้าดังกุบกับๆจากทางด้านนอก หญิงสาวรีบวิ่งออกจากบ้านไปดู ม้าสีดำอีกตัวกำลังวิ่งไปทางเดียวกับฟูหลงบนหลังม้ามีร่างของเด็กสาวคนหนึ่งคอยบังคับม้าตัวนั้นอยู่ ผมสีดำปลิวไสวตามแรงลม

         "โชคดีนะอาเหมย~~~~~~" หลีหลินตะโกนก้อง เด็กสาวหันหลังกลับมาโบกมือลาหลีหลินด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มที่สุด พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากฟากฟ้า อาเหมยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามรอยฟูหลง


         "หลีหลิน หอกสามง่ามของพ่อหายไปจากห้องเหล็ก" "หลีหลิน เสื้อผ้าของอาเหมยที่ตัดไว้หายไป" เสียงของท่านพ่อกับท่านแม่เธอประสานเสียงกัน

         "ไปแล้ว พวกนั้นไปแล้ว" หลีหลินเอ่ยเสียงคำพูดเบาๆจนแทบไม่ได้ยิน เธอยกมือขึ้นห้ามไว้ก่อนที่พวกท่านทั้งสองจะเอ่ยถาม

         "ไปตามทางที่เธอเลือก ขอบคุณที่เคยอยู่ในครอบครัวของเรา ซงเสียฟาน" ดอกเหมยในมือของหลีหลินลอยไปจากมือของเธอ ปลิวไสวไปตามลม ดอกไม้สองดอกที่กำลังเบ่งบานได้ปลิวจากไป แต่เมื่อถึงฤดูใหม่ดอกไม้ดอกเก่าอาจผลิบานเสียยิ่งกว่าเดิม



    --------

    คุยกานซะหน่อย

    คนเขียน หรือเรา มิลจัง มีความสามารถในการกะปริมาณที่จะอัพเพิ่มน้อยมาก เช่น เขียนไว้ว่า50% มันอาจจะเป็นเพียง20%ก็ได้ เพราะเวลาแต่งเราจะพิมสดอ่า-0-

    ฟูหลงตอนนี้ให้เป็นพระเอกไปก่อน ต่อจากนี้อีกซัก2-3ตอนจะเป็นการผจญภัย ตัวใหม่ๆจะโผล่มาอีกเพียบ จุดพลิกผันมีหลากหลายอยากให้ลองอ่านแล้ว 'ติ' หน่อยนะคะ  ถ้าผิดพลาดตรงไหนเราจะได้ปรับปรุงตัวถูก

    จะพยายามอัพ ทุกวัน-_-" ค่ะ

    ปล. ครายอยากคุยเพราะมีเรื่องอะไรก็ แอดเมลมาด้ายเรย หรือเขียนไว้ในมายไอดีก็ไม่ว่ากานค่ะ Msnออนตั้งแต่กลางวันถึงเที่ยงคืนของทุกวัน(ยกเว้นไม่อยู่)

    ปล.2 ร้ากทุกคนที่อ่านและเม้นค่า>.<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×