ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "KITOMIYA JUN" [คิโตมิยะ จุน กับถนนบนเสียงดนตรี]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่2 : รวมวง?(100%)

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 52


                   เวลาเที่ยงคืนสิบนาที...เป็นเวลาที่ทุกคนควรหลับนอนกันหมดแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีร่างของใครบางคนเดินแบกกระเป๋ากีต้าร์ที่แทบจะใหญ่กว่าตัวเดินลัดเลาะอยู่บนถนนสายหนึ่งในกรุงโตเกียว รอบด้านมืดสนิทดูวังเวงไม่เหมาะกับการที่จะมาเดินเล่นเท่าไหร่นัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นผู้หญิงอย่างเธอ...

     

                        หลังจากการไปนั่งร้องเพลงกับเหล่านักดนตรีเปิดหมวกทั้งหลายที่สวนสารธารณะจนจบไปหลายเพลง มันก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว จุนจึงตัดสินใจแยกตัวออกมาก่อนในขณะที่นักดนตรีแถวนั้นก็ยังคงนั่งเล่นกันต่อไป เส้นทางกลับที่เป็นทางเดิมกับที่เดินไป ซึ่งบัดนี้มันดูเหมือนสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์สยองขวัญยังไงอย่างงั้น ไฟข้างทางก็ใกล้พังเต็มแก่ สังเกตจากที่มันกระพริบๆ ทำท่าจะดับแหล่ไม่ดับแหล่ แต่เรื่องแค่นี้ก็คงทำอะไรเธอไม่ได้มากนัก เพียงแต่มันทำให้เธอมองทางไม่ถนัดก็เท่านั้น

     

                        คิโตมิยะ จุน เดินฟังเพลงจากเครื่องเอมพีสามของเธอตลอดทางกลับ สายตามองไปรอบๆ โดยไม่ได้สนใจมองทางเลยสักนิด และคงไม่แปลกถ้าเธอจะเดินสะดุดหินสักก้อนและหัวขมำลงไปกองกับพื้น

     

                        แต่แล้ว... สายตาที่เคยมองไปรอบๆ ด้านนั้นก็หยุดชะงัก แล้วมองไปข้างหน้าอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่าเธอเพิ่งเห็นอะไรบางอย่างแวบๆ อยู่ข้างหน้า แต่เธอก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักและตอนนี้ไฟข้างทางมันกำลังดับเสียด้วย คิ้วเรียวขมวดมุ่น ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าต่อไปข้างหน้าช้าๆ

     

                        ไฟข้างทางกระพริบขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เธอรู้ว่าเธอเห็นจริงๆ และไม่ได้ตาฝาด เบื้องหน้าถัดไปอีกไกลพอสมควรคือเงาของคนกลุ่มหนึ่ง ที่คิดว่ามาไม่น่าจะต่ำกว่าห้าคน ยืนเรียงกันอยู่ข้างหน้าราวกับดักรออะไรอยู่ เธอยืนจ้องพวกนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอามือขึ้นมาถอดเฮดโฟนที่หูอยู่มาห้อยไว้ที่คอ จากนั้นก็ค่อยๆ ถอดกระเป๋ากีต้าร์ลงไปวางพิงไว้ที่หลังเสาไฟช้าๆ และเมื่อตัวเบาแล้ว เธอก็หันกลับมาสนใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าอีกครั้ง

     

                           ...เอาอีกแล้วสิ เฮ้อออ ฉันไปทำอะไรให้หนักหัวพวกมันนักหนานะ...

     

                          สบถในใจอย่างเบื่อหนายก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอก ประมาณว่าไม่ต้องหลบหรอก เห็นอยู่โต้งๆ

     

                         คนเหล่านั้นเมื่อรู้ว่าเธอรู้ตัวแล้วก็ค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้ และด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดอันเป็นที่น่าจดจำของเธอ ก็บอกให้เธอหาอะไรแข็งๆ ขึ้นมาถือไว้เพื่อที่จะฟาดไอ้พวกไม่ประสงค์ดีทั้งหลายให้เละเมื่อเข้ามาใกล้เธอในระยะหนึ่งเมตร

     

                         และแล้ว... เธอก็คว้าถูกอะไรบางอย่างจึงหยิบมันขึ้นมาควงเล่น ทำให้รู้ว่ามันคือท่อแป๊ปยาวสี่ฟุตชนิดที่ว่าฟาดคนตายได้ในตุบเดียว เธอพยักหน้าแล้วยิ้มพอใจกับมัน อย่างน้อยๆ ตำรวจเขาก็ไม่จับคนที่ฆ่าคนตายเพราะป้องกันตัวเอง

     

                          วันนี้จะเอาอะไรไม่ทราบเธอเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะว่ากลับไปอีกครั้ง โคสึมุ นายกับแก๊งชวยหันก้นกลับบ้านไปซะทีเหอะ มันน่ารำคาณ คราวก่อนไล่พวกฉันจากหน้าสถานี ไอ้ฉันก็อุส่าห์ย้ายสังขารมาเล่นที่สวนสารธารณะให้ไกลๆ บ้านพวกนายแล้วจะมาตามราวีอะไรนักหนาแต่แล้วคำตอบที่อยากได้นักหนามันก็ไม่ยอมลอยมาหาสักที แต่ดันโดนยิงคำถามกลับมาอีกเสียอย่างนั้น

     

                          โคสึมุ? มันคือใครวะ ที่แน่ๆ ไม่ได้หมายถึงฉันใช่ไหมคำถามที่เล่นเอาคนฟังคิ้วกระตุก

     

                         ...ไม่ใช่เรอะ? แล้วมันจะใครอีกละวะเนี่ย...

     

                          ฉันไม่ได้ชื่อโคสึมุว่ะคนพูดเอ่ยด้วยน้ำเสียงฟังดูแข็งกระด้าง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในวงรัศมีของแสงไฟราวกับจงใจจะให้เห็นหน้า เขาทำสายตาดูมีเล่ห์เหลี่ยมจัดเสียจนน่ายกเท้าขึ้นมายัน ผมสีดำถูกยอมให้เป็นสีม่วงอ่อนแล้วปัดขึ้นไปไว้ด้านหลังเหมือนตัวอะไรที่ไม่สามารถจินตนาการภาพได้ จุนขมวดคิ้วแล้วมองคนแปลกหน้าตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะถอนหายใจ

     

                           ...อาบน้ำบางเหอะลุง...

     

                           ประชดในใจพลางส่ายหัว

     

                          อ๋อเหรอ ขอโทษทีที่ทักผิด อันที่จริงฉันกำลังจะกลับบ้าน ช่วยหลีกทางไปไกลๆ ทีจุนเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ แล้วสาวเท้าเดินตรงไปอย่างช้าๆ แต่กลับถูกคนหตรงหน้าผลักกลับมาที่เก่าเสียอย่างนั้น เท่านั้นยังไม่พอ อีกสี่คนที่เหลือยังมายืนล้อมรอบเธอไว้อีกด้วย

     

                          คงจะใหไปเฉยๆ ไม่ได้ เผอิญฉันต้องการค่าผ่านทางว่ะคนตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงฟังดูหาเรื่อง เล่นเอาเส้นอารมณ์ของเธอชักจะบางลงนิดหน่อยแล้ว

     

                           อ๋อ ฉันเพิ่งรู้นะ ว่าเดี๋ยวนี้ซอยริมถนนเขามีเก็บค่าทางด่วนกันแล้วน่ะ งั้นโทษทีนะ เผอิญฉันไม่พกกระเป๋าตัง เอาเป็นว่าฉันจะไปหาทางที่ไม่ใช่ทางด่วนแล้วกันจุนเอ่ยกลับไปด้วยน้ำคำน่าถีบก่อนจะหันหลังเดินกลับไปอีกทาง แต่ถูกคนข้างหลังกระชากแขนเอาไว้และนั่นทำให้เส้นอารมณ์ของเธอเริ่มจะขาดออกจากกันแล้ว จุนเหล่หางตากลับมามองด้วยสายตาหาเรื่อง มีธุระอะไรอีก

     

                           ที่ตัวไม่ได้พก แต่ถ้าเป็นไอ้นั่นล่ะ...คนตรงหน้าเอ่ยพลางมองไปที่กระเป๋ากีต้าร์ของเธอที่วางพิงเอาไว้กับเสาไฟ และนั่นคงจะไม่หน้าโมโหมากเท่าไหร่ ถ้าพวกของมันคนหนึ่งไม่เดินเข้าไปยุ่งกับมัน

     

                       จุนปัดมือของไอ้บ้าตรงหน้าทิ้งอย่างเหลืออด แล้วหันไปมองไอ้บ้าที่ทะลึ่งไปยุ่งกับกีต้าร์ของเธอแทน

     

                           แกอย่าได้สะเหร่อยุ่งกับมันนะเธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะเอาท่อนเหล็กในมือเคาะกับพื้นคอนกรีตเบื้องล่างเบาๆ เป็นสัญญาณให้หยุดถ้าไม่อยากตาย แต่ถึงกระนั้น ไอ้คนตรงหน้าก็ไม่ได้มีท่าทีจะหยุดการกระทำของตัวเองเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำมันยังยกกระเป๋ากีต้าร์เธอขึ้นมาแล้วรูดซิบหน้าออกหน้าตาเฉย ทำเอาเส้นอารมณ์น้อยๆ ของเด็กสาวขาดกระจุย

     

                           ฉันเตือนแกแล้วนะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะกระโจนเข้าไปตั้นหน้าไอ้บ้าที่มายุ่งกับของรักของเธอด้วยหมัดน้อยๆ แต่หนักหน่วง จนเล่นเอามันทรุดลงไปกองกับพื้น

     

                           เฮ้ย แม่นี่มันวอนซะแล้วเสียงของลุงคนแรกที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกดังขึ้น ทำคนอื่นๆ เริ่มกรูกันเข้ามาหาเธอ เธอใช่ท่อนเหล็กในมือชี้หน้าพวกมันที่ละคนก่อนจะเอ่ยไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด

     

                          แกลองเข้ามาหาฉันสักคนสิเธอขู่ไป แต่คำขู่ของเด็กผู้หญิงใครจะไปกลัว พวกมันวิ่งเข้ามา และกำหมัดขึ้นทำท่าจะต่อยเธอ แต่เผอิญเธอไม่โง่พอจะให้มันต่อยเสียด้วย เด็กสาวเอียงตัวหลบทำให้หมัดที่ควรจะกระแทกที่หน้าเธอ ไปกระแทกกับเสาไฟแทน และแน่นอนว่าคงไม่มีคนปกติคนไหนต่อยเสาไฟจนร้าวแล้วยังยืนนิ่งอยู่ได้ มันลงไปนั่งกุมมือตัวเองอยู่ที่พื้น เธอมองร่างที่อยู่เบื้องล่างพลางส่ายหน้าอย่างดูถูก

     

                           ใจกล้าจังนะลุง นิ้วน่ะ หักไปกี่นิ้วแล้วล่ะจุนยั่วโมโหมันด้วยน้ำคำดูถูกเหยียดยาม และดูมันจะไม่ชอบให้ใครดูถูกเสียด้วย ร่างที่เคยนั่งกุมมือตัวเองอยู่ข้างล่างก็ค่อยๆ ลุกขึ้น และแน่นอนว่าเธอคงไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก หน้าแข้งเรียวของเด็กสาวตวัดขึ้นมาฟาดหน้าด้านๆ เข้าให้จนหัวทิ่มกับพื้น

     

                          และแล้ว... สงครามระหว่างผู้ชายห้าคนกับผู้หญิงหนึ่งคนก็ได้เริ่มขึ้น ท่อนเหล็กในมือของเธอเริ่มถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เธอใช้มันทิ่มเข้าไปทางหน้าผากของไอ้ลุงคนแรกในท่าเดียวกับท่าแทงไม้สนุก แต่เผอิญมันเป็นท่อนท่อแป๊ปเสียดวย เจ็บหน้าดู!

     

                          โอ้ย!!!”คนตรงหน้าร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงใหลลงมาตามหน้าผาก เล่นเอาคนเจ็บถึงกับถอยกรู เธอเหล่หางตามองพวกมันคนที่เหลือประมาณว่า ไม่กลัวตายก็เข้ามา แต่ดูท่าไอ้พวกอวดเก่งตรงหน้ามันจะเริ่มตรัสรู้แจ้งถึงธรรมแล้ว มันจึงไม่กล้าก้าวเข้ามาเลยสักคน เธอยกมือขึ้นกอดอก

     

                         พวกแกฟังเอาไว้นะ ฉันจะก้าวเท้าเดินไปทางนั้นเพื่อกลับบ้าน ส่วนพวกแก...เธอว่าก่อนจะเอาท่อนท่อแป๊ปนั่นขีดที่พื้นให้เป็นเส้นยาวๆ แบ่งเอาไว้ ในขณะที่ฉันยังเดินไปไม่พ้นซอยนี้ ถ้าฉันเห็นพวกแกคนใดคนหนึ่งล้ำเส้นนี่มาละก็ มือถือของฉันจะโทรไปสถานที่ที่หนึ่งที่คนที่ถูกเรียกว่าตำรวจทำงานอยู่ที่นั่น ถ้าต้องการนักก็ลองดูเธอเอ่ยพลางเดินไปหยิบกระเป๋ากีต้าร์ขึ้นมาสะพายอีกครั้ง ก่อนจะเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ อ้อ แล้วก็นี่ ฉันใช้ซื้อน้ำผลไม้เหลือ เอาไว้ซื้อลูกอมกินนะเอ่ยกลับไปด้วยน้ำเสียงฟังดูหน้าถีบ ก่อนจะโปรยเศษเหรียญไม่กี่เยนเอาไว้ตรงหน้าพวกมันเพื่อความสะใจ

     

                         พวกนี้ดูไม่ช่ำช้องการต่อยตีเลยสักนิด คงเป็นพวกลองของลองดีจะมาปล้นชาวบ้านเค้าละสิ ที่จ้องเธอนี่คงเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง... แต่ขอโทษ หาเรื่องใครไม่หา ดันมาหาเรื่องคิโตมิยะ จุน หาเรื่องได้ถูกคนจริงๆ!...

     

                         คิดในใจพลางส่ายหัวน้อยๆ แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออีกครั้งเพื่อหยิบมือถือขึ้นมาชูขู่เอาไว้ แล้วก็เป็นตามที่คาดเอาไว้ พวกมันไม่กล้าขยับตัวล้ำเส้นนั้นเลยแม้แต่ก้าวเดียว และเมื่อถึงทางเลี้ยว เธอหันกลับมามองคนพวกนั้นอีกครั้ง และพบว่ามันเดินพยุงกันกลับไปอีกทาง เธอยิ้มอย่างขำๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูแล้วพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้

     

                          ...แบตหมดนี่หว่า...

     

                   ตึก ตึก ตึก

      

                คิโตมิยะ จุน ก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างเชื่องช้า เพราะความเหนื่อยและง่วงจนเธอจะแทบจะลงไปนั่หลังอยู่ตรงนั้น กีต้าร์บนหลังแม้ปกติมันจะเบา แต่ตอนนี้มันเหมือนแบกท่อนเหล็กท่อนเบอเริ่มเล่นเอาเกือบจะหงายหลังตกบันไดไปเมื่อครู่

     

                  ตอนที่นั่งร้องเพลงมันเพลินจนนั่งถึงเช้ามันก็ไม่ง่วง แต่พอไม่ได้เล่นทำไมมันทรมาณอย่างนี้วะเนี่ย...

     

               ทันทีที่ขาก้าวขึ้นมาบนขั้นบันไดขั้นสุดท้ายเธอก็ผละออกจากราวบันไดที่เดินเกาะขึ้นมาตั้งแต่ชั้นหนึ่ง แล้วตรงไปที่ห้องของเธอที่อยู่บนชั้นสองอย่างไม่มีรอ เมื่อเธอก้าวมาถึงหน้าประตูห้องของเธอแล้วเธอก็เปิดประตูและสอดตัวเข้าไปทันที

     

                  กระเป๋ากีต้าร์ถูกถอดและวางพิงกับกำแพงอย่างช้าๆ จากนั้นเธอจึงค่อยๆ ถอดเสื้อโค๊ตออกแล้วเอามันห้อยเอาไว้กับหัวเตียง และก่อนที่เธอจะเดินไปนอนบนเตียงนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าแบตเตอรี่มือถือหมด จึงหยิบมันชาร์ททิ้งเอาไว้ที่โต๊ะบนหัวเตียงของเธอ

     

                        ...พรุ่งนี้เราต้องทำอะไรบ้างเนี่ย...

     

                     เอ่ยในใจ พลางคิดพิจารณาใตร่ตรองถึงสิ่งที่ต้องทำตอนตื่นนอนวันพรุ่งนี้

     

                        ...ว่างทั้งวันเหรอ? อืม...งั้นก็คงเหลือเวลาแวะไปไนต์คลับนั่นได้...

     

                       จุนพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนเตียง และผล็อยหลับไปในอีกไม่กี่นาทีต่อมา...

     

                    ก็อกๆๆ

     

                  เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาในขณะที่ร่างบางยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างผาสุข ร่างบางบิดตัวเล็กน้อย ก่อนจะพลิกตัวกลับด้านหันหน้าเขาหาประตูแล้วค่อยๆ ปรือนัยน์ตาขึ้นช้าๆ เหลือตาคู่นั่นกระพริบอยู่หลายครั้งก่อนจะถูกขยี่ด้วยมือเรียวของเจ้าของเพื่อเรียกให้ตัวเองตื่นขึ้น

     

                      ใครไม่ทราบเธอพูดออกไปอย่างงัวเงีย ก่อนจะมีเสียงผู้ชายตอบกลับมา

     

                      ไม่ทราบว่าที่นี่ใช่ห้องของคุณ คิโตมิยะ จุน หรือเปล่าครับ

     

                      มีธุระอะไรกับฉันเธอถามกลับไปด้วยน้ำเสียงอู้อี้

     

                      พัสดุที่สั่งมาส่งแล้วครับ ช่วยออกมาเซน...

     

                      ไม่ต้องอะ หย่อนเข้ามาทางช่องประตูได้เลยเธอพูดตัดบท

                      แต่ว่า...เราต้องแจ้งชื่อผู้รับลงในใบรับของนะครับ

     

                      เค้าส่งมาให้ใครก็เขียนชื่อนั้นไปสิเธอตอบกลับไปอย่างส่งๆ ก่อนที่จะหลับตาลงอย่างเก่า ปล่อยให้บุรุษไปรษณีย์ผู้กำลังทำหน้าที่ของเขา ยืนงงอยู่หน้าประตูต่อไปโดยไม่สนใจใยดี เมื่อรู้ตัวว่ายังไม่ได้ยินเสียงพัสดุถูกหย่อนลอดประตูเข้ามา จุนถึงตัดสินใจตะโกนไปอีกครั้ง เอ้า ไม่มีที่ไหนต้องไปรึไงยืนอยู่นั่นแหละ หย่อนๆ มาแล้วก็ไปซะทีน้ำคำน่าถีบ ดังลอดผ่านประตูออกมา ทำให้คนที่ยืนอยู่น่าประตูชักสงสัยแล้วว่าคนข้างในเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

     

                       หย่อนไปเลยนะครับว่าแล้วเจ้าตัวก็หย่อนของในมือเข้ามาทางช่องรับของที่ประตู

     

                       พัสดุที่มาส่งนั้น ตกลงบนพรมเช็ดเท้า มันเป็นซองใส่เอกสารสีน้ำตาลขนาดเท่าหนังสือนิตยสารซองหนึ่ง ถูกผนึกไว้อย่างเรียบร้อย รอการแกะจากผู้เป็นเจ้าของที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงอย่างสุขสบาย

     

                       ถ้างั้น ผมขอตัวนะครับ ขอบคุณที่ใช้บริการเสียงของบุรุษไปรษณีย์ ดังลอดกลับเข้ามาอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของเจ้าตัว ที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปจากห้องทีละน้อย จุนมุดหน้าลงไปใต้หมอนและพลิกตัวกลับด้านอีกครั้งและก่อนที่เธอจะได้เอาหัวขึ้นมาหนุนบนหมอนนัยน์ตาคู่นั้นก็หลุบลงเสียก่อน จากนั้นเธอก็ตกอยู่ในห้วงนิทราอีกครั้ง...

     

                       ก็อกๆๆ

     

                   จุน!”เสียงของคันดะซังดังอยู่หน้าประตู และเพราะมันเป็นเสียงของคันดะซังนั่นแหละ มันทำให้เธอกระเด้งตัวขึ้นมาอย่างอัตโนมัตและหันควับไปมองที่หนาประตูด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย

                   ...แหม่...เสียงนี้มีประสิทธิภาพดีจริงๆน้า...

                   เอ่ยแซวอยู่ในใจแล้วหัวเราะคิกคักเบาๆ

                    อะไรคะเธอว่ากลับไป

                    เก้าโมงกว่าแล้วนะ ทำไมวันนี้ตื่นสายจริงคุณลุงถาม จุนแหงนหน้าไปมองนาฬิกา เธอเลิกคิ้วขึ้นเมื่อมองเห็นเข็มบนหน้าปัดนาฬิกา ที่บอกเธอว่าตอนนี้เก้าโมงเกือบๆ จะครึ่งแล้ว

                       ...สายขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย...

                    เออ... เมื่อคืนหนูกลับดึกไปนิด ขอบคุณที่มาปลุกค่ะ หนูตื่นแล้วเธอว่าพลางก้าวเท้าลงมาจากเตียงแล้วเก็บที่นอนอย่างลวกๆ ห้องน้ำในห้องลุงใช้ได้ไหม ห้องหนูน้ำมันไม่ค่อยใหลเลยเธอถาม

                    เอ้อ ใช้ได้ซิ ลงไปเอากุญแจข้างล่างแล้วกัน เดี๋ยวบ่ายๆ ลุงค่อยตามช่างมาซ่อมให้คันดะซังว่า จุนยิ้มแฉ่ง ก่อนจะตอบกลับไป

                     แต้งกิ้วค่ะลุง


                ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆ จะเที่ยงวัน ซึ่งเป็นเวลาของการทานมือเที่ยง จุนเดินลงมาจากบันไดเพื่อจะออกไปหาข้าวกลางวันทานข้างนอก และเธอก็พบคันดะซังกำลังเตรียมกระเป๋าเพื่อไปซื้อของที่ไหนสักแห่ง

                    สวัสดีเที่ยงวันค่ะลุงเธอทัก คันดะซังหันมามองก่อนจะยิ้มกว้าง

                    อ้าว เป็นไง จุน กินข้าวหรือยังล่ะเขาถาม จุนส่ายหัว

                    ยังอะ ว่าจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกเธอตอบพลางทำท่าจะเดินออกไปจากประตู แล้วนี่จะไปไหนคะลุงเธอถามบ้าง

                    อ้อ...ออกไปซื้อผักซื้ออะไรมาทำข้าวเที่ยงน่ะคุณลุงว่า จุนมองคุณลุงที่กำลังจะเดินออกไปจากประตูอะพาร์ทเม้นท์อย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากถาม

                    แล้วเค้าท์เตอร์ละจะทำไง หนูไม่นั่งเฝ้าให้หรอกนะเธอว่า พลางเอามือเคาะๆ ที่เค้าท์เตอร์ คันดะซังหันมาแล้วทำสีหน้าครุ่นคิด จุนยิ้มขำๆ ก่อนจะอาสาไปแทน ลุงมาเฝ้าเค้าท์เตอร์เนี่ยแหละ จะไปซื้ออะไรเดี๋ยวหนูไปให้ก็ได้ว่าแล้วเธอก็เดินไปหาคันดะซัง พลางหยิบกระเป๋าจ่ายตลาดที่เดิมอยู่ในมือคันดะซัง แต่ตอนนี้มันมาอยู่ในมือเธอเรียบร้อย

                     อา... เอางั้นก็ได้ แต่ห้ามแวะกินข้าวก่อนเข้ามาล่ะ เดี๋ยวลุงทำให้กินเอง

     

                     เป็นอันตกลง!! หนูไปนะคะเธอวิ่งออกไปอย่างกระดี้กระด้า คันดะซังมองตามเธอด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะตะโกนเป็นการส่งท้าย

                     ไปดีมาดีนะจุน อย่าเดินตกท่อเหมือนคราวก่อนล่ะเขาว่าพลางยิ้มขำๆ จุนหันกลับมาค้อนเข้มก่อนที่เธอจะเลี้ยวหลบมุมถนนไป แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะตะโกนกลับมาบอก

                     บ้าเหรอลุง คราวก่อนไม่ได้ตกท่อสักหน่อย แค่เฉียดๆ เองได้ยินเข้าไปที คันดะซังถึงกับหัวเราะก๊าก ออกมา พลางส่ายหน้าอย่างเอ็นดู

                       ...เป็นเด็กดีจริงๆ เสียอย่างเดียว ทำตัวไม่เหมือนผู้หญิง...

     

                  โห! ลุง ไม่คิดว่าจะทำอาหารอร่อยนะเนี่ย อยู่ด้วยกันมาตั้งสองปี ไม่เห็นชวนกินขาวบ้างเลยนะจุนว่าพลางซดซุปเต้าเจียวที่ว่างอยู่ข้างจาน ซูบุตะ* ที่อยู่ตรงหน้าตรงหน้า เธอเอาแต่โซ้ยไม่หยุดตั้งแต่มีอาหารมาตั้งตรงหน้า ทำอย่างกับไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน

                     เอ้าๆ เพลาๆ บ้างก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก แหม่...แกนี่มันกินล้างกินผลาญจริงๆ ว่ะ ล่อข้าวฉันไปตั้งสองถ้วยแล้ว กินเข้าไปแล้วเก็บไว้ไหนหมดเนี่ยคันดะซังว่า แต่เด็กสาวไม่ตอบอะไร นอกจากชูตะเกียบขึ้นมาเป็นเชิงรับรู้แล้วสนใจกับการกินของตัวเองต่อไป แต่ก็อย่างว่า ของโปรดคนเรานี่กินเท่าไหร่ก็ได้นี่เนาะ อย่างฉันถ้าเอา โอะโคะโนะมิยากิ** มาตั้งตรงหน้าก็โซ้ยไม่อันเหมือนกันล่ะวะคนพูดก็พูดต่อไป ส่วนไอ้คนฟังก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจฟังเท่าไหร่นัก

                      อื้อ อุง อัน อี้ อู๋ อ้อ อับ อึก อ๊ะ ไอ้ อ้อง อู่ ออ(ฮื่อ ลุง วันนี้หนูก็กลับดึกนะ ไม่ต้องอยู่รอเธอพูดขึ้นในขณะที่ยังเคี้ยวอาหารตุ้ย ลุงคันดะเอามือตีหัวเป็นการเตือนแล้วทำสายตาดุๆ ส่งมาให้

                      เด็กบ้า เคี้ยวข้าวอยู่ ใครที่ไหนพูดกัน เคี้ยวให้หมดปากค่อยพูดสิ ฟังไม่รู้เรื่องจุนถอนหายใจในขณะที่ยังเคี้ยวอาหารอยู่ เธอเคี้ยวให้เร็วขึ้นและกลืนลงคอไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูด

                      วันนี้หนูก็กลับดึกนะ ไม่ต้องอยู่รอเธอพูดซ้ำอีกครั้ง คันดะซังพยักหน้ารับ

                      บอกได้ทุกวัน มีวันไหนแกไม่กลับดึกบ้างล่ะ

                      ก็ถ้าไม่บอก ทุกๆ ครั้งก็จะมีคุณลุงแก่ๆ คนนึงนอนรออยู่ที่เค้าท์เตอร์จนกลับมาเรื่อยอะเธอพูดพลางทำหน้าทะเล้นในขณะที่ คุณลุงแก่ๆคนนั้นได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ

                 เข็มบนหน้าปัดนาฬิกา ชี้บอกเวลาทุ่มตรง ซึ่งมันเตือนให้เธอรู้ว่าได้เวลาต้องออกจากห้องแล้ว คิโตมิยะ จุน หยิบเสื้อโค๊ตตัวเดิมมาใส่พร้อมกับหยิบหมวกใบเก่งใบเดิมขึ้นมาสวม จากนั้นก็เดินไปหยิบกระเป๋ากีต้าร์สะภายขึ้นไปบนหลังแล้วเดินออกไปจากห้องทันที...

     

                    เธอค่อยๆ เก้าเท้าลงบันไดมาอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งถึงหน้าเค้าท์เตอร์

     

                    โคมบังวะ ค่ะ คันดะซังเธอกล่าวทักทาย คุณลุงยิ้มส่งให้

     

                    จะออกไปแล้วเหรอเขาถาม เธอพยักหน้ารับพลางโบกมือลา ไปดีมาดีนะ จุน

     

                    ด้านหน้าของไนต์คลับนั้นคนแน่นเอี๊ยด ส่วนหนึ่งเป็นนักดนตรีที่มาเข้าสมัครเล่นดนตรี และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นพวกขาชิมที่ล้างท้องกันมาเตรียมจะกินฟรี ปะๆ ปนๆ กันไป

     

                       จุนเดินเข้าไปต่อแถวยาวๆ นั้นแต่ดูท่ามันจะไม่ได้ขยับเลยเพราะผู้คนแซงกันบ้าง เบียดกันเข้าไปบ้าง ทำให้แถวไม่เป็นแถว ประตูหน้าแทบไม่เหลือช่องว่างให้มดเดิน จุน ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะตัดสินใจใช้วิชานินจามุดฝ่ากลุ่มคนพวกนั้นเข้าไปอย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่

     

                      ตรงเค้าท์เตอร์มีนักดนตรีวงค์หนึ่งเดินเข้าไปกรอกไปสมัครอยู่ และเมื่อพวกนั้นไปแล้วเธอจึงเดินเข้าไปต่อ

     

                       พนักงานที่หน้าเค้าท์เตอร์เป็นคุณลุงวัยกลางคนที่ไว้หนวดเหมือนคนจีน ตาตี่จนแทบมองไม่เห็นตาขาว แต่กระนั้นเขาก็ยังมีความสามารถมากพอที่จะใช้ตาอันน้อยนิดของเขาคู่นั้นจ้องหน้าเธออย่างพิจารณาได้

     

                      ลื้อมาทำอะไรตาลุงนั่นถาม

     

                      เห็นว่ารับสมัครคนเล่นดนตรีไม่ใช่เหรอเธอว่า

     

                      ก็ใช่อยู่ แต่ไหนละ นักลงตรีในวงของลื้อเฒ่าแก่ว่าพลางมองไปข้างหลังของเธอ ถ้าไม่มีก็เล่งไม่ล่ายนะ มีแค่นักร้อง จะมาร้องสกๆ ล่ายไง ที่นี่ไม่ใช่ร้านคาราโอเกะ

     

                      ก็ฉันนี่ไง นักดนตรี ฉันดีดกีต้าร์ได้ร้องเพลงได้ แล้วจะเอาอะไรเล่าเธอเริ่มหมดความอดทน

     

                      ไอ้หย่า!! มีแต่กีต้าร์มันจะไปมังส์อะไร เบก(เบส) กลอง คีบอร์กไม่มีเลยรึไง ที่นี่ไนท์คลับนา... ลื้อจะเล่งแต่กีต้าร์ก็ไปเล่งตามข้างถนงโน่น ที่นี่มังต้องมังส์ๆ ไป๊ๆ กลับไปล่ายเลี้ยวตาแก่นั่นว่าพลางทำมือปัดๆ ไล่เธอไปน่าตาเฉย มันทำให้อารมณ์เธอขึ้นสูงปรี๊ด นี่ถ้าเตะได้เตะไปแล้ว ติดเค้าท์เตอร์แค่นั้นแหละ

     

                       เออ!! ไม่เล่นก็ไม่เล่นเธอตะคอกไปด้วยท่าทางฉุนเฉียว พลางหันหลังเดินกลับไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะไปชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของใครบางคน โอ้ย!”เธอเด้งกลับมาทางเดิมและเซไปด้านข้างเล็กน้อย ดีที่มีมือของคนตรงหน้าจับเอาไว้ทำให้เธอไม่ล้มลงกับพื้น แต่กีต้าร์ของเธอเนี่ยสิ ร่วงลงไปกระแทกพื้นดังตุบ

     

                    เมื่อเห็นเช่นนั้น เธอจึงสะบัดมือคู่นั้นที่ประคองเธอออก แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนตรงหน้าอย่างฉุนเฉียว แล้วก็พบว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายวัยไล่เลี่ยกับเธอ ใบหน้าขาวนวลสวยอย่างกับผู้หญิง บนหลังสะพายกีต้าร์ไฟฟ้าเอาไว้ เขาทำหน้างงมองเธอด้วยสายตาขอความเห็น อันด้วยว่าตอนนี้เธอกำลังหัวเสียสุดๆ แต่มีไอ้บ้ามาทำให้กีต้าร์ของเธอหล่น มันยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้เธออีก

     

                     เกะกะน่า ถอยไป!”เธอว่าด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะก้มลงหยิบกีต้าร์ที่หล่นอยู่ที่พื้นแล้วเดินจากไปด้วยอารมณ์โกรธที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ทิ้งเด็กหนุ่มหน้าสวยที่อุส่าห์ช่วยประคองเธอเอาไว้เมื่อครู ยืนงงกันเป็นไก่ตาแตก กับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในวง พวกเขามองตามหลังเธอไปด้วยสายตางงๆ จนเธอเดินลับไปแล้วหันมาคุยกันเอง

     

                       คุณเธอโกรธอะไรนั่น?”มือเบสในวงเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่สะพายกีต้าร์ไฟฟ้า ซึ่งคนถูกถามก็ได้แต่ยักใหล่แล้วส่ายหน้า

     

                       ไม่รู้สิ

     

                    น่าโมโห! น่าโมโหที่สุด ไอ้ตาลุงเจ๊กนั่นมันมีดีตรงไหนนะ ทำไมฉันต้องไปง้อมันด้วย แบบนี้มันน่าเตะสั่งสอนให้หลาบจำ ว้อยยย คิดแล้วมันแค้น รู้อย่างนี้ไม่ไปเสียก็ดีหรอก

     

                     จุนเดินไปบ่นในใจไป พร้อมกับสีหน้าแสดงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

     

                    ...เวลาแบบนี้ ถ้าให้หายเครียดมันต้อง...

     

                      ว่าแล้วก็มองซ้ายมองขวา เพื่อหาที่เหมาะๆ ที่ถูกใจเธอ และแล้วสายตาเธอก็ไปสะดุดเข้ากับม้านั่งยาวสีน้ำตาลตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างทาง เธอเดินไปนั่งบนม้านั่งตัวนั้น และค่อยๆ หยิบกีต้าร์ออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะดีดมันทีละสายเพื่อตั้งเสียง เมื่อแน่ใจว่าแต่ละสายตรงคีของมันแล้ว เธอก็หยิบปิ๊กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และใช้มันดีดคอร์ดเป็นจังหวะและร้องเพลงเพื่อระบายอารมณ์ และในขณะที่เธอร้องเพลงอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังใกล้เข้ามา

     

                      เสียงกีต้าร์หยุดลงกลางคัน เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อมองว่ากลุ่มคนที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอเป็นใคร แล้วก็พบว่าพวกนั้นคือวงดนตรีที่เธอเพิ่งเดินชนที่ไนต์คลับนั่น เธอถอนหายใจแล้วมองพวกเขาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ก่อนจะเอ่ยถาม

     

                      มีธุระอะไรกับฉันไม่ทราบคนพวกนั้นยักใหล่แล้วหันไปซุบซิบกันเองจากนั้นก็หัวเราะคิกคักกันอยู่แค่นั้น เล่นเอาอารมณ์ที่อุส่าห์ลงได้แล้วของเธอค่อยๆ พุ่งขึ้นมาอีกครั้ง และก่อนที่เธอจะได้อ้าปากพูดอะไร เด็กหนุ่มผู้ถือกีต้าร์ไฟฟ้าคนเดียวกับที่เธอเดินชนก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ

     

                     จุนเหล่หางตาไปค้อนเข้ม คนข้างๆ หัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มส่งมาให้

     

                   ...ไอ้หมอนี่ท่าจะเพี้ยน เห็นก็เห็นอยู่ว่าชาวบ้านเค้าไม่ชอบ แต่เสือกยิ้มกลับมา ประสาท!...

     

                     ร้องเพลงเพราะดีนี่หมอนั่นว่า เพลงเมื่อกี้ชื่อGood bye days ใช่ไหม ร้องใหม่สิ

     

                    คิ้วของจุน หมุนวนกันและแทบจะตีลังกาเกือบห้าตลบ คนข้างๆ เธอประสาทไปแล้วจริงๆ ด้วย  อยู่ดีๆ ก็เดินมานั่งข้างๆ แล้วพล่ำอะไรก็ไม่รู้ คนดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน

     

                      สรุปว่าพวกนายมีธุระอะไรกับฉันเธอถามย้ำอีกครั้ง เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆ เธอ ยิ้มหวานออกมาอีก ทำให้แต่เดิมที่หน้าก็เหมือนผู้หญิงอยู่แล้วยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่

     

                      อย่าเพิ่งโกรธสิ ยังไม่ได้คุยกันเลยเขาว่า พลางเอาหลังพิงกับม้านั่ง

     

                      จะทำอะไรก็รีบจัดการนะ โยชิดะ เรายังหาที่เล่นไม่ได้เลยนะหนึ่งในกลุ่มผู้ชายพวกนั้นพูดขึ้น เขาเป็นคนที่ตัวค่อนข้างสูง ตรงข้ามกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอที่เตี้ยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ผมยาวระต้นคอและไว้หน้าม้าซอย ในมือควงไม้กลองเล่นไปพลางๆ อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วชนิดที่ว่าถ้าหากหลุดมือไปโดดหัวใครนี่คงเจ็บน่าดู

     

                       รู้แล้วน่า ถ้านายเบื่อนักจะไปก่อนก็ได้คนข้างๆ เธอว่าพลางปัดมือไล่ แต่คนโดนไล่ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เด็กหนุ่มข้างๆ เธอยิ้มหวานเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามาหาเธออีกครั้ง เอาละ เข้าเรื่องเลยนะเขาว่า คือ... ฉันเห็นเธอโดนไล่มาจากคลับนั่นน่ะ เพราะเป็นพวกนักดนตรีเปิดหมวกเดี่ยวใช่ไหมล่ะ...

     

                      คิโตมิยะ จุน ได้ยินแค่นั้นเส้นอารมณ์ก็ขาดเปรี๊ยะ ไอ้บ้านี่ อุส่าห์ลืมแล้วยังทำให้นึกถึงอีกทำไมวะ! ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนอย่างฉุนเฉียว และทำท่าจะเดินหนีไปอีกทางทันที แต่ถูกคนข้างๆ รั้งเอาไว้เสียก่อน

     

                       เฮ้ย! ดะ...เดี๋ยวก่อนสิ ฉันยังพูดไม่จบเลยหมอนั่นเอื้อมมือมาจับแขนเธอเอาไว้ จุนสะบัดมือหมอนั่นออก แล้วหันมาค้อนเข้ม

     

                       นี่! ถ้ามาเพื่อจะพูดเรื่องที่ฉันเป็นนักดนตรีเดี่ยวล่ะก็ รีบๆ กลับไปได้เลย รำคาณตาเธอตวาดใส่หน้าเขาอย่างหงุดหงิด แต่หมอนั่นยกมือบอกให้เธอใจเย็นๆ แล้วยิ้มส่งมาให้อย่างอ่อนโยน เล่นเอาเธอทำใจโกรธไม่ลง จุนถอนหายใจอย่างเหลืออด แล้วนั่งลงตรงที่เดิมอีกครั้ง หมอนั่นยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจ ก่อนจะเริ่มกว่าต่อ

     

                       คือมันอย่างงี้ ถ้าหากเปิดหมวกเดียวมันหากินได้ยากใช่ไหมล่ะ เพราะงั้น มาเข้าวงกับพวกเราดีไหม จากที่ฟังเมื่อกี้นี้ เสียงเธอก็ไม่เลว ฝีมือการดีดกีต้าร์ก็คมใช้ได้ ถ้าสนใจมาเข้าวงเรา จะยกให้เป็นนักร้องนำเลยก็ได้ เอ้า!”หมอนั่นเสนอพลางชูนิ้วโป้งขึ้นมา เธอเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปบ้าง

     

                        ที่ตามมาเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ?”เธอถาม หมอนั่นพยักหน้าแทนคำตอบและนั่นยิ่งทำให้เธองงหนักเข้าไปอีก แทนที่จะไปขึ้นวงที่คลับนั่นเนี่ยนะ?”คราวนี้หมอนั่นทำมือปัดๆ แล้วส่ายหน้า

     

                       เปล่าหรอก ถ้าฉันได้เล่นที่นั่น รับรองไม่เดินตามเธอมาถึงนี่หรอก แต่ตาลุงนั่นเรื่องมาก พอมองหน้าฉันก็พูดออกมาเต็มปากเต็มคำเลยว่าไม่รับ เราเลยไม่เล่นเขาว่า เธอพยักหน้ารับอย่างงงๆ ก่อนที่มือเบสในวงที่ยืนอยู่ข้างๆมือกลองจะเสริมขึ้นมา

     

                       เพราะเขานึกว่านายเป็นผู้หญิงมากกว่า เขาถึงไม่ให้เล่นเขาพูดพลางกลั้วหัวเราะ ในขณะที่คนโดนหาว่าเป็นผู้หญิงหันมาค้อมเข้ม

     

                       เงียบน่า ทาคากิเขาว่าก่อนจะหันมาหาเธอ แล้ว...สรุปว่าไงล่ะ

     

                       เธอทำสีหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาสั้นๆ

     

                       แล้วฉันจะคิดดูเธอลุกขึ้นและหันหลังเดินจากไปโดยไม่คิดจะบอกลา ก่อนที่เด็กหนุ่มคนเดิมจะตะโกนเรียนเธอให้หันกลับมาอีกครั้ง

     

                       นี่! เดี๋ยวก่อนสิเธอหันกลับมาตามเสียงเรียก แล้วมองหน้าเขาเป็นเชิงถาม ฉัน ริวโนะสึกิ โยชิดะ เธอชื่ออะไร?”หมอนั่นถาม เธอหมุนคิ้วอย่างงุนงงก่อนจะตอบกลับไป

     

                       คิโตมิยะ จุน

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    *ซูบุตะ เป็นชื่ออาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง เป็นเนื้อทอดราดซอสหวานๆ ตามปกติคนญี่ปุ่นจะเรียกอาหารชนิดนี้ว่าซุบุตะ แต่คนที่จ.เคียวชู มักจะเรียกกันอีกชื่อ นั่นก็คือ ซูไปโกะ นั่นเองคร่า(มันเป็นอะไรที่อร่อยมากๆ เลยแหละ ไปญี่ปุ่นกันเมื่อไหร่ ห้ามพลาดเลยนะอันเนี้ย)

     

    **โอโคโนะมิยากิ เป็นชื่ออาหารญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ แต่เป็นขนมหวาน(ขนมหวานที่ชินใหญ่จนกินที่อิ่มได้มื้อนึงเลยแหละ) เป็นแผ่นกลมๆ ราดซอสหวานๆ อีกเหมือนกัน ส่วนหน้าด้านบนแล้วแต่คนกินจะแต่งค่ะ เวลาไปกินที่ร้านจะมีกระทะแบนๆ มาให้ทอดกินกันเอง อร่อยมากๆ เหมือนกัน! (โอโคโนะมิยากิ ถ้าให้เทียบๆ ดูแล้ว ก็เหมือนพิซซ่าของญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ)

     

    ปล. เพลงที่หนูจุนร้องที่ม้านั่งรอบนี้ ข้าน้อยใช้เป็นเพลง Goodbye days ของYUIน้าขอรับกระผม ใครยังไม่ฟันไปหาฟังกันได้นะ เพราะสุดๆ จริงๆ



    ========================

    เครื่องแต่งกายของจุนในบทนี้นะคะ(เผื่อเพื่อนๆอย่างเห็นกัน)



       






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×