คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Episode 4
“มีธุระอะไรอะไรที่นี่”
แซม หัวหน้าเผ่าควิลยูตคนปันจุบันที่ได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้าเผ่าคนเก่า เขาเป็นผู้นำที่เข้มงวดและดุร้าย แซมยืนขวางคาร์ไลล์ทันทีที่พวกผีดิบดูดเลือดรุกล้ำอาณาเขตของพวกเขา แม้มันจะมาตัวเดียวก็ตาม
“ฉันต้องการคุยกับบิลลี่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เรามีศัตรูอื่น”
“แซม ให้เขาเข้ามา”
บิลลี่ที่นั่งพักอยู่ในบ้านได้ยินทุกอย่าง ถึงเขาจะชราภาพแต่เขายังมีประสาทสัมผัสที่ดี แค่ไม่แข็งแรงเหมือนเก่า
“ไงคุณหมอ ลมอะไรหอบมา”
“ต้องขอโทษที่ผมข้ามเขตคุณมา คิดว่าคุณคงได้ยินข่าวแล้ว เด็กใหม่ที่อยู่บ้านสวอน”
บิลลี่ผายมือให้คาร์ไลล์นั่งลง
“ใช่ ชาร์ลีเล่าให้ฉันฟัง”
“มีบางอย่างที่มาจากโรงเรียนเก่าของเธอมาที่นี่ และเธอมาตามหามัน เธอไม่ใช่ทั้งหมาป่าหรือแวมไพร์”
คาร์ไลล์หยิบกระดาษออกจากกระเป๋า เขาเปิดกางบนโต๊ะเตี้ยให้บิลลี่ดู
“นี่อะไร”
บิลลี่มองอย่างประหลาดใจ
“นี่เรียกว่าไฮด์ มันคือมนุษย์ที่แปลงร่างได้ ไม่ใช่หมาป่า”
“ใช่ มันดูน่ากลัวกว่านั้น คุณต้องการให้เราช่วย?”
“เวนส์เดย์เธอต้องการมาพบพวกคุณ”
“เธอมาด้วยรึ”
“เธออยู่บ้านชาร์ลี”
“คงได้เวลาไปเยี่ยมเพื่อนเก่า แซมบอกเจคอบ เสาร์นี้เราจะไปบ้านชาร์ลีกัน”
“ครับบิลลี่”
แซมเดินเข้ามาผงกหัวรับก่อนเดินออกไปหาเจคอบที่โรงรถ ถึงจะไม่ชอบหน้ากันแต่เขาเคารพบิลลี่
เจคอบขับรถมาส่งบิลลี่ที่บ้านสวอน และเขาดีใจมากที่จะได้เจอเบลล่า ถึงแม้พวกเราจะมีเรื่องราวต่อกันที่ไม่ค่อยดี แต่ลึกๆ แล้วเขาก็ยินดีเสมอที่จะได้เจอเธอ สวนทางกับการแสดงออกบนใบหน้าที่บึ้งตึง บิลลี่ทักทายเพื่อนเก่าอย่างชาร์ลี ทั้งสองคุยกันเล็กน้อยชาร์ลีก็ขอตัวไปทำงาน บิลลี่ให้เจคอบพาเบลล่าไปเดินเล่น ส่วนเขาไถวิลแชร์เข้ามาหาเวนส์เดย์ที่ยืนรออยู่ เธอสวมชุดเดรสลายจุดสีดำ
“เวนส์เดย์ใช่มั้ย ฉันบิลลี่”
เวนส์เดย์พยักหน้ารับ
“เราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า”
เวนส์เดย์เดินนำไปโดยไม่สนบิลลี่ที่ไถวิลแชร์ตามมา
“ช่วยหน่อยก็ดีนะแม่หนู”
เวนส์เดย์หันขวับจนกลัวว่าคอจะหลุดจากบ่า แต่เธอก็เดินมาช่วยจับวิลแชร์และยกบิลลี่เข้าบ้านอย่างทุลักทุเล
“คาร์ไลล์บอกฉันเรื่องไฮด์ เล่าให้ฉันฟังเพิ่มเติมหน่อยสิ”
“โรงเรียนฉันเนเวอร์มอร์ เรามีทั้งมนุษย์หมาป่า ไซเรน แวมไพร์ และกอร์กอน เรียกรวมพวกเขาว่าเอาต์แคสต์ ไฮด์เป็นสัตว์ในตำนาน มีน้อยมาก และที่เรารู้จักคือไทเลอร์ เขาเป็นลูกครึ่งมนุษย์ไฮด์ ไฮด์ควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาจะทำตามคำสั่งผู้เป็นนายเท่านั้น โดยใช้การสะกดจิต ระหว่างกำลังส่งเขาไปสถานกักกัน มีบางอย่างโจมตีรถ ตอนนี้ฉันเดาว่ามันคือฝีมือแวมไพร์เร่ร่อน เพราะพวกเอาต์แคสต์จะไม่โจมตี”
เวนส์เดย์เหล่าเรื่องคร่าวๆ ให้บิลลี่เข้าใจว่าเธอไม่ใช่เด็กธรรมดาและอย่าริอาจดูถูกความสามารถเธอ ร่วมถึงสิ่งที่เธอสงสัยและบอกเรื่องของซาเวียร์ แน่นอนว่าซาเวียร์ก็สำคัญ แต่เรื่องของไฮด์สำคัญกว่าถ้าจับเขาได้ซาเวียร์ก็จะปลอดภัยแน่นอน
“เธอคิดว่าเป็นแวมไพร์ในถิ่นเรา”
“ถ้ามีอะไรน่าสงสัย คุณต้องบอกหนูทันที”
“ฉันจะรับฟังเรื่องนี้ไว้ ฉันขอถามเธอหน่อยแม่หนูน้อย”
เวนส์เดย์เพียงทำหน้านิ่งๆ ไม่ตอบรับและก็ไม่ได้ห้าม บิลลี่จึงพูดต่อ
“เธอไม่ใช่ทั้งแวมไพร์และหมาป่า แต่เธอมาตามจับไฮด์ เธอเป็นตัวอะไรกันแน่”
“หนูคือแอดดัมส์ คุณไม่มีทางเข้าใจได้หรอกว่าเราเป็นตัวอะไร”
แม้บิลลี่ยังคลางแคลงใจแต่เขาก็จะไม่ได้คำตอบอะไรมากไปกว่านี้ ความสงสัยฆ่าคนตายได้นะรู้มั้ย
“โอเค หมดเรื่องคุยแล้ว ฉันจะสั่งคนของฉันให้คอยติดตามให้ เบลล่ารู้จักเจคอบ ลูกชายฉัน เธอติดต่อผ่านทางนั้นได้ เรื่องจะมาถึงเร็วกว่าโทรหาฉันแน่นอน”
“หนูจะจำไว้ หนูแนะนำว่าอย่าปะทะกับไฮด์แล้วให้จับเป็นเท่านั้น”
บิลลี่พยักหน้ารับ เขาไถวิลแชร์ออกไป ก่อนจะไปเขาหันกลับมา
“หลังจากนี้ว่างไปตกปลาด้วยกันมั้ย”
เวนส์เดย์ลุกขึ้นยืน เธอพยักหน้าแล้วเดินเร็วกลับขึ้นไปบนห้องนอน เกิดเสียงดังตึงตึง บิลลี่รออย่างใจเย็น
เจคอบมารับบิลลี่กลับแต่คราวนี้มีคนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน นั่นคือเวนส์เดย์ พ่อบอกว่าชวนเธอไปตกปลาด้วยกัน ตัดพ้อว่าลูกชายไม่ค่อยจะมีเวลาให้เขาสักเท่าไหร่ เขาไม่ได้ชวนเบลล่ามาด้วยเพราะเธอบอกมีนัดกับเอ็ดเวิร์ด หมอนั่นที่เขาเกลียดขี้หน้า เจคอบลอบมองเวนส์เดย์ผ่านกระจกมองหลัง ชวนขนหัวลุกดีพิลึก เวนส์เดย์มองตอบ เขารีบเบือนสายตาหนี เมื่อเข้าเขตสงวน เจคอบดับเครื่องยนต์และพาบิลลี่ลงจากรถ เวนส์เดย์เปิดประตูตามลงมา เธอมาพร้อมกระเป๋าสะพายประจำตัว เสื้อยืดลายทางขาวดำ กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบและเสื้อกันหนาวแขนยาวสีดำซิปผ่าหน้ามีฮู้ด
พวกแซมที่กำลังจะไปน้ำตกเดินเกาะกลุ่มออกมากันพอดี ในสภาพที่ผู้ชายทุกคนเปลือยท่อนบน
“คุณพาใครมาน่ะบิลลี่” ลีอา
“เพื่อนบ้านใหม่ของชาร์ลี เธอชื่อเวนส์เดย์ ฉันอยากคุยกับพวกเธอก่อน”
บิลลี่พูดด้วยสีหน้าจริงจังในตอนท้ายจนพวกแซมที่คุยสนุกและหัวเราะกันอยู่เงียบลง พวกเขาตั้งใจมากขึ้น
“เจคอบแกก็มาด้วย”
บิลลี่หันไปบอกลูกชายที่ทำท่ากำลังเดินหนีไป
“เรื่องในฝูงไม่เกี่ยวกับผม”
“แต่แกเป็นส่วนหนึ่งของฝูง”
“เหอะ”
เจคอบเดินตามบิลลี่เข้าไป เอมิลี่แฟนสาวของแซมเดินเข้ามาช่วยบิลลี่เข็นวิลแชร์
“ขอบใจเอมี่”
“ค่ะ”
เวนส์เดย์มองตามหญิงสาวที่มีแผลเป็นบนใบหน้าเป็นรอยข่วนทางยาว ภายในใจคิดอะไรอยู่ไม่มีใครรู้ ทั้งหมดอยู่รวมกันในห้องนั่งเล่นของเผ่าควิลยูต เอมิลี่เดินเสิร์ฟของทานเล่น สำหรับพวกหมาป่าให้ทุกคน เธอตัดแบ่งน่องไก่ชิ้นเล็กให้เวนส์เดย์
“ฉันเอมิลี่จ้ะ”
เอมิลี่แนะนำตัวกับเวนส์เดย์ เธอไม่ตอบรับ แต่มองตามที่เอมิลี่ทำ
ฉันมองตามทุกการเคลื่อนไหวของเอมลี่ เธอเป็นคนที่มีรอยยิ้มสดใส ไม่เข้ากับใบหน้าน่ากลัวนั่น เป็นสิ่งที่น่าอิจฉา เธอจะต้องเผชิญเรื่องราวเลวร้ายขนาดไหนถึงได้แผลแบบนั้นมา ฉันมองตามมือที่เธอตัดไก่ใส่จาน พวกผู้ชายนั่นกินตะกละตะกลาม ตอนนี้เรานั่งกันอยู่ที่โต๊ะขนาดใหญ่กลางบ้าน ฉันหยิบขนมปังและเอื้อมหยิบซอสพริกมาบีบใส่ ฉันเงยหน้ามองเธอ
“แผลเป็นทำให้คุณดูน่าเกรงขาม มันทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่”
ที่ๆ มีแต่ผู้ชายตัวโตๆ แล้วก็บ้าถอดเสื้อกันใส่แต่กางเกง อย่างน้อยหญิงสาวตรงหน้าก็ไม่ได้อ้อนแอ้น ดูเหมือนแกะขาวในฝูงหมาป่า กลับกัน แผลเป็นทำให้เธอกลมกลืนไปกับที่นี่
“เธอควรจะพูดชมใครสักคนจากใจจริงบ้าง ถึงแม้คำพูดของเธอมันจะพิลึกกึกกือก็เถอะ”
ฉันควรจะหาวิธีปิดปากอีนิดที่ชอบพูดกรอกหู
“อะ…เอ่อ ขอบใจจ้ะ”
เอมิลี่ตอบเวนส์เดย์ที่มองเธอตาไม่กระพริบอย่างเกร็งๆ ทุกทีจะมีแต่คนมองหน้าเธอด้วยความสงสัย เห็นใจ หวาดกลัว แต่เวนส์เดย์มองเธอด้วยสายตาเป็นประกาย ถึงแทบจะไม่เห็นประกายในตาเธอเลยก็ตาม ไม่เคยมีใครชมเรื่องแผลของเอมิลี่มาก่อน มันเป็นถึงแผลใจในชีวิตของเธอที่ไม่อาจลบล้างได้ และเธอไม่ชอบที่จะนึกถึงมัน แซมมองเวนส์เดย์ด้วยสายตาที่อ่อนลง เพราะเขาก็รู้สึกผิดกับเอมิลี่ไม่น้อย และมันคงจะดีถ้าเธอจะลืมอดีตที่เจ็บปวด แล้วเงยหน้าอย่างกล้าหาญกว่านี้
บิลลี่เคาะแก้วเรียกความสนใจจากทุกคน ก่อนเขาจะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดตามที่เวนส์เดย์บอกมา
“พวกคัลเลนก็รู้เรื่องนี้แล้ว”
เจคอบทำหน้าเครียด เขารู้เรื่องทีหลังพวกนั้น มันทำให้เขารู้สึกเหมือนพ่ายแพ้
“มีตัวอันตรายอยู่ในป่าเรา” แซม
“เธอพอจะบอกเราได้มั้ย อะไรทำให้คิดว่ามันมาที่นี่” ลีอา
“ขอฉันสัมผัสตัวพวกคุณก่อน”
“เธอหลอกแต๊ะอั๋งเราป่ะเนี่ย”
พอลพูดอย่างติดเล่นท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดจนโดนแซมโบกหัวไปที เวนส์เดย์ไม่รอให้ใครอนุญาต เธอเดินเข้าไปสัมผัสทีละคนทันทียกเว้นบิลลี่ จนเดินมาถึงเจคอบ
“แม่นั่นลูบไล้แล้วฉันสยิวกิ้วแปลกๆ”
เอ็มบรีพูดพลางลูบขนแขนตัวเองที่ลุกพรึบพรับ เขาเพิ่งถูกเวนส์เดย์สัมผัสไปหมาดๆ รู้สึกตอนนี้เขาอยากได้น้ำมนต์มาราดตัวยังไงไม่รู้ เจคอบยื่นมือให้เวนส์เดย์อย่างไม่พอใจ ดูจากการที่เธอแตะตัวพวกเซ็ธอย่างไม่เขินอายแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เธอแตะตัวมากกว่านี้แน่ แต่เพียงนิ้วสัมผัสกัน เวนส์เดย์ก็เงยหน้าตาค้าง แอ่นหลังก่อนเธอจะล้มลงไปแล้วปิดเปลือกตาลง แซมที่อยู่ใกล้สุดรีบรับเธอไว้
ท่ามกลางม่านหมอกของนิมิต เวนส์เดย์เห็นภาพของหมาป่ายักษ์หลายตัว แล้วภาพก็เลื่อนไป เธอมองเห็นหมาป่าสีน้ำตาลถูกเล่นงาน มนุษย์? ไม่ใช่ มันมีกำลังพอจะรัดร่างสัตว์ตัวใหญ่จนกระดูกของมันหัก หมาป่าสีน้ำตาลล้มลง แล้วภาพก็ตัดไป เวนส์เดย์ลืมตาขึ้น เธอนอนอยู่บนโซฟาตัวยาว นอกหน้าต่างท้องฟ้าเป็นสีดำ
“เธอตื่นแล้ว”
เอมิลี่ยกกะละมังใส่น้ำและผ้าพืนเล็กมา เธอคิดจะเช็ดตัวให้เวนส์เดย์อีกรอบแต่เด็กสาวตื่นซะก่อน เธอไม่รู้ว่าเวนส์เดย์เป็นอะไร เห็นแต่เพียงเหงื่อออกเยอะเท่านั้น ข้างกันยังมี แซม บิลลี่ และเจคอบ คนอื่นแยกย้ายไปหมดแล้ว และคนเยอะจะทำให้รบกวนคนที่ต้องการพักผ่อนเปล่าๆ เจคอบจะกล้าไปไหนเมื่อหลังจากเวนส์เดย์สัมผัสเขาแล้วเธอก็เป็นลมไป
“บอกฉันสิว่าเกิดอะไรขึ้น” บิลลี่
“หนูเห็นนิมิต”
เวนส์เดย์ยกมือกุมหัวตัวเอง เธอกำลังนึกถึงภาพที่เห็น
“เธอมีพลังวิเศษ?” แซม
“ที่เนเวอร์มอร์เราทุกคนมี”
“เธอเห็นอะไร” เจคอบ
“น่าจะเป็นแวมไพร์เร่ร่อน เขาผิวขาวซีด มีพละกำลัง ฝูงหมาป่า มันหักกระดูกของหมาป่าตัวสีน้ำตาล นั่นนายรึเปล่า”
เวนส์เดย์จ้องหน้าเจคอบ
“เธอพอจะรู้มั้ยว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่”
บิลลี่ถามอย่างเป็นห่วงเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกชายเขา
“หิมะปกคลุมเบาบาง หญ้าแห้งกรัง อากาศหนาวเย็น”
“น่าจะช่วงเริ่มฤดูหนาว ขอบใจมากหนูน้อย”
บิลลี่ลูบหลังเวนส์เดย์ เธอไม่ปฏิเสธ ตอนนี้ในหัวกำลังคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เธอเคยเห็นมา
“พลังของเธอต้องสัมผัสตัวถึงจะเห็นใช่มั้ย” แซม
“มันระบุไม่ได้ บางทีก็สถานที่หรือสิ่งของ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอดีตหรืออนาคตของคนที่กำลังจะตาย”
“นั่นมันน่ากลัวมากเจคอบ” เอมิลี่
“ฉันไม่แพ้ให้พวกแวมไพร์หรอก”
“ระวังไว้หน่อยก็ดี” แซม
เจคอบจ้องแซมเขม็ง เขาไม่เคยลงรอยกับแซม ทั้งหมดตกลงกันว่าจะให้เวนส์เดย์นอนค้างที่นี่ก่อน ตอนนี้เดินทางกลางคืนมันอันตรายเกินไป มีทั้งไฮด์และแวมไพร์เร่ร่อน เดินทางตอนกลางวันจะปลอดภัยกว่า บิลลี่โทรไปบอกชาร์ลีเรื่องที่เวนส์เดย์จะค้างที่นี่ จากนั้นทุกคนก็แยกย้าย
Talk
ช่วงนี้ไรท์จะยุ่งๆ หน่อยค่ะ ใกล้ฝึกงานจบแล้ว กำลังปั่นรายงานเล่มจบอยู่ แล้วก็ต้องทำสไลด์นำเสนอด้วย ส่งวันที่ 17 ส่วนสัปดาห์หน้ามีสอบมาตรฐานวิชาชีพค่ะ วันที่ 8 - 10 หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ก็คงจะว่างแล้วมั้ง ที่ต้องมั้งนี่คือไม่รู้จะติดหางานทำอีกรึเปล่า ไรท์ตั้งใจว่าเรียนจบแล้วก็จะหางานทำทันทีเลยค่ะ แต่อาจจะหยุดพักผ่อนก่อน อันนี้ก็แล้วแต่ทางบ้านด้วยว่าจะหยุดได้กี่เดือน ยิ่งมีงานทำได้เงินเร็วเท่าไหร่ก็ดีค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องชายจะเข้าเรียนต่อ ยังไงก็ขอรบกวนให้รอกันด้วยนะคะ ถ้าไรท์หายไปนานไม่ต้องห่วง ไม่ทิ้งเรื่องไหนไปแน่นอนค่ะ อาจจะไม่ค่อยได้แจ้งข่าวสาร ปกติชอบหายไปเงียบๆ แต่นักอ่านที่ติดตามไรท์ใหม่ๆ อาจจะไม่รู้ แหะ
03/02/66
ความคิดเห็น