ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "KITOMIYA JUN" [คิโตมิยะ จุน กับถนนบนเสียงดนตรี]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ...

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 52


                 แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านบานใหญ่ เข้ามากระทบร่างอันสูงโปร่งของบุรุษซึ่งนั่งเกากีต้าร์อยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวโปรด โดยมีร่างเล็กของเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังหลับตาพริ้ม นอนฟังเสียงกีต้าร์จากผู้เป็นพ่อที่ยังคงบรรเลงต่อไปเป็นจังหวะช้าๆ สบายๆ

     

                    เสียงกีต้าร์หยุดลง...พร้อมกับการสะดุ้งตื่นจากภวังค์ของเด็กสาว

     

                    ไม่นอนต่ะล่ะ จุนคนเป็นพ่อถามพลางลูบหัวคนเป็นลูกอย่างรักใคร่

     

                    คุณพ่อเล่นเพลงต่อไปสิคะเสียงใสๆของเด็กสาววัยเจ็ดขวบเอ่ยขึ้นในขณะที่ยังเคลิบเคลิ้มในเสียงดนตรีที่ผู้เป็นพ่อบรรเลงออกมาด้วยหัวใจ ไม่นึกสงสัยเลยว่าเพราะอะไรมันจึงได้ฟังดูหวานฉ่ำเช่นนั้น

     

                    เสียงกีต้าร์ถูกบรรเลงขึ้นมาอีก เด็กสาวหลับตาลงอีกครั้งแล้วตั้งใจฟัง เสียงดนตรีจากกีต้าร์ตัวนั้นอย่างเพลิดเพลินแล้วคำถามไร้เดียงสาสมวัยก็ผุดขึ้นมาในใจ

     

                    พ่อคะ ทำไมพ่อถึงเล่นดนตรีคะหนูน้อยถามเสียงใส ผู้เป็นพ่อยิ้มแล้วตอบไปว่า

     

                    เพราะดนตรีเป็นสิ่งที่งดงามไงล่ะจ๊ะเด็กน้อยเอียงคอทำตาใส ก่อนจะทำสีหน้าครุ่นคิด

     

                    แล้วทำไมพ่อถึงชอบดนตรีละคะเด็กสาวถามต่อ

     

                    เพราะดนตรีเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับพ่อไงละจ๊ะผู้เป็นพ่อตอบพลางเอามือลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู ก่อนจะถามลองเชิงกลับไป แล้วลูกชอบดนตรีของพ่อไหม

     

                    ชอบสิๆ แล้วเมื่อไหร่หนูจะได้มีดนตรีของหนูละคะเด็กน้อยถามกลับ

     

                    จุนก็มีดนตรี ดนตรีของหนูอยู่ในนี้คนเป็นพ่อเอ่ยพลางวางมือลงบนอกของลูกสาว ดนตรีเป็นของทุกคนนั่นแหละ และมันจะยิ่งมีค่าเมื่อคนที่รักมันรู้จักคุณค่าของมันเด็กสาวมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยแววราไร้เดียงสา และแล้วคำถามใหม่ก็ผุดขึ้นมาอีกในใจ

     

                     แล้ว... พ่อคะ ทำไมพ่อถึงรักดนตรีคะ

     

                     เพราะดนตรี เป็นสิ่งบันดาลความสุขให้แก่ผู้คนไงละจ๊ะเด็กสาวยิ้มกว้างอย่างพอใจในคำตอบ แล้วมองหน้าพ่อของต้นด้วยสีหนีที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

     

                      คิโตมิยะ จุน ค่อยๆก้มลงหนุนหัวตัวเองลงบนตักของผู้เป็นพ่อ ก่อนจะค่อยๆปรือนัยน์ตาลงแล้วนอนฟังเสียงเพลงที่บรรเลงไปอย่างสบายๆจนหลับไปในที่สุด...

                   

                    3ปีต่อมา...

                    วันเวลาผันเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปด้วย...

     

                    คิโตมิยะ จุน นั่งเฝ้ามองพ่อของเธอในชุดของนักธุรกิจที่หิ้วกระเป๋าคอมพิวเตอร์ไปไหนมาไหนตลอดเวลา ทำให้เธอหวนคิดไปถึงกีต้าร์ตัวเดิมที่บัดนี้กลายเป็นเหมือนเศษไม้ที่เจ้าของเก่าไม่เคยหันมาแลมอง เสียงกีตาร์ยังก้องกังวานอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำทุกครั้งที่เธอนึกย้อนไปถึงวันเวลาแห่งความสุข...ที่เคยได้นอนฟังเสียงกีต้าร์ของพ่ออยู่เป็นประจำ

     

                    จุน วันนี้อ่านหนังสือหรือยังพ่อถามเธอ

     

                    อ่านแล้วค่ะจุนตอบกลับไปอย่างขอไปที ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

     

                    สอบเก็บคะแนนคณิตศาสตร์เมื่ออาทิตย์ก่อน ได้คะแนนเท่าไหร่พ่อถามขึ้นมาอีก โดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าเธอ

     

                     ยี่สิบคะแนนเต็มค่ะ หนูขึ้นไปเล่นกีต้าร์บนห้องได้ไหมคะจุนตอบแล้วรีบถามกลับทันที แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้น กลับทำให้สีหน้าของเธอที่ดูไม่ค่อยร่าเริงอยู่แล้ว ดูเศร้าและหม่นหมองลงยิ่งกว่าเก่า

     

                      ยังไม่ได้ คิดอยู่แต่ว่าจะเล่นกีต้าร์ เรียนให้มันดีๆ แล้วไปทำงานอย่างพ่อยังให้เงินมากกว่าเล่นกีต้าร์ตัวนั้นตั้งมาก แล้วถ้าสอบปลายภาคคราวนี้แกคว้าอันดับหนึ่งมาไม่ได้ อย่าหวังว่าจะได้เห็นกีต้าร์งี่เง่าตัวนั้นอีก พ่อจะเอามันไปโยนทิ้งให้มันพ้นหูพ้นตาแก จะได้มีสมาธิเรียนมากกว่าตอนนี้บทสนทนาที่เริ่มต้นกันดีๆ บัดนี้กลับกลายเป็นตะคอก

     

                      คิโตมิยะ ทาคุยะ พ่อของเธอ ซึ่งในสมัยก่อนเคยเป็นอดีตนักดนตรีที่มีชื่อเสียง บัดนนี้เขากลายมาเป็นนักธุรกิจหน้าเงิน ที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน เขาเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่เธอไม่รู้ แต่ที่รู้มีอยู่อย่างเดียวคือ พ่อของเธอ กู่ไม่กลับอีกแล้ว...

     

                    ...พ่อไม่ใช่พ่อคนเดิมอีกแล้ว เขาไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีที่รักดนตรีอีก จะไม่กอดและลูบหัวเธออีกแล้ว ไม่แม้แต่จะเล่นดนตรีให้เธอฟัง หรือคอยปลอบใจเธอเวลาเศร้า เขาหมกมุ่นอยู่กับไอ้แผ่นเหล็กสีเหลี่ยมหนาๆนั่นตลอดทั้งวัน และไม่มีทางที่เขาจะกลับมาเป็นพ่อคนเดิมของเธอได้อีก

     

                     ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบสิบขวบของเธอ ทั้งๆ ที่เธอทุมเทกับการเรียนตามที่พ่อสั่งทุกอย่าง แต่แล้วทำไม...

     

                     พ่อคะ คือ...เสียงพูดของเด็กสาว ถูกปล่อยออกมายังไม่พ้นลำคอก็ถูกขัดด้วยคำพูดของอีกฝ่ายเสียแล้ว

     

                      จุน ฉันกำลังทำงานอยู่ แกไปจะไปไหนก็ไปพ่อเอ่ยตัดบทแล้วก้มหน้าก้มตาก้มตาทำงานต่อ โดยไม่สนใจเธอเลยสักนิด เพียงเท่านั้น... เธอก็วิ่งหนีขึ้นไปบนห้อง โดยไม่พูดอะไรอีก...

     

              5ปีต่อมา

     

                  เสียงกีต้าร์โฟล็กถูกดีดเป็นเสียงเย็นๆหวานๆ พร้อมๆกับเสียงใสๆของเด็กสาวคนดีด ดังคู่กันไปเป็นทำนองเศร้า เข้ากับบรรยากาศตอนกลางคืนตอนนี้ยิ่งนัก เธอหลับตาพริ้มแล้วขับขานบทเพลงอันแสนไพเราะ ไปพร้อมๆกับกีต้าร์คู่ใจของเธอ ที่มักจะไปกับเธอทุกที่

     

                  เสียงเพลงค่อยๆช้าลงและจบลงในที่สุด เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้า เป็นจังหวะเดียวกับที่เหล่าผู้คนซึ่งมานั่งฟังเธอร้องเพลง ปรบมือให้ป็นสัญญาณบอกถึงความพออกพอใจ

     

                  ถึงแม้จะมีเพียงไม่ถึงสิบคน ที่มานั่งฟังเธอ แต่เธอก็มีความสุขที่ได้สร้างความสุขให้กับคนอื่นด้วยเสียงเพลงและเสียงดนตรีของเธอ

     

                  หนูชื่ออะไรเนี่ย เป็นคนแถวไหนเหรอเสียงของคุณป้าหนึ่งในผู้ฟังเอ่ยถาม

     

                  คิโตมิยะ จุน ค่ะ บ้านหนูอยู่สุดมุมถนนโน่นเองเธอตอบพลางชิ้นิ้วไปที่บ้านของเธอซึ่งอยู่สุดมุมหัวถนนใกล้ๆกับมุมตึกที่เธอมานั่งร้องเพลงวันนี้

     

                  อ๋อ ลูกสาวทาคุยะซังละสิ มิน่าล่ะ เล่นกีต้าร์เก่งเชียวคุณป้าเอ่ยชม เธอยิ้มรับก่อนจะใช้นิ้วเกากีต้าร์เป็นเสียงหวานๆอย่างเพลิดเพลิน อื้ม จะว่าไป เดี๋ยวนี้ฉันไม่ค่อยได้เห็นแกเลย แกเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ

     

                   คำถามที่เล่นเอาสีหน้าที่เคยยิ้มแย้มของเด็กสาว หม่นหมองลงถนัด จุนถอนหายใจออกมาน้อยๆ ก่อนฝืนยิ้ม แล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบ

     

                  ช่วงนีคุณพ่องานยุ่งค่ะเธอตอบไปสั้นๆ

     

                   อ๋อเหรอจ๊ะ เอ้อ! แล้วนี่มาทุกวันหรือเปล่าจ๊ะ วันหลังป้าจะได้มาฟังอีก
     

                   เปล่าค่ะ เปล่า วันนี้เป็นวันเกิดครบสิบห้าของหนู หนูก็เลยแค่ออกมาร้องเพลงเล่นๆเท่านั้นเอง เธออธิบายพลางยิ้มหวาน

     

                   นี่ขนาดร้องเล่นๆ นะเนี่ย เสียงเพราะเชียว โตขึ้นต้องได้เป็นนักร้องแน่ๆเลยป้าเอ่ยชม เธอได้แต่ยิ้มรับคำชมนั้นอย่างฝืนๆ เพราะรู้อยู่แก่ใจดีว่าเธอไม่มีทางได้เดินในเส้นทางสายนั้น พ่อไม่มีทางอนุญาตให้เธอเป็นนักดนตรี ถึงแม้ว่าเธอจะรักมันแค่ไหนก็ตาม

     

                    อุ้ย! ตายแล้ว เลยมื้อดึกมาแล้วนี่นา ออกมาซื้อของเดี่ยวเดียว เคลิ้มจนยาวเลย งั้นป้าขอตัวก่อนนะ อ้อ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะจ๊ะ คิโตมิยะจังคุณป้าเอ่ยก่อนจะก้มลงหอบถุงกับข้าวขึ้นมาไว้ในมือ

     

                    เรียกจุนก็ได้ค่ะเธอว่า

     

                    อื้ม! จ๊ะ แล้วนี่จุนจังยังไม่กลับบ้านเหรอจ๊ะ ดึกแล้วนะอันตรายออก

     

                    นั่นเป็นประโยคที่ทำให้เธอนึกขึ้นได้

     

                      จุนยกแขนซ้ายของตัวเองขึ้นมาเพื่อดูนาฬิกา ก่อนที่หัวใจจะแทบหล่นลงไปอยู่ที่พื้น มันเกือบๆจะมุดลงไปในพื้นซีเมนเลยด้วยซ้ำ เมื่อมองเห็นเข็มนาฬิกาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือของตน

     

                      เฮ้ย!”จุนแทบจะเอามือขึ้นมาตะครุบปากของตัวเองไม่ทัน เมื่อรู้ว่าตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว!

     

                      เป็นอะไรจ๊ะป้าถามพลางเลิกคิ้วขึ้น ในขณะที่เธอบรรจงยัดกีต้าร์ใส่กระเป๋าอย่างรีบร้อน

     

                      เออ... ขอโทษนะคะ แต่หนูต้องไปแล้ว เอาไว้วันหลังหนูจะหาเวลามาอีกนะคะจุนพูดในขณะที่ยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน เธอสะพายกีต้าร์ขึ้นบนหลังด้วยท่าทางเร่งรีบ แล้วออกตัววิ่งจากไปด้วยความเยี่ยงเสือชีต้าร์ ทิ้งให้คุณป้าคนเดิม ยืนงงอยู่ตรงหน้า มองตามอนาคตนักดนตรีที่วิ่งหายไปอย่างขำๆ

     

                   ...เป็นเด็กดีเหมือนกันแฮะ ลูกสาวบ้านคิโตมิยะ...

     

                 แอ๊ดดด

     

                เสียงประตูถูกเปิดออกช้าๆ และแผ่วเบาที่สุด ราวกับกลัวว่าใครบางคนจะออกมาได้ยินเข้า จุนแทรกตัวเองเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตูอย่างเบามือ ก่อนจะรวบรวมความกล้า กึ่งเดินกึ่งย่องปทับันได เพื่อขึ้นไปบนห้องอย่างเงียบเชียบ

     

                      ...โอเค อีกนิดเดียว บันไดอยู่โน่นแล้ว จุน ที่แกต้องทำก็คือ เดินไปหามันแล้วตะกายขึ้นไปอย่างเงียบที่สุด ไม่ใพ่อรู้ แค่นั้น... ภารกิจแกก็จบ เอาน่า อย่าปอดนักเลย ตอนนี้พ่ออาจกำลังหลับอยู่บนโต๊ะทำงานก็ได้ กล้าไว้สิ!...

     

                       จุนพยายามปลอบใจตัวเอง แล้วหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนจะค่อยๆเอาหน้าโผล่ไปสอดส่องสายตามองเข้าไปในห้องนั่งเล่น

     

                       ...ไม่อยู่? แต่คอดเปิดทิ้งไว้เนี่ยนะ แปลกจัง แต่ช่างหันเหอะ ไม่เห็นเราก็นับว่าบุญมากๆแล้ว เคจุน แกยังต้องกลัวอะไรอีก ก่อนไปแกทำแบบฝึกหัดทุกเล่นที่พ่อสั่งหมดแล้ว ถ้าขึ้นไปถึงห้องได้ ทุกอย่างก็จบ...

     

                        คิดในใจอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วก็ตัดสินใจค่อยๆย่องไปที่บันไดโดยไม่ลืที่จะหันมามองข้างหลังเพื่อระวังตัว แต่การที่เธอมัวแต่ระวังขางหลังนั้น มันทำให้เธอลืมระวังข้างหน้า! และแล้ว... เมื่อเท้าเหยียบถึงบันใดขั้นแรกเธอก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงนั้นมาก่อนแล้ว

     

                       ผลัก

     

                        เธอหันควับมามองอย่างตกใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ เพื่อมองว่าเธอชนเข้ากับอะไร และเมื่อตาของเธอ สบเข้ากับนัยนตาตาเย็นชาดูเกรี้ยวกราดของอีกฝ่าย ก็เรียกให้ความตกใจของเธอพุ่งสูงขึ้นจากทีแรกอีกเป็นทวีคูณ

     

                      จุนผละตัวเองให้ถอยออกมาอย่างอัตโนมัตราวกับเป็นสัญชาตญาณ เธอเอาหลังพิงกับผนังบ้านซึ่งอยู่ตรงหน้าบันไดแล้วมองร่างตรงหน้าที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับสายตาที่ดูเหี้ยมโหดอย่างที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

     

                       แกไปไหนมาน้ำเสียงแผ่วเบาแฝงความอาฆาตขอพง่อที่ดังออกมาทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้เธอคิดอะไรม่ออกอีกแล้ว รู้แต่ว่าเธอจะให้ผู้ชายตรงหนาเดินเข้ามาใกล้เธอไปมากกว่านี้ไม่ได้

     

                       จุนตัดสินใจค่อยๆ ขยับตัวไปข้างๆ แล้วออกตัววิ่งไปที่ประตู แต่เพียงร่างบางวิ่งตัดออกไปยังไม่พ้นบันได ก็ถูกมือใหญ่ของคนข้างหลัง คว้าเข้าที่คอเสื้อแล้วกระชากกับมาที่เก่าอย่างง่ายดาย

     

                       แกออกไปไหนมา!!”พ่อตะคอกเสียงดัง

     

                       หนูออกไปเล่นดนตรีที่มุกตึกข้างหน้าโน่นเอง ทำไมต้องโกรธด้วย วันนี้ก็วันเสาร์แท้ๆ อีกอย่างหนูก็ปิดเทอมแล้วเธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทั้งๆ ที่ยังกล้าๆ กลัวๆ

     

                       แล้วแกขอนุญาตใครน้ำเสียงแม้จะแผ่วเบา แต่นัยน์ตาคู่นั้นกับฉายรอยเหี้ยมเหมือนเพชรฆาตที่ทำท่าจำกินเธอได้ตลอดเวลา

     

                       ที่พูดนี่จะให้หนูขอพ่อหรือไง? ถ้าหนูมาขอพ่อ พ่อจะให้หนูไปรึไงล่ะเด็กสาวเถียงกลับ

     

                        นี่แกกล้าเถียงพ่อเหรอ? แกเถียงพ่อใช่ไหม!!”พ่อตวาดใส่เธอเสียงดัง ถ้าทำเพียงเท่านั้นก็อาจจะแค่ปกติของเธอที่โดนเป็นประจำ แต่คราวนี้มือใหญ่ถูกตวัดเข้ามาที่ใบหน้าของเธออย่างแรง เล่นเอาเด็กสาวหน้าหันไปตามแรงของฝ่ามือนั้นจนสุดคอ

     

                       จุนค่อยๆยกมือขึ้นมาลูบคลำที่แก้มอย่างเบาๆ ไม่ใช่เพราะเจ็บ แต่เพราะไม่อยากจะเชื่อ ...พ่อตบหน้าเธอ ตบหน้าเธอในวันเกิดของเธอ...

     

                       เพียงแค่คิดก็รู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างเลื่อนขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ เธอค่อยๆหันกลับมาหาพ่อพร้อมกับรอบเลือดและรอยฟกช้ำที่มุมปาก

     

                       ฉันเตือนแกแล้วเรื่องดนตรี มันมีอะไรดีนักหนา เสียงดังน่ารำคาณพ่อตะคอก

     

                       แต่หนูก็ออกไปเล่นไกลๆไม่ให้รบกวนพ่อเวลาทำงานเธอรีบย้อน

     

                       แต่ฉันสั่งห้ามแกแล้วเรื่องนี้!”พ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ากลัว ไม่เหมือนน้ำเสียงที่คนปกติใช้พูดกับคนในครอบครัว

     

                       แต่วันนี้วันเกิดหนูนะพ่อ!”เธอเถียงกับไป แต่ไม่ทันไร...

     

                       เผี๊ยะ!!!

     

                      ฝ่ามือข้างเดิมถูกฟาดมาที่หน้าเธออีกครั้ง ตามมาด้วยแรงกระชากที่คอเสื้อ จนเด็กสาวถึงกับไถลไปตามแรงนั้นโดนไม่อาจขัดขืนได้

     

                       ร่างบางถูกกระชากและผลักลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี คนตัวใหญ่เดินมากระชากกระเป๋ากีต้าร์บนหลังของเธอ แต่คนตัวเล็กก็ไม่ยอมให้ทำง่ายๆ เธอเอาใช้แขนบางๆ คู่นั้นกอดมันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

     

                       พ่อ! พ่อจะทำอะไร อย่านะพ่อ!”เธอตะโกนเสียงดัง พลางพยายามดึงกระเป๋ากีต้าร์กลับมา แต่แรงของอีกฝ่ายนั้นมีมากกว่า พ่อ! อย่า! นั่นกีต้าร์หนู เอาคืนมานะเสียงตะโกนเริ่มจะเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง เมื่อพ่อของเธอได้กีต้าร์ตัวนั้นของเธอไป

     

                        ปัญหามันอยู่ที่ไอ้เศษไม้นี่ใช่ไหมพ่อเอ่ยพลางค่อยรูดซิบกระเป๋ากีต้าร์ออก และหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในจออกมา

     

                         ไม่!!! พ่อจะทำอะไร อย่ายุ่งกับมันนะ!!”จุนร้องเสียงดัง พลางลุกขึ้นแล้วกระโจนเข้าไปเพื่อแย่งกีต้าร์ของเธอคืนมา แต่เพียงแค่เธอคว้าแขนของพ่อได้ พ่อก็สะลัดเธอจนล้มลงไปอีกครั้ง หัวของเธอกระแทกเข้ากับมุมผนังจนเลือดใหลซิบๆ


                        เด็กสาวทรุดลงนั่งกับพื้น มือกุมที่ศรีษะของตัวเองอย่างเจ็บปวด แต่นัยน์ตาคู่สวยก็ไม่ได้ละไปจากกีต้าร์ของตัวเองที่อยู่ในมือของคนที่จะชำแหละมันได้ทุกเมื่อ

     

                         ถ้ามีไอ้เศษไม้นี่แล้วปัญหามันมากนักละก็...พ่อโยนกระเป๋ากีต้าทิ้งไปข้างกลัง ก่อนจะใช้สองมือของตัวเองชูกีต้าร์ขึ้นเหนือหัว

     

                         จุนพยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีลุกขึ้นยืน

     

                         ไม่!!!!”เธอร้องลั่น แต่เสียงห้ามของเธอไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยสักนิด โดยเฉพาะเมื่อกีต้าร์ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง คอของมันหักออกเป็นสองท่อน พร้อมๆกับที่สายของมันขาดออกและขดเป็นเกลียว นัยน์ตาของเด็กสาวเบิกกว้าง หยาดน้ำตาใสใหลลงอาบแก้มผสมกับของเหลวสีแดงข้นที่ใหลจากหน้าผากซ้ายและหยดลงบนพื้น

     

                        พ่อเอาเท้าเขี่ยเศษกีต้าร์ที่ถูกทำให้หักเป็นชิ้นๆ มากองอยู่ที่หน้าเธอ

     

                        เก็บกวาดซะด้วย ฉันจะทำงานพ่อเอ่ยพลางแสยะยิ้มน่ารังเกียจมาที่เธอ มันยิ่งทำให้ความโกรธที่พุ่งพล่านมากกว่าเก่า มือสองข้างของเด็กสาวเอื้อมไปหยิบเศษกีต้าร์ขึ้นมาแล้วกำมันเอาไว้แน่น

     

                          ...โหดร้าย...โหดร้ายมาก เกลียด...เกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุด!...

     

                       เข็มนาฬิกาที่บอกเวลาตีสอง เวลาที่หลายคนควรจะหลับใหลอย่างสุขสบาย แต่ก็ยังมืห้องๆหนึ่งที่ถูกเปิดไฟเอาไว้สว่างโล่ พร้อมกับเจ้าของห้องที่ยังอยู่ในสภาพที่เลือดใหลมีแผลใหญ่อยู่ที่หน้าผากซ้าย พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเหมือนกับก่อนหน้านี้

     

                        คิโตมิยะ จุน เดินไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างใบสีดำของเธอเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะเหยียบขึ้นไปบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องเพื่อหยิบกล่องใบขนาดเท่าฝ่ามือที่ถูกซ่อนเอาไว้ในตู้อย่างมิดชิด

     

                        เธอค่อยๆลงมาจากเก้าอี้ก่อนจะเก้าเท้าไปที่เตียงแล้วบรรจงเปิดกล่องนั้นออก แม้มันจะเป็นแค่กล่องสี่เหลี่ยมที่ดูไม่ใหญ่มาก แต่ภายในกลับบรรจุเงินเยนที่ถูกอัดและยัดเข้าไปจนแน่นไปหมด เงินที่ได้จากการเก็บออมมาตลอดสิบห้าปีของเธอ รวมกับเงินบางส่วนที่ได้จากการเล่นดนตรีตามข้างทางของเธอ ทำให้มันมากพอที่จะทำให้คนสามารถอยู่โดยไม่ต้องทำอะไรได้อย่างน้อยๆ สามเดือนเหนาะๆ

     

                        จุนค่อยๆหยิบเงินเหล่านั้น ทั้งแบงค์ทั้งเหรียญยัดใส่เข้าไปในกระเป๋าตังสีดำลายกีต้าร์ของเธอแล้วเอามันใส่เข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างจากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบเสื้อผ้าออกมาชุดสองชุดแล้วยัดมันใส่เข้าไปในกระเป๋าสะพายข้างใบเดิม

     

                        เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นถูกหรือเปล่า เธอไม่รู้ว่าเธอไปแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน ไม่รู้กระทั่งว่าถ้าไปที่นี่แล้ว ที่ๆเธอจะไปนั้นมันจะดีกว่าที่เป็นอยู่นี่หรือเปล่า รู้แต่เพียงว่า ถ้าเธอไป...เธอกับพ่อก็จะไม่ต้องทะเลาะกันรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อีก

     

                     เธอเดินไปหยิบกระดาษใบเล็กๆ ที่เธอมักใช้เขียนบันทึกเรื่องดีๆ ในหนึ่งวันของเธอแปะไว้ที่หน้ากระจก มานั่งเขียนบางอย่างลงไป

     

                     หนูขอโทษค่ะพ่อ แต่เส้นด้ายบนเท้าของพ่อกับหนู มันเป็นเส้นด้ายคนละเส้นกัน...

     

                     ขอความที่ฟังดูไม่ค่อยเหมือนจดหมายลาสักเท่าไหร่นัก ถูกเขียนลงบนกระดาษใบนั้น

     

                    เมื่อเก็บของและจัดการกับทุกอย่างเรียบร้อย ร่างของ คิโตมิยะ จุน ก็เดินออกไปจากห้องนั้น พร้อมกับกระเป๋าสะพายข้างของเธอที่ไม่ได้ใส่อะไรมากไปกว่า เงินจำนวนหนึ่งกับเสื้อผ้าบางส่วน และสิ่งๆหนึ่ง ที่เธอถึงกับต้องไล่หามันตั้งแต่ตีสองยันตีสามก็คือ รูปถ่ายใบหนึ่ง... ที่ไม่มีใครรู้ว่ามันคือรูปอะไร ขจะมีก็แต่คนๆหนึ่งที่เคยเห็นมัน หากแต่ เขาได้ลืมมันไปแล้ว...

     

                   จุนค่อยๆ พาร่างของตัวเองเดินลงมาจากบันไดอย่างเชื่องช้า แล้วมองเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ถูกเปิดประตูทิ้งเอาไว้ เผยให้เห็นร่างของผู้เป็นพ่อที่นั่งหลับฟุบอยู่หน้าคอมเหมือนทุกวัน

     

                      เธอเดินเข้าไปในห้องนั้นอย่างช้าๆ และเบาที่สุด ก่อนจะค่อยๆ เดินไปหยิบผ้าห่มสีขาวมาคลุมร่างหน้าคอมนั้น แล้วก้มลงกอดร่างนั้นเบาๆ

     

                      หนูรู้ค่ะ ว่าที่พ่อตั้งใจทำงาน ส่วนหนึ่งก็เพื่อหนูเธอกระซิบเบาๆที่ข้างหูของคนที่บัดนี้หลับสนิท ถึงเวลาแล้วที่พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อตัวเองคนตรงหน้าไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ไม่ได้หวังอะไรมาก เธอก้มลงหอมแก้มคนตรงหน้าเบาๆหนึ่งครั้ง และวางกระดาษใบเล็กๆ ไว้ตรงหน้าของเขา จากนั้นก็เดินจากไปจากห้องนั้น โดยไม่พูดอะไรอีก

     

                       แอ๊ดดด...

     

                     ประตูถูกเปิดออก พร้อมๆกับที่ร่างของเด็กสาวที่เดินออกมาจากบ้านในเวลาย่ำรุ่ง ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขึ้นมาบนฟ้า ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างตรงนั้นดูมืดไปหมด

     

                      จุนหันกลับไปมองสถานที่ที่เธอเคยใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่กับมัน แล้วยิ้มอย่างเศร้าๆ

     

                  ...นอกจากพ่อแล้ว ฉันคงจะอักตัญญูกับแกด้วยสินะ ขอโทษด้วยนะ ฝากขอโทษพ่อด้วยล่ะ...

     

                    จุนล้วมมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบมือถือของเธอขึ้นมา แล้วถ่ายรูปบ้านของเธอ ก่อนจะเดินจากไป โดยไม่หันกลับมามองข้างหลัง...และไม่มีวันที่จะหันกลับมาอีกแล้ว...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×