คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เวท์นีตัส
ในดินแดนคู่ขนานกับโลกดินแดนซึ่งเต็มไปด้วยมนตราผู้คนขาดความเชื่อทางเทคโนโลยีแต่กลับหลงไหลในเวทย์มนต์ซึ่งโลกคู่ขนานนี้ถูกขนานนามว่า ‘ Watnetus ’ (เวท์นีตัส)
กล่าวถึงยุคเวท์นีตัสเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยนักเวทย์ได้เกิดสงครามกับเหล่ามนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยกิเลสและอบายมุขผู้คนไม่มีเวทย์มนต์แต่สามารถหยิบยืมอาวุธและพรจากผู้เป็นเจ้าได้เสมอทำให้พลังอำนาจนั้นเปี่ยมล้น ยุคนั้นคือยุคที่เวท์นีตัสใกล้ถึงคราวล้มสลายนักรบเสียขวัญหนีจากสงครามไปหลายชีวิตบ้างก็ล้มตายบ้างก็หายสาบสูญไม่เหลือแม้แต่นาม
อดีตเล่าขานกันว่าสิ่งที่ทำให้สงครามนี้จบคือพระชายาของเทพเจ้าซัสแต่ไม่มีใครเคยได้ยินพระนามของนางเลยแม้แต่พระสวามีของนางเองยังมิเคยปริปากเรียกนาง นางได้ทำสัญญาต่อทั้งสองเผ่าพันธุ์โดยห้ามนักเวทย์ข้องเกี่ยวกับมนุษย์ทั้งสงครามหรือการติดต่อพระนางยังได้กล่าวไว้ว่า ‘มนุษย์ผู้เต็มไปด้วยกิเลสเจ้าจะไม่มีวันได้หยิบยืมสิ่งใดจากเราอีก ส่วนนักเวทย์ทั้งหลายเมื่อเจ้าไปอยู่ดินแดนใหม่แล้วจงใช้เวทย์ในทางที่ถูกและทั้งสองเผ่าพันธุ์จะถูกแยกออกจากกันภายใต้โลกคู่ขนานและจะไม่มีวันได้พบกันอีก…’
“งมงาย เวทย์มนต์นะไม่มีจริงหรอกมนุษย์จะแข็งแกร่งได้เท่าใดกันเชียวขนาดสัตว์ตัวเล็กๆยังกลัวกันแทบจะตายตรงนั้นนับประสาอะไรกับนักเวทย์ที่ทรงพลัง แถมเรื่องนี้ก็ยังมาจากหนังสือที่ไม่ทราบผู้แต่งนี่อีก งมงายโว้ยยย!”สิ้นเสียงของชายหนุ่ม ธีนัส ผู้มีนัยต์ตาสีน้ำตาลกราวแต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความรำคาญใจภายในแววตาทำให้ผู้เป็นเพื่อนมองด้วยสายตาเอือมระอาในความคิด
“ฉันอ่านให้ตัวเองฟังไม่จำเป็นต้องให้นายมาออกความคิดเห็น” มาติณ ได้เพียงตอบเพื่อนของเค้าไปเพียงสั้นๆในแกมประชดก่อนจะลุกขึ้นเก็บหนังสือกลับที่อยู่ของมันก่อนจะฉุกคิด
‘โลกคู่ขนาน…จะเป็นยังไงนะ’ แต่ก็ได้เพียงนึกคิดเท่านั้นเพราะย่อมรู้ว่าไม่มีใครเคยไปยังดินแดนแห่งนั้นเลย
“เฮ้! รอกันด้วยสิพูดแค่นี้ทำเป็นงอน”ชายหนุ่มได้แต่มองท่าทีของเพื่อนที่เดินออกไปจากห้องสมุดโดยไม่รอตนเอง
“มีขาก็เดินตามมา”มาติณได้แต่เพียงเอ่ยสั้นๆเท่านั้นด้วยความหงุดหงิดที่อ่านหนังสือเล่มนั้นไม่จบแม้มันจะไม่มีชื่อผู้แต่งหรือเป็นเพียงนิยายปรัมปราแต่ก็ทำให้เขาสนใจอยู่ไม่น้อย
“คร๊าบบบๆ”ชายหนุ่มตอบรับก่อนจะรีบวิ่งตามเพื่อนซึ่งบัดนี้ได้เดินไปไกลจากตนเองมาก
“คาบต่อไปเป็นของเจ๊จิน่าคงสาธยายจนไม่ได้เรียนแล้วก็สั่งๆงานอย่างเดียวแหละ”ธีนัสพูดขึ้นขณะเดินเคียงไปกับชายหนุ่มมิตรสหายของเขา
“อยากหลับก็หลับไปคนเดียวไม่ต้องชวน”ผู้ถูกหว่านล้อมจากบทสนทนาตอบอย่างรู้ทัน
“ฉันเบื่อเพื่อนที่พูดน้อยๆแต่รู้ทันแล้วนะ”นัยต์ตาสีน้ำตาลกราวกล่าวขณะทำหน้ามุ่ย
“หาเพื่อนใหม่สะสิ”
“เพื่อนดีๆแบบนายมันหายากเว้ย ฮ่าๆ”
“หรือแค่กลัวไม่มีคนให้ลอกการบ้าน”มาติณพูดขึ้นขณะหยุดเดิน
“ก็ทั้งสองแหละน่าเครียดไปได้”หมาจนตอกอย่างเขาได้เพียงแต่ตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆด้วยแววตาไม่สบอารมณ์
“พี่มาติณ พี่ธีนัส มาแล้วหรอค่ะเจียจังกำลังรออยู่เลย”เด็กสาวตัวเล็กมัดแกะผูกโบสีขาวได้เอ่ยขึ้นขณะเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาถึงเธอจะดูเด็กยังไงแต่เธอก็มีอายุเท่ากับชายหนุ่มหรืออาจจะมากกว่าครึ่งปีด้วยซ้ำ
“มารอหรือมาอ่อยย่ะยัยแกะ”หัวหน้าห้องจอมเผด็ญการ ริณรา (ริน หนะ รา) ฉายาว่าที่ภรรยามาติณ ได้มาจากการที่ติณคุยกับเธอยาวกว่าบุคคลทั่วไปแต่ใครจะรู้ถ้าตอบเธอเพียงสั้นๆหูอาจจะชาไปได้
“เลิกทะเลาะกันเถอะหน่าโตๆกันแล้ว”เจ้าของนัยต์ตาสีน้ำตาลเอ่ยขึ้นอย่างสุขุมขัดกับคำพูดก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่มาติณได้เพียงเดินไปนั่งประจำที่เท่านั้นก่อนทุกคนจะหยุดโต้เถียงและกลับที่เช่นกัน
______________________________________________________________________________
“เอาละเปิดหนังสือไปหน้า45 ประวัติศาสตร์ชาติไทยเรียนกันมาก็เป็นสิบๆปีแล้วคงไม่ต้องสอนหรอกใช่ไหม? เพราะฉะนั้นสรุปให้ครบทั้ง4สมัยลงสมุดส่งคาบต่อไปเชิญทำได้”
“เจ๊แกเล่นมาไวจบไวแบบนี้ใครจะเรียนกะแกรู้เรื่องเนี้ย”ชายหนุ่มธีนัสได้แต่เพียงกระซิบข้างหูเพื่อนตนเองเท่านั้นก่อนจะไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างมากก็แค่ตอบสั้นๆ
“โธ่แล้วบอกจะไม่หลับไอลูกคุณชายเอ๊ย”ปฏิบัติขัดกับคำพูดเขาได้แต่เพียงเอาหนังสือปิดหน้าเพื่อนสนิทไว้เท่านั้นก่อนจะหันกลับไปทำงานของตนเองต่อ
‘กลิ่น…หอมม…หอมเหลือเกิน’ ชายหนุ่มมาติณในชุดสูทสีขาวใบหน้าเรียวหวานรับกับสีผมบลอนด์ๆกับแววตาสีครามน้ำทะเลหากใครพบเจอเขาในตอนนี้อาจทำให้นึกถึงเจ้าชายจากเทพนิยายเลยก็ได้
“แม้จะเป็นเพียงในห้วงนึกคิดแต่ท่านก็ยังดูดีเสมอองค์มาติณคิดถึงพระองค์เหลือเกิน”หญิงสาวผมสีขาวเทากับแววตาเยือกเย็นแต่เมื่อได้พบเขา มาติณ กลับมีแววตาระยิบระยับราวกับเจอเพชรพลอยมากมายตรงหน้า ชายหนุ่มผู้ถูกสวมกอดได้แต่ยื่นนิ่งทั้งที่ตนเองไม่เคยได้พบเจอหญิงสาวผู้นี้แต่กลับมีความรู้สึกว่าเคยพบกันมานานถึงหมื่นปี
ท่ามกลางทุ่งดอกไม้นานาๆชนิดหลากสีสันส่งกลิ่นอบอวนราวกับน้ำหอมที่สกัดอย่างดีแต่ดอกไม้เหล่านี้กับให้ความรู้สึกที่พิเศษกว่าซึ่งเจ้าตัวก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้เช่นกันมีเพียงหญิงสาวและชายหนุ่มเท่านั้นที่ยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้เหล่านี้
‘เอ่อ…ขอโทษนะครับคุณเป็นใคร’ ชายหนุ่มตัดความคิดลงก่อนจะดันตัวหญิงสาวออกช้าๆโดยที่ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ปฏิเสธสถานการณ์นี้เลยมีเพียงรอยยิ้มแทนคำตอบแต่ภาพเบื้องหน้ากลับกลายเป็นทะเลแห่งเลือดทุ่งดอกไม้ได้กลายเป็นสีแดงสดหญิงสาวที่เคยมีร่างที่งดงามผิวพรรณเนียนละออนุ่มดั่งปุยนุ่นแต่บัดนี้กลับเหลือเพียงร่างที่โทรมมีสีดำทมิฬล้อมรอบตัวใบหน้าโศกเศร้าทุกข์ทรมานราวกลับตนเองได้ตายไปแล้ว
‘เกิดอะไรขึ้นนี่มันอะไรคุณเป็นอะไร’ชายหนุ่มตะโกนด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ‘ตอบผมมาเถอะคุณเป็นอะไร’ ร่างหนาเดินไปใกล้หญิงสาวแต่กลับทำให้ร่างนั้นค่อยๆสลาย
‘ได้โปรดตอบผม ผม…ขอร้องละ’
‘ท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวขอร้องสตรีเยี่ยงข้า’หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับน้ำตาสีแดงสว่างที่รินไหลช้าๆอาบแก้มของนางเอง ‘โปรดมาช่วยเราด้วยพระองค์ผู้เป็นที่รัก’
‘ผมจะช่วยคุณได้อย่างไร ณ ตอนนี้ผมยังไม่รู้จักคุณเลยด้วยซ้ำหรือคุณอยู่ที่ไหนผมก็ไม่รู้’
‘ชื่อที่ท่านเองย่อมรู้ดีกลับไปช่วยข้าด้วย ’หญิงสาวเริ่มกระอักเลือดออกมามากขึ้นทั้งปากแล้วร่างกายเต็มไปด้วยเลือดชุ่มชายหนุ่มได้แต่มองไปในความทุกข์ทรมานและจับใจความคำพูดเหล่านั้นให้มากที่สุด ‘เวท์นี….ต…ส นึก..ถึ..งที่ ที่ท่าน เคย..อยู่ ได้โปรดกลับมาหาเราคิดถึงพระองค์เพคะ’ร่างกายสลายไปพร้อมกับคำพูดขขงหญิงสาวที่เชื้องช้าแต่ทำให้รู้สึกทรมาน
ฟึ่บบบๆ !!
“โอ้ยยย!!” ชายหนุ่มสะดุ้งขึ้นพร้อมกับแปรงลบกระดานที่ลอยมากระทบหนังสือเล่มที่บดบังสายตาจากอาจารย์ไว้ก่อนจะตกลงสู่พื้นอยางง่ายดาย
“ความกล้าล้นเหลือมากนะที่มาหลับในคาบฉันที่หลับเพราะทำงานเสร็จแล้วใช่ไหมเพราะฉะนั้นไปทำแผนผังการเรียนของบทต่อๆไปที่ฉันยังไม่สอนแล้วมาส่งพรุ่งนี้ก่อนหมดคาบและไม่มีข้ออ้างใดๆ หมดคาบเรียน กลับบ้านได้” อาจารย์จิน่าคิดเองตอบเองเสร็จสรรพก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“อะไรกันติณป่วยรึเปล่าทำไมวันนี้ถึงหลับละ” ริณราถามบุคคลตรงหน้าด้วยความสงสัยก่อนจะพยายามแตะตัวเขาเพื่อเช็คดูอาการแต่กลับถูกปัดออกอย่างเต็มแรง
“ฉันไม่เป็นอะไรหมดคาบก็กลับเถอะขออยู่ที่นี่สักพักกลับก่อนเลยก็ได้”แต่เสียงที่ได้รับกลับมาทำให้หญิงสาวตรงหน้าถอนหายใจด้วยความกังวล
“ถ้าฉันรอนานนายตายแน่ ไปเถอะธัสฉันเข้าใจเขาละ” (ธัส ชื่อเรียกสั้นๆของธีนัส หมายเหตุ*ทีแรกจะตั้งธีนก็แปลกๆ กราบอภัยรีด)
“แค่สิบนาทีไม่สิอาจจะน้อยกว่านั้น”ผู้ถูกคาดคำขู่ตอบเพียงเบาๆก่อนจะฟุบหน้าลงบนโต๊ะอีกครั้ง
ทำให้เพื่อนๆที่มองด้วยสายตาเป็นกังวลต้องพยายามเดินออกไปเพื่อให้เขาอยู่กับตนเองให้มากที่สุดโดยคิดเป็นเสียงเดียวว่า
‘มันต้องมีอะไรกว่านี้แน่’ แต่ถ้าหากเอ่ยถามอาจจะทำให้คนนั้นหงุดหงิดกว่าเดิมจึงทำได้เพียงเงียบและเดินออกไป
‘ฉันจะช่วยเธอได้อย่างไงดินแดนเวท์นีตัสมันมีอยู่จริงที่ไหนละกลับมาตอบคำถามฉันสิ เฮ้ออ’
มาดองตามสไตล์คะแต่ถ้าผลตอบรับดีอันนี้อีกเรื่อง
ต้อนรับนักอ่านเงาทุกท่านไม่ต้องเม้นแค่อ่านก็ได้คะมาลงไว้ให้ไม่ลืมเฉยๆเพราะพึ่งมาค้นเจอแฟนตาซีที่ตนเองแต่งไว้นานนนนนแสนนนานนมาแล้ว กว่าจะมาแต่งต่อก็เป็นกลางเดือนหน้านะคะ กราบ <3
กล่าวถึงรูปลักษณ์พระเอก ได้แนวมาจาก ชู daibolik lovers
เรื่องธีม เมื่อผ่านพ้นช่วงปมต่างๆ น่าจะเปลี่ยนเป็นสีสดใสคะ เพราะฉะนั้นรออ <3
ที่มา http://my.dek-d.com/loveprettygang/writer/view.php?id=595078
หรือ
โหวตได้กัดใครไม่เป็นคะ
ความคิดเห็น