ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่8-รูเบเลีย(50%)
บทที่8-รูเบเลีย   
“จิ๊บๆ จิ๊บๆ”เสียงมวลหมู่นกน้อยที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้บนต้นไม้อันร่มรื่นร้องขับขานตอนรับอรุณรุ่งที่มาถึงในยามเช้าปลุกเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายให้ฟื้นตื่นจากการนิทราในยามค่ำคืน
    แสงแดงอันอบอุ่นสาดส่องแสดงถึงยามเช้าอันสดใสของวันนี้ เป็นวันใหม่อันสดใสชองเหล่าสรรพชีวิตทั้งหลายที่ต้องดำเนินต่อไป
    สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อรุ่งอรุณมาถึง ชาวบ้านทั้งหลาย เริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆตามหน้าที่ของตัวเองไป เสียงทักทาย รับอรุณของเหล่าผู้คนแสดงออกถึงความรักใคร่สามัคคีของผู้คน ณ.ที่แห่งนี้
    แต่......ใช่ว่าแสงอรุณรุ่งที่สาดส่องจะสามารถปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากนิทราอันมาจากราตรีอันแสนสงบเงียบได้ทุกคน...................อย่างน้อย................ก็...............ยกเว้นเขาคนหนึ่งล่ะ [สาธุ อามิตพุทธิ จำเริญ จำเริญ นะ ประสก -/\\-]
    เด็กหนุ่มใบหน้าที่อ้วนกลม แก้มป่องยังกะเป็นคางทูม ผมสั้นสีขาว ผิวดำสนิท รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ นอนอยู่บนเตียง ขาข้างซ้ายอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อยแต่ในขณะที่เท้าขวาหล่นลงไปอยู่ที่พื้น ผ้าห่มผืนใหญ่ที่น่าจะคลุมห่มทั้งตัวป้องกันความหนาวได้นั่น ตอนนี้มันไม่ได้ห่มอย่างเรียบร้อยเยี่ยงตอนแรกที่ห่ม แต่ตอนนี้กลับหลงเหลือแค่ส่วนน้อยนิดปิดที่ท้องอันใหญ่โตของผู้นอนเท่านั้น น้ำใสๆไหลออกจากปากผู้นอนราวกลับเป็นแม่น้ำสายหนึ่งนั้น ได้ชโลมหมอนอันเป็นที่นอนหนุนอยู่ให้เปียกแฉะได้อย่างง่ายได้
    “แจ๊บๆ”เสียงเหมือนเคี้ยวอาหารดังรอดออกมาจากปากของเด็กหนุ่มที่นอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียง ใบหน้าบ่งบอกความสุขอย่างมากจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ท่าทางจะเป็นฝันดีที่เจ้าตัวคงไม่คิดอยากตื่นง่ายๆสักเท่าไรนัก
    ถ้า....................................ไม่มีคนมาปลุกนะ
    “ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้น 2-3 ทีอย่างเบาๆเพราะคนที่คิดจะปลุกคิดว่าแค่เสียงเท่านี้จะสามารถปลุกเจ้าของห้องให้ตื่นขึ้นมาได้
    5 นาทีผ่านไป
    “ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูแบบเดิมแต่เปลี่ยนเป็นเสียงดังขึ้นจากเดิมมากมายถ้าเป็นคนปกติได้ยินเสียงขนาดนี้ต้องเปิดแล้วแน่นอน แต่.........ถ้าเป็นคนธรรมดานะ [- -a]
    10 นาทีต่อมา.....
    “ก๊อกๆๆ..............เซตัสตื่น ตื่นๆ”เสียงโวยวายดังขึ้นจากหน้าประตูเพื่อหวังจะปลุกคนที่อยู่ข้างในให้ตื่น ลุกขึ้นจากที่นอนที่หลับอยู่
    15นาทีถัดมา...........
    “ไอ้เซตัสโว้ยถ้าไม่ตื่นจะเข้าไปปลุกแล้วนะโว้ย”
    แอ๊ด~~ ปัง!! เสียงเปิดประตูดังสนั่น เรียกให้ใครหลายๆคนผุดใบหน้าออกมาจากห้องข้างเคียงแล้วจ้องมองมายังจุดเดียวกันได้อย่างไม่ต้องสั่งอะไรเลย
    เด็กหนุ่มผมลองทรงสั้นสีทอง นัยน์ตาสีแดงดุดัน ผิวสีแทนอย่างกับคนที่มาจากทะเลทราย รูปร่างสมส่วน กล้ามเนื้อแขนเป็นมัดๆ ใส่เสื้อสีแดงกางเกงขายาวสีน้ำตาล สวมผ้าคลุมตัวใหญ่สีน้ำตาลอ่อนก้าวเข้ามาในห้อง
ใบหน้าคมเข้มหวานราวสตรี ลับกับผิวสีแทนเป็นอย่างดีแต่.........ที่ไม่เข้ากับใบหน้าของเขาตอนนี้..............เห็นจะเป็น เส้นเลือดสีแดงที่ปูดออกมาที่ศีรษะของเจ้าตัว บ่งบอกอารมณ์ที่ไม่ต่อยจะโสภานัก กะ นัยน์ตาสีแดงกลับวาวโลดยังกะภูเขาไฟระเบิด
เลย์เฟอเทีย โซลคิส หรือ “เลย์”เด็กหนุ่มจากซีลอท ผู้เดินทางมาพร้อม มารีเซีย โซลคิส หรือ “มารี” พี่สาวฝาแฝด แล้วเกิดเหตุการณ์บางอย่างเลยทำให้ทั้งคู่ถูกจับไปเป็น “สินค้า” ของเหล่ากองโจรกระดูกแดง และด้วยความช่วยเหลือจากใครบางคนทำให้เขาและผู้ที่ถูกจับทั้งหลายหลบหนีออกมาจากที่ขุมขังได้อย่างปลอดภัย เมื่อหลายวันก่อน
ใครบ้างคนที่ช่วยเหลือเขาตอนนี้...............กะลังทำให้เขาโมโหอยู่เนี่ย
ตึงๆๆๆ!! เสียงเดินที่หนักหน่วงทำเอาเหล่าผู้อยู่เบื้องล่างมองมายังเพดาน ด้านบน ด้วยกลัวว่ามันอาจจะถล่มลงมาก็ได้
“ตื่นๆๆไอ้เซตัสตื่นโว้ย”
เลย์เขย่าๆพร้อมเรียกชื่อเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงหวังให้เขาตื่นขึ้นมาสักที
.........ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลข เอ๊ย ไม่ใช่ ไม่มีปฎิกริยาตอบรับว่าผู้ที่ถูกเขย่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาแต่อย่างไร
เลย์ทนไม่ไหวก้าวขึ้นเตียงไปนั่งค่อมพร้อมกับคว้าคอเสื้อเด็กหนุ่มผิวดำที่นอนอย่างบนเตียงอย่างไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างไรขึ้นมา พร้อมเขย่าอย่างแรง ด้วยเขาคิดว่า ด้วยแรงขนาดนี้จะทำให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาได้ซะที
แต่ป่าวเลย ทันทีที่เขาหยุดเขย่า ใบหน้ากลมตุ๊ยนุ้ย ก็กลับหล่นลงไปอยู่ที่หมอนดังเดิม แถม.....
“แจ๊บๆ อะไรเนี่ยทำไมอาหารจานนี้ กินแล้วรู้สึกตัวสั่นๆยังไงไม่รู้แต่ก็อร่อยดีน่ะ”
เสียงละเมอดังออกจากปากของเขาอีกต่างหาก
เลย์เอาสองมือกุมหัวสั่นศีรษะไปมาอย่างปวดหัว ไม่ยักกะรู้ว่าเพื่อนของเขาจะปลุกยากปลุกเย็นอย่างนี้
“เซตัสยังไม่ตื่นอีกหรอเลย์”
ใบหน้า เด็กสาวนางหนึ่งยื่นมาที่ประตูก่อนที่จะก้าวเขามายืนในห้อง เอาแผ่นหลังยืนพึงประตูเอามือกอดอกไว้
เด็กสาวผมสั้นถึงต้นคอสีเขียว ใบหน้าคมเข้มหวาน นัยน์ตาสีแดง เยี่ยงเดียวกับเลย์  แต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงดุจภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา หุ่นสูงผอมยังกับนางแบบ และผิวสีทรายเลยทำให้เธอดูเซ็กซีในสายตาของใครหลายๆคน ยืนพิงประตู คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันถ้ามันผูกกันได้มันคงผูกกันไปแล้ว
ใช่แล้วเธอคือ มารีเซีย โซลคิส หรือ “มารี” พี่สาวฝาแฝดของเลย์
“ยังไม่ยอมตื่นอีกหรือไงเลย์”
น้ำเสียงเขียวดังรอดออกมาจากปากของมารีบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อย เอ็นจอยนักสักเท่าไร
เลย์หันมองมายังพี่สาวฝาแฝดของตัวเองก่อนที่จะแบมือยักไหล่แล้วส่ายหน้า บ่งบอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่มีผลทำให้คนที่หลับอยู่บนเตียงตื่นลุกขึ้นมาได้
“พี่ลองมาปลุกเองล่ะกัน”
เลย์ลุกขึ้นจากร่างของเซตัส ก่อนจะเดินถอยหลังไปที่กำแพงแล้วกอดอกรอดูว่าพี่สาวของตนจะปลุกชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างไร
มารีเอามือที่กอดอกลงแล้วย่างสามขุมมายังร่างอ้วนท้วนที่นอนอยู่ที่เตียงก่อนจะกระชากคอเขาขึ้นมา
เพี๊ยะๆๆ !! เสียงเหมือนใครสักคนโดนตบเข้าไปอย่างจัง
มารี ตบแก้มเซย์ตัสอย่างเบาๆหลายทีหวังว่าคนที่เธอตบจะตื่นขึ้นมา
เพี๊ยะๆๆๆ !!เสียงตบชักหนักขึ้นเรื่อยๆ
เพื้ยะๆๆๆ !!เสียงตบคราวนี้ของเธอชักแรงขึ้นมาอีก
(มารี: ได้......จะลองดีกะฉันใช่ไหม) เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนใบหน้าแสนหวานบ่งบอกอารมณ์โมโหได้ที่ของคุณเธอซะแล้ว
พัวะ!! จากเสียงตีหน้าปกติกลับกลายมาเป็นเป็นตบอย่างแรงซะแล้ว[ไปที่ชอบ ที่ชอบ นะสาธุ -/\\-]
เลย์เบือนหน้าหนีไปทางอื่นพร้อมใช้มือปิดตาไม่อยากเห็นสภาพเพื่อนของเขาในตอนนี้สักเท่าไรนัก(เลย์: ไม่ตายก็คางเหลืองล่ะ วะงานนี้เพื่อนตู เฮ้อ~~ - -a)
พัวะๆๆๆ!! .........................................
เสียงตบหยุดแล้ว
เลย์หันกลับมาแต่มือยังปิดตาอยู่ไม่กล้ามองสภาพเพื่อนตัวเองซักเท่าไรหนัก เขาถ่างนิ้วออกเพื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
แก้มป่องยุ้ยของเซตัสบัดนี้............มันป่องยิ่งกว่าเดิม แถมยังกะลูกมะเขือเทศ ถ้าไม่อยู่บนแก้มดำๆของเซตัสนะ  แต่แปลกกลับไม่มีเลือดกบปากอย่างที่เขาคิดนอกจากแก้มสีแดงเท่านั้น (เลย์: ทำไมมันทนทายาดยั้งงี้ฟ่ะ) เขามองเซตัสอย่างทึ่งๆ
มารีหันกลับมาส่งสายตาเขียวปัด กลับมาหาเลย์ เขาสะดุ้งเอามือที่ปิดหน้าลงเกิดอาการเกร็งยังกับกบโดนงูจ้องยังไงอย่างงั้นเลย
“เอาน้ำมาเลย์”
มารีสั่งให้เลย์ส่งน้ำให้เธอ
เลย์รีบเดินไปหยิบเยือกน้ำที่ตั้งอยู่ในห้อง ยื่นส่งให้มารีโดยด่วน
มารีเอื้อมมือรับเหยือกน้ำจากเลย์เธอลุกขึ้นยืนแล้วสาดน้ำนั้นใส่ร่างของเซตัสทันที
เห้ย !! ร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยผิวดำอุทานออกมาพร้อมลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงทันที
เซตัสสอดส่ายสายตาไปมา เขาเห็น เลย์กับมารีอยู่ในห้องในขณะ ที่คนหนึ่ง พยายามกลั้นหัวเราะและอีกคนกะลังจ้องมองมายังตัวเขาอย่างอารมณ์เสีย ในมือถือเหยือกอยู่
“เล่นอะไรกันเนี่ยพวกเธอ”คนที่ตอนนี้สภาพเหมือนลูกหมูตกน้ำเอ๊ยไม่ใช่ลูกหมาตกน้ำ โวยวายขึ้นมา
ฮึ! เสียงเค้นจมูกดังลอดออกมาจากมารี ก่อนที่เธอจะจ้องตาเซตัส ที่ทำให้เขาถึงกับผงะในแววตาของคุณเธอที่จ้องมองมา
มารีหันหลังวางเหยือกน้ำไว้ที่โต๊ะก่อนจะก้าวฉับๆออกไป ทิ้งให้เซตัสงงเป็นไก่ตาแตกอยู่บนเตียง
“ฮ่าฮ่าๆๆ”เสียงหัวเราะอย่างกั้นไม่อยู่ดังลอดออกมาจากกำแพงด้านหนาของเซตัส ทำให้เขาต้องหันไปมอง
เลย์ยืนกุมท้อง ขำ อย่างเอาเป็นเอาตาย
“เลย์มันเกิดอะไรขึ้น”เซตัสยิ้งคำถามอย่างงงงงไปที่เลย์
เลย์สูดหายใจก่อนจะกลั้นหัวเราะเขายิ้มแล้วเดินมาตบที่ไหล่ของเขาเบาๆแล้วเดินออกไปนอกห้องอย่างอารมณ์ดีต่างกะตอนเข้ามา ลิบลับ
เซย์ตัดมองตามหลังเลย์ไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น(เซตัส: มันจะขำอะไรของมันว่ะ)
เขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการสลึมสลือเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในโรงแรม เพื่อหวังจะล้างหน้า
เขาวักน้ำเพื่อที่จะล้างหน้าแต่.........พอน้ำสัมผัสไปยังแก้มของเขาเท่านั้นแหละ
จ๊ากกก!! เสียงร้องโหยห้วนดังออกมาจากปากของเขา เรียกใครหลายคนยื่นหน้าออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อาการแสบแก้มอย่างแรงทำให้เซตัสรีบเงยหน้ามาส่องกระจกเพื่อที่จะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก้มของเขา.
เห้ย!! เสียงอุทานดังลั่นสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วย
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”เสียงร้องอันโหยหวนดังออกมาอย่างสยดสยอง
.........................................................................................................................................................
“ฮ่าฮ่าๆๆๆ”เสียงหัวเราะดังขึ้นจากปากของเลย์เขาชี้นิ้วมาที่หน้าของเซตัส ก่อนจะเอามือตบเข่าแล้วหัวเราะต่อยอย่างสะใจในสิ่งที่เขาชี้ไป
เซตัสเอามือลูบแก้มที่ปกติมันก็อวบอูมอยู่แล้ว มาบัดนี้มันยิ่งกว่าเดิมเสียอีกยังกับแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นแก้มของแมวน้ำไปซะแล้ว เขาจ้องสายตาดุดันไปหาเลย์หวังหยุดเสียงหัวเราะที่ออกจากปากของเขา แต่ป่าวเลยมันไม่ได้ผลแต่อย่างไร เลย์ยังคงหัวเราต่อไป
ส่วนมารี เธอสงบนิ่งไม่ได้มองไปยังสองคนเบื้องหน้าเลย เธอนั่งก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารอย่างเรียบร้อยมีระเบียบอย่างไม่แยแสสนใจใน สิ่งที่เกิดขึ้น ระหว่างสองคนเบื้องหน้าแต่อย่างใด
เลย์ยังส่งเสียงหัวเราะไม่เลิก แม้จะเบาลงแล้วก็เถอะแต่เขาก็ยังไม่เลิกหัวเราะแต่อย่างใด
จนกระทั่ง ไส้กรอกชิ้นสุดท้ายบนจานของมารีถูกส่งเข้าปากน้อยๆของเธอและตามด้วยน้ำส้มอีกหนึ่งแก้วที่เธอกระดกจนหมด เธอวางแก้วในมือลงพร้อมสายตายตาคมกริบจ้องไปยังเจ้าของเสียหัวเราะที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเธอทันที
“หัวเราะพอหรือยัง เลย์”
เสียงเย็นๆเนิบนาบเปล่งออกจากปากของมารี เท่านั้นแหละ
“เอิ๊ก~~”เสียงหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลังกลับกลายเป็นนิ่งเงียบได้ในทันที
“จะกินหรือไม่กินล่ะที่จาน ถ้าไม่กินก็เก็บ ถ้ากินก็เงียบๆไป แล้วกินให้เรียบร้อยแล้วอย่าพูดเวลากินเข้าใจไหม”
เสียงอันเฉียบขาดที่เปล่งออกมาจากปากของมารี เหมือนคำประกาศิต ที่ทำให้นายเลย์น้องชายของเธอ ต้องก้มหน้าก้มตาลงรับประทานอาหารอย่างเจี๋ยมเจี้ยม สงบเสงี่ยมในทันใด
มารีหันไปส่งสายตาคมกริบเข้าใส่เซตัสในทันที หลังจากที่เธอเห็นน้องชายของเธอนั่งรับประทานอาหารอย่างเรียบร้อย ตามมาด้วยน้ำเสียงเนิบๆนาบ แบบเย็นของเธอ
“ฉันจะไม่ขอโทษนาย ที่ฉันทำนายเป็นแบบนั้น ใครใช้ให้เธอตื่นสายขนาดนี้ ฉันเลยต้องปลุก”
มารีหันไปหานาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังของโรงแรม เพื่อต้องการบอกว่า สายขนาดนี้แล้ว ฉันเลยต้องปลุก ช่วยไม่ได้
เซตัสลูบแก้มอย่างเจ็บๆ เขาหันไปมองนาฬิกาตามเธอ
อีกสิบนาทีจะเที่ยง...........
เซตัสหันกัลป์มามองมารี แล้วหัวเราะแห้งอย่างยอมรับผิดกับมารี
“เซตัสทำไมวันนี้นายถึงตื่นสายได้ล่ะเนี่ย ปกติ ทุกวันนายจะตื่นก่อนใครเลยนี่”
เสียงของเลย์ถามด้วยความสงสัยในขณะที่เขา เอามือเช็ดปาก เป็นการบ่งบอกว่าเขาทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เซตัสหันไปมองเลย์ ก่อนจะแหล่ไปมองที่จานของเขา
อาการสะดุ้งเล็กเกิดขึ้นกลับเซตัส สิ่งที่เขาพบเห็นคือ จาน ทีว่างเปล่า กับ  แก้วนมที่หมดไม่เหลือหลอ ไข่ดาวสองฟอง เบคอนสองชิ้น ไส้กรอกหมูสองชิ้น ขนมปังปิ้งสองแผ่น กะ นมสดอีกแก้วหนึ่ง ถึงอาหารเช้าจะไม่เยอะแต่อย่างใด แต่มันก็มากพอ ที่จะทำให้มารีนั่งทานอย่างเรียบร้อยได้นานพอสมควร
แต่นี่.....ช่วงเวลาที่เขาคุยกับมารียังไม่ถึง 5 นาทีพ่อคุณเล่นซะหมดจาน ด้วยอาการกินเร็วระดับนี้ เซตัสยังสำนึกตัวยังทำไม่ได้ เขาเลยอดที่จะสะดุ้งกับสิ่งที่เห็นไม่ได้(มันกินหรือกลืนฟ่ะเนี่ย - -*)
เซตัสหัวเราะแห้งๆก่อนที่จะเกาหัวแล้วตอบไปว่า
“ก็...........มันเหนื่อยน่ะเดินทางในป่ามาหลายวัน เพิ่งได้มานอนสบายเลยนอนเพลินไปหน่อย”
สองศรีพี่น้องพยักหน้าเข้าใจในคำตอบที่ได้มาจากเซตัส
แต่ในความเป็นจริงที่บอกใครไม่ได้ของเซตัส ที่เขาตื่นสายขนาดนี้เป็นเพราะ ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาอย่างหนักต่างหาก
หลังจากที่เขานำพาเหล่าผู้หลบหนีทั้งหลายไปส่งยังเมืองที่ใกล้กับรังกองโจรกระดูกแดงที่สุดเมืองแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอาณาจักรอีดิออส แล้ว เขาก็ได้รับข่าวสารสำคัญยิ่งจากบิดาของเขาเองในคืนนั้นเอง
วิญญาณนภา หรือ นกพิราบสื่อสารที่เขาส่งไปแจ้งข่าวแก่บิดาของเขาบัดนี้มันบินกลับมาแล้ว พร้อมข่าวสารจากบิดาของเขาเอง
“เห้ย!! แย่แล้ว”นี่เป็นคำแรกที่เขาพูดออกมาหลังจากได้รับข่าวสารจากบิดา
ข่าวร้ายที่ถูกส่งมามีใจความว่า พ่อของเขาจำวันรับสมัครของโรงเรียนผิดไป ตอนนี้เหลือเวลาอีก 5 วัน จะถึงวันรับสมัครแล้ว เขาได้สอบถามเส้นทางจากคนในเมืองนี้ถึงวิธีไป เมืองรูเบเลียอาณาจักรแกรนชาย เขาบอกว่าจากเมืองนี้ไป รูเบเลียต้องใช้เวลาเดินทางอย่างเร็วสุดคือ 7 วัน ข่าวร้ายที่เขาได้รับมาจากบิดามันคงไม่หนักหนาเท่าไร ถ้า........................เขาเดินทางไปแกรนชายเพียงคนเดียว
สองพี่น้อง มารีกับเลย์เพื่อนใหม่ของเซตัส ทั้งสองคนก็ต้องการไปที่แกรนชายเหมือนกัน
หลังจากที่เซตัสแบ่งสมบัติที่ตัวเองแอบจิกมาจากรังโจรให้กับสองพี่น้องเป็นค่าเดินทางและเงินติดตัวแล้ว เขาสอบถามจุดมุ่งหมายที่สองพี่น้องจะมุ่งหน้าไปแกรนชายทำไม
คำตอบที่ได้รับ เหมือนจุดมุ่งหมายของเซตัสเช่นกันคือ ไปสมัครเรียนโรงเรียน Eldolus (ไอ้โรงเรียนนี้มันดังมากเลยหรอไงเนี่ย แห่กันไปสมัครเหลือเกิน - -a)
เซตัสเลยต้องเดินทางพร้อมกับสองพี่น้องเพื่อมุ่งหน้า ไปแกรนชายโดยเร็ว เขาไม่สามารถใช้มังกรหรือเวทย์ ในการไปแกรนชายได้ เขาเลยต้องหาวิธีที่สั้นที่สุด คือ..............
เดินตัดป่า วิธีแรกที่เขาคิดได้แต่เป็นวิธีสุดท้ายที่เขาจะทำ ถึงจะไม่ใช่ป่าแห่งสายันต์ก็เถอะ แต่ลองเป็นป่ามันก็ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยที่จะเดินทางนักเท่าไรเพราะมันเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์และมอนสเตอร์ มากมาย แต่มันก็ดีกว่าจะเดินทางเกวียนที่ค่อนข้างจะอ้อมเสียเวลาเป็นไหนๆ  เพราะงั้นเขาเลยเลือกที่จะเดินตัดป่าไป
เซตัสเลยต้องนำพาสองพี่น้องนี่เดินตัดป่าไป ตลอดรายทางเขาต้องสูญเสียพลังเวทย์ไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน โดยที่ตอนกลางวันเมื่อ มอนสเตอร์หรือสัตว์ป่า จู่โจมมา เลย์และมารี พอจะช่วยเซตัสจัดการเหล่าพวกนั้นได้บ้างแต่พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละ เขาต้องรับหน้าที่หนักทันที เพราะพอตกกลางคืนทีไร ถ้าลองให้ เลย์เฝ้าเวร เขาต้องเผลอเป็นหลับทุกครั้ง โดยที่เขานิ่งนอนใจเพราะไม่เคยเดินทางมาก่อนแล้วคิดว่ามันจะปลอดภัย
เซตัสเลยต้องทำงานหนักทุกคืนโดยการกางข่ายอาคมและคงสภาพมันไว้จนถึงเช้า หรือถ้ามีตัวอะไรที่สามารถทะลุข่ายมนต์ของเขา เข้ามาได้เขาก็ต้องรุดไปจัดการคนเดียว ปล่อยให้สองพี่น้องหลับอย่างสบายไป
เซตัสไม่ได้นอนติดต่อกันมา 3 คืนแล้ว พลังเวทย์ของเขาใช่ว่าจะฟืนคืนได้อย่างคนปกติทั่วไปที่พอนั่งพักแล้วจะค่อยๆฟื้น ป่าวเลย  เขาต้องนอนหลับผักผ่อนมันถึงจะฟื้น ถึงเขาจะปลดผนึกกำไลเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไรเลย มันก็เหมือนคุณมีถังน้ำมันถังใหญ่ 1 ถัง แล้วคุณแบ่งมันออก 2 ส่วน ส่วนหนึ่งสำรองและอีกส่วนไว้ใช้ เมื่อคุณใช้ส่วนที่เก็บไว้ใช้หมดแล้วคุณเติมส่วนที่สำรองไว้ สุดท้ายมันก็เหมือนคุณใช้ถังน้ำมันถังเดียวอยู่ดีนั่นแหละ เพราะงั้น พลังเวทย์ของเขา จึงมีแต่ถูกใช้ไปและไม่ได้เติมกลับเลย
เพราะงั้นเมื่อมาถึงเมืองนี้และได้นอนในโรงแรมเขาถึงได้นอนหลับสนิท ตื่นสายแบบนั้นแต่เหตุผลแบบนี้เขาจะบอกใครได้
“เอาล่ะนายนอนเพลินจนเราเกือบได้ออกเดินทางสายเลยเห็นไหม”
มารีส่งสายตาเคืองๆมองมาที่เซตัสเป็นเชิงตำหนิ
“เอาน่าฉันขอโทษ เดียวทานเสร็จแล้วออกเดินทางยังไงก็ไปถึงรูเบเลียก็เย็นพอดีนั่นแหละทันประตูเมืองปิดแหละน่า ไม่ต้องห่วง”
“งั้นนายก็รีบๆทานให้เสร็จๆไป จะได้ไปๆ กันได้สักที”
เซตัสไม่กล้สชักช้ารีบทานในบันดล(แต่คงไม่เร็วเท่านายเลย์หรอกน่ะ - -a)
ทันทีที่ทั้งสามคนทานอาหารเช้า[ซึ่งใกล้เที่ยงวัน] เสร็จต่างก็แยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระที่ไม่ค่อยจะมีกันสักเท่าไร ชำระเงินแล้วออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังรูเบเลีย เมืองหลวงอาณาจักรแกรนชาย..........
.................................................................................................................................
เอามาให้อ่านกันก่อน 50 % ไม่ว่าก่อนน่ะครับจะรีบอัพที่เหลือโดยด่วน
ไม่ต้องห่วงครับงานนี้ไม่มีอู้ แถมยิ่งคอมเมนต์เยอะยิ่งลงไวน่ะครับขอบอก
คือต้องการกำลังใจอ่ะครับ แหะๆ ^.^\\ ไม่ว่ากานน่ะ ครับ
                ผู้จารึก
“จิ๊บๆ จิ๊บๆ”เสียงมวลหมู่นกน้อยที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้บนต้นไม้อันร่มรื่นร้องขับขานตอนรับอรุณรุ่งที่มาถึงในยามเช้าปลุกเหล่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายให้ฟื้นตื่นจากการนิทราในยามค่ำคืน
    แสงแดงอันอบอุ่นสาดส่องแสดงถึงยามเช้าอันสดใสของวันนี้ เป็นวันใหม่อันสดใสชองเหล่าสรรพชีวิตทั้งหลายที่ต้องดำเนินต่อไป
    สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อรุ่งอรุณมาถึง ชาวบ้านทั้งหลาย เริ่มดำเนินกิจกรรมต่างๆตามหน้าที่ของตัวเองไป เสียงทักทาย รับอรุณของเหล่าผู้คนแสดงออกถึงความรักใคร่สามัคคีของผู้คน ณ.ที่แห่งนี้
    แต่......ใช่ว่าแสงอรุณรุ่งที่สาดส่องจะสามารถปลุกทุกสรรพชีวิตให้ตื่นจากนิทราอันมาจากราตรีอันแสนสงบเงียบได้ทุกคน...................อย่างน้อย................ก็...............ยกเว้นเขาคนหนึ่งล่ะ [สาธุ อามิตพุทธิ จำเริญ จำเริญ นะ ประสก -/\\-]
    เด็กหนุ่มใบหน้าที่อ้วนกลม แก้มป่องยังกะเป็นคางทูม ผมสั้นสีขาว ผิวดำสนิท รูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ นอนอยู่บนเตียง ขาข้างซ้ายอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อยแต่ในขณะที่เท้าขวาหล่นลงไปอยู่ที่พื้น ผ้าห่มผืนใหญ่ที่น่าจะคลุมห่มทั้งตัวป้องกันความหนาวได้นั่น ตอนนี้มันไม่ได้ห่มอย่างเรียบร้อยเยี่ยงตอนแรกที่ห่ม แต่ตอนนี้กลับหลงเหลือแค่ส่วนน้อยนิดปิดที่ท้องอันใหญ่โตของผู้นอนเท่านั้น น้ำใสๆไหลออกจากปากผู้นอนราวกลับเป็นแม่น้ำสายหนึ่งนั้น ได้ชโลมหมอนอันเป็นที่นอนหนุนอยู่ให้เปียกแฉะได้อย่างง่ายได้
    “แจ๊บๆ”เสียงเหมือนเคี้ยวอาหารดังรอดออกมาจากปากของเด็กหนุ่มที่นอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียง ใบหน้าบ่งบอกความสุขอย่างมากจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ท่าทางจะเป็นฝันดีที่เจ้าตัวคงไม่คิดอยากตื่นง่ายๆสักเท่าไรนัก
    ถ้า....................................ไม่มีคนมาปลุกนะ
    “ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้น 2-3 ทีอย่างเบาๆเพราะคนที่คิดจะปลุกคิดว่าแค่เสียงเท่านี้จะสามารถปลุกเจ้าของห้องให้ตื่นขึ้นมาได้
    5 นาทีผ่านไป
    “ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูแบบเดิมแต่เปลี่ยนเป็นเสียงดังขึ้นจากเดิมมากมายถ้าเป็นคนปกติได้ยินเสียงขนาดนี้ต้องเปิดแล้วแน่นอน แต่.........ถ้าเป็นคนธรรมดานะ [- -a]
    10 นาทีต่อมา.....
    “ก๊อกๆๆ..............เซตัสตื่น ตื่นๆ”เสียงโวยวายดังขึ้นจากหน้าประตูเพื่อหวังจะปลุกคนที่อยู่ข้างในให้ตื่น ลุกขึ้นจากที่นอนที่หลับอยู่
    15นาทีถัดมา...........
    “ไอ้เซตัสโว้ยถ้าไม่ตื่นจะเข้าไปปลุกแล้วนะโว้ย”
    แอ๊ด~~ ปัง!! เสียงเปิดประตูดังสนั่น เรียกให้ใครหลายๆคนผุดใบหน้าออกมาจากห้องข้างเคียงแล้วจ้องมองมายังจุดเดียวกันได้อย่างไม่ต้องสั่งอะไรเลย
    เด็กหนุ่มผมลองทรงสั้นสีทอง นัยน์ตาสีแดงดุดัน ผิวสีแทนอย่างกับคนที่มาจากทะเลทราย รูปร่างสมส่วน กล้ามเนื้อแขนเป็นมัดๆ ใส่เสื้อสีแดงกางเกงขายาวสีน้ำตาล สวมผ้าคลุมตัวใหญ่สีน้ำตาลอ่อนก้าวเข้ามาในห้อง
ใบหน้าคมเข้มหวานราวสตรี ลับกับผิวสีแทนเป็นอย่างดีแต่.........ที่ไม่เข้ากับใบหน้าของเขาตอนนี้..............เห็นจะเป็น เส้นเลือดสีแดงที่ปูดออกมาที่ศีรษะของเจ้าตัว บ่งบอกอารมณ์ที่ไม่ต่อยจะโสภานัก กะ นัยน์ตาสีแดงกลับวาวโลดยังกะภูเขาไฟระเบิด
เลย์เฟอเทีย โซลคิส หรือ “เลย์”เด็กหนุ่มจากซีลอท ผู้เดินทางมาพร้อม มารีเซีย โซลคิส หรือ “มารี” พี่สาวฝาแฝด แล้วเกิดเหตุการณ์บางอย่างเลยทำให้ทั้งคู่ถูกจับไปเป็น “สินค้า” ของเหล่ากองโจรกระดูกแดง และด้วยความช่วยเหลือจากใครบางคนทำให้เขาและผู้ที่ถูกจับทั้งหลายหลบหนีออกมาจากที่ขุมขังได้อย่างปลอดภัย เมื่อหลายวันก่อน
ใครบ้างคนที่ช่วยเหลือเขาตอนนี้...............กะลังทำให้เขาโมโหอยู่เนี่ย
ตึงๆๆๆ!! เสียงเดินที่หนักหน่วงทำเอาเหล่าผู้อยู่เบื้องล่างมองมายังเพดาน ด้านบน ด้วยกลัวว่ามันอาจจะถล่มลงมาก็ได้
“ตื่นๆๆไอ้เซตัสตื่นโว้ย”
เลย์เขย่าๆพร้อมเรียกชื่อเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงหวังให้เขาตื่นขึ้นมาสักที
.........ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลข เอ๊ย ไม่ใช่ ไม่มีปฎิกริยาตอบรับว่าผู้ที่ถูกเขย่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาแต่อย่างไร
เลย์ทนไม่ไหวก้าวขึ้นเตียงไปนั่งค่อมพร้อมกับคว้าคอเสื้อเด็กหนุ่มผิวดำที่นอนอย่างบนเตียงอย่างไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างไรขึ้นมา พร้อมเขย่าอย่างแรง ด้วยเขาคิดว่า ด้วยแรงขนาดนี้จะทำให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาได้ซะที
แต่ป่าวเลย ทันทีที่เขาหยุดเขย่า ใบหน้ากลมตุ๊ยนุ้ย ก็กลับหล่นลงไปอยู่ที่หมอนดังเดิม แถม.....
“แจ๊บๆ อะไรเนี่ยทำไมอาหารจานนี้ กินแล้วรู้สึกตัวสั่นๆยังไงไม่รู้แต่ก็อร่อยดีน่ะ”
เสียงละเมอดังออกจากปากของเขาอีกต่างหาก
เลย์เอาสองมือกุมหัวสั่นศีรษะไปมาอย่างปวดหัว ไม่ยักกะรู้ว่าเพื่อนของเขาจะปลุกยากปลุกเย็นอย่างนี้
“เซตัสยังไม่ตื่นอีกหรอเลย์”
ใบหน้า เด็กสาวนางหนึ่งยื่นมาที่ประตูก่อนที่จะก้าวเขามายืนในห้อง เอาแผ่นหลังยืนพึงประตูเอามือกอดอกไว้
เด็กสาวผมสั้นถึงต้นคอสีเขียว ใบหน้าคมเข้มหวาน นัยน์ตาสีแดง เยี่ยงเดียวกับเลย์  แต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงดุจภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา หุ่นสูงผอมยังกับนางแบบ และผิวสีทรายเลยทำให้เธอดูเซ็กซีในสายตาของใครหลายๆคน ยืนพิงประตู คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันถ้ามันผูกกันได้มันคงผูกกันไปแล้ว
ใช่แล้วเธอคือ มารีเซีย โซลคิส หรือ “มารี” พี่สาวฝาแฝดของเลย์
“ยังไม่ยอมตื่นอีกหรือไงเลย์”
น้ำเสียงเขียวดังรอดออกมาจากปากของมารีบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ค่อย เอ็นจอยนักสักเท่าไร
เลย์หันมองมายังพี่สาวฝาแฝดของตัวเองก่อนที่จะแบมือยักไหล่แล้วส่ายหน้า บ่งบอกว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่มีผลทำให้คนที่หลับอยู่บนเตียงตื่นลุกขึ้นมาได้
“พี่ลองมาปลุกเองล่ะกัน”
เลย์ลุกขึ้นจากร่างของเซตัส ก่อนจะเดินถอยหลังไปที่กำแพงแล้วกอดอกรอดูว่าพี่สาวของตนจะปลุกชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างไร
มารีเอามือที่กอดอกลงแล้วย่างสามขุมมายังร่างอ้วนท้วนที่นอนอยู่ที่เตียงก่อนจะกระชากคอเขาขึ้นมา
เพี๊ยะๆๆ !! เสียงเหมือนใครสักคนโดนตบเข้าไปอย่างจัง
มารี ตบแก้มเซย์ตัสอย่างเบาๆหลายทีหวังว่าคนที่เธอตบจะตื่นขึ้นมา
เพี๊ยะๆๆๆ !!เสียงตบชักหนักขึ้นเรื่อยๆ
เพื้ยะๆๆๆ !!เสียงตบคราวนี้ของเธอชักแรงขึ้นมาอีก
(มารี: ได้......จะลองดีกะฉันใช่ไหม) เส้นเลือดปูดขึ้นมาบนใบหน้าแสนหวานบ่งบอกอารมณ์โมโหได้ที่ของคุณเธอซะแล้ว
พัวะ!! จากเสียงตีหน้าปกติกลับกลายมาเป็นเป็นตบอย่างแรงซะแล้ว[ไปที่ชอบ ที่ชอบ นะสาธุ -/\\-]
เลย์เบือนหน้าหนีไปทางอื่นพร้อมใช้มือปิดตาไม่อยากเห็นสภาพเพื่อนของเขาในตอนนี้สักเท่าไรนัก(เลย์: ไม่ตายก็คางเหลืองล่ะ วะงานนี้เพื่อนตู เฮ้อ~~ - -a)
พัวะๆๆๆ!! .........................................
เสียงตบหยุดแล้ว
เลย์หันกลับมาแต่มือยังปิดตาอยู่ไม่กล้ามองสภาพเพื่อนตัวเองซักเท่าไรหนัก เขาถ่างนิ้วออกเพื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
แก้มป่องยุ้ยของเซตัสบัดนี้............มันป่องยิ่งกว่าเดิม แถมยังกะลูกมะเขือเทศ ถ้าไม่อยู่บนแก้มดำๆของเซตัสนะ  แต่แปลกกลับไม่มีเลือดกบปากอย่างที่เขาคิดนอกจากแก้มสีแดงเท่านั้น (เลย์: ทำไมมันทนทายาดยั้งงี้ฟ่ะ) เขามองเซตัสอย่างทึ่งๆ
มารีหันกลับมาส่งสายตาเขียวปัด กลับมาหาเลย์ เขาสะดุ้งเอามือที่ปิดหน้าลงเกิดอาการเกร็งยังกับกบโดนงูจ้องยังไงอย่างงั้นเลย
“เอาน้ำมาเลย์”
มารีสั่งให้เลย์ส่งน้ำให้เธอ
เลย์รีบเดินไปหยิบเยือกน้ำที่ตั้งอยู่ในห้อง ยื่นส่งให้มารีโดยด่วน
มารีเอื้อมมือรับเหยือกน้ำจากเลย์เธอลุกขึ้นยืนแล้วสาดน้ำนั้นใส่ร่างของเซตัสทันที
เห้ย !! ร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยผิวดำอุทานออกมาพร้อมลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงทันที
เซตัสสอดส่ายสายตาไปมา เขาเห็น เลย์กับมารีอยู่ในห้องในขณะ ที่คนหนึ่ง พยายามกลั้นหัวเราะและอีกคนกะลังจ้องมองมายังตัวเขาอย่างอารมณ์เสีย ในมือถือเหยือกอยู่
“เล่นอะไรกันเนี่ยพวกเธอ”คนที่ตอนนี้สภาพเหมือนลูกหมูตกน้ำเอ๊ยไม่ใช่ลูกหมาตกน้ำ โวยวายขึ้นมา
ฮึ! เสียงเค้นจมูกดังลอดออกมาจากมารี ก่อนที่เธอจะจ้องตาเซตัส ที่ทำให้เขาถึงกับผงะในแววตาของคุณเธอที่จ้องมองมา
มารีหันหลังวางเหยือกน้ำไว้ที่โต๊ะก่อนจะก้าวฉับๆออกไป ทิ้งให้เซตัสงงเป็นไก่ตาแตกอยู่บนเตียง
“ฮ่าฮ่าๆๆ”เสียงหัวเราะอย่างกั้นไม่อยู่ดังลอดออกมาจากกำแพงด้านหนาของเซตัส ทำให้เขาต้องหันไปมอง
เลย์ยืนกุมท้อง ขำ อย่างเอาเป็นเอาตาย
“เลย์มันเกิดอะไรขึ้น”เซตัสยิ้งคำถามอย่างงงงงไปที่เลย์
เลย์สูดหายใจก่อนจะกลั้นหัวเราะเขายิ้มแล้วเดินมาตบที่ไหล่ของเขาเบาๆแล้วเดินออกไปนอกห้องอย่างอารมณ์ดีต่างกะตอนเข้ามา ลิบลับ
เซย์ตัดมองตามหลังเลย์ไปอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น(เซตัส: มันจะขำอะไรของมันว่ะ)
เขาลุกขึ้นจากเตียงด้วยอาการสลึมสลือเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ภายในโรงแรม เพื่อหวังจะล้างหน้า
เขาวักน้ำเพื่อที่จะล้างหน้าแต่.........พอน้ำสัมผัสไปยังแก้มของเขาเท่านั้นแหละ
จ๊ากกก!! เสียงร้องโหยห้วนดังออกมาจากปากของเขา เรียกใครหลายคนยื่นหน้าออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
อาการแสบแก้มอย่างแรงทำให้เซตัสรีบเงยหน้ามาส่องกระจกเพื่อที่จะดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก้มของเขา.
เห้ย!! เสียงอุทานดังลั่นสนั่นหวั่นไหว ตามมาด้วย
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”เสียงร้องอันโหยหวนดังออกมาอย่างสยดสยอง
.........................................................................................................................................................
“ฮ่าฮ่าๆๆๆ”เสียงหัวเราะดังขึ้นจากปากของเลย์เขาชี้นิ้วมาที่หน้าของเซตัส ก่อนจะเอามือตบเข่าแล้วหัวเราะต่อยอย่างสะใจในสิ่งที่เขาชี้ไป
เซตัสเอามือลูบแก้มที่ปกติมันก็อวบอูมอยู่แล้ว มาบัดนี้มันยิ่งกว่าเดิมเสียอีกยังกับแก้มของเขาเปลี่ยนเป็นแก้มของแมวน้ำไปซะแล้ว เขาจ้องสายตาดุดันไปหาเลย์หวังหยุดเสียงหัวเราะที่ออกจากปากของเขา แต่ป่าวเลยมันไม่ได้ผลแต่อย่างไร เลย์ยังคงหัวเราต่อไป
ส่วนมารี เธอสงบนิ่งไม่ได้มองไปยังสองคนเบื้องหน้าเลย เธอนั่งก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารอย่างเรียบร้อยมีระเบียบอย่างไม่แยแสสนใจใน สิ่งที่เกิดขึ้น ระหว่างสองคนเบื้องหน้าแต่อย่างใด
เลย์ยังส่งเสียงหัวเราะไม่เลิก แม้จะเบาลงแล้วก็เถอะแต่เขาก็ยังไม่เลิกหัวเราะแต่อย่างใด
จนกระทั่ง ไส้กรอกชิ้นสุดท้ายบนจานของมารีถูกส่งเข้าปากน้อยๆของเธอและตามด้วยน้ำส้มอีกหนึ่งแก้วที่เธอกระดกจนหมด เธอวางแก้วในมือลงพร้อมสายตายตาคมกริบจ้องไปยังเจ้าของเสียหัวเราะที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเธอทันที
“หัวเราะพอหรือยัง เลย์”
เสียงเย็นๆเนิบนาบเปล่งออกจากปากของมารี เท่านั้นแหละ
“เอิ๊ก~~”เสียงหัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลังกลับกลายเป็นนิ่งเงียบได้ในทันที
“จะกินหรือไม่กินล่ะที่จาน ถ้าไม่กินก็เก็บ ถ้ากินก็เงียบๆไป แล้วกินให้เรียบร้อยแล้วอย่าพูดเวลากินเข้าใจไหม”
เสียงอันเฉียบขาดที่เปล่งออกมาจากปากของมารี เหมือนคำประกาศิต ที่ทำให้นายเลย์น้องชายของเธอ ต้องก้มหน้าก้มตาลงรับประทานอาหารอย่างเจี๋ยมเจี้ยม สงบเสงี่ยมในทันใด
มารีหันไปส่งสายตาคมกริบเข้าใส่เซตัสในทันที หลังจากที่เธอเห็นน้องชายของเธอนั่งรับประทานอาหารอย่างเรียบร้อย ตามมาด้วยน้ำเสียงเนิบๆนาบ แบบเย็นของเธอ
“ฉันจะไม่ขอโทษนาย ที่ฉันทำนายเป็นแบบนั้น ใครใช้ให้เธอตื่นสายขนาดนี้ ฉันเลยต้องปลุก”
มารีหันไปหานาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังของโรงแรม เพื่อต้องการบอกว่า สายขนาดนี้แล้ว ฉันเลยต้องปลุก ช่วยไม่ได้
เซตัสลูบแก้มอย่างเจ็บๆ เขาหันไปมองนาฬิกาตามเธอ
อีกสิบนาทีจะเที่ยง...........
เซตัสหันกัลป์มามองมารี แล้วหัวเราะแห้งอย่างยอมรับผิดกับมารี
“เซตัสทำไมวันนี้นายถึงตื่นสายได้ล่ะเนี่ย ปกติ ทุกวันนายจะตื่นก่อนใครเลยนี่”
เสียงของเลย์ถามด้วยความสงสัยในขณะที่เขา เอามือเช็ดปาก เป็นการบ่งบอกว่าเขาทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เซตัสหันไปมองเลย์ ก่อนจะแหล่ไปมองที่จานของเขา
อาการสะดุ้งเล็กเกิดขึ้นกลับเซตัส สิ่งที่เขาพบเห็นคือ จาน ทีว่างเปล่า กับ  แก้วนมที่หมดไม่เหลือหลอ ไข่ดาวสองฟอง เบคอนสองชิ้น ไส้กรอกหมูสองชิ้น ขนมปังปิ้งสองแผ่น กะ นมสดอีกแก้วหนึ่ง ถึงอาหารเช้าจะไม่เยอะแต่อย่างใด แต่มันก็มากพอ ที่จะทำให้มารีนั่งทานอย่างเรียบร้อยได้นานพอสมควร
แต่นี่.....ช่วงเวลาที่เขาคุยกับมารียังไม่ถึง 5 นาทีพ่อคุณเล่นซะหมดจาน ด้วยอาการกินเร็วระดับนี้ เซตัสยังสำนึกตัวยังทำไม่ได้ เขาเลยอดที่จะสะดุ้งกับสิ่งที่เห็นไม่ได้(มันกินหรือกลืนฟ่ะเนี่ย - -*)
เซตัสหัวเราะแห้งๆก่อนที่จะเกาหัวแล้วตอบไปว่า
“ก็...........มันเหนื่อยน่ะเดินทางในป่ามาหลายวัน เพิ่งได้มานอนสบายเลยนอนเพลินไปหน่อย”
สองศรีพี่น้องพยักหน้าเข้าใจในคำตอบที่ได้มาจากเซตัส
แต่ในความเป็นจริงที่บอกใครไม่ได้ของเซตัส ที่เขาตื่นสายขนาดนี้เป็นเพราะ ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาอย่างหนักต่างหาก
หลังจากที่เขานำพาเหล่าผู้หลบหนีทั้งหลายไปส่งยังเมืองที่ใกล้กับรังกองโจรกระดูกแดงที่สุดเมืองแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอาณาจักรอีดิออส แล้ว เขาก็ได้รับข่าวสารสำคัญยิ่งจากบิดาของเขาเองในคืนนั้นเอง
วิญญาณนภา หรือ นกพิราบสื่อสารที่เขาส่งไปแจ้งข่าวแก่บิดาของเขาบัดนี้มันบินกลับมาแล้ว พร้อมข่าวสารจากบิดาของเขาเอง
“เห้ย!! แย่แล้ว”นี่เป็นคำแรกที่เขาพูดออกมาหลังจากได้รับข่าวสารจากบิดา
ข่าวร้ายที่ถูกส่งมามีใจความว่า พ่อของเขาจำวันรับสมัครของโรงเรียนผิดไป ตอนนี้เหลือเวลาอีก 5 วัน จะถึงวันรับสมัครแล้ว เขาได้สอบถามเส้นทางจากคนในเมืองนี้ถึงวิธีไป เมืองรูเบเลียอาณาจักรแกรนชาย เขาบอกว่าจากเมืองนี้ไป รูเบเลียต้องใช้เวลาเดินทางอย่างเร็วสุดคือ 7 วัน ข่าวร้ายที่เขาได้รับมาจากบิดามันคงไม่หนักหนาเท่าไร ถ้า........................เขาเดินทางไปแกรนชายเพียงคนเดียว
สองพี่น้อง มารีกับเลย์เพื่อนใหม่ของเซตัส ทั้งสองคนก็ต้องการไปที่แกรนชายเหมือนกัน
หลังจากที่เซตัสแบ่งสมบัติที่ตัวเองแอบจิกมาจากรังโจรให้กับสองพี่น้องเป็นค่าเดินทางและเงินติดตัวแล้ว เขาสอบถามจุดมุ่งหมายที่สองพี่น้องจะมุ่งหน้าไปแกรนชายทำไม
คำตอบที่ได้รับ เหมือนจุดมุ่งหมายของเซตัสเช่นกันคือ ไปสมัครเรียนโรงเรียน Eldolus (ไอ้โรงเรียนนี้มันดังมากเลยหรอไงเนี่ย แห่กันไปสมัครเหลือเกิน - -a)
เซตัสเลยต้องเดินทางพร้อมกับสองพี่น้องเพื่อมุ่งหน้า ไปแกรนชายโดยเร็ว เขาไม่สามารถใช้มังกรหรือเวทย์ ในการไปแกรนชายได้ เขาเลยต้องหาวิธีที่สั้นที่สุด คือ..............
เดินตัดป่า วิธีแรกที่เขาคิดได้แต่เป็นวิธีสุดท้ายที่เขาจะทำ ถึงจะไม่ใช่ป่าแห่งสายันต์ก็เถอะ แต่ลองเป็นป่ามันก็ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยที่จะเดินทางนักเท่าไรเพราะมันเต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์และมอนสเตอร์ มากมาย แต่มันก็ดีกว่าจะเดินทางเกวียนที่ค่อนข้างจะอ้อมเสียเวลาเป็นไหนๆ  เพราะงั้นเขาเลยเลือกที่จะเดินตัดป่าไป
เซตัสเลยต้องนำพาสองพี่น้องนี่เดินตัดป่าไป ตลอดรายทางเขาต้องสูญเสียพลังเวทย์ไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน โดยที่ตอนกลางวันเมื่อ มอนสเตอร์หรือสัตว์ป่า จู่โจมมา เลย์และมารี พอจะช่วยเซตัสจัดการเหล่าพวกนั้นได้บ้างแต่พอตกกลางคืนเท่านั้นแหละ เขาต้องรับหน้าที่หนักทันที เพราะพอตกกลางคืนทีไร ถ้าลองให้ เลย์เฝ้าเวร เขาต้องเผลอเป็นหลับทุกครั้ง โดยที่เขานิ่งนอนใจเพราะไม่เคยเดินทางมาก่อนแล้วคิดว่ามันจะปลอดภัย
เซตัสเลยต้องทำงานหนักทุกคืนโดยการกางข่ายอาคมและคงสภาพมันไว้จนถึงเช้า หรือถ้ามีตัวอะไรที่สามารถทะลุข่ายมนต์ของเขา เข้ามาได้เขาก็ต้องรุดไปจัดการคนเดียว ปล่อยให้สองพี่น้องหลับอย่างสบายไป
เซตัสไม่ได้นอนติดต่อกันมา 3 คืนแล้ว พลังเวทย์ของเขาใช่ว่าจะฟืนคืนได้อย่างคนปกติทั่วไปที่พอนั่งพักแล้วจะค่อยๆฟื้น ป่าวเลย  เขาต้องนอนหลับผักผ่อนมันถึงจะฟื้น ถึงเขาจะปลดผนึกกำไลเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเท่าไรเลย มันก็เหมือนคุณมีถังน้ำมันถังใหญ่ 1 ถัง แล้วคุณแบ่งมันออก 2 ส่วน ส่วนหนึ่งสำรองและอีกส่วนไว้ใช้ เมื่อคุณใช้ส่วนที่เก็บไว้ใช้หมดแล้วคุณเติมส่วนที่สำรองไว้ สุดท้ายมันก็เหมือนคุณใช้ถังน้ำมันถังเดียวอยู่ดีนั่นแหละ เพราะงั้น พลังเวทย์ของเขา จึงมีแต่ถูกใช้ไปและไม่ได้เติมกลับเลย
เพราะงั้นเมื่อมาถึงเมืองนี้และได้นอนในโรงแรมเขาถึงได้นอนหลับสนิท ตื่นสายแบบนั้นแต่เหตุผลแบบนี้เขาจะบอกใครได้
“เอาล่ะนายนอนเพลินจนเราเกือบได้ออกเดินทางสายเลยเห็นไหม”
มารีส่งสายตาเคืองๆมองมาที่เซตัสเป็นเชิงตำหนิ
“เอาน่าฉันขอโทษ เดียวทานเสร็จแล้วออกเดินทางยังไงก็ไปถึงรูเบเลียก็เย็นพอดีนั่นแหละทันประตูเมืองปิดแหละน่า ไม่ต้องห่วง”
“งั้นนายก็รีบๆทานให้เสร็จๆไป จะได้ไปๆ กันได้สักที”
เซตัสไม่กล้สชักช้ารีบทานในบันดล(แต่คงไม่เร็วเท่านายเลย์หรอกน่ะ - -a)
ทันทีที่ทั้งสามคนทานอาหารเช้า[ซึ่งใกล้เที่ยงวัน] เสร็จต่างก็แยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระที่ไม่ค่อยจะมีกันสักเท่าไร ชำระเงินแล้วออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังรูเบเลีย เมืองหลวงอาณาจักรแกรนชาย..........
.................................................................................................................................
เอามาให้อ่านกันก่อน 50 % ไม่ว่าก่อนน่ะครับจะรีบอัพที่เหลือโดยด่วน
ไม่ต้องห่วงครับงานนี้ไม่มีอู้ แถมยิ่งคอมเมนต์เยอะยิ่งลงไวน่ะครับขอบอก
คือต้องการกำลังใจอ่ะครับ แหะๆ ^.^\\ ไม่ว่ากานน่ะ ครับ
                ผู้จารึก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น