คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 : เพชรน้ำหนึ่ง
- 5 - เพชรน้ำหนึ่ง เกือบๆจะสี่ทุ่ม...... นักเรียนในหอสี่ฤดูส่วนใหญ่ แยกย้ายเข้าห้องของตัวเองกันหมดแล้ว ห้องโถงชั้นล่างก็ดูเหมือนจะเงียบเชียบไร้ผู้คน ผิดกับหอทิวาราตรีที่ยังครึกครื้น โถงด้านล่างยังคงเปิดไฟสว่างจ้า เสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาถึงชั้นห้าของหอสี่ฤดู ทำเอาคนที่อยากจะพักผ่อนข่มตาหลับไม่ลงซักที “มิคาเอล....เค้านอนไม่หลับเลย” เสียงหวานข้างกาย เรียกร้องให้เด็กหนุ่มต้องหันไป “เสียงจากหอข้างๆดังใช่ไหม” รอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น แองเจลล่าพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะซุกตัวเข้าหาความอบอุ่นจากพี่ชายฝาแฝด “หนาว
” เสียงหวานเปรยขึ้นอย่างเอาแต่ใจไม่ต่างจากคืนแรกที่มาที่นี่ คำว่า“หนาว”คำเดียวที่ทำให้ต้องเลื่อนเตียงสองเตียงมาติดกัน “หนาวก็ห่มผ้าสิ กอดเค้าแล้วจะหลับเหรอ” เสียงทุ้มน่าฟังเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย “หลับ... กอดมิคาเอลแล้วอุ่นดี” ตาสีน้ำเงินใสแจ๋วสบกับดวงตาของอีกคนที่เหมือนกันราวกับภาพในกระจก มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะของแองเจลล่าอย่างเบามือ ราวกับจะกล่อมให้เด็กสาวเข้าสู่นิทรา “นอนได้แล้ว คืนนี้จะได้ฝันดี” มืดสนิท....... เงียบสงัด....... เย็นยะเยือก....... และ......... นัยน์ตาแวววาวราวอัญมณีสีน้ำเงิน เพ่งมองไปยังเตียงใหญ่ตรงกลางห้องด้วยความสงสัย ไม่มีตะเกียง ไม่มีหลอดไฟ หรือแม้แต่ดวงจันทร์ส่องสว่าง ภาพของเตียงกว้างที่เห็นได้ลางๆ สองเท้าพาก้าวไปตรงหน้าด้วยความใคร่รู้ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จนเพียงพอที่จะเห็น บนเตียงกว้างสีขาวบริสุทธิ์ ภาพของชายหญิงคู่หนึ่งกำลังหลับอยู่อย่างสงบ ปรากฎแก่สายตาของเด็กหนุ่มผู้อยากรู้อยากเห็น ความสง่างามเล็กๆ แฝงอยู่ในความสงบอันนี้ ราวกับเทพบุตรและเทพธิดา ชายหนุ่มผู้นั้นหลับไหลอยู่อย่างสงบ กุมมือของหญิงสาวข้างกายเอาไว้อย่างทะนุถนอม ราวกับว่าท่ามกลางความหนาวนี้ ไออุ่นจะแผ่ซ่านไปถึงสตรีข้างกาย เด็กหนุ่มมองภาพตรงหน้านี้อย่างพินิจ ก่อนที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน ที่นี่ที่ไหน....แล้วบุรุษและสตรีตรงหน้านี้คือใคร?? คำถามผุดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม แต่น่าแปลก ในสถานการณ์เช่นนี้เค้ากลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด เด็กหนุ่มเอื้อมือไปแตะแขนของสตรีที่อยู่ใกล้กว่า ทันทีที่เขารู้สึกถึงความอบอุ่นของเลือดที่ยังไหลเวียนอยู่ในกายของหญิงสาวผู้นั้น เบื้องหน้าของเข้าก็ปรากฎ อัญมณีซึ่งมีลักษณะโปร่งใสบริสุทธิ์ ลอยเด่นอยู่เหนือร่างของคนทั้งคู่ ส่องประกายเจิดจ้าจนห้องสว่างโร่ ความอุ่นวาบ พุ่งเข้าหาเด็กหนุ่ม คล้ายจะจู่โจมจนทำให้ต้องถอยหลังไปสองสามก้าว ไออุ่นนั้นแผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกาย มากเสียจนแทบจะล้นออกมา ราวกับมีพลังบางอย่างไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด อะพอลโล...... จู่เสียงหวานๆก็ดังขึ้นพร้อมกับสายลมที่พัดวูบ ทำเอาเด็กหนุ่มแทบสะดุ้ง แต่สติก็ฉุดรั้งให้เขานิ่ง วาบ!! แสงสว่างจากนอกหน้าต่างบานใหญ่ เรียกความสนใจให้เด็กหนุ่มหันไปมองอย่างสนใจ แสงจ้า....คล้ายกับแสงจากอัญมณีทีลอยเด่นอยู่ตรงหน้า แต่แสงจากนอกหน้าต่างนั่น ดูเหมือนจะมีพลังมากกว่า แต่ไม่นานก็หายไปในความมืด เด็กหนุ่มเดินตามแสงนั้นไปอย่างไม่รอช้า อะพอลโล...... เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ใกล้ราวกับว่ากระซิบอยู่ข้างหู เด็กหนุ่มหันขวับกลับไปในทันใด แต่สิ่งที่พบก็คือ ความมืดและความว่างเปล่า เด็กหนุ่มหันกลับไปทางแสงประหลาดนั้นอีกครั้ง ตูม!! คลื่นพลังมหาศาลจากชายในชุดสีดำสนิทที่ลอยเด่นอยู่โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าที่มืดสนิท พุ่งเข้าจู่โจมนักบวชอย่างรุนแรง ร่างในชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศในตอนแรกถูกแรงกระแทงกระเด็นไปไกลพอสมควร ชายชุดสีดำสนิทยิ้มเยาะก่อนจะเริ่มร่ายเวท ด้วยอำนาจของสาวกเบื้องขวา ในนามของลูซิเฟอร์ผู้ยิ่งใหญ่ ขอเปลวเพลิงจงแผดเผาทำลาย ให้แผ่นดินแห่งสุริยาจันทราจงวอดวาย สร้างความเสียหายยากกลับคืน บ้านเมืองประสบทุกข์ภัย โรคร้ายย่างกรายทุกแห่งหน อาทิตย์ร่วงหล่น เดือน.... ยังไม่ทันที่เวทบทนั้นจะถูกร่ายจนจบ เสียงๆหนึ่งก็ขัดขึ้นมาก่อน ในนามของทูตสวรรค์ สุริยาจะอยู่ยง จันทราจะเฉิดฉาย เคียงคู่นภาแลปฐพี ความดีจะชะล้าง แสงสว่างจะนำทางคืนสู่สงบ โรคร้ายจะจางหาย ความชั่วร้ายจะถูกทำลาย ไม่มีวันได้ย่างกรายสู่แผ่นดิน เมื่อนักบวชร่ายเวทจบก้อนพลังสีขาวมหึมาก็พุ่งเข้าใส่ชายในชุดดำ ทำให้คิดไปว่ายากนักหากจะรอดชีวิตจากพลังของนักบวชผู้อ้างตัวว่าเป็นทูตสวรรค์ “ขลาดเขลานัก หนีไปจนได้ ดูโลส” นักบวชผู้นั้นพึมพำ ก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าใสจะสบเข้ากับดวงตาของเด็กหนุ่มผู้เฝ้าดูเหตุการณ์เหล่านั้นเข้าอย่างจัง ร่างของนักบวชผู้นั้นหายวับก่อนจะมาปรากฎอยู่ตรงหน้า ทำเอาเด็กหนุ่มตกใจจนขาทั้งสองข้างสั่งให้วิ่งหนีโดยอัตโนมัติ “คิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือ ท่านมิคาเอล” เสียงเรียกทำให้มิคาเอลต้องชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับมายังต้นเสียง “รู้จักชื่อข้าได้ยังไง” เด็กหนุ่มถามเสียงเข้ม “หากข้าไม่รู้จักชื่อท่าน ข้าคงไม่รู้แม้แต่ชื่อของตัวเอง” นักบวชผู้นั้นกล่าวสีหน้าเปลี่ยนจากตอนกำลังสู้กับสาวกฝ่ายขวาอย่างกับเป็นคนละคน มิคาเอลได้แต่ทำหน้ายุ่งอย่างไม่เข้าใจ “แล้วท่านเป็นใคร” เด็กหนุ่มกล่าวถามต่อ “ทูตสวรรค์ นามของข้าคือราฟาเอล” เสียงของนักบวชฟังดูเคร่งขรึมกว่าในทีแรก “ท่านเข้ามาในนี้ได้อย่างไร” “ไม่รู้” คำตอบที่ทั้งสั้นทั้งห้วน ทำให้ราฟาเอลอดส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอไม่ได้ “สองคนที่นอนอยู่บนเตียงนั่นคือใคร” “ซักวันท่านจะรู้เอง” คำตอบของราฟาเอลทำเอามิคาเอลเริ่มหงุดหงิด “ซักวัน แล้วมันอีกนานแค่ไหนล่ะ” มิคาเอลยังไม่เลิกตั้งคำถาม “เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้...... ข้าจะพาท่านกลับ” “ข้าจะกลับ แต่บอกข้าก่อนว่าที่นี่ที่ไหน” มิคาเอลต่อรอง “ท่านรู้แล้ว จะได้อะไรขึ้นมาอย่างนั้นหรือ” นักบวชหนุ่มกล่าวถามระคนขบขัน “ตอบข้า!!”มิคาเอลตวาด “เอาเถิด ข้าจะบอกท่าน ที่นี่คือวิหารอีเดน เอาล่ะ ได้เวลาที่ท่านจะต้องกลับแล้ว” ราฟาเอลพูดแบบไม่เว้นให้มิคาเอลแทรกได้เลย นักบวชหนุ่มยิ้มน้อยๆ ก่อนจะดีดนิ้ว เป๊าะ!! พรึบ!! ดวงตาเบิกโพลง เขากลับมาอยู่ในห้องนอนของหอสี่ฤดู ผู้เป็นน้องสาวฝาแฝดนอนเบียดเข้ามาบนเตียงของเด็กหนุ่มพลางซุกตัวในอ้อมกอดอุ่นๆ มิคาเอลหอบหายใจถี่ๆราวกับพึ่งวิ่งหนีอะไรซักอย่างมา สายลมพัดเอื่อยๆเข้ามาไม่ขาด มิคาเอลสูดหายลมหายใจเข้าลึกๆ ฟ้าใกล้สางแล้ว ถึงจะเห็นอย่างนั้น แต่เด็กหนุ่มยังไม่มีกะจิตกะใจจะลุกขึ้นจากเตียงในตอนนี้ ครุ่นคิดถึงแต่เหตุการณ์เมื่อครู่ ฝันเหรอ!? ภาพของสตรีและบุรุษบนเตียงกว้าง อัญมณีที่ส่งแสงอ่อนโยน วิหารอีเดน การต่อสู้ สาวกเบื้องขวา ทูตสวรรค์ราฟาเอล คำสาปที่หมายจะปองร้ายเพียวแพลนเน็ตที่ร่ายไม่จบ และทูตสวรรค์ผู้ร่ายเวทคุ้มกัน ทุกอย่างชัดเจนราวกับเห็นด้วยตา แต่ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน อย่างงั้นหรือ!!?? ยิ่งครุ่นคิด ดูเหมือนจะยิ่งไม่เข้าใจ มิคาเอลตันสินใจทิ้งเรื่องราวน่าปวดหัวพวกนั้นไว้ข้างหลัง ก่อนจะปล่อยจิตใจให้เพลิดเพลินไปกับดวงตะวันยามอรุณรุ่ง “มิคาเอล...” เสียงงัวเงียๆของแองเจลล่าเรียกเด็กหนุ่มให้หลุดจากภวังค์ได้อย่างง่ายดาย “ตื่นแล้วเหรอ” มิคาเอลกล่าวก่อนจะแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากของผู้เป็นน้องสาวฝาแฝด “มิคาเอลตื่นนานหรือยัง” เด็กสาวกล่าวถาม “ไม่นานหรอก ก่อนแองเจลล่าแป๊ปเดียว” มิคาเอลโกหกออกไป “เหรอ....เค้าอาบน้ำก่อนนะ” แองเจลล่าพับผ้าห่ม และจัดเตียงก่อนจะคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป บนยอดหอคอยของตึกบัตเตอร์ฟลาย ห้องเรียนวิชา “ว่าด้วยเรื่องของเวทมนตร์” ของนักเรียนปีหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ปีหนึ่งห้องเอกำลังนั่งหน้าสงบเสงี่ยมต่อหน้าศาสตร์ตราจารย์สาว ดาร์ริล เกรย์ กลิ่นของน้ำหอมลอยมาแตะจมูกอยู่ตลอดเวลา กลิ่นหวานๆเคลิ้มๆทำให้อาจารย์ผู้นี้ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก “สวัสดี ทุกๆคน วันนี้ครูจะให้พวกเธอเขียนรายชื่อของที่เธออยากจะนำมาใช้ทำเป็นคทา” ศาสตร์ตราจารย์สาวกล่าวอย่างช้าๆ แต่ลงจังหวะหนักแน่น ทำเอาซึบาสะสะดุ้งทุกครั้งที่เธอหันมามอง แต่อย่างนั้นรอยยิ้มก็ยังพรายอยู่บนในหน้าของเธออยู่เป็นนิจ “อย่างแรกที่อยากให้พวกเธอเลือก ก็คือสิ่งที่จะทำมาลูกแก้วของคทา เปิดหนังสือหน้า108 บทที่10” นักเรียนทั้งห้องรีบพลิกหนังสือกันจ้าละหวั่นให้ทันกับที่ศาสตราจารย์สาวกำลังจะพูด “ลูกแก้วคทาโดยส่วนใหญ่ ทำมาจากอัญมณี และแร่บริสุทธิ์ อัญมณีที่นิยมนำมาใช้ที่สุดคือ อความารีน เป็นอัญมณีสีฟ้าใส ด้วยเหตุผลที่ว่าสามารถควบคุมพลังจู่โจมเกี่ยวกับน้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยให้พลังอยู่ในระดับคงที่” “คทาของครู ลูกแก้วทำมาจากบุษราคัม อัญมณีสีเหลืองสด ส่งเสริมในด้านพลังอำนาจ และเพิ่มพลังโจมตีให้เวทไฟ” นักเรียนหันไปมองคทาที่วางอยู่ข้างโต๊ะอาจารย์ ลูกแก้วสีเหลืองสด ดูมีอำนาจ คทาสีดำสนิทล๊อกลูกแก้วติดไว้กับด้าม “แต่ไม่ว่าอัญมณีชนิดไหนๆ ก็มีประสิทธิภาพไม่เท่าเทียมกับ *พารากอน* มันคือเพชรชนิดพิเศษ จะมีความแวววาวมากกว่าอัญมณีชนิดอื่นๆ หรือแม้แต่กับเพชรด้วยกัน และยังมีความคงทนมากกว่า พารากอน จะส่องแสงเป็นนประกายอยู่ตลอดเวลา เป็นแสงจ้า แต่ไม่ทำให้แสบตา และยังจะให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วย มีเพียงสองชิ้นในเพียวแพลนเน็ต แต่ปัจจุบันสูญหายไปหนึ่งชิ้น จึงเหลือเพียงแค่ชิ้นเดียว ในวิหารอีเดนทางฝั่งตะวันตก” คำบรรยายหน้าห้องของศาสตร์ตราจารย์ดาร์ริลทำเอามิคาเอลถึงกับผงะ วิหารอีเดน และอัญมณีที่ส่องประกายในความฝัน พารากอน |
ความคิดเห็น