ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fanfic record of ragnarok | เจ้าสาวเเห่งเฮลไฮม์

    ลำดับตอนที่ #1 : ※1※ วัลฮัลล่า

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 65


    คำเตือน ตอนนี้มีการสปอยเพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากโดนสปอยสามารถกดปิดนิยายเรื่องนี้เเล้วไปดูอนิเมะเเล้วค่อยกลับมาอ่านต่อก็ได้จ้า

    *บุคคล สถานที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริง นี่เป็นเพียงจินตนาการจากอนิเมะที่เคยดูเท่านั้นไม่มีเจตนาที่จะทำให้บุคคล สถานที่จริง ในนั้นเสียหาย*  


     

    หากกล่าวถึงความน่ากลัวในโลกหลังความตายเเล้วคงหนีไม่พ้น เทพเฮดีส ผู้ปกครองยมโลก ผู้ที่ทุกคนต้องคุกเข่าร้องขอชีวิตต่อหน้า เป็นที่น่ายำเกรงต่อเทพทุกตน ผู้เป็นพี่ชายของผู้ปกครองสวรรค์ ณ ยอดเขาโอลิมปัสอย่าง ซุส เเละ...

    ณ ห้องบรรทมของฮ่องเต้ -โลกมนุษย์ 

    "ตื่นได้เเล้วขอรับ ท่านเฮดีส"

    "..."

    "ท่านเฮดีสตื่น!"

    "..."

    "ได้ๆ..ท่านจะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย"

    "..."

    "เห้อ ข้าว่าข้าจะไปหาสามีใหม่ดีกว่าถ้าท่านเฮดีสไม่ยอมตื่นนะ อืม ไปดีกว่า--"

    "จะไปไหน" 

    ร่างหนาที่นอนอยู่ได้ลุกขึ้นมาจับข้อมือของร่างบางไว้

    "หะ ก็ไปหาสามีใหม่ไง ก็ท่านไม่ยอมสนใจข้าเลยหนิ" ร่างบางเอ่ยด้วยอารมณ์ขุ่นมัวนิดๆ

    "ใครบอกว่าข้าไม่สนใจเจ้ายอดรัก" ร่างหนาใช้มือเเตะปลายคางของอีกฝ่ายพร้อมยื่นหน้าไปใกล้

    "เห้อ ก็ท่านเอาเเต่นอนไง ชิ" ร่างบางพองเเก้มอย่างน่าเอ็นดูจนอีกฝ่ายอดที่จะยิ้มไม่ได้

    "หึ งั้นรึท่านจิ๋นซี" ร่างหน้าได้เผยรอยยิ้มขึ้นมา

    "ก็ใช่หนะสิ ท่านหน่--อื้ออ!"

    "อืมมม" 

    ร่างหนาได้มอบจุมพิตอย่างดูดดื่มให้กับปฐมราชาของมนุษย์ที่ผู้คนเรียกขานกันว่า จิ๋นซีฮ่องเต้ หรือ ฉินซีหวัง 

    "ฮ่าาห์ ท่านเฮดีส"

    "ว่าไง ท่านจิ๋นซี"

    ร่างหนาได้พละจูบออกจากร่างบาง

    "คิก ท่านช่างเรียกขานข้าได้น่าขันยิ่งนัก"

    "ทำไมรึ จิ๋นเอ๋อร์"

    "เห้อ ท่านช่างหาคำมาเรียกข้าเสียจริง"

    "ถ้าอย่างนั้น ท่านจิ๋นซีฮ่องเต้ อยากให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดีขอรับ"

    "เเล้วเเต่ท่านเลย"

    ทั้งสองได้หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

    กาลเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน เฮดีสได้บอกลาจิ๋นซีเพราะงานของตนนั้นเยอะมากจนต้องจากลาจากร่างบางไป จิ๋นซีที่อยู่ที่ตำหนักได้นึกย้อนไปถึงอดีต

    เมื่อก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้เป็นผู้ที่เเสวงหาความอมตะ เเต่ความทะเยอทะยานนั้นได้หมดลงเมื่อเขาได้พบกับเฮดีส เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ชายหนุ่มผู้มี ผมสีเงิน ตาสีเดียวกับผม ผู้ที่เเต่งตัวเเปลกเเนวไม่เข้ากับยุคสมัย ด้วยความสนใจเขาจึงเรียกให้มาพบจนได้รู้จักนิสัยใจคอก็เป็นที่ถูกใจจิ๋นซีมาก เเละพอคุยไปคุยมาก็กลายเป็นว่าตกหลุมรักเขาไปเเล้ว เเต่เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่เขาหลงรักนั้นเป็นถึงเทพเเห่งความตาย เเละด้วยความที่ยุคสมัยมีการต่อต้านผู้ที่เป็นต้วนซิ่ว ความสัมพันธ์ของจิ๋นซีกับเฮดีสจึงเป็นความลับ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจิ๋นซีฮ่องเต้จึงไม่มีฮองเฮา

    ณ เฮลไฮม์ -ยมโลก

    “ท่านเฮดีสขอรับ”

    “ว่ามา”

    “ท่านซุสได้จัดงาน วัลฮัลล่า ขึ้น เเละได้เชิญท่านไปร่วมประชุมด้วยขอรับ”

    “อืม”

    “ขอรับ”

    ในเวลาต่อมาเฮดีสได้เดินทางไปที่ยอดเขาโอลิมปัสเพื่อที่จะไปประชุมกับเทพต่างๆ เมื่อไปถึงเสียงการพูดคุยของเทพทุกตนกลับเงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าการเดินเป็นจังหวะของผู้มาใหม่จนถึงที่นั่งที่ถูกจัดไว้ของเทพเเห่งความตายเท่านั้น จากนั้นการประชุมก็ได้เริ่มขึ้น

    “เมื่อเทพทุกตนพร้อมเเล้ว การประชุมวัลฮัลล่า จะเริ่ม ณ บัดนี้”

    สิ้นเสียงของเทพเเห่งการสื่อสารเฮอร์มีส เทพเเห่งบิดาอย่างซุสก็ได้กล่าวต่อ

    ทุก ๆ 1,000 ปี สภาของเทพเจ้าของพวกเราจะร่วมประชุมเพื่อตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติ นี่ก็ครบ 7,000 ปีเเล้ว เเละนี่จะเป็นการตัดสินชะตามนุษย์ครั้งที่ 7 ในวัลฮัลลา เทพตนใดเสนอให้มนุษย์มีชีวิตต่อไป ชูป้ายวงกลมสีเขียว ถ้าไม่ ให้ชูป้ายกากบาทสีเเดง” 

    สิ้นคำพูดของเทพเเห่งบิดา เทพผู้มีผิวกายสีม่วงคล้ำได้ชูป้ายกากบาทสีเเดงเเละเอ่ยกับเทพทุกตนว่า

    “ก็กำจัดให้หมดไปเลยสิ เจ้าพวกมนุษย์นั่นหน่ะ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตก็ไม่เคยนำไปเเก้ไข ถึงจะเห็นมาเป็นพันปีเเล้วก็เถอะเเต่ก็ไม่เคยสำนึกอะไรเลย” เทพศิวะ ผู้มีสี่เเขนได้เอ่ยขึ้น

    “ข้าก็เห็นด้วยกับท่านศิวะนะ พวกมนุษย์ทำเเต่สงครามมีเเต่ขยะเเละน้ำมัน ผืนป่าก็ค่อยๆสูญหายไป สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็สูญพันธ์ุไปเรื่อยๆ กล่าวคือมนุษย์เองก็เป็นภัยพิบัติทำลายสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้เช่นกัน” เทพีโฟร์ไดท์ กล่าว

    ห้องประชุมที่เคยเงียบสงัดกลับเต็มไปด้วยเสียงของเทพต่างๆอีกครั้ง บ้างบอกว่าอโฟร์ไดท์กล่าวได้ถูกต้อง บ้างก็บอกว่ากำจัดมนุษย์ไปเสียก็ดี เเละอื่นๆอีกมากมายพร้อมกับป้ายกากบาทสีเเดงถูกยกขึ้นมาเกือบทั้งหมดของห้องประชุม 

    เเต่เฮดีสผู้ที่ไม่เคยสนเรื่องราวการกวาดล้างนี้เพราะไม่เคยสนใจพวกมนุษย์อยู่เเล้ว ในใจตอนนี้กลับกำลังร้อนรุ่มเพราะเทพเกือบทุกตนในห้องประชุมนั้นลงความเห็นให้กำจัดมนุษย์ไปให้หมด

    …เเล้วอย่างนี้จิ๋นซีของเขาก็ต้องถูกกำจัดงั้นหรือ?…

    “ดูเหมือนว่าจะได้ผลตัดสินเเล้วนะ” ซุส

    …ข้าจะต้องคัดค้าน…

    “งั้นข้าขอตัดสินให้มนุ--”/“ซุสข้--”

    โปรดรอก่อนค่ะ!!!

    ในขณะที่ซุสกำลังจะลงค้อนตัดสิน เเละเฮดีสกำลังจะเอ่ยคัดค้าน ก็ได้มีหญิงสาวปรากฏตัวขึ้น

    “วัลคีรี่…” หญิงสาวผู้นั้นถูกเรียกขานว่า วัลคีรี่

    …วัลคีรี่งั้นหรอ?…

    “โปรดรอก่อนค่ะ ท่านทั้งหลาย ข้ามีเรื่องที่จะเเจ้งให้พวกท่านทราบ”

    “ไสหัวไปซะ บรุนฮิลด์!!” เทพเกือบทุกตนเอ่ยไล่หญิงสาวที่นามว่า บรุนฮิลด์

    “หึ๋ยยย” เด็กสาวผมม่วงอ่อนผู้อยู่ด้านข้างของบรุนฮิลด์ได้ร้องออกมา เธอมีนามว่า เกล

    “พวกเจ้าพวกลูกครึ่งเทพ!” อีกาขาว

    “อย่ามาขัดขวางการหารือของเหล่าเทพนะ! อยากมีเรื่องใช่มั้ยๆ!?” อีกาดำ

    พวกอีกาขาวกับอีกาดำที่เกาะอยู่บนไหล่ของ โอดิน เทพสูงสุดเเห่งนอร์ส ได้ตะโกนใส่บรุนฮิลด์

    “จริงอยู่ว่าความโหดร้ายของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่อาจเมินเฉยได้”

    “อย่ามาเมินนะ!” อีกาดำ

    “เเต่ว่าการทำลายล้างนั้นมันออกจะน่าเบื่อไปซักหน่อย”

    “โอ้..” ซุส

    “เอาอย่างนี้ดีกว่า เพื่อตัดสินว่ามนุษย์คู่ควรกับการมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ เเละเเสดงถึงความเมมตาเเละบารมีของเหล่าทวยเทพ ทำไมพวกท่านไม่ลองทดสอบมนุษย์ดูหล่ะคะ?”

    “ทดสอบ? นี่กะจะให้พวกเราทำให้น้ำท่วมอีกหรือไง!?” อีกาขาว

    “หรือจะให้เเช่เเข็งพวกมนุษย์ให้พวกนั้นตายไปอย่างงั้นหรอ!?” อีกาดำ

    “ไม่ใช่ค่ะ ยังมีวิธีอื่นให้ดีกว่านั้น”

    “หือ?”

    “การประลองศึกสุดท้ายระหว่างเทพเเละมนุษย์หรือ…เเร็กนาร็อก” บรุนฮิลด์

    …เเร็กนาร็อก งั้นหรอ?…

    “ระ เเร็กนาร็อกหรอ” เกล

    “กฎบัญญัติรัฐธรรมนูญวัลฮัลล่า มาตรา 62 วรรค 15 ได้บัญญัติไว้ เป็นบทกฎหมายเฉพาะ…”

    “…”

    “ว่าเป็นการประลองระหว่างเทพกับมนุษย์ เเบบตัวต่อตัวค่ะ”

    กติกาของการทำศึกร่วมกับมนุษย์หรือที่เรียกกันว่าเเร็กนาร็อก คือ ศึกต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างตัวเเทนจากฝั่งเทพเเละมนุษย์ ฝั่งละ 13 คน ฝ่ายใดชนะครบ 7 คน ก่อนเป็นฝ่ายชนะ หากมนุษย์ชนะครบ 7 คน ก่อน มนุษย์จะถูกละเว้นจากการกวาดล้าง เเละถ้าฝั่งเทพชนะครบ 7 ตน ก่อน มนุษย์จะถูกตัดสินให้ถึงจุดจบทันที เเต่เเร็กนาร็อกนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน เพราะ การที่มนุษย์จะชนะเทพนั้นเป็นไปไม่ได้ ส่วนกฎที่ตั้งขึ้นมาก็เพื่อเป็นความบันเทิงของเหล่าเทพเท่านั้น

    “หา? วัลครี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า เจ้าเป็นวัลคีรี่ พูดเเค่นี้คงไม่ยากที่จะเข้าใจหรอก” อีกาขาว

    “เอาจริง? เจ้าคิดว่าพวกมนุษย์เป็นคู่ต่อสู้ของเราหรอ? มนุษย์หน่ะไม่มีทางต่อกรกับเทพได้หรอก” อีกาดำ

    “เปล่าประโยชน์น่า”

    “ใช่ๆ ไม่มีประโยชน์หรอก”

    “เช่นนั้น เจตจำนงของทวยเทพก็คือการล้างบางมนุษย์ อย่างเช่น…พวกท่านอยากเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมนุษย์โดยตรงอย่างนั้นสินะคะ”

    “เอ๊ะ!?” อีกาขาว

    “หา!?” อีกาดำ

    “พวกท่านอยากจะล้างบางมนุษย์โดยไม่ต้องสู้รบ ไม่ต้องการยืนบนสังเวียนสู้กับพวกเขาอย่างนั้นหรอคะ เอ๊ะ งั้นเเบบนี้ก็เเปลว่า อาจจะเป็นเพราะ…”

    “…”

    พวกท่านปอดเเหกกันอยู่ใช่มั้ย!!??” บรุนฮิลด์ กล่าวอย่างเสียงดังเเละมีเสียงสะท้อนออกมา จนได้ยินกันทั้งห้องประชุม

    “….”

    …พูดอย่างนี้ข้าก็มีน้ำโหนะ วัลคีรี่…

    “อะ เออะ…” เกล

    “เห้อ ถ้าเป็นเเบบนั้นจริงข้าก็ต้องขออภัยด้วย”

    “ทะ ท่านพี่คะ…” เกล

    “ทุกท่านได้โปรดอย่าใสใจที่ข้าพูดเลยนะคะ ลืมๆที่ข้าพูดเรื่องเเร็กนาร็อกไปเถอะค่ะ” บรุนฮิลด์

    “ทะ ท่านพี่คะ! พอเถอะค่ะ ไม่ต้องพูดอะไรเเล้วเเบบนี้เดี๋ยวก็ถูกกำจัดก่อนพวกมนุษย์หรอกค่--” เกล

    “ข้าเห็นด้วยกับวัลคีรี่นะ” เฮดีส

    “อะ เอ๊ะ?”

    ทุกคนได้หันหน้ามาทางเฮดีสทันที เเม้เเต่วัลคีรี่เองก็ทำหน้าตกใจอย่างนั้น

    “…”

    ‘ท่านคิดจะทำอะไรกันเเน่ ท่านเฮดีส’ บรุนฮิลด์

    “เเต่ว่า ข้าอยากจะขอเปลี่ยนกฎหน่อย เอาเป็น…สู้ยังไงก็ได้เเต่ห้ามถึงตาย ได้มั้ย”

    “…”

    “มนุษย์หน่ะก็อาจจะไม่ได้เลวร้ายเเบบที่กล่าวมาทั้งหมดก็ได้ เเล้วอีกอย่างพวกเจ้าจะมีหน้าที่อะไรกันหล่ะ ถ้าพวกมนุษย์ถูกกวาดล้างจนหมด ไม่สิพวกเจ้าจะทำหน้าที่ไปเพื่ออะไรต่างหากเล่า ได้คิดถึงข้อนี้กันบ้างมั้ย ข้าเลยอยากจะให้เกิดการประลองขึ้นเพื่อเป็นบทเรียนเเก่มนุษย์ที่ชอบทำลายธรรมชาติสิ่งมีชีวิต จะได้หัดสำนึกตัวว่าตัวตนที่เป็นผู้สร้างสร้างอย่างพวกเรา สามารถกวาดล้างพวกเขาได้ภายในพริบตา ถ้ายังไม่สำนึกก็ควจจะมีความเกรงกลัวกันบ้างหละ ใช่มั้ย…”

    “ซุส” เฮดีสกล่าวอย่างกดดัน

    “อะ เอ่อใช่เเล้วท่านพี่”

    “…การตัดสินครั้งนี้มีใครจะคัดค้านมั้ย” ซุส

    “…” ไม่มีเสียงตอบรับจากเทพตนไหนเลย เทพบางตนตอนนี้ก็เริ่มใช้ความคิด เเละตอนนี้ก็เกิดเสียงที่เอนเอียงมาฝั่งเฮดีสเกือบทุกตนในห้องประชุม เเล้วก็เริ่มกันชูป้ายวงกลมสีเขียว จนตอนนี้ป้ายวงกลมสีเขียวถูกชูทั้งห้องประชุมเเล้ว

    “นั่นสินะ พวกเราจะไปมีหน้าที่อะไรกันหล่ะถ้าเรากวาดล้างพวกมนุษย์ไปจนหมดหน่ะ”

    “นั่นสิๆ”

    “ใช่ๆ”

    “งั้นการตัดสินครั้งนี้ข้าจะตัดสินว่าจะไม่กวาดล้างมนุษย์เเต่จะทำการเเข่งขันเเร็กนาร็อกเเทน” ซุส

    ปัง!!!

    “เฮ้!!!!”/“เฮ้!!!!”

    …หลังจากนี้ พวกมนุษย์คงจะต้องเตรียมการต่อสู้ของฝั่งตัวเองมาให้ดีเเล้วหล่ะ…

    …หึหึ น่าสนุกนิดๆเเล้วสิเเค่คิดถึงหน้าจิ๋นซี ตอนรู้ว่าเราเป็นเทพคงจะหน้าเหวอสุดๆเลยสินะ…

    …เห้อ…

    …งั้นข้าก็คงต้องลงเเข่งด้วยเเล้ว…

    “นี่บรุนฮิลด์ ข้าจะขอยกหน้าที่คัดเลือกมนุษย์ให้เจ้าได้หรือไม่” เฮดีส

    “ข้าจะคัดเลือกมนุษย์ที่เเข็งเเกร่งที่สุด 13 คน ตลอด 7,000,000 ปี ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เองค่ะ…ขอบคุณท่านเฮดีส” บรุนฮิลด์กล่าว พร้อมโค้งตัว ส่วนประโยคหลังมีเเค่เฮดีสเท่านั้นที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ

    …หึ ดูเหมือนศึกครั้งนี้จะน่าสนุกเเล้วสิ…

    …ถ้าจิ๋นซีลงเเข่งด้วยจะเป็นยังไงนะ…

    …ช่างมันเถอะ ไว้ถึงตอนนั้นค่อยคิดก็เเล้วกัน…

     

    TALK: หวัดดีย์จ้าเปิดเรื่องใหม่ตอนรับปิดเทอม!! ฟังไม่ผิดไรท์ปิดเทอมเเล้ว!! อันนี้ก็เเฟนฟิคเรื่อง มหาคนชนเทพ นะ เขียนบอกเลยว่าโครตละเอียดเฉพาะตอนนี้อ่ะนะ เอาจริงเรากำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนตอนหน้าจะออกมาดีมั้ยเห้ออ เเต่เราก็จะพยายามนะ อันนี้กว่าจะเรียบเรียงบทที่เฮดีสค้านขึ้นมาได้เนี่ยก็คือเเบบต้องเค้นสมองออกมากว่าจะเรียบเรียงได้เเต่ละคำเนี่ยยย เหนื่อยยย เพลียยยย ไปละไปชาร์จเเบตก่อน บะบายค่า

     

    ฝากนิยายนิดค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×