คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : สู่เกรทไลฟ์
มิคาเอล..... แองเจลล่า..... ลูกรักของแม่.......
ออกจาเซเรนิตี้ซะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยกับลูกทั้งสอง ลูกทั้งสองจงนำสาสน์ฉบับนี้ไปมอบให้กับอเล็กซานเดอร์ เกรเทนผู้ยิ่งใหญ่
เค้าจะบอกลูกว่าควรทำยังไง แล้วเมื่อถึงเวลา แม่จะไปรับลูกกลับมาที่นี่เอง.......มิคาเอล ดูแลน้องให้ดีๆนะ
......................................................................................................
ห้องน้ำชาอันโอ่อ่าหรูหราในพระราชวังของแคว้นเมืองเกรทิอัลน่า ของกษัตริย์ อเล็กซ์ซานเดอร์ เกรเทน ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง เมื่อยามที่กษัตริย์ผู้นั้นกำลังนั่งอยู่ ณ ที่นี่พลางส่งรอยยิ้มเมตตาให้กับเด็กหนุ่มสาวที่นั่งสำรวม อย่างให้เกียรติสถานที่ แต่กระนั้น ท่านั่งของทั้งคู่ก็ยังทำให้ดูสง่างาม ไม่ด้อยไปกว่าผู้ครองเกรทิอัลน่าเลย
“ราชินีแห่งเซเรนิตี้อบรมโอรสและธิดาเป็นอย่าดีจริงๆ มิคาเอล แองเจลล่า ตามสบายเถอะ ไม่ต้องเคร่งเครียดขนาดนั้น คิดซะว่าที่นี่ก็คือบ้าน” คำพูดที่ติดจะเป็นกันเองของอเล็กซ์ซานเดอร์ดูเหมือนจะคลายอาการตื่นเกร็งของมิคาเอลและแองเจลล่าได้ซักเล็กน้อย อเล็กซ์ซานเดอร์ กษัตริย์วัยสามสิบปลายๆ แย้มโอษฐ์เล็กน้อยก่อนจะตรัสต่อ
“นานแค่ไหน แล้วนะ ที่ไม่ได้พบกัน ครั้งสุดท้ายคงจะเป็นวันฉลองครบรอบวันเกิดของโอรสธิดาของเซเรนิตี้ที่ยิ่งใหญ่ ข้าพูดถูกมั้ย”
“เซเรนิตี้เป็นแค่เมืองต่ำต้อย หม่อมฉันมิบังอาจรับคำชมจากกษัตริย์แห่งเกรทิอัลน่าผู้ปราดเปรื่อง” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างถ่อมตน ไม่ได้ถือตนว่าเป็นเจ้าชายแม้แต่น้อย
“ถ่อมตัวสมเป็นโอรสของอีริค พ่อของเจ้าสบายดีหรือ” กษัตริย์ผู้ปราดเปรื่องสรวลเบาๆอย่างนึกชอบใจ
“เสด็จพ่อทรงคร่ำเคร่งอยู่กับราชกิจเพคะ บัดนี้บ้านเมืองมิใคร่สงบนัก พระองค์ทรงห่วงใยทุกข์สุขของราษฏรมากกว่า สุขภาพของพระองค์เองเช่นเคยเจ้าคะ” เด็กสาวเอ่ยรายงานด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ด้วยกษัตริย์แห่งเกรทิอัลน่า ทรงใช้วาจาที่เป็นกันเอง
“เป็นเด็กช่างเจรจาผิดกับแม่ของเจ้านะ ข้าพอจะรู้สถานการณ์ในเซเรนิตี้อย่างคร่าวๆจากสาสน์ที่พวกเจ้านำมา ไมตรีของสองแคว้นผูกพันกันมาช้านาน ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เซเรนิตี้ไว้ใจให้เราดูแลโอรสธิดาผู้เป็นแก้วตาดวงใจของผู้ปกครองและประชาชนในประเทศ เจ้าจะอยู่ในการคุ้มครองดูแลของของเราจนกว่าจะถึงเวลาที่สมควร ” อเล็กซ์แซนเดอร์หยุดจิบน้ำชาก่อนจะกล่าวต่อ
“เป็นที่รู้กันดีว่าเกรทิอัลน่ามีโรงเรียนที่ดีที่สุดในบรรดาสิบประเทศใกล้เคียง ปีนี้เจ้าทั้งสองอายุสิบห้าแล้ว เหมาะสมที่จะเข้าศึกษาให้ชั้นปีแรก และพระบิดาของพวกเจ้าก็อยากให้มันเป็นเช่นนั้น พรุ่งนี้จะมีการสอบด้านความถนัดของนักเรียนที่จะเข้าเรียนในปีนี้ ถึงไม่ได้เตรียมตัวมาแต่ก็คิดว่าเจ้าทั้งสองจะทำได้ดี เรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนทุกอย่างข้าจะให้คนไปจัดการให้ เจ้าทั้งสองคงเหนื่อยล้ามาจากการเดินทางไกล พักผ่อนเอาแรงไว้เพื่อแบบทดสอบของวันพรุ่งนี้น่าจะเป็นความคิดที่ดี” มิคาเอลและแองเจลล่ายิ้มออกมาเมื่อกษัตริย์ผู้ปราดเปรื่องส่งสายตาที่รู้ทันมาให้
“เซฟิเรีย ข้าคิดว่าเราอยากได้ที่พักอันแสนสบาย และนมอุ่นๆก่อนเข้านอนสำหรับนายน้อยทั้งสอง แล้วก็ช่วยจัดการเรื่องโรงเรียนให้ด้วย”
.....................................................................................................................
“แองเจลล่า คิดถึงบ้านไหม” มิคาเอลถามขึ้นพร้อมๆกับล้มตัวลงนอนข้างๆผู้เป็นน้องสาวฝาแฝด
เด็กสาวส่ายศีรษะน้อยๆทำให้ผมยาวๆสะบัดตามแรงนั้น มิคาเอลขยับเข้าไปใกล้ๆพลางเอื้อมมือไปโอบร่างผู้เป็นน้องสาวเอาไว้
“กลัวรึเปล่า” เขาถามอีกครั้ง สายตาอ่อนโยนมองเด็กสาวอย่างเอ็นดู
“ไม่กลัวหรอก เค้ามีมิคาเอล” เด็กสาวกล่าวตอบก่อนจะซุกตัวหาความอบอุ่นจากอ้อมกอดนั้น “มิคาเอลล่ะ กลัวไหม”
“เค้า...กลัว” เด็กหนุ่มกล่าวตอบอย่างลังเล แองเจลล่าทำหน้ามุ่ยก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อมิคาเอลพูดต่อ
“แต่ไม่เป็นไร เพราะเค้ามีแองเจลล่าอยู่ด้วย”
........................................................................................
“ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่บททดสอบแรกก่อนการเป็นนักเรียนใน เกรทไลฟ์ โรงเรียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของฉัน กษัตริย์แห่งเกรทิอัลน่า อย่างเต็มตัว” อเล็กซ์ซานเดอร์พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มใจดี แต่สุ้มเสียงเต็มไปด้วยความเกรงขามที่นักเรียนทุกคนรู้สึกได้
“หนึ่งร้อยคน ณ ที่นี้ อาจจะไม่ได้เข้าไปเรียนในเกรทไลฟ์ทั้งร้อยคน ถึงยังไงฉันก็ขออวยพรให้ทุกคนโชคดี บางทีปีนี้เกรทไลฟ์อาจจะกว้างพอสำหรับนักเรียนใหม่ทั้งร้อยคน” เข้ากล่าวอย่างอารมณ์ดี
“การคัดเลือกปีนี้ มีสองด่านอย่างเช่นทุกปี ด่านแรกการต่อสู้แบบตัวต่อตัว มีใครจะอาสาแสดงฝีมือให้เราดูเป็นขวัญตารึเปล่า” เขากวาดสายตาไปยังนักเรียนชายหญิงหนึ่งร้อยคนตรงลานกว้าง ไม่มีมือของใครกล้าพอที่จะชูขึ้นมากลางอากาศ แต่.....
“เอาล่ะเราได้ผู้กล้าหนึ่งท่านแล้ว” อเล็กซ์ซานเดอร์ร้องขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิงท่าทางอวดดีก้าวเข้ามาในลานประลองพร้อมกับดาบใหญ่สีดำทมิฬ ประดับด้วยบลัดสโตน
“ยังมีใครจะอาสาอีกรึเปล่า” น้ำเสียงบ่งบอกความสบายๆของผู้พูดทำให้การประลองไม่ตึงเครียดอย่างที่ควรจะเป็น
“ผมอาสาครับ” มือหนึ่งของบุรุษผู้กล้าหาญชูขึ้นกลางอากาศ
อเล็กซ์ซานเดอร์หันไปมองเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีดำขลับอย่างนึกชอบใจ ในแววตาอันมุ่งมั่นนั้น “งั้นก็เชิญเข้ามาให้ลานประลอง”
เด็กหนุ่มก้าวออกมาจากกลุ่มนักเรียนที่รายรอบก่อนเข้าสู่เวทีประลองพร้อมกับดาบทาจิ*ยาวประมาณสี่ฟุตซึ่งยังซ่อนคมอยู่ในฝัก
“เอาล่ะ แนะนำตัวกันก่อนซักหน่อย”อเล็กซ์ซานเดอร์กล่าวอย่างเป็นกันเอง
“วาเลนไทน์ เดลฟ์ท” เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีแดงกล่าวอย่างรวบรัด
“โทโมฮิสะ เรย์อาร์” อีกคนก็กล่าวสั้นๆอย่างไม่ให้เสียเวลา
“ไฟปะทะไฟสินะ สิบห้านาทีสำหรับการประลอง ขอให้ทั้งสองโชคดี” อเล็กซ์ซานเดอร์ยิ้มอย่างพึงพอใจ
.............การปะลอง เริ่มขึ้นแล้ว................
ขณะนี้ ทุกสายตาจับจ้องไปยังสนามประลอง การต่อสู้ที่ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน
วาเลนไทน์ เดล์ฟท พุ่งจากฟากหนึ่งของสนามประลองไปประชิดตัวคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วชนิดที่แม้ถ้ากระพริบตาคงมองไม่เห็น ยังไม่ทันที่คู่ต่อสู้จะได้ชักดาบออกมา ดาบแรกของเด็กหนุ่มในตาสีแดงเพลิงก็วาดลงอย่างรุนแรงและรวดเร็วชนิดที่หมายจะล้มคู่ต่อสู้ให้ได้ภายในดาบเดียว ทำเอานักเรียนที่กำลังชมการต่อสู้นั้นแทบหยุดหายใจ
แต่แล้วร่างของวาเลนไทน์ เดล์ฟทกลับกระเด็นออกมาทิ้งให้หนุ่มผมดำสนิทยืนสงบอยู่ในท่าเดิม ไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ดาบยังไม่ทันได้ออกจากฝักด้วยซ้ำ นัยน์ตาสีดำขลับสงบนิ่งราวกับจะท้าทายคู่ต่อสู้
รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่มุมปากของวาเลนไทน์ เค้ากำลังรู้สึกสนุกกับคู่ต่อสู้ที่ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้า หุ่มผอมๆผิดจากนักรบทั่วไป ทำให้คิดว่าจะล้มได้ง่ายๆ แต่กลับสงบนิ่ง มีว่องไวจนมองไม่เห็นการเคลื่อนไหว เด็กหนุ่มนัยน์ตาแดงเพลิงลุกขึ้นมาประจันหน้ากับ โทโมฮิสะ เรย์อาร์ คู่ต่อสู่ที่เป็นเสมือนคมในฝัก
วาเลนไทน์กระชับดาบในมือแล้วจับจ้องไปที่คู่ต่อสู้อย่างพิจารณา เหงื่อเย็นๆไหลลงมาตามไรผม บ่งบอกถึงสถานการณ์อันตึงเครียดในบริเวณลานประลองได้เป็นอย่างดี เด็กหนุ่มพุ่งเข้าไปหวังจะจู่โจมอีกครั้ง
นัยน์ตาสงบนิ่งของโทโมฮิสะฉายแววดุขึ้นมาทันใด ดาบซามูไรถูกดึงออกมาจาฝักตั้งรับดาบอันรุนแรงของวาเลนไทน์ ก่อนจะจู่โจมกลับไปในทันที บัดนี้ปลายดาบของวาเลนไทน์จ่ออยู่ที่คอหอยของโทโมฮิสะ อีกนิดเดียวก็พร้อมที่จะปลิดชีพคู่ต่อสู้ตรงหน้า
แต่ผู้ชมก็ต้องหยุดหายใจ เมื่อพบว่าคมดาบของโทโมฮิสะได้สร้างรอยแผลตรงต้นคอของวาเลนไทน์ที่บัดนี้มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
“เอาล่ะนักรบผู้กล้าหาญทั้งสอง” เสียงของอเล็กซ์ซานเดอร์ดังขึ้นทำลายความเงียบของบริเวณลานประลอง “สิบห้านาทีอันยาวนานได้จบลงแล้ว การประลองของท่านทั้งสองถือเป็นอันสิ้นสุด”
โทโมฮิสะและวาเลนไทน์ผละออกจากกันในทันที โทโมฮิสะเช็ดคราบเลือดจากดาบด้วยชายยูกาตะที่สวมใส่อยู่และเก็บลงฝัก แล้วทั้งสองโค้งจึงให้กันก่อนจะเดินออกจากสนาม
“การประลองนัดแรกคงพอจะทำให้เลือดนักสู้ในกายของทุกท่านสูบฉีดดีแล้ว ฉันขอเรียกนักเรียนตามรายชื่อเลยแล้วกัน” เสียงพูดคุยดังกระหึ่มมาจากทุกทิศในบริเวณลานประลอง ก่อนที่จะเงียบลงอีกครั้งเมื่อเสียงกระแอมของอเล็กซ์ซานเดอร์ดังขึ้น
“มิคาเอล อาร์ทีมิส และ เพิร์ล เฟรเดอริเซีย”
“นั่นมันดาบในตำนานนี่” เสียงร้องจากเด็กนักเรียนคนหนึ่งดังมาจากมุมหนึ่งของลานประลอง ทำเอาทุกสายตาจับจ้องมายังเด็กสาวนัยน์ตาสีเขียวมรกตที่กำลังก้าวเข้าสู่เวทีประลอง เจ้าของดาบในตำนานที่ถูกกล่าวถึง
“นั่นมัน......แบล็คเพิร์ล” เด็กสาวคนหนึ่งร้องออกมา ผู้คนรอบๆต่างจับจ้องไปยังดาบสีดำสนิท ดาบที่ทำด้วยไข่มุกดำในตำนาน ซึ่งไม่เหมาะกับเด็กสาวรูปร่างน่าทะนุถนอมเจ้าของดาบเลย
และราวกับนัดหมายทุกสายตาหันไปมองคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงข้ามของเด็กสาวคนนี้
เด็กหนุ่มผมบลอนส์กันนัยน์ตาสีน้ำเงินดุจไพลินน้ำงาม ก้าวเข้ามาในลานประลองพร้อมกับคันธนูของอดีตกษัตริย์แห่งเซเรนิตี้
เด็กหนุ่มพึมพำอะไรบางอย่างสองสามคำฉับพลันลูกธนูก็ปรากฎขึ้นบนมือที่แบรออยู่ก่อนแล้ว จิตสังหารอย่างรุนแรงพุ่งตรงไปยังสาวน้อยผู้เป็นคู่ต่อสู้ แม้แต่ผู้ชมรอบๆก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่เหมือนจะทำให้ร่างกายหมดเรี่ยวแรงไปซะเฉยๆ
เพิร์ล เฟรเดอริเซียกระชับดาบในมือ จิตใจยังคงสงบนิ่ง ไม่หวั่นเกรงกับจิตสังหารนั้นแม้แต่น้อย สายตาจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้ผมบลอนส์ พร้อมกันนั้นดาบใหญ่ก็วาดลงกลางอากาศตรงหน้า สร้างความงุนงงให้กับผู้ชมข้างสนาม
ในเมื่อคู่ต่อสู้ยืนอยู่อีกฟากของสนาม วาดดาบอย่างเต็มแรงตอนนี้เปรียบเสมือนการกระทำที่สูญเปล่า
เธอกำลังคิดจะทำอะไร!!
ความคิดเห็น