ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่3-การปะทะ และเจ้าหญิง
บทที่3 การปะทะ และเจ้าหญิง
    “เวดาเวโดวูด ผนึกพฤกษานิรันกาล”
ไม่รอช้าฟีโอน่าร่ายเวทย์ใส่เซตัสทันที
    พื้นที่ใต้เท้าของเซตัสมีเถาวัลย์เลื้อยขึ้นมาทันทีแต่เซตัสรู้ตัวโดดขึ้นกิ่งไม้ต้นไม้ใหญ่เบื้องหลังทันที แต่เถาวัลย์ก็ไล่ตามติดไปทันควัน
    “เดียวก่อนสิครับเพ่ ฟังกันมั้ง ผมบอกว่าผมไม่ได้เอาแหวนของเพ่ไปซะหน่อย”เซตัสตะโกนลงมา
เซตัสโดดหลบเถาวัลย์ที่พุ่งไล่ตามไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ดูท่าทางฟีโอน่าก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีจนในที่สุด เซตัสล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วล้วงของบางอย่างออกมา สวมเข้าไปที่มือซ้าย
“กริ๊ก”เสียงเหมือนบางอย่างถูกล็อค
“เซโรนอส อามาดีน ศรเพลิงกันต์”
ลูกธนูเพลิงจำนวนมากพุ่งไปหาฟีโอน่า เธอเห็นดังนั้นจึงกระโดดหลบทันที
“ตูมๆๆๆๆๆๆๆ”พื้นที่ก่อนหน้าที่เธอเคยยืนอยู่เกิดหลุมบ่อจำนวนมากมาย
“ตุ๊บ”เซตัสกระโดดลงมายืนเบื้องหน้าฟีโอน่า
    “ขอโทษครับ แต่ผมจำเป็นต้องป้องกันตัวอ่ะ ผมขอพูดอีกครั้งว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แหวนผมก็ไม่ได้เอาไปด้วย”เซตัสอธิบายอย่างเซ็งๆ 
    “ฉันไม่เชื่อ”ฟีโอน่ายังยืนกรานเช่นเดิม
    “งั้นก็ตามใจพี่แล้วล่ะครับ ถ้าพี่จะลงมืออีกผมคงต้องป้องกันตัวแล้ว”เซตัสมองไปทางฟีโอน่าอย่างเนือยๆ
    ฟีโอน่าพิจารณาเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง เขามีผมสีทองยาวถึงกลางกลังแล้วรวบด้วยที่รัดผมสีดำ ดวงตาตาสีทอง นัยน์ตาแฝงความสงบนิ่งแฝงไปด้วยอำนาจมหาศาลจ้องมองมายังตน ใบหน้าหล่อเหลา ดุจเทพบุตร ผิวขาวเนียนรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน สวมใส่เสื้อผ้าดูธรรมดาแต่ทั่วร่างกลับแผ่อำนาจกดดันอันร้ายกาจออกมา ท่าทางเรียบเฉย รูปลักษณ์คล้ายสุดจะหยั่งถึง และเมื่อมองไปที่มือซ้ายก็ต้องแปลกใจ นิ้วแต่ล่ะนิ้วของบุคคลเบื้องหน้า สวมใส่แหวนห้าวง แต่ล่ะวงมีสีสันต่างกันห้าสี ที่ข้อมือมีกำไลสีทองหุ้มอยู่ [มันยืนเก๊กอยู่ครับเจ๊ไม่ต้องไปกลัวมัน^ ^]
แต่ในเมื่อในมือทั้งสองข้างไม่มีไม้คทาอยู่แต่เขาร่ายเวทย์ได้ไงกัน ทำให้เธอฉงนใจยิ่งนัก จึงทำให้เธอตัดสินใจร่ายเวทย์อีกครั้งเพื่อพิสูจน์[ว่าง่ายๆอาเจ๊เขาอยากรู้ฮับ- -a]
“ซีโอนี ซีเมนัส ราดีโอ กรงขังพฤกษากักวิญญาณ”
ท่อนไม้มากมายพุ่งเฉียงขึ้นมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นกระโจมขังเซตัสไว้ข้างใน
“เฮ้อ~~ ผมเตือนพี่แล้วน่ะครับ”เสียงถอนหายใจดังลอดมาจากกองซุงเบื้อหน้าฟีโอน่า
“วาโอนัส เซริออส ปราการพายุทมิฬ”
สิ้นเสียงทันใดนั้นเอง เหล่าท่อนไม้ที่ขังเซตัสไว้ปลิวไปคนล่ะทิศ คนล่ะทาง บัดนี้รอบตัวเซตัสมีลมหมุนวนอย่างรวดเร็ว เขายืนนิ่งอยู่ใจกลางพายุอย่างสงบ
แต่สิ่งที่เห็นทำให้ฟีโอน่าตะลึงเข้าไปใหญ่  ทำให้หนุ่มน้อยเบื้องหน้าถึงดูลึกลับเข้าไปอีก ในเมื่อ เขาสามารถใช้เวทย์สองธาตุได้อย่างไรอีกทั้งในมือก็ไม่ได้ถือไม้คทาอยู่แล้วไหงถึงใช้เวทย์ได้ คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองของฟีโอน่าราวดอกเห็ด ว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเป็นใครกันแน่
“นายเป็นใครกันแน่”ฟีโอน่าตัดสินใจถามไป
“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับแต่อยากบอกให้พี่รู้ว่าผมไม่ได้เอาแหวนของพี่ไป”พายุที่อยู่รอบตัวเซตัสสลายหายไป
“งั้นนายก็ต้องรู้ว่ามันอยู่ไหน บอกมา”
“ผมไม่รู้ครับ”เซตัสส่ายหัวอย่างปลงๆ(ทำไมม่ะเชื่อตูซะทีฟ่ะ วัยรุ่นเซ็งขอบอก - -a)
“ไม่พูดใช่ไหมงั้นฉันจะทำให้นายพูด”พื้นที่ใต้เท้าฟีโอน่าเกิดวงกลมไสย์เวทย์เรืองแสงสีดำ วนรอบใต้เท้า รอบวงกลมเต็มไปด้วยอักษรรูนน์สีดำ
“ในนามของข้าฟีโอน่า เดียโบลีส อสูรแห่งความมืดมิด”
(เห้ย !! เวทย์นี้มันเวทย์ที่ใช้ในการประลองนิ)
เซตัสเห็นดังนั้น รีบกระโดดพุ่งเข้าประชิดตัวฟีโอน่าทันทีก่อนที่เธอจะร่ายเวทย์จบ  แค่ชั่วพริบตาเซตัสถึงตัวเธอแล้วปล่อยหมัดขวาเข้าที่ลำตัวฟีโอน่าอย่างรวดเร็วทำให้เธอต้อหยุดร่ายเวทย์กระทัน ลงมาป้องกันตัว โดยเบี่ยงตัวหลบก่อนหมุนตัวพร้อมฟาดกวาดไม้เท้าไปที่ใบหน้าของเซตัส เขาก้มหัวหลบแล้วตีลังกาม้วนหน้าเอาส้นเท้าฟาดลงใส่ศีรษะของฟีโอน่าทันที เธอชักหัวกลับหลบส้นเท้าพร้อมกระโดดถอยหลังออกมา เซตัสผลักฝ่ามืออกไป แล้วร่ายเวทย์
“บาราเนียส โอดีรัม กระสุนน้ำแข็ง”
แท่งน้ำแข็งจำนวนมากมายพุ่งไปหาฟีโอน่าอย่างรวดเร็ว
“เรมอส รามีนอส กำแพงพฤกษาจงปรากฏ”
ต้นไม้มากมายโพยพุ่งขึ้นจากพื้นขึ้นมาป้องกันฟีโอน่า
“จึกๆๆๆๆๆๆ”แท่งน้ำแข็งปะทะชนกับลำต้นของต้นไม้อย่างแรงก่อนจะจมลึกลงไปมากกว่าครึ่งแท่ง
“เก่งใช้ได้เหมือนกันนี่”ต้นไม้ที่อยู่เบื้องหน้าของฟีโอน่าหดกลับไปใต้ดินดังเดิม
“ขอบคุณครับที่ ชม”พร้อมยิ้มด้วยมุมปากมือทั้งสองข้างไพล่หลังไว้ [เก๊ก ซะม่ะมีเลยเอ็ง - -*]
“งั้นก็ต้องเล่นแรงกันหน่อยแหละ”
เธอล้วงมือไปที่ซองหนังที่เหน็บอยู่ที่เอวก่อนล้วงการ์ดออกมาใบนึง
“จงออกมา Red-Eye Saber Tiger ข้าขอปลดปล่อย (Release)”
การ์ดในมือของฟีโอน่าเปล่งแสงสีแดงแล้วก็หายไป ทันใดนั้นเองเบื้องหลังของเธอเกิดโพรงมิติขนาดใหญ่ มีบางอย่างกะลังก้าวออกมาจากโพรงนั้น
“โฮก!!” เสือเขี้ยวดาบตัวขนาดใหญ่ก้าวออกมากจากโพรงมิตินั้น ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหลังของฟีโอน่า มองมาทีเซตัสแล้วแสยะเขี้ยวส่งเสียงคำรามใส่เซตัสอย่างกึกก้อง [ไม่มีอารายหรอกมันแค่มองอาหารของมันเท่านั้นเอง เหอๆ โชคดีน่ะเพื่อน ^.^/] เขี้ยวสีขาวยาวเกือบถึงพื้น สีดำตลอดทั้งตัวมีลวดลายเปลวไฟอยู่ทั่วตัว ขนาดลำตัวใหญ่พอๆกะแรด เล็บทั้งสี่เท้าวาววับดุจมีดที่ลับมาอย่างดี หางมีเปลวไฟสะบัดไปมา ดวงตาสีแดงสด จ้องมองมาที่เซตัสพร้อมที่จะจู่โจมทันทีตามที่ผู้เรียกสั่ง
ทางเซตัสเห็นดังนั้นแทนที่จะตื่นตระหนกกลับยิ้มมุมปากออกมาก่อนล้วงไปยังซองหนังที่เหน็บอยู่ข้างเข็มขัดพร้อมหยิบการ์ดออกมาเช่นกัน
    “จงออกมาตามคำบัญชาแห่งข้า Bahamut Dragon ข้าขอปลดปล่อย (Release)”
การ์ดในมือของเซตัสเปล่งแสงสีน้ำเงินอย่างแรงกล้าก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ ทันใดนั้นเองมีบางอย่างทะลวงกลุ่มเมฆบินควงสว่านดิ่งลงดุจลูกกระสุน ก่อนที่จะพุ่งชนพื้นมันกลับพลิกตัว ปีกสีดำมหึมาถูกกางออกอย่างรวดเร็ว
    “พรึบบบบบบ ตึงงงงงงงง!!”เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มังกรสีดำตัวขนาดมหึมาสูงมากกว่าตึกสี่ชั้น เกล็ดสีดำแวววาวดุจเพชร ปีกมหึมากว้างกางเหยียดเต็มที่  ดวงตาสีทองส่องประกาย ดูทรงพลังมหาศาลยากจะหาผู้ต้านทานไหว ก่อนจะคำรามก้องอย่างสนั่น
“ก๊าซซซซซซซซซ” (หนวกหูเฟ้ย ไม่ต้องตะโกนก็ได้รู้แล้วว่าเสียงดี /(-.-)\\)
ก่อนจะก้มลงมามองเซตัส
    “เจ้านายเรียกข้ามาทำไรรึ”
สิ่งที่ตอนนี้ฟีโอน่าเห็นและได้ยินทำให้เธอแทบช็อคหมดสติเพราะสิ่งที่เธอเห็นและได้ยินอยู่ในขณะนี้ มังกรตัวมหึมาแถมเรื่องเหลือเชื่อก็คือ มังกรพูดได้!! ถึงเคยได้ยินมาว่ามังกรที่มีอายุมากและพลังมหาศาลนั้นสามารถพูดได้แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเห็นต่อหน้าต่อตาและที่สำคัญมันมาจากเด็กหนุ่มเบื้องหน้า เด็กหนุ่มคนนี้มันเป็นใคร ?
“ก็ไม่มีไรมากหรอกบาจัง ก็แค่ฝ่ายนู่นเขาเอาอสูรมาสู้ ฉันเลยต้องเอามาสู้มั่งสิ”ก่อนส่งยิ้มให้มังกรสีดำตัวมหึมาด้านหลัง
“เจ้านาย อย่าเรียกข้าว่า บาจังจะได้ไหม ชื่อข้าคือ Bahamut เรียกให้ถูกหน่อย ส่วนไอ้เสือตัวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าท่านมันก็แค่อสูรระดับอัศวิน (Knight) เอามาเทียบชั้นอะไรกะข้าที่เป็นระดับ จักรพรรดิ (Emperor) ได้ล่ะเจ้านาย มันคนล่ะระดับกัน”ถ้ามันแสดงออกทางสีหน้าได้หน้าของมันคงจะมุ่ยน่าดู
“จ้าๆ พ่อคนเก่ง มาถึงล่ะบ่นเป็นชุดเลย” (มังกรมันเป็นยังเงี้ยทุกตัวไหมเนี่ย- -a)
“เอ้า พี่สาวคนเก่งครับยังจะสู้อีกไหม” ก่อนจะแอบขำในใจในท่าทีของฟีโอน่ากะสัตว์อสูรของเธอ
สภาพตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้านี้สะกดให้เธอนิ่งไม่ขยับไปไหนราวกลับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว ส่วนอสูรของเธอ เสือเขี้ยวดาบตอนนี้มีสภาพไม่ต่างอะไรกับแมวที่กะลังหวาดกลัวสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง พยายามหลบตัวลีบอยู่หลังเจ้านายของมัน
“พี่ๆๆ”เสียงของเซตัสพยายามเรียกสติของฟีโอน่ากลับมา
“ตุ๊บๆๆ”เสียงของคนจำนวนมากกะลังวิ่งมาทางนี้
เซตัสหันไปมองยังต้นเสียง
“ตายล่ะหว่า ทหารมากันตูมเลย ไปกันเถอะบาฮามุท” (ไม่น่าเรียกออกมาเลยคนเลยแฮ่มากานตูมเลย>.<)
สิ้นเสียงคำสั่งจากเซตัส บาฮามุท ยื่นมือออกมาเบื้องล่างเพื่อให้เซตัสกระโดดขึ้นมาบนฝ่ามือ หลังจากที่เขากระโดดขึ้นมาแล้วมันเอาเขาไว้บนหัวแล้ว กางปีกมหึมาพร้อมโบยบินออกไป
“พรึบ” แรงกระพือปีกของบาฮามุทคล้ายพายุที่มีแรงมหาศาลพัดเอากองทหารที่กะลังวิ่งเขามาล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าแล้วบินจากไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เซตัสอยู่บนอากาศพร้อมมังกรคู่ใจกะลังบินอยู่เหนือน่านฟ้ามุ่งสู่ป่านอกเมือง
“เจ้านายจะให้ส่งตรงไหนดีล่ะ”
“บาฮามุทส่งฉันตรงลานกว้างในป่าข้างลำธารนั้นน่ะ ความจริงฉันก็อยากให้ไปส่งที่แกรนชายเลยแต่พ่อเขายังอยู่ในเมือง”
“ตกลง เจ้านาย”ว่าแล้วก็บาฮามุทก็บินลงไปยังล้างกว้างข้างลำธารทันที ลงจอดโดยสวัสดีภาพ 
เซตัสกระโดดลงจากมือมังกรที่เอื้อมลงมาวางเขาไว้ที่ลานกวาง
“ขอบใจน่ะบาจัง แล้วเจอกันใหม่ ฮิฮิ”เซตัสเงยหน้ามองมังกรตัวมหึมาเบื้องหลังก่อนส่งยิ้มให้
“เจ้านาย!!”น้ำเสียงแสดงออกถึงอารมณ์หงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากต้นเหตุที่ทำให้หงุดหงิดคือเจ้านายตัวเอง ก่อนจะบินขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าวัตถุบางอย่างก็ตกลงมายังมือของเซตัส เขาเอาขึ้นมาดูแล้วอมยิ้มก่อนเก็บเข้าซองหนังที่เหน็บอยู่ข้างเข้มขัดตามเดิม แล้วเดินมุงหน้าไปที่ลำธาร เพื่อล้างหน้าล้างตา
เมื่อเดินไปถึงลำธารเขากะลังกวักน้ำดื่มและล้างหน้าอยู่นั้น เสียงเพลงที่ไพเราะสะเนาะหูลอยแว้วมาจากหลังหินก้อนใหญ่ สะกดให้เขาเคลือบเคลิ้มจึงเดินไปตามเสียงเพื่อหวังที่จะดูที่มาของเสียงเพลงอันไพเราะนี้
เสียงเพลงยังล่องลอยมาอย่างแผ่วเบา เซตัสเดินไปยังต้นเสียงอย่างเงียบเชียบ เขาเห็นแล้วต้นกำเนิดเสียงเพลงอันไพเราะนี้มาจากผู้หญิงที่นั่งบนก้อนหินอยู่เบื้องหน้าเขานี่เอง
เธอ ผมสีเงินยาวสลวยเงางามดุจดั่งเส้นไหมเงินบริสุทธิที่ถักทอมาอย่างละเอียดและประณีตที่สุด ใบหน้างดงามราวภาพวาดที่พระเจ้าบรรจงจิตกรรมขึ้นมาอย่างสุดฝีมือ รูปร่างอ่อนแอ้นอรชร ผิวขาวดุจหิมะ ใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวกับกระโปงสีขาว เปิดเผยให้เห็นท่อนแขนที่กลมกลึงนิ้วเรียวงามทั้งสิบ กำลังยันก้อนหินเอาไว้ในขณะที่เท้าเรียวงามคู่นั้นกะลังแตะน้ำในลำธารเล่นอย่างสบายอารมณ์ ในขณะปากน้อยๆครวญเพลงไปอย่างไพเราะพร้อมทั้งหลับตาร้องเพลงอย่างเป็นสุข โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีผู้มาเยือนยืนอยู่เบื้องหน้า
เซตัสยืนฟังเพลงอยู่เบื้องหน้าเธออย่างเงียบเชียบ ดื่มด่ำกับเสียงเพลงที่ไม่อยากให้จบจนกระทั่งบทเพลงอันแสนไพเราะจบลง
“แปะๆๆ”เสียงปรบมืออย่างแผ่วเบาได้ปลุกให้เธอลืมตาขึ้นมามองยังต้นเสียงที่มา
ดวงตาคู่งามสีฟ้าน้ำทะเล แววตาแฝงความนุ่มนวลและใจดีของเธอมองสำรวจผู้อยู่เบื้องหน้าพบว่าเป็น  เด็กหนุ่มผมทอง ตาสีทอง ใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพบุตร แววตาดูอบอุ่นอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความซุกซนเจ้าเล่ห์ มุมปากมีรอยยิ้ม อยู่ตลอดเวลา รูปร่างสูงโปร่ง หุ่นสมส่วน อย่างตกใจแล้วแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจปนสงสัยในตัวบุคคลเบื้องหน้า
“ท่านเป็นใคร”ปากน้อยๆถามไปยังบุคคลเบื้องหน้าพร้อมด้วยสีหน้าสงสัย
เซตัสยิ้มแล้วก้มหัวทักทายไปอย่างสวยงามก่อนจะตอบไปว่า
    “ผมเป็นคนผ่านทางมาคนนึง แต่ได้เสียงเพลงที่ไพเราะที่สุดเท่าเคยได้ยินมา จึงเดินมาดูผู้ขับร้องบทเพลงอันสุดไพเราะนี้ถึงได้รู้ว่า บทเพลงเหล่านี้ขับร้องมาจากเทพธิดาองค์นึง”
    “ขอบคุณท่านที่ชม เราแค่ร้องเพลงธรรมดาเท่านั้นเองแล้วเราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เทพธิดา”เธอก้มหน้าลงแก้มสีขาวนวลเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ
    “อ๋อ งั้นมนุษย์ธรรมดาเบื้องหน้าพอจะบอกผมได้ไหมครับว่าชื่ออะไร”
    “เราชื่อ ฟลอล่า แล้วท่านคนผ่านทางล่ะชื่ออะไรหรอ”
    “ข้าชื่อเซ ..”ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังมาจากในป่าเบื้องหลังเธอ
    “องค์หญิงเพคะ อยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
    “เราอยู่นี่เซเรีย”ฟลอล่า หันกลับไปตอบบุคคลที่กะลังเดินเข้ามาหาเธอ
    ผู้หญิงรูปร่างผอมแต่ดูปราดเปรียว ใบหน้าสวยคมเข้ม แววตาร่าเริง แจ่มใส แสดงออกในตาสีเงินคู่นั้นผมยาวตรงเรียบถึงกลางหลัง สีออกเทาปนดำ ผิวขาวกระจ่าง สวมชุดแขนยาวสีเหลืองกระโปรงยาวเหลือง ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง เดินเข้ามาหาฟลอล่าอย่างยิ้มแย้ม
    “คุยกะใครอยู่หรอเพคะองค์หญิง”เธอถามอย่างสงสัย
    “เราบอกแล้วไงเวลาอยู่กันแค่สามคนไม่ต้องเรียกองค์หญิงก็ได้ไงเซเรีย แล้วเรากะลังคุยกะคนผ่านทางนะ”ฟลอล่าตัดพ้อไป
    “ไหนล่ะเพคะ องค์หญิง ไม่เห็นมีใครอยู่เลย”เซเรียชะโงกหน้าดูไปที่ด้านหลังของฟลอล่า
    “ก็นี่ไง อ้าวไปไหนซะแล้ว”เจ้าหญิงฟลอล่าหันกลับมามองยังเบื้องหน้า บุคคลเบื้องหน้าได้อันตธารหายไปแล้ว
    “องค์หญิงทรงไม่สบายหรือปล่าวเพคะ”เซเรียถามอย่างเป็นห่วง
    “เราสบายดีตะกี้เรายังคุยกะเขาอยู่เลย ยังถามชื่อเขาอยู่เมื้อกี้เนี่ยแล้วเธอก็เข้ามาเซเรีย”
    “แต่หม่อมฉันก็ไม่เห็นมีใครนี่เพคะ”เซเรียทำหน้าฉงน
    “ช่างเถอะว่าแต่ ไดอาน่าไปไหนล่ะ”
    “หม่อมฉันอยู่นี่เพคะองค์หญิง”เสียง เสียงหนึ่งดังมากจากผู้หญิงคนนึงที่กะลังเดินเขามาสมทบ
    เธอรูปร่างสูงเพรียว หุ่นนักกีฬา  ใบหน้าคมเข้มแบบชาวทะเลทราย ตาสีแดงเพลิง แววตากระตือรือร้น ผมสั้นสีทองไฮไลท์แดง ผิวพรรณสีน้ำผึ้ง สวมชุดเสื้อแขนสั้นสีน้าตาลกางเกงขายาวสีดำ เดินถือดาบเข้ามา
    “ไปไหนมาหรอไดอาน่า หรือว่าอย่าบอกเราน่ะว่า ”
    “เพคะหม่อมฉัน ซ้อมดาบกับพวกทหารมา”ไดอาน่าตอบอย่างยิ้มแย้ม
    “ฉันว่า เธอบังคับพวกทหารเขาซ้อมดาบด้วยมากกว่าน่ะ”เสียงเหน็บแหนมดังมาจากหญิงสาวผู้ยืนอยู่ข้าง
    “เอาน่า ก็ไม่ได้สู้กันให้ตายไปข้างนี่ หนุกๆเท่านั้นเอง”
    “แต่พวกทหารเขาไม่ได้สนุกไปกะเธอด้วยหรอกน่ะ”
    “ใครใช้ให้ ”ก่อนที่จะพูดจบเสียงๆหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาก่อน
    “พอๆทั้งคู่เลย แล้วพวกเธอสองคนมาทำไรกันหรอเราบอกว่าเราอย่านั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไง”เจ้าหญิงฟลอล่าต้องตัดบทก่อนจะทะเลาะกันมากกว่านี้
    ไดอาน่าถอนสายบัวก่อนตอบไปว่า
    “เสด็จพ่อส่งทหารมาตามกลับเข้าวังแล้วเพคะเพราะพรุ่งนี้พระองค์ต้องเดินทางแต่เช้า”
    “เราดีใจที่จะได้ไปเรียนที่แกรนชาย ป่ะกลับกันเถอะ เซเรีย ไดอาน่า”องค์หญิงฟลอล่าตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
    “เพคะ องค์หญิง”เสียงขานรับทั้งสองดังพร้อมกัน
    เจ้าหญิงฟลอล่าก้าวลงจากก้อนหินเดินนำทั้งสองจากไม่ว่ามีสายตาคู่นึงจับจ้องอยู่
    “แล้วพบกันใหม่องค์หญิงฟลอล่า”เซตัสยิ้มที่มุมปากก่อนจะจากไป
.
    “ป๊าบ!!” เสียงดังสนั่นลั่นร้าน
    “โอ๊ยยยยยย มันเจ็บน่ะพ่อ”เซตัสกุมท้ายทอยอย่างเจ็บปวด
    “ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ให้ก่อเรื่องไง”เบดิอาส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายอย่างระอาใจในตัวลูกชายตัวดี
    “ข้าไม่ได้ก่อเรื่องแต่เรื่องมันมาหาข้าเองง่ะ ไม่เชื่อถามเยฟี่ดูก็ได้”เซตัสกะลังลูบหัวที่ถูกตบกะโหลกไป (คนไรฟ่ะแรงเยอะชะมัด)[อิอิ ดีสมน้ำหน้า :P]
    “ถีงยังงั้นก็เถอะไม่เห็นต้องเรียก บาฮามุทออกมาเลย มันทำให้ชาวบ้านแตกตื่นนึกว่ามีสัตว์ประหลาดบุก”
    “ก็ฝ่ายตรงข้ามเข้าเรียกสัตว์อสูรออกมานี่ ผมก็เรียกมั้งสิ”ลูกชายตัวดียังแย้งอยู่ดี
    “ตัวอื่นก็มีทำไม ไม่ใช้ล่ะเรียกออกมาทำไมบาฮามุทอ่ะ”
    “ก็ ..”เถียงไม่ออก(เออมันจริงของป๋าเขา- -a)
    “มันน่าจะโดนอีกซํก ป๊าบน่ะแบบนี้ ไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า รู้ไหม”เบดิอาไล่เซตัสไปนอนอย่างหัวเสีย
    “ครับ”เซตัสลุกพรวดจากเก้าอี้พุ่งไปนอนทันที (รีบ ลี้ภัยก่อนที่จะโดนมากกว่านี้>.<)
    “เอี๊ยด~~~~ปัง”เบดิอาปิดประตูเดินจากไป
    เซตัสค่อยลุกขึ้นมานั่งข้างหน้าต่าง เงยหน้ามองไปที่ปราสาทใหญ่กลางเมือง
    “แล้วพบกันที่แกรนชายน่ะองต์หญิง”
   
   
ตอนหน้า พบกับการเดินทางไปแกรนชายของเซตัส ถ้ามันง่ายก็ไม่มันส์น่ะสิ หึหึ (- -aวิบากกรรมทั้งนั้น ถ้าท่าทางไอ้คนเขียนมันโรคจิตน่ะ)
สวัสดีครับ ขอบคุณทุกท่านที่ตามผลงาน รีบเขียนรีบเอามาลงให้ทุกท่านอ่านกันทุกคน
ติชมได้เต็มที่และขอกำลังใจด้วยน่ะงับ อยู่คนเดียวมันเหงามากๆ ซิกๆ T.T
แล้วตอนนี้ตัวละครใครออกมามั้งเอ่ย อิอิตัวใหม่ สองตัวแน่ะ
อย่าลืมพบกันตอนหน้าน่ะครับ
    “เวดาเวโดวูด ผนึกพฤกษานิรันกาล”
ไม่รอช้าฟีโอน่าร่ายเวทย์ใส่เซตัสทันที
    พื้นที่ใต้เท้าของเซตัสมีเถาวัลย์เลื้อยขึ้นมาทันทีแต่เซตัสรู้ตัวโดดขึ้นกิ่งไม้ต้นไม้ใหญ่เบื้องหลังทันที แต่เถาวัลย์ก็ไล่ตามติดไปทันควัน
    “เดียวก่อนสิครับเพ่ ฟังกันมั้ง ผมบอกว่าผมไม่ได้เอาแหวนของเพ่ไปซะหน่อย”เซตัสตะโกนลงมา
เซตัสโดดหลบเถาวัลย์ที่พุ่งไล่ตามไปมาอย่างรวดเร็ว แต่ดูท่าทางฟีโอน่าก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีจนในที่สุด เซตัสล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วล้วงของบางอย่างออกมา สวมเข้าไปที่มือซ้าย
“กริ๊ก”เสียงเหมือนบางอย่างถูกล็อค
“เซโรนอส อามาดีน ศรเพลิงกันต์”
ลูกธนูเพลิงจำนวนมากพุ่งไปหาฟีโอน่า เธอเห็นดังนั้นจึงกระโดดหลบทันที
“ตูมๆๆๆๆๆๆๆ”พื้นที่ก่อนหน้าที่เธอเคยยืนอยู่เกิดหลุมบ่อจำนวนมากมาย
“ตุ๊บ”เซตัสกระโดดลงมายืนเบื้องหน้าฟีโอน่า
    “ขอโทษครับ แต่ผมจำเป็นต้องป้องกันตัวอ่ะ ผมขอพูดอีกครั้งว่าผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แหวนผมก็ไม่ได้เอาไปด้วย”เซตัสอธิบายอย่างเซ็งๆ 
    “ฉันไม่เชื่อ”ฟีโอน่ายังยืนกรานเช่นเดิม
    “งั้นก็ตามใจพี่แล้วล่ะครับ ถ้าพี่จะลงมืออีกผมคงต้องป้องกันตัวแล้ว”เซตัสมองไปทางฟีโอน่าอย่างเนือยๆ
    ฟีโอน่าพิจารณาเด็กหนุ่มเบื้องหน้าอีกครั้ง เขามีผมสีทองยาวถึงกลางกลังแล้วรวบด้วยที่รัดผมสีดำ ดวงตาตาสีทอง นัยน์ตาแฝงความสงบนิ่งแฝงไปด้วยอำนาจมหาศาลจ้องมองมายังตน ใบหน้าหล่อเหลา ดุจเทพบุตร ผิวขาวเนียนรูปร่างสูงโปร่งสมส่วน สวมใส่เสื้อผ้าดูธรรมดาแต่ทั่วร่างกลับแผ่อำนาจกดดันอันร้ายกาจออกมา ท่าทางเรียบเฉย รูปลักษณ์คล้ายสุดจะหยั่งถึง และเมื่อมองไปที่มือซ้ายก็ต้องแปลกใจ นิ้วแต่ล่ะนิ้วของบุคคลเบื้องหน้า สวมใส่แหวนห้าวง แต่ล่ะวงมีสีสันต่างกันห้าสี ที่ข้อมือมีกำไลสีทองหุ้มอยู่ [มันยืนเก๊กอยู่ครับเจ๊ไม่ต้องไปกลัวมัน^ ^]
แต่ในเมื่อในมือทั้งสองข้างไม่มีไม้คทาอยู่แต่เขาร่ายเวทย์ได้ไงกัน ทำให้เธอฉงนใจยิ่งนัก จึงทำให้เธอตัดสินใจร่ายเวทย์อีกครั้งเพื่อพิสูจน์[ว่าง่ายๆอาเจ๊เขาอยากรู้ฮับ- -a]
“ซีโอนี ซีเมนัส ราดีโอ กรงขังพฤกษากักวิญญาณ”
ท่อนไม้มากมายพุ่งเฉียงขึ้นมาจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นกระโจมขังเซตัสไว้ข้างใน
“เฮ้อ~~ ผมเตือนพี่แล้วน่ะครับ”เสียงถอนหายใจดังลอดมาจากกองซุงเบื้อหน้าฟีโอน่า
“วาโอนัส เซริออส ปราการพายุทมิฬ”
สิ้นเสียงทันใดนั้นเอง เหล่าท่อนไม้ที่ขังเซตัสไว้ปลิวไปคนล่ะทิศ คนล่ะทาง บัดนี้รอบตัวเซตัสมีลมหมุนวนอย่างรวดเร็ว เขายืนนิ่งอยู่ใจกลางพายุอย่างสงบ
แต่สิ่งที่เห็นทำให้ฟีโอน่าตะลึงเข้าไปใหญ่  ทำให้หนุ่มน้อยเบื้องหน้าถึงดูลึกลับเข้าไปอีก ในเมื่อ เขาสามารถใช้เวทย์สองธาตุได้อย่างไรอีกทั้งในมือก็ไม่ได้ถือไม้คทาอยู่แล้วไหงถึงใช้เวทย์ได้ คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองของฟีโอน่าราวดอกเห็ด ว่าเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเป็นใครกันแน่
“นายเป็นใครกันแน่”ฟีโอน่าตัดสินใจถามไป
“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอกครับแต่อยากบอกให้พี่รู้ว่าผมไม่ได้เอาแหวนของพี่ไป”พายุที่อยู่รอบตัวเซตัสสลายหายไป
“งั้นนายก็ต้องรู้ว่ามันอยู่ไหน บอกมา”
“ผมไม่รู้ครับ”เซตัสส่ายหัวอย่างปลงๆ(ทำไมม่ะเชื่อตูซะทีฟ่ะ วัยรุ่นเซ็งขอบอก - -a)
“ไม่พูดใช่ไหมงั้นฉันจะทำให้นายพูด”พื้นที่ใต้เท้าฟีโอน่าเกิดวงกลมไสย์เวทย์เรืองแสงสีดำ วนรอบใต้เท้า รอบวงกลมเต็มไปด้วยอักษรรูนน์สีดำ
“ในนามของข้าฟีโอน่า เดียโบลีส อสูรแห่งความมืดมิด”
(เห้ย !! เวทย์นี้มันเวทย์ที่ใช้ในการประลองนิ)
เซตัสเห็นดังนั้น รีบกระโดดพุ่งเข้าประชิดตัวฟีโอน่าทันทีก่อนที่เธอจะร่ายเวทย์จบ  แค่ชั่วพริบตาเซตัสถึงตัวเธอแล้วปล่อยหมัดขวาเข้าที่ลำตัวฟีโอน่าอย่างรวดเร็วทำให้เธอต้อหยุดร่ายเวทย์กระทัน ลงมาป้องกันตัว โดยเบี่ยงตัวหลบก่อนหมุนตัวพร้อมฟาดกวาดไม้เท้าไปที่ใบหน้าของเซตัส เขาก้มหัวหลบแล้วตีลังกาม้วนหน้าเอาส้นเท้าฟาดลงใส่ศีรษะของฟีโอน่าทันที เธอชักหัวกลับหลบส้นเท้าพร้อมกระโดดถอยหลังออกมา เซตัสผลักฝ่ามืออกไป แล้วร่ายเวทย์
“บาราเนียส โอดีรัม กระสุนน้ำแข็ง”
แท่งน้ำแข็งจำนวนมากมายพุ่งไปหาฟีโอน่าอย่างรวดเร็ว
“เรมอส รามีนอส กำแพงพฤกษาจงปรากฏ”
ต้นไม้มากมายโพยพุ่งขึ้นจากพื้นขึ้นมาป้องกันฟีโอน่า
“จึกๆๆๆๆๆๆ”แท่งน้ำแข็งปะทะชนกับลำต้นของต้นไม้อย่างแรงก่อนจะจมลึกลงไปมากกว่าครึ่งแท่ง
“เก่งใช้ได้เหมือนกันนี่”ต้นไม้ที่อยู่เบื้องหน้าของฟีโอน่าหดกลับไปใต้ดินดังเดิม
“ขอบคุณครับที่ ชม”พร้อมยิ้มด้วยมุมปากมือทั้งสองข้างไพล่หลังไว้ [เก๊ก ซะม่ะมีเลยเอ็ง - -*]
“งั้นก็ต้องเล่นแรงกันหน่อยแหละ”
เธอล้วงมือไปที่ซองหนังที่เหน็บอยู่ที่เอวก่อนล้วงการ์ดออกมาใบนึง
“จงออกมา Red-Eye Saber Tiger ข้าขอปลดปล่อย (Release)”
การ์ดในมือของฟีโอน่าเปล่งแสงสีแดงแล้วก็หายไป ทันใดนั้นเองเบื้องหลังของเธอเกิดโพรงมิติขนาดใหญ่ มีบางอย่างกะลังก้าวออกมาจากโพรงนั้น
“โฮก!!” เสือเขี้ยวดาบตัวขนาดใหญ่ก้าวออกมากจากโพรงมิตินั้น ก่อนจะหยุดยืนอยู่ด้านหลังของฟีโอน่า มองมาทีเซตัสแล้วแสยะเขี้ยวส่งเสียงคำรามใส่เซตัสอย่างกึกก้อง [ไม่มีอารายหรอกมันแค่มองอาหารของมันเท่านั้นเอง เหอๆ โชคดีน่ะเพื่อน ^.^/] เขี้ยวสีขาวยาวเกือบถึงพื้น สีดำตลอดทั้งตัวมีลวดลายเปลวไฟอยู่ทั่วตัว ขนาดลำตัวใหญ่พอๆกะแรด เล็บทั้งสี่เท้าวาววับดุจมีดที่ลับมาอย่างดี หางมีเปลวไฟสะบัดไปมา ดวงตาสีแดงสด จ้องมองมาที่เซตัสพร้อมที่จะจู่โจมทันทีตามที่ผู้เรียกสั่ง
ทางเซตัสเห็นดังนั้นแทนที่จะตื่นตระหนกกลับยิ้มมุมปากออกมาก่อนล้วงไปยังซองหนังที่เหน็บอยู่ข้างเข็มขัดพร้อมหยิบการ์ดออกมาเช่นกัน
    “จงออกมาตามคำบัญชาแห่งข้า Bahamut Dragon ข้าขอปลดปล่อย (Release)”
การ์ดในมือของเซตัสเปล่งแสงสีน้ำเงินอย่างแรงกล้าก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ ทันใดนั้นเองมีบางอย่างทะลวงกลุ่มเมฆบินควงสว่านดิ่งลงดุจลูกกระสุน ก่อนที่จะพุ่งชนพื้นมันกลับพลิกตัว ปีกสีดำมหึมาถูกกางออกอย่างรวดเร็ว
    “พรึบบบบบบ ตึงงงงงงงง!!”เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มังกรสีดำตัวขนาดมหึมาสูงมากกว่าตึกสี่ชั้น เกล็ดสีดำแวววาวดุจเพชร ปีกมหึมากว้างกางเหยียดเต็มที่  ดวงตาสีทองส่องประกาย ดูทรงพลังมหาศาลยากจะหาผู้ต้านทานไหว ก่อนจะคำรามก้องอย่างสนั่น
“ก๊าซซซซซซซซซ” (หนวกหูเฟ้ย ไม่ต้องตะโกนก็ได้รู้แล้วว่าเสียงดี /(-.-)\\)
ก่อนจะก้มลงมามองเซตัส
    “เจ้านายเรียกข้ามาทำไรรึ”
สิ่งที่ตอนนี้ฟีโอน่าเห็นและได้ยินทำให้เธอแทบช็อคหมดสติเพราะสิ่งที่เธอเห็นและได้ยินอยู่ในขณะนี้ มังกรตัวมหึมาแถมเรื่องเหลือเชื่อก็คือ มังกรพูดได้!! ถึงเคยได้ยินมาว่ามังกรที่มีอายุมากและพลังมหาศาลนั้นสามารถพูดได้แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเห็นต่อหน้าต่อตาและที่สำคัญมันมาจากเด็กหนุ่มเบื้องหน้า เด็กหนุ่มคนนี้มันเป็นใคร ?
“ก็ไม่มีไรมากหรอกบาจัง ก็แค่ฝ่ายนู่นเขาเอาอสูรมาสู้ ฉันเลยต้องเอามาสู้มั่งสิ”ก่อนส่งยิ้มให้มังกรสีดำตัวมหึมาด้านหลัง
“เจ้านาย อย่าเรียกข้าว่า บาจังจะได้ไหม ชื่อข้าคือ Bahamut เรียกให้ถูกหน่อย ส่วนไอ้เสือตัวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าท่านมันก็แค่อสูรระดับอัศวิน (Knight) เอามาเทียบชั้นอะไรกะข้าที่เป็นระดับ จักรพรรดิ (Emperor) ได้ล่ะเจ้านาย มันคนล่ะระดับกัน”ถ้ามันแสดงออกทางสีหน้าได้หน้าของมันคงจะมุ่ยน่าดู
“จ้าๆ พ่อคนเก่ง มาถึงล่ะบ่นเป็นชุดเลย” (มังกรมันเป็นยังเงี้ยทุกตัวไหมเนี่ย- -a)
“เอ้า พี่สาวคนเก่งครับยังจะสู้อีกไหม” ก่อนจะแอบขำในใจในท่าทีของฟีโอน่ากะสัตว์อสูรของเธอ
สภาพตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้านี้สะกดให้เธอนิ่งไม่ขยับไปไหนราวกลับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว ส่วนอสูรของเธอ เสือเขี้ยวดาบตอนนี้มีสภาพไม่ต่างอะไรกับแมวที่กะลังหวาดกลัวสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง พยายามหลบตัวลีบอยู่หลังเจ้านายของมัน
“พี่ๆๆ”เสียงของเซตัสพยายามเรียกสติของฟีโอน่ากลับมา
“ตุ๊บๆๆ”เสียงของคนจำนวนมากกะลังวิ่งมาทางนี้
เซตัสหันไปมองยังต้นเสียง
“ตายล่ะหว่า ทหารมากันตูมเลย ไปกันเถอะบาฮามุท” (ไม่น่าเรียกออกมาเลยคนเลยแฮ่มากานตูมเลย>.<)
สิ้นเสียงคำสั่งจากเซตัส บาฮามุท ยื่นมือออกมาเบื้องล่างเพื่อให้เซตัสกระโดดขึ้นมาบนฝ่ามือ หลังจากที่เขากระโดดขึ้นมาแล้วมันเอาเขาไว้บนหัวแล้ว กางปีกมหึมาพร้อมโบยบินออกไป
“พรึบ” แรงกระพือปีกของบาฮามุทคล้ายพายุที่มีแรงมหาศาลพัดเอากองทหารที่กะลังวิ่งเขามาล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าแล้วบินจากไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เซตัสอยู่บนอากาศพร้อมมังกรคู่ใจกะลังบินอยู่เหนือน่านฟ้ามุ่งสู่ป่านอกเมือง
“เจ้านายจะให้ส่งตรงไหนดีล่ะ”
“บาฮามุทส่งฉันตรงลานกว้างในป่าข้างลำธารนั้นน่ะ ความจริงฉันก็อยากให้ไปส่งที่แกรนชายเลยแต่พ่อเขายังอยู่ในเมือง”
“ตกลง เจ้านาย”ว่าแล้วก็บาฮามุทก็บินลงไปยังล้างกว้างข้างลำธารทันที ลงจอดโดยสวัสดีภาพ 
เซตัสกระโดดลงจากมือมังกรที่เอื้อมลงมาวางเขาไว้ที่ลานกวาง
“ขอบใจน่ะบาจัง แล้วเจอกันใหม่ ฮิฮิ”เซตัสเงยหน้ามองมังกรตัวมหึมาเบื้องหลังก่อนส่งยิ้มให้
“เจ้านาย!!”น้ำเสียงแสดงออกถึงอารมณ์หงุดหงิดแต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากต้นเหตุที่ทำให้หงุดหงิดคือเจ้านายตัวเอง ก่อนจะบินขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าวัตถุบางอย่างก็ตกลงมายังมือของเซตัส เขาเอาขึ้นมาดูแล้วอมยิ้มก่อนเก็บเข้าซองหนังที่เหน็บอยู่ข้างเข้มขัดตามเดิม แล้วเดินมุงหน้าไปที่ลำธาร เพื่อล้างหน้าล้างตา
เมื่อเดินไปถึงลำธารเขากะลังกวักน้ำดื่มและล้างหน้าอยู่นั้น เสียงเพลงที่ไพเราะสะเนาะหูลอยแว้วมาจากหลังหินก้อนใหญ่ สะกดให้เขาเคลือบเคลิ้มจึงเดินไปตามเสียงเพื่อหวังที่จะดูที่มาของเสียงเพลงอันไพเราะนี้
เสียงเพลงยังล่องลอยมาอย่างแผ่วเบา เซตัสเดินไปยังต้นเสียงอย่างเงียบเชียบ เขาเห็นแล้วต้นกำเนิดเสียงเพลงอันไพเราะนี้มาจากผู้หญิงที่นั่งบนก้อนหินอยู่เบื้องหน้าเขานี่เอง
เธอ ผมสีเงินยาวสลวยเงางามดุจดั่งเส้นไหมเงินบริสุทธิที่ถักทอมาอย่างละเอียดและประณีตที่สุด ใบหน้างดงามราวภาพวาดที่พระเจ้าบรรจงจิตกรรมขึ้นมาอย่างสุดฝีมือ รูปร่างอ่อนแอ้นอรชร ผิวขาวดุจหิมะ ใส่เสื้อแขนสั้นสีขาวกับกระโปงสีขาว เปิดเผยให้เห็นท่อนแขนที่กลมกลึงนิ้วเรียวงามทั้งสิบ กำลังยันก้อนหินเอาไว้ในขณะที่เท้าเรียวงามคู่นั้นกะลังแตะน้ำในลำธารเล่นอย่างสบายอารมณ์ ในขณะปากน้อยๆครวญเพลงไปอย่างไพเราะพร้อมทั้งหลับตาร้องเพลงอย่างเป็นสุข โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีผู้มาเยือนยืนอยู่เบื้องหน้า
เซตัสยืนฟังเพลงอยู่เบื้องหน้าเธออย่างเงียบเชียบ ดื่มด่ำกับเสียงเพลงที่ไม่อยากให้จบจนกระทั่งบทเพลงอันแสนไพเราะจบลง
“แปะๆๆ”เสียงปรบมืออย่างแผ่วเบาได้ปลุกให้เธอลืมตาขึ้นมามองยังต้นเสียงที่มา
ดวงตาคู่งามสีฟ้าน้ำทะเล แววตาแฝงความนุ่มนวลและใจดีของเธอมองสำรวจผู้อยู่เบื้องหน้าพบว่าเป็น  เด็กหนุ่มผมทอง ตาสีทอง ใบหน้าหล่อเหลาดั่งเทพบุตร แววตาดูอบอุ่นอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความซุกซนเจ้าเล่ห์ มุมปากมีรอยยิ้ม อยู่ตลอดเวลา รูปร่างสูงโปร่ง หุ่นสมส่วน อย่างตกใจแล้วแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจปนสงสัยในตัวบุคคลเบื้องหน้า
“ท่านเป็นใคร”ปากน้อยๆถามไปยังบุคคลเบื้องหน้าพร้อมด้วยสีหน้าสงสัย
เซตัสยิ้มแล้วก้มหัวทักทายไปอย่างสวยงามก่อนจะตอบไปว่า
    “ผมเป็นคนผ่านทางมาคนนึง แต่ได้เสียงเพลงที่ไพเราะที่สุดเท่าเคยได้ยินมา จึงเดินมาดูผู้ขับร้องบทเพลงอันสุดไพเราะนี้ถึงได้รู้ว่า บทเพลงเหล่านี้ขับร้องมาจากเทพธิดาองค์นึง”
    “ขอบคุณท่านที่ชม เราแค่ร้องเพลงธรรมดาเท่านั้นเองแล้วเราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เทพธิดา”เธอก้มหน้าลงแก้มสีขาวนวลเริ่มขึ้นสีแดงจางๆ
    “อ๋อ งั้นมนุษย์ธรรมดาเบื้องหน้าพอจะบอกผมได้ไหมครับว่าชื่ออะไร”
    “เราชื่อ ฟลอล่า แล้วท่านคนผ่านทางล่ะชื่ออะไรหรอ”
    “ข้าชื่อเซ ..”ทันใดนั้นเองมีเสียงหนึ่งดังมาจากในป่าเบื้องหลังเธอ
    “องค์หญิงเพคะ อยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
    “เราอยู่นี่เซเรีย”ฟลอล่า หันกลับไปตอบบุคคลที่กะลังเดินเข้ามาหาเธอ
    ผู้หญิงรูปร่างผอมแต่ดูปราดเปรียว ใบหน้าสวยคมเข้ม แววตาร่าเริง แจ่มใส แสดงออกในตาสีเงินคู่นั้นผมยาวตรงเรียบถึงกลางหลัง สีออกเทาปนดำ ผิวขาวกระจ่าง สวมชุดแขนยาวสีเหลืองกระโปรงยาวเหลือง ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง เดินเข้ามาหาฟลอล่าอย่างยิ้มแย้ม
    “คุยกะใครอยู่หรอเพคะองค์หญิง”เธอถามอย่างสงสัย
    “เราบอกแล้วไงเวลาอยู่กันแค่สามคนไม่ต้องเรียกองค์หญิงก็ได้ไงเซเรีย แล้วเรากะลังคุยกะคนผ่านทางนะ”ฟลอล่าตัดพ้อไป
    “ไหนล่ะเพคะ องค์หญิง ไม่เห็นมีใครอยู่เลย”เซเรียชะโงกหน้าดูไปที่ด้านหลังของฟลอล่า
    “ก็นี่ไง อ้าวไปไหนซะแล้ว”เจ้าหญิงฟลอล่าหันกลับมามองยังเบื้องหน้า บุคคลเบื้องหน้าได้อันตธารหายไปแล้ว
    “องค์หญิงทรงไม่สบายหรือปล่าวเพคะ”เซเรียถามอย่างเป็นห่วง
    “เราสบายดีตะกี้เรายังคุยกะเขาอยู่เลย ยังถามชื่อเขาอยู่เมื้อกี้เนี่ยแล้วเธอก็เข้ามาเซเรีย”
    “แต่หม่อมฉันก็ไม่เห็นมีใครนี่เพคะ”เซเรียทำหน้าฉงน
    “ช่างเถอะว่าแต่ ไดอาน่าไปไหนล่ะ”
    “หม่อมฉันอยู่นี่เพคะองค์หญิง”เสียง เสียงหนึ่งดังมากจากผู้หญิงคนนึงที่กะลังเดินเขามาสมทบ
    เธอรูปร่างสูงเพรียว หุ่นนักกีฬา  ใบหน้าคมเข้มแบบชาวทะเลทราย ตาสีแดงเพลิง แววตากระตือรือร้น ผมสั้นสีทองไฮไลท์แดง ผิวพรรณสีน้ำผึ้ง สวมชุดเสื้อแขนสั้นสีน้าตาลกางเกงขายาวสีดำ เดินถือดาบเข้ามา
    “ไปไหนมาหรอไดอาน่า หรือว่าอย่าบอกเราน่ะว่า ”
    “เพคะหม่อมฉัน ซ้อมดาบกับพวกทหารมา”ไดอาน่าตอบอย่างยิ้มแย้ม
    “ฉันว่า เธอบังคับพวกทหารเขาซ้อมดาบด้วยมากกว่าน่ะ”เสียงเหน็บแหนมดังมาจากหญิงสาวผู้ยืนอยู่ข้าง
    “เอาน่า ก็ไม่ได้สู้กันให้ตายไปข้างนี่ หนุกๆเท่านั้นเอง”
    “แต่พวกทหารเขาไม่ได้สนุกไปกะเธอด้วยหรอกน่ะ”
    “ใครใช้ให้ ”ก่อนที่จะพูดจบเสียงๆหนึ่งพูดแทรกขึ้นมาก่อน
    “พอๆทั้งคู่เลย แล้วพวกเธอสองคนมาทำไรกันหรอเราบอกว่าเราอย่านั่งอยู่ที่นี่คนเดียวไง”เจ้าหญิงฟลอล่าต้องตัดบทก่อนจะทะเลาะกันมากกว่านี้
    ไดอาน่าถอนสายบัวก่อนตอบไปว่า
    “เสด็จพ่อส่งทหารมาตามกลับเข้าวังแล้วเพคะเพราะพรุ่งนี้พระองค์ต้องเดินทางแต่เช้า”
    “เราดีใจที่จะได้ไปเรียนที่แกรนชาย ป่ะกลับกันเถอะ เซเรีย ไดอาน่า”องค์หญิงฟลอล่าตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
    “เพคะ องค์หญิง”เสียงขานรับทั้งสองดังพร้อมกัน
    เจ้าหญิงฟลอล่าก้าวลงจากก้อนหินเดินนำทั้งสองจากไม่ว่ามีสายตาคู่นึงจับจ้องอยู่
    “แล้วพบกันใหม่องค์หญิงฟลอล่า”เซตัสยิ้มที่มุมปากก่อนจะจากไป
.
    “ป๊าบ!!” เสียงดังสนั่นลั่นร้าน
    “โอ๊ยยยยยย มันเจ็บน่ะพ่อ”เซตัสกุมท้ายทอยอย่างเจ็บปวด
    “ข้าบอกแล้วไงว่าไม่ให้ก่อเรื่องไง”เบดิอาส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายอย่างระอาใจในตัวลูกชายตัวดี
    “ข้าไม่ได้ก่อเรื่องแต่เรื่องมันมาหาข้าเองง่ะ ไม่เชื่อถามเยฟี่ดูก็ได้”เซตัสกะลังลูบหัวที่ถูกตบกะโหลกไป (คนไรฟ่ะแรงเยอะชะมัด)[อิอิ ดีสมน้ำหน้า :P]
    “ถีงยังงั้นก็เถอะไม่เห็นต้องเรียก บาฮามุทออกมาเลย มันทำให้ชาวบ้านแตกตื่นนึกว่ามีสัตว์ประหลาดบุก”
    “ก็ฝ่ายตรงข้ามเข้าเรียกสัตว์อสูรออกมานี่ ผมก็เรียกมั้งสิ”ลูกชายตัวดียังแย้งอยู่ดี
    “ตัวอื่นก็มีทำไม ไม่ใช้ล่ะเรียกออกมาทำไมบาฮามุทอ่ะ”
    “ก็ ..”เถียงไม่ออก(เออมันจริงของป๋าเขา- -a)
    “มันน่าจะโดนอีกซํก ป๊าบน่ะแบบนี้ ไปนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า รู้ไหม”เบดิอาไล่เซตัสไปนอนอย่างหัวเสีย
    “ครับ”เซตัสลุกพรวดจากเก้าอี้พุ่งไปนอนทันที (รีบ ลี้ภัยก่อนที่จะโดนมากกว่านี้>.<)
    “เอี๊ยด~~~~ปัง”เบดิอาปิดประตูเดินจากไป
    เซตัสค่อยลุกขึ้นมานั่งข้างหน้าต่าง เงยหน้ามองไปที่ปราสาทใหญ่กลางเมือง
    “แล้วพบกันที่แกรนชายน่ะองต์หญิง”
   
   
ตอนหน้า พบกับการเดินทางไปแกรนชายของเซตัส ถ้ามันง่ายก็ไม่มันส์น่ะสิ หึหึ (- -aวิบากกรรมทั้งนั้น ถ้าท่าทางไอ้คนเขียนมันโรคจิตน่ะ)
สวัสดีครับ ขอบคุณทุกท่านที่ตามผลงาน รีบเขียนรีบเอามาลงให้ทุกท่านอ่านกันทุกคน
ติชมได้เต็มที่และขอกำลังใจด้วยน่ะงับ อยู่คนเดียวมันเหงามากๆ ซิกๆ T.T
แล้วตอนนี้ตัวละครใครออกมามั้งเอ่ย อิอิตัวใหม่ สองตัวแน่ะ
อย่าลืมพบกันตอนหน้าน่ะครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น