คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : รักแรก
http://my.dek-d.com/Hestia/gallery/?gid=932934 แกลลอรี่รูปที่คุณHestiaสรรหามาให้ โอ้ว>O< ขอบคุณมากมายค่า
(ปล. อยากเห็นพวกหนุ่มๆในเรื่องจังเลย>.<[โลภ] น่ารักๆๆ)
---------------
นี่เป็นเรื่องราวของฟูหลงในสมัยก่อนที่ยังไม่เจอกับอาเหมย
ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะผ่านพ้นไป อากาศอันหนาวเหน็บเริ่มพัดเข้ามาจากทางทิศเหนือ ต้นไม้ที่เคยเขียวขจีเริ่มร่วงไปเสียก่อนเวลาอันควร ในบางวันอากาศอาจเย็นจัดเสียจนต้องรีบหาเสื้อหนาวมาใส่ แต่ในวันนี้ อากาศกลับร้อนระอุเสียยิ่งกว่าเตาอบ สร้างความรำคาณใจแก่เด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างมาก
'ฉัวะ' เสียงของฟืนท่อนใหญ่ถูกผ่าออกเป็นสองซีก ขวานเหล็กสีเงินวาววับสนิมจับเล็กน้อยฟาดไปยังท่อนฟืนเบื้องหน้า ข้อมือเล็กหยิบฟืนที่ผ่าออกแล้วโยนไปกองกับท่อนไม้จำนวนมากที่วางระเกะระกะบนพื้น เด็กหนุ่มปาดเหงื่อเล็กน้อยก่อนจะหยิบฟืนที่ยังกองพะเนินเป็นภูเขาเลากาด้านข้างมาผ่าต่อ คิดแล้วถอนใจวันนี้ต้องผ่าให้ได้อีก8มัดครึ่ง
"ว่าไง ถึงไหนแล้วเจ้าลูกชาย" เสียงทุ้มๆของชายวัย(เกือบจะ)กลางคนพูดขึ้นมาอย่างยียวนกวนประสาทเป็นที่สุด เด็กชายวัย15ที่พึ่งย่างเข้าวัยหนุ่มชำเลืองดวงตาสีน้ำตามเข้มดุจแผ่นไม้ไปทางผู้เป็นบิดานิดๆ แล้วเอ่ยคำ
"อีก2ชั่วโมงครับท่านพ่อ" เด็กหนุ่มเน้นเสียงหนักอย่างประชดประชันแล้วหยิบฟืนอีกสองท่อนมาผ่าต่อ อากาศที่ร้อนขึ้นเนื่องจากเป็นเวลาเที่ยงวันพอดีทำให้หยดน้ำเค็มปร่าผุดขึ้นมาจากร่างกายของเด็กหนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผลจากการที่ยืนตากแดดทุกวันทำให้ผิวหนังของเด็กหนุ่มเริ่มคล้ำขึ้นๆ น่าขอบคุณแถมด้วยลูกเตะซักลูกจริงๆท่านพ่อ
"ดี ถ้าเสร็จแล้วก็ไปตักน้ำที่ลำธารมาเติมใส่ถังให้เต็ม" คำพูดของผู้เป็นบิดาทำให้เด็กหนุ่มถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง "ลำธาร!! จะให้เดินเลาะภูเขาไปตักน้ำที่ลำธารเนี่ยนะ"
"แล้วไง ถ้าทำไม่ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกก็นอนฟังยุงร้องเพลงหน้าบ้านไปละกัน" คำพูดอันเย็นชาปนล้อเล่นแต่ทำจริงของผู้เป็นบิดาทำให้เด็กหนุ่มถึงกับสะอึก เมื่อก่อนเขาเคยไปเล่นที่ลำธารบ่อยๆตอนที่มันอยู่ใกล้กว่านี้ แต่เมื่อฤดูหนาวที่แล้วมีหินถล่มลงมาปิดทางน้ำทำให้ต้องเดินข้ามภูเขาไปตักน้ำจากแม่น้ำสายใหญ่แทน ขอบอกว่าเส้นทางนั้น 'สุดทน' และเขาสาบานว่าจะไม่ไปเยือนอีกถ้าไม่มีเหตุจำเป็น
แต่นี่คงเป็นเหตุจำเป็น...สินะ
"พ่อบ้า เอาแต่ใช้งานไม่บันยะบันยัง" เด็กหนุ่มบ่นกระปอดกระแปด ในมือถือถังน้ำใบใหญ่2ถังโดยใช้ไม้สอดระหว่างหูหิ้วเหมือพ่อค้าหาบเร่ แล้วเดินไปตามทาง ซึ่งมองยังไงก็ไม่เห็นว่ามันเป็นทาง
เลยเขตป่าโปร่งมาแล้ว ถ้าไม่ชำนาญเส้นทางจริงๆก็สามารถหลงเอาได้ง่ายๆ ป่าแถบนี้ไม่มีทางเดินหรือป้ายบอกทางอะไรทั้งสิ้น หญ้ารกทึบขึ้นแซมตามพื้น เสียงจิ้งหรีดเรไรดังกังวานทั่วผืนป่า ต้นไม้ใหญ่อายุหลาย100ปี แผ่ขยายกิ่งก้านเสียจนเต็มพื้นที่ แสงแดดอ่อนๆส่องลงมาจากช่องใบไม้เพื่อช่วยให้มองเห็นทิศทางได้บ้าง
ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็เดินมาถึงลำธาร แล้วลงมือตักน้ำจนเต็มทั้งสองถัง น้ำในแม่น้ำเย็นเฉียบจนเด็กหนุ่มแสบมือ ฝ่ามือที่พองแดงเนื่องจากพึ่งผ่าฟืนมาหมาดๆพอโดนน้ำเย็นๆเข้าก็แสบแปลบเสียจนเจ็บปวดไปทั้งข้อ
เด็กหนุ่มกดหัวตัวเองลงไปในน้ำแล้วโผล่ขึ้นมา น้ำเย็นๆนี่แหละชื่นใจที่สุดในวันอากาศร้อนๆแบบนี้ งานนี้คงต้องขอบคุณท่านพ่อซะแล้ว
แต่ความคิดก็เปลี่ยนไปภายในเวลา3วินาทีเมื่อเด็กหนุ่มหันไปมองถังน้ำที่ต้องแบกกลับและการที่ต้องเดินมาตักใหม่ที่แม่น้ำนี้อีกหลายรอบ ความเหนื่อยที่พึ่งหายไปก็กลับเข้ามาอีก เด็กหนุ่มแบกถังน้ำแล้วตรงกลับบ้านแบบเหนื่อยใจ
-------------------
เด็กหนุ่มแบกถังน้ำเดินกลับบ้านเป็นรอบที่สามของวัน พระอาทิตย์กำลังจะตกลงในไม่ช้า แสงสีส้มเข้มถูกระบายเต็มท้องฟ้าสีน้ำเงิน ถ้าพระอาทิตย์ตกลงสู่พื้นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น เหนื่อยก็เหนื่อย หิวก็หิว ถ้ากลับบ้านไปหวังว่าท่านแม่กับพี่หลีหลินจะทำกับข้าวเสร็จแล้วนะ
"ฮึกๆ ฮือ~~......" เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังมาจากป่าทึบด้านข้างของเขา ฟูหลงหยุดชะงักฝีเท้า แล้วค่อยๆหันไปมองทางป่าด้านข้าง เสียงใครมาร้องไห้อยู่ในป่าแถบนี้กัน
"ฮือๆๆ~~~~" เสียงนั่นยังคงดังไม่หยุด ป่าแถบนี้เขามั่นใจว่าไม่มีบ้านคนและถนนผ่านแน่นอน ฟูหลงใช้สมองอันชาญฉลาดไตร่ตรองในเวลาอันรวดเร็ว ฝ่าเท้าที่ระบมเล็กน้อยเนื่องจากเดินข้ามเขาหลายรอบยังคงใช้งานได้ดีอยู่ เสียงของผู้หญิงร้องไห้สะอึกสะอื้นท่ามกลางป่า ทึบที่ไม่มีคนอาศัยในเวลายามเย็น เหงื่อเม็ดโตๆผุดขึ้นมาตามใบหน้า
ผีหลอก!!! ฟูหลงรีบวิ่งออกจากที่นั่นด้วยความไวของฝีเท้า น้ำในถังหกลงสู่พื้นเล็กน้อยเนื่องจากแรงวิ่ง ต้องกลับบ้านโดยเร็วที่สุด
"ฮือๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย" เสียงของเด็กผู้หญิงดังก้องไปทั่วผืนป่า ฟูหลงชะงักเท้าหยุดอยู่กับที่อีกครั้ง เป็นเสียงของคนแน่ๆ ตำแหน่งของเสียงก็ระบุไม่ยากเท่าไหร่นัก ฟูหลงรีบวิ่งเข้าไปในป่า มีคนต้องการความช่วยเหลือ
เส้นทางนี้รกกว่าทางที่เด็กหนุ่มเดินมาซะอีก อากาศตอนเย็นหนาวกว่าช่วงกลางวันที่ร้อนระอุเยอะ ฟูหลงเดินตามเสียงสะอื้นเข้าไปในป่า
"ฮึกๆฮือ" ฟูหลงเดินมาถึงพุ่มไม้หนึ่ง เสียงสะอื้นดังมาจากทางนี้ เด็กหนุ่มแหวกพุ่มไม้เพื่อดูว่าใคร
เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ผมยาวตรงเรียบร้อยสีดำสนิทนั่งสะอื้นอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวรก อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ชุดที่ใส่เป็นสีแดงสดเปรอะด้วยฝุ่นและโคลนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ทำให้ความสวยของเธอจางหายไปเลย พลันนั้น ดวงตากลมโตสีทองดั่งดวงจันทร์ก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลดำของฟูหลง
ผิวขาวอมชมพูรับกับใบหน้าที่น่ารักนั้น แสงอาทิตย์ยามเย็นทอให้เห็นร่างของทั้งสองดุขภาพวาด ฟูหลงเกิดอาการผิดปกติ หัวใจเต้นระรำจนแทบจะออกมาเต้นระบำข้างนอกร่าง ใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศสุก
"ฮึก" เด็กสาวกอดร่างของฟูหลงไว้แน่นราวกับโหยหาที่พึ่งพิง ฟูหลงหน้าแดงเข้าไปอีก เด็กสาวกอดเขาแล้วสะอื้นอย่างหวาดกลัว น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาของเธอ ผ่านผิวแก้มขาวนวล จนเปียกเสื้อของเขา
ฟูหลงมองเห็นเช่นนั้น เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเด็กสาวอย่างแผ่วเบา ผมสีดำลื่นนุ่มจนเกือบหยุดที่จะสัมผัสไม่ได้ ฟูหลงหลับตาลงแล้วพูดอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบน้องสาวคนหนึ่ง "นิ่งซะ ไม่เป็นอะไรแล้ว..."
------------
"เธอเป็นใครมาจากไหนเหรอ" ฟูหลงเอ่ยถามเด็กสาวด้านข้างที่ตอนนี้สงบลงแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะตกลงในไม่ช้า เด็กหนุ่มเดินนำทางให้ไปถึงทางกลับบ้านของเขาก่อน เพราะถ้าถึงเวลากลางคืนรับรองว่าต้องหลงทางแน่
"ชั้นชื่อเสียนเฟย มาจากเมืองอี้เกวย" เด็กสาวตอบ ฟูหลงหยุดคิดไปแปปนึงก่อนจะเดินต่อ "อี้เกวยมันคนละทิศกับที่นี่เลยนะ"
"ครอบครัวชั้นเป็นพ่อค้าเร่ร่อนน่ะ บรรทุกของไปขายเมืองต่างๆ" เสียนเฟยเล่า "แล้วชั้นก็พลัดหลงกับพ่อแม่ระหว่างมาที่นี่" เสียงเธอดูเศร้าลง
"เธอพลัดหลงที่ไหนนะ" ฟูหลงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ "ชั้นไม่รู้ แต่ชั้นรู้ว่ามาจากทางเจียหนานจุดหมายต่อไปคือเซียงซิง" เสียนเฟยกล่าวเผื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะรู้จัก ฟูหลงหยุดเดินแล้วหันมาทางเสียนเฟย
"เซียงซิงอยู่อีกด้านของภูเขานี้ราวๆ7กิโล ไม่ไกลเท่าไหร่แต่นี่ก็ใกล้มืดแล้ว จะไปพักที่บ้านชั้นก่อนไหม" ฟูหลงถาม ดูแล้วเด็กสาวคนนี้ซักท่าทางจะเดินไม่ไหวเป็นแน่แล้วก็ท่าทางจะเหนื่อยมากด้วย
เสียนเฟยส่ายหน้า "ถ้าเธอจะนำทางให้ชั้นตอนนี้ จะรบกวนไปไหม" เธอกล่าว ฟูหลงพยายามเกลี้ยกล่อม "เธอเดินไหวเหรอ ถ้าเกิดเป็นอะไรนี่ก็ใกล้มืดแล้วด้วยนะ"
"ขอโทษ แต่ชั้นอยากไปตอนนี้" คำพูดที่ค่อนข้างเอาแต่ใจแต่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น ฟูหลงยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินนำทางไปที่เมืองเซียงซิงโดยไม่พูดอะไร
ทางด้านบ้านของฟูหลง
"แม่คะ ฟูหลงยังไม่กลับมาเลย" หลีหลินกล่าวกับผู้เป็นมารดา น้องชายของเธอถ้าจะออกไปไหนก็จะบอกกล่าวก่อนเสมอ แต่ถ้าหายตัวไปแบบนี้มันน่าสงสัยยิ่งนัก
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงกลับมาเองแหละ" หญิงวัยกลางคนตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ไร้ความกังวลใดๆ หลีหลินทำหน้าบึ้ง "แล้วถ้าฟูหลงไม่กลับมาละคะ"
"แล้วเจ้าคิดเหรอว่าฟูหลงจะหลงทาง ถ้าหิวก็กลับมาเองแหละ" หล่อนตอบแล้วหันไปทอผ้าต่อ หลีหลินกังวลเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับมารดาของเธอ
ใกล้ถึงเขตเมืองเซียงซิงแล้ว ฟูหลงมองดูเด็กสาวข้างหลังที่ยังไม่มีอาการเหนื่อยหอบซักนิดอย่างแปลกใจ เดินมาด้วยกันตั้งนานขนาดเหงื่อซักเม็ดยังไม่ออกเธอเป็นตัวอะไรกันแน่ ฟูหลงเดินนำไปอีกนิดนึง
'ฟุ่บ' บางอย่างโผล่มาจากพุ่มไม้ด้านหน้าของฟูหลงโดยที่เด็กหนุ่มไม่ทันตั้งตัว คนๆนั้นกระโดดขึ้นไปสูงมากแล้วเงื้อดาบหมายจะฟันฟูหลงพร้อมตะโกน "ถอยห่างจากพี่สาวข้า!!"
'แก้ง' เสียงของวัตถุสองชนิดกระทบกัน ฟูหลงคว้ากระบี่ที่เอวมารับดาบของเด็กหนุ่มแปลกหน้าได้ทันพอดี เด็กหนุ่มคนนั้นกระโดดถอยหลังไปแล้วตั้งท่าต่อสู้
เด็กหนุ่มคนนั้นมีผมสีแดงดุจเปลวไฟ ดวงตาสีอำพัน ใบหน้าคมเข้มแต่คล้ายๆกับใครบางคนอายุก็คงไล่ๆกับเขา เด็กหนุ่มคนนั้นถือดาบวิ่งเข้าใส่ฟูหลงอีกครั้ง "คราวนี้ข้าไม่ให้เจ้ารอดแน่"
ตูม!!! ไม่ใช่เสียงของวัตถุประเภทเหล็กกระทบกัน แต่เป็นเสียงของใครคนหนึ่งโดนหินซัดต่างหาก
ฟูหลงตะลึงตาค้าง เสียนเฟยกระโดดซัดกำปั้นภูผาเข้าที่หน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นเต็มๆ เขานึกออกแล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาเหมือนใคร เหมือนกับเสียนเฟยยังกับแกะนี่เอง ฟูหลงยังตะลึงอีกเล็กๆ เด็กสาวรูปร่างบอบบางกลับมีกำปั้นที่หนักหน่วงขนาดต่อยผู้ชายลอยให้สบาย เห็นทีต้องจำท่านี้มาฝึกมั่งแฮะ...
"ทำอะไรของพี่เนี่ย" เด็กหนุ่มผมแดงว้ากใส่พลางเช็ดเลือดที่มุมปาก เสียนเฟยปัดข้อมือแล้วทำหน้าเฉยชา
"พี่ หมอนี่เป็นใคร" เด็กหนุ่มชี้หน้าฟูหลง พลัน ชายหญิงคู่หนึ่งก็แหวกพุ่มไม้ผ่านมาดู
"ท่านพ่อท่านแม่" เสียนเฟยวิ่งเข้าไปกอดพวกท่านทั้งสองอย่างดีใจ พ่อแม่ของเธอถามคำถามจนเสียนเฟยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
"ท่านพ่อท่านแม่คะ คนนี้เขาช่วยหนู" เสียนเฟยหันไปทางฟูหลงแต่ก็ไม่มีแม้เงาของหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ช่วยเธอไว้ ดวงตาสีทองส่งสายตาชิ้งๆไปทางน้องชายฝาแฝดที่น่าสงสัยที่สุด "เคียวเอ็น อย่าบอกนะว่านายฆ่าเขาแล้ว!!"
"ผมปล่าว ถ้าหมอนั่นละก็เดินเข้าป่าไปแล้ว" เด็กหนุ่มผมแดงนามเคียวเอ็นพูดแล้วชี้ไปที่ป่าด้านหลัง เสียนเฟยยืนนิ่ง
"ลูกคงเหนื่อยมาก ไปพักผ่อนซะเถอะจ้ะ" พ่อแม่ของเธอกล่าวแล้วพาตัวลูกสาวของพวกเขาไปโดยที่เคียวเอ็นเดินตามหลัง เด็กหนุ่มผมแดงมองไปที่ป่าก่อนจะตามพ่อแม่พี่สาวของเขาไป
อาเหมยนั่งฟังแล้วทำท่าอยากร้องไห้ ฟูหลงเอื้อมมือไปลูบหัวน้องสาวก่อนจะเล่าต่อ "จากนั้นพี่ก็เดินกลับเข้าบ้าน กว่าจะถึงก็สว่างพอดี พอหัวถึงหมอนก็สลบไปวันเต็มๆ"
อาเหมยเอียงคอมองฟูหลง ตอนนี้ทั้งสองกำลังนั่งอยู่บนหลังม้า โดยที่ฟูหลงเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ อาเหมยอยากจะถามถึงเสียนเฟย
"เอ่อ พี่ก็ไม่ได้เจอเสียนเฟยตั้งแต่นั้นนั่นแหละ" ฟูหลงอ่านใจอาเหมยออกเพราะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน อาจจะเป็นการสื่อสารกันทางโทรจิต อาเหมยทำท่าจะร้องไห้จริงๆซะแล้ว คงเพราะเรื่องค่อนข้างเศร้าละมั้ง
"เห็นเมืองต่อไปแล้ว" ฟูหลงเอ่ยอย่างดีใจพลางชี้ให้น้องสาวดูกำแพงเมือง "ไปกันเถอะ พี่ได้ยินว่าเขากำลังจัดงานเทศกาลนะ"
ฟูหลงกับอาเหมยควบม้าไปยังเมืองต่อไป เมืองนี้มี'งานเทศกาล'
ความคิดเห็น