คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : 10 สุดยอดคำสาปของโลก (ต่อ)
รูปวาด มารี ลาโว
คําสาปวูดูแห่งนิวออร์ลีนส์, สหรัฐฯ
แม่มดวูดูผู้นี้มีนามว่า มารี ลาโว (Marie Laveau)มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1800 กว่าๆ เพื่อนบ้านรํ่าลือกันว่าเธอสามารถสาปได้ทั้งคนและสัตว์ โดยใช้มนต์ดําของวูดู กระทั่งทุกวันนี้ยังมีการ จัดทัวร์พาไปชมบ้านของเธอ รวมทั้งบนบานขอให้เธอช่วยสาปใครก็ได้ เรียกกันว่า "บลัดดี้มารีทัวร์"
ทั้งนี้ ผู้ขอจะต้องปฏิบัติดังนี้ครับ เริ่มจากเคาะ 3 ครั้งบนโลงศพของมารี แล้วหมุนกายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เซ่นเหล้ารัม ข้ามหลุมศพ 3 หน แล้วเปล่งชื่อของเธอออกมาดังๆ จากนั้นก็บอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของคุณ (ว่าจะให้เธอดลให้ศัตรูของคุณวิบัติอย่างไร) ยึ้ย ไม่เชื่อก็เดินทางร่วมทัวร์ไปพิสูจน์ได้
คําสาปของ อลิสแตร์ ครอว์ลีย์ พ่อมดแห่งทะเลสาบล็อคเนสส์, สกอตแลนด์
ปี 1899 ครอว์ลีย์อาศัยอยู่ในบ้านอย่างโดดเดี่ยว ทางตอนใต้ของทะเลสาบที่ลือลั่นในเรื่องอสูร กล่าวกันว่าเขา ขมังในเรื่องเวทมนตร์และเลี้ยงวิญญาณภูตไว้ถึง 115 ตน เขาสามารถดลบันดาลให้ เพื่อนบ้านหลายคนมีอันเป็นไปนานา จนเป็นที่หวาดหวั่นไปทั่ว
ก่อนตาย ครอว์ลีย์ ได้สาปทิ้งท้ายไว้กับยอด เขาแห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า "ปล่องไฟปีศาจ" และครอว์ลีย์เคยหลงทางที่ยอดเขานี้ ซึ่งทําให้เขาขัดเคืองใจ จึงสาปว่าเมื่อใดที่ยอดเขานี้พังทลาย สิ่งชั่วร้ายต่างๆก็จะถูกปลดปล่อยแผ่กระจายไปด้วย "ปล่องไฟปีศาจ" ยืนหยัดอยู่นานนับพันปี แต่แล้วในเดือนเมษายน 2001 ยอดสูงราว 70 เมตร ก็มีอันถล่มทลายลงมาในทะเล เรื่องนี้ทําให้ผู้ที่เชื่อถือในตํานานพากันผวาไปตามกันเลย ป่านนี้นรกคงครอบคลุมแผ่นดินแล้ว เอ! หรือว่าจะจิงเพราะคนสมัยนี้โหดร้ายขึ้นทุกวัน
แม็คเบ็ธผู้ทรยศ (The Tragedy of Macbeth) เป็นโศกนาฏกรรมยอดเยี่ยมซึ่งเป็นที่รู้จักดีอีกเรื่องหนึ่งของ วิลเลียม เชกสเปียร์ เป็นเรื่องราว ความทะเยอทะยานอันไม่มีที่สิ้นสุดและนำพาชีวิตไปสู่ความหายนะ
อาถรรพ์
ละครเรื่องนี้มีฉากที่เกี่ยวกับแม่มดและ คําสาปมนต์ดํา ว่ากันว่าทําให้แม่มดตัวจริงสมัยนั้น เคืองแค้น ที่เชคสเปียร์นําเอาเรื่องลับของพวกเขามาเปิดเผย จึงสาปให้ละครเรื่องนี้มีอันเป็นไป-หากใครนํามาแสดงโดยเฉพาะตัวละครที่เล่นบทแม็คเบ็ธ
ผลของคําสาปอุบัติขึ้นตั้งแต่หนแรกสุดที่ละครนี้ออกแสดง โดยผู้แสดงที่ชื่อ ฮัล เบอร์ริดจ์ ซึ่งสวมบทเลดี้เอม ได้ล้มเจ็บลงในคืนนั้น และสิ้นใจตายหลังเวที และนับแต่นั้นมาเกือบ 400 ปี ละครเรื่องนี้ก็มีอาถรรพณ์เกิดขึ้นกับนักแสดงมาตลอด เช่น มีอุบัติเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย บางคนฆ่าตัวตาย และที่น่าพรึงเพริดที่สุดก็คือ ในปี ค.ศ. 1947 นักแสดงชื่อ ฮาโรลด์ ทอร์แมน เป็นผู้รับบทแม็คเบ็ธ ในระหว่างการดวลดาบนั้น คู่ต่อสู้ของเขาลืมสวมที่ครอบปลายดาบ พอแม็คเบ็ธ ถูกแทงล้มลง กลางเวที ผู้ดูต่างก็ปรบมือพอใจในบทบาท หากทว่า หลังเวทีนั่นซิ ต่างก็ตกใจกันยิ่งนักที่เขาโดน แทงจริงๆ ทอร์แมนตายใน 3 สัปดาห์ต่อมา
เรื่องย่อ
นักรบแห่งสกอตแลนด์ นาม แม็คเบ็ธ กลับมายังบ้านเมืองอย่างภาคภูมิพร้อมด้วยชัยชนะเหนือศัตรูผู้ก่อการกบฏ เขาและแบงโกวสหายผู้ร่วมรบได้พบกับคำพยากรณ์อันน่ายินดีจาก แม่มด 3 พี่น้อง ว่า เขาจะได้เป็นอัศวินแห่งคาวดอร์และกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ในท้ายที่สุด และแบงโกวแม้จะไม่ได้เป็นกษัตริย์แต่ลูกหลานของเขาก็จะได้สืบทอดสถานะอันยิ่งใหญ่นั้น ทันทีที่ได้ฟังคำพยากรณ์ กษัตริย์ดันแคนก็ส่งสารประกาศแต่งตั้งให้แม็คเบ็ธได้รับตำแหน่งอัศวินแห่งคาวดอร์ ทำให้คำทำนายนั้นเป็นจริง ด้วยความทะเยอทะยานที่ซ่อนอยู่ ทำให้แม็คเบ็ธคิดถึงคำพยากรณ์ข้อต่อไปที่ยังไม่เกิดขึ้น และข่าวอันน่ายินดีนี้ก็ส่งผ่านต่อไปยังภรรยา คือ เลดี้แม็คเบ็ธ พร้อมๆกับข่าวที่ว่า ดันแคน กษัตริย์แห่งสกอตแลนด์จะเดินทางไปพำนักที่ปราสาทของแม็คเบ็ธในคืนนี้ เลดี้แม็คเบ็ธรับฟังข่าวดีพร้อมด้วยความคิดทะเยอทะยานอันชั่วร้ายที่พลุ่งพล่านอยู่ในความคิด และตัดสินใจคิดการณ์ใหญ่ที่จะทำให้คำพยากรณ์ข้อต่อไปเป็นจริงโดยเร็วที่สุด ด้วยการฆาตกรรมคิงดันแคน ในคืนนี้
แม็คเบ็ธแม้จะทะเยอทะยาน แต่จิตใจไม่เหี้ยมโหดพอ และตัดสินใจจะเลิกล้มแผนการณ์ แต่เลดี้แม็คเบ็ธผู้มีความชั่วร้ายฝังลึกอยู่ในจิตใจใช้ความเป็นภรรยา พูดจาหว่านล้อมจนกระทั่งแม็คเบ็ธเปลี่ยนใจ คิงดันแคนถูกลอบสังหาร และ ฆาตรกรถูกป้ายความผิดแก่ทหารยาม มัลคอล์มและดัลโนเบน
ลูกชายทั้งสองของคิงดันแคน กลัวชะตากรรมของตนจะเป็นเช่นเดียวกับพ่อตัดสินใจหนีเอาตัวรอด และแม็คเบ็ธก็ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนคิงดันแคนตามคำทำนาย คำพยากรณ์เป็นจริงสมประสงค์ แต่สิ่งที่คงอยู่คือ ความรู้สึกผิดบาปที่ตามหลอกหลอนแม็คเบ็ธ แบงโกวผู้ซึ่งมีส่วนร่วมรู้เห็นในคำพยากรณ์อันวิเศษสุด สงสัยในตัวแม็คเบ็ธ และแน่นอนว่าต่างฝ่ายต่างก็รู้กันดี แม็คเบ็ธเองก็หวาดระแวงว่าคำพยากรณ์ต่อไปที่ว่า ลูกหลานของแบงโกวจะได้เป็นกษัตริย์สืบต่อไป และที่สุดเพื่อเป็นการปิดปากแบงโกวด้วย แม็คเบ็ธก็ตัดสินในสังหารแบงโกวและภรรยา แต่ฟรีอองซ์บุตรชายของแบงโกวหนีไปได้
มัลคอล์มและดัลโนเบนที่หนีไปอังกฤษได้สมัครพรรคพวกร่วมกับแมคดัฟฟ์ นักรบผู้กล้าอีกคนหนึ่งของอดีตคิงดันแคนวางแผนจะกลับมายึดอำนาจจากแม็คเบ็ธซึ่งได้กลายเป็นกษัตริย์ทรราชย์ ในขณะที่แม็คเบ็ธเอง แม้จะสมประสงค์ทุกอย่างและขจัดแบงโกวไปได้ แต่ตราบาปที่ไม่มีใครรู้ก็ไม่สามารถหนีความจริงในใจของแม็คเบ็ธและพระราชินีได้ แม็คเบ็ธมองเห็นวิญญาณของแบงโกวและภูติผีคนอื่นๆตามมาหลอกหลอน ในขณะที่เลดี้แม็คเบ็ธซึ่งดำรงตำแหน่งพระราชินีเริ่มมีอาการสับสนทางความคิด เสียสติ และต้องล้างมืออยู่ตลอดเวลาเพราะคิดว่ามือตัวเองเปื้อนเลือด ซ้ำร้ายไปกว่านั้น แม่มด 3 พี่น้องปรากฏตัวอีกครั้งพร้อมกับคำทำนายถึงชีวิตอันหายนะของแม็คเบ็ธ โดยบอกว่า ให้ระวังแม็คดัฟฟ์ แต่ก็ได้ให้คำสัญญาว่า มนุษย์ทุกคนที่ออกมาจากครรภ์มารดาจะไม่สามารถทำอันตรายใดๆกับแม็คเบ็ธได้ ซึ่งทำให้แม็คเบ็ธค่อยวางใจขึ้น แต่แม็คเบ็ธก็ยังคงต้องต่อสู้กับบรรดาภูติผีปีศาจที่ปรากฏตัวให้เขาเห็นแต่เพียงผู้เดียว
หลังจากนั้น แม็คเบ็ธได้รับข่าวการรบชนะของแม็คดัฟฟ์ที่อังกฤษ เพื่อเป็นการแก้แค้นแม็คเบ็ธส่งคนไปปลิดชีพภรรยาและลูกๆของเขา สถานการณ์การรบยิ่งตึงเครียดขึ้น เมื่อมัลคอล์ม ดัลโนเบน และแมคดัฟฟ์ตัดสินใจยกกองทัพมาตีสกอตแลนด์เพื่อชิงราชบัลลังก์คืน พร้อมๆกันนั้นเองแม็คเบ็ธก็ได้รับข่าวร้ายว่าพระราชินีได้สิ้นพระชนม์ ชดใช้กรรมที่ได้ก่อ
แม็คเบ็ธเผชิญหน้ากับแมคดัฟฟ์ในสนามรบอย่างประหวั่นพรั่นพรึง ด้วยคิดถึงคำทำนายที่แม่มด 3 พี่น้องบอกให้หลีกเลี่ยงการพบกับแมคดัฟฟ์ แต่แม็คเบ็ธก็ยังลำพองใจว่า ไม่มีมนุษย์คนใดที่เกิดจากครรภ์มารดาจะทำอันตรายตนได้ แต่แล้วแมคเบ็ธก็ได้รู้สิ่งที่คาดไม่ถึง เมื่อแมคดัฟฟ์บอกว่า เขา..ไม่ได้เกิดมาจากครรภ์มารดา แต่ว่าถูกผ่าออกมาจากช่องท้อง ก่อนจะถึงเวลาถือกำเนิด การต่อสู้เป็นไปอย่างสิ้นหวังและที่สุดแม็คเบ็ธก็ถูกเด็ดชีพ ชดใช้ความทะเยอทะยานอันนำมาสู่ความหายนะของชีวิตผู้คนจำนวนมาก
วิหารกระดูก แห่งเมือง อีโวรา, โปรตุเกส ( Évora's Chapel of Bones)
วิหารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ที่ประหลาดพิสดารคือ ผนังภายในวิหารนี้สร้างขึ้นจากกระดูกของมนุษย์กว่า 5,000 คนครับ เท่านั้นไม่พอ มีซากศพ 2 ร่าง ห้อยแขวนติดผนังด้านหนึ่งด้วย!
ตํานานวัดระบุว่า ครั้งกระโน้นมีสตรีนางหนึ่งซึ่งยึดมั่น ในคาทอลิก แต่ได้ถูกสามีผู้โมโหร้ายกับลูกชายของ เธอเองช่วยกันโบยตีจนตาย ก่อนสิ้นชีวิต เธอได้สาป ให้วิญญาณของเขาทั้ง 2 ลงนรก แม้แต่พื้นพสุธา ก็จะไม่ยินดีรับร่างของเขาไว้ ไม่นานนัก ชายทั้งสองก็ถึงแก่มรณกรรม ชาวเมืองพยายามขุด หลุมฝังศพของเขา แต่ขุดลงไปที่ใดก็เจอะแต่หิน เมื่อจนปัญญา พวกเขาจึงนําเอาซากศพทั้งสองขึ้น ไปห้อยแขวนไว้กับ ผนังวิหารดังกล่าว สําหรับให้นักบวชได้ใช้ปลง ในระหว่างทําสมาธิครับ ก็นับเป็นคําสาปที่ขลังยิ่ง
เพชรโฮป (Hope Diamond)
เป็นเพชรสีนํ้าเงินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีนํ้าหนักถึง 45.52 กะรัต โดยพ่อค้าฝรั่งเศสนาม จอห์น แบ็บติส ทราวิเนียร์ ได้ขโมยมาจากพระนลาฏ (หน้าผาก) เทวรูปฮินดูในวิหารแห่งหนึ่งของอินเดีย เมื่อราว ค.ศ. 1600 โดยหารู้ไม่ว่าโคตรเพชรนี้มีคําสาปติดมาด้วย นั่นคือ มันผู้ใดที่ขโมยหรือครอบครองเพชรโฮป จะต้องประสบความวิบัติทุกรายไป!
และก็จริงตามคําสาป นับตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งทรงซื้อเพชรนี้จากนายทราวิเนียร์ พระองค์และ พระราชวงศ์ก็ทรงได้รับภัยร้ายกาจจากการปฏิวัติของฝรั่งเศสตลอด กระทั่งนาย เฮนรีย์ ฟิลิป โฮป (เจ้าของชื่อเพชรเม็ดนี้) นายปิแอร์ คาร์เทียร์ (พ่อค้าอัญมณีชื่อดังที่เรารู้จักกันดี) ฯลฯ ล้วนประสบกับอัปมงคลจนถึงผู้ครอบครองรายสุดท้ายคือ ตระกูลของ เซอร์ ฮาร์รีย์ วินสตัน ได้ให้เลดี้ไฮโซ ผู้หนึ่งยืมสร้อยคอเพชรโฮป สวมใส่ในงานราตรี สองเดือนต่อมา ลูกน้อยของเธอก็ตายอย่างลึกลับ สามีกลายเป็นบ้าและต้องหย่าขาดกัน ในที่สุด ทายาทตระกูลวินสตันจึงมอบเพชรโฮปให้สถาบันสมิธ โซเนียนของสหรัฐฯ เป็นผู้อนุรักษ์แทน
เพชรโฮปที่สถาบันสมิธ
**จากเว็บ teenee.com ค่ะ
เพชรโฮป ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับเป็นเพชรที่ได้รับการเจียระไนอย่างประณีตสวยงาม แต่เพราะมีประวิที่น่ากลัว จึงได้ชื่อว่า เพชรแห่งความโชคร้าย
ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 17 ของทาเวเนียร์ พ่อค้าชาวฝรั่งเศสเดินทางมาถึงปารีส พร้อมด้วยเพชรขนาด 112 กะรัต เขาปฏิเสธที่จะเล่าว่าได้มันมาอย่างไร หรือจากที่ไหน จึงมีข่าวลือต่างๆ นานาเกี่ยวกับเพชรเม็ดนี้ ข่าวลือที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาได้เพชรมาจากเทวรูปในอินเดีย พร้อมกับคำสาปแช่งคนที่เป็นเจ้าของเพชรนี้
แม้จะมีข่าวลือน่ากลัวมากมาย แพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสทรงชื่นชอบเพชรเม็ดนี้ และทรงซื้อในราคาที่แพงมาก แล้วทรงสั่งเจียระไนให้เป็นรูปหัวใจ แต่คำสาปกลับส่งผลแก่ทาเวเนียร์ เขาสูญสิ้นเงินทองที่ได้จากการขายเพชร และตายอย่างอนาถาในรัสเซีย
แม้ว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จะไม่ได้รับผลของคำสาป แต่เมื่อถึงรุ่นหลาน คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระมเหสี(Marie Antoinette) ซึ่งหลังจากได้ครอบครองเพชร ทั้งสองก็ถูกตัดศีรษะช่วงระหว่างการปฏิวัติในปี ค.ศ. 1793 เพชรเม็ดนั้นถูกขโมยไปพร้อมสมบัติอื่นๆ
จนกระทั่งในปี พ.ศ.1830 เพชรขนาด 44 กะรัตปรากฏขึ้นในลอนดอน หลายคนเชื่อว่าเป็นเพชรที่ถูกเจียระไนมาจากเพชรต้องคำสาปเม็ดนั้น
เฮนรี่ โฮป นายธนาคารได้ซื้อเพชรนั้นมาในราคา 90,000 ปอนด์ นับจากนั้นมาเพชรนี้จึง ได้ชื่อว่า เพชรโฮป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกันครอบครัวของโฮป จนในปี ค.ศ.1901ครอบครัวของโฮปได้ขายเพชรเม็ดนั้นไป
เจ้าของใหม่ไม่ได้โชคดีเหมือนกับครอบครัวโฮป หลายคนต้องประสบกับโชคร้าย พ่อค้าอัญมณีชาวกรีก เป็นเจ้าของเพชรโฮปได้ไม่นานก่อนที่จะตกหน้าผาตาย เจ้าของคนต่อมาเศรษฐีชาวเติร์กได้ซื้อมันเป็นของขวัญให้ภรรยา แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ยิงเธอตายอย่างไม่เจตนา
เพชรโฮปตกมาสู่มือของเจ้าชายรัสเซีย ทรงให้แฟนสาวสวมในงานแสดงเต้นรำ แล้วเจ้าชายก็ลุกขึ้นยืนยิงเธอตายอย่างไม่มีเหตุผล
หลายคนเริ่มกลัวในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่อีกไม่นาน อีวาลิน แมคลิน มหาเศรษฐีชาวอเมริกันได้ซื้อเพชรเม็ดนั้นโดยไม่ยอมฟังคำเตือนของเพื่อนๆ และเธอต้องเสียใจที่ซื้อมันมา เมื่อแม่ของเธอและคนใช้อีกสองคนตายกะทันหัน ต่อมาลูกชายวัย 10 ขวบเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนตายและลูกสาวคนเดียวต้องตายเพราะกินยาเกินขนาด
อิวาลิน แมคลิน สวมใส่เพชรโฮป
ในที่สุดพ่อค้าอัญมณีคนหนึ่งตัดสินใจซื้อเพชรโฮป และมอบให้กับสถาบันอัญมณีในกรุงวอชิงตัน ซึ่งวางแสดงอยู่ที่นั่นตราบจนทุกวันนี้
แต่ยังไม่มีใครอธิบายอย่างชัดเจได้ว่า เพชรโฮปเป็เพชรแห่งความโชคร้ายจริงหรือไม่
เครดิต : http://cutieparade.exteen.com/20070106/entry-2
ความคิดเห็น