ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    White Tales - The Endless Sonata

    ลำดับตอนที่ #3 : บททดสอบแห่งชะตากรรม 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 52


                    “เทลล่า อีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึงมิดการ์ดล่ะ” ไวท์เอ่ยถามหญิงสาวที่ขี่ไม้กวาดบินอยู่ข้างๆตนขณะกำลังเดินทางผ่านต้นไม้น้อยใหญ่มุ่งไปข้างหน้า
                    เทลล่าก็ไม่รู้สิ แต่ว่ามันต้องผ่านเมืองต่างๆไปเยอะเลยเหมือนกัน เทลล่าเคยได้ยินมาเมื่อสมัยเด็กๆ” สาวน้อยกล่าวตอบ
                    แบบนี้คงใช้เวลาหลายวันอยู่ งั้นเราหาเมืองใกล้ๆนี้กันก่อนดีกว่า เดินไปตามเส้นทางนี้เราน่าจะเจอสักเมือง” ไวท์กล่าวออกความเห็น
                    ก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันนะ งั้นตกลงตามนี้เลย” เทลล่าเห็นด้วยกับความคิดของไวท์
     
                    ทั้งสองเดินมุ่งไปข้างหน้า ฝ่าต้นไม้น้อยใหญ่และบุปผชาตินานาซึ่งงดงามตระการตายิ่งนัก ชวนแก่การได้เชยชมและสัมผัสซึ่งกลิ่นหอมระรินของบุปผชาติเหล่านั้น และแล้วทั้งสองก็เดินทางมาจนถึงทะเลสาบแห่งหนึ่งซึ่งมีสะพานแคบๆผ่ากลางเชื่อมให้เดินไปยังภูเขาซึ่งอยู่อีกฟากกระหนึ่ง
                    ไวท์ ดูนี่สิ มีป้ายปักอยู่ตรงนี้ด้วย” เทลล่าชี้ป้ายเก่าๆทำด้วยไม้ผุๆซึ่งปักอยู่ที่ข้างสะพานไม้นั้น
                    ชายหนุ่มร่างผอมเพรียวเดินเข้ามาอ่านป้ายซึ่งหญิงสาวได้พูดถึงมันไปเมื่อสักครู่ “ป่าแห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เพื่อปกป้องแด่ผู้เป็นความหวังของมวลมนุษย์ ผู้ที่จะก้าวผ่านไปได้ ต้องผ่านการทดสอบแห่งชะตากรรม เพื่อตัดสินว่าเขาคือผู้มาเยือนของแสงสว่าง” ไวท์อ่านออกเสียงให้หญิงสาวข้างๆได้สดับฟัง
                    มันดูงงๆนะ” เทลล่ากล่าวขึ้น
                    ชั้นว่ามันต้องมีความหมายลึกๆแฝงอยู่” ไวท์ออกความเห็น
                   
                    ฟ้าว !!!
     
                    กลุ่มค้างคาว 5-6 ตัว บินฉวัดเฉวียน เข้ามาหาทั้งสองซึ่งกำลังคุยกันอยู่ที่ตรงตีนสะพาน และบินโฉบลงมาจากเบื้องบน
     
                    เทลล่า ระวัง !” ไวท์ใช้แผ่นหลังซึ่งหุ้มด้วยเกราะสีเงิน เข้าไปปกป้องหญิงสาว จากกลุ่มค้างคาวที่กำลังบินลงมาทำร้ายเธอ
                    ด้วยความตกใจ เทลล่าจึงกอดร่างของไวท์ไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
                    อะ… อะ   คือ ขอโทษนะ” หญิงสาวรีบปล่อยมือจากชายร่างผอมเพรียวด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
                    ไม่เป็นไรหรอก แต่ดูท่าเจ้าพวกนี้ มันจะไม่ยอมรามือง่ายๆนะ” ไวท์ซึ่งกำดาบแน่นในท่าเตรียมที่จะต่อสู้ได้กล่าวขึ้นและหันไปทางกลุ่มค้างคาวเหล่านั้น
                    ไลท์เทนนิ่ง !!” สาวน้อยซึ่งหายจากสภาพที่ตกใจแล้ว ได้อุทานขึ้น และกวักมือไปข้างหน้า
                    สายฟ้าฟาดลงที่กลุ่มค้างคาวเหล่านั้น ร่างแหลกสลายภายในชั่วพริบตา
                    โอ้โห แม่มดสาว ช่างน่ากลัวจริงๆ” ไวท์กล่าวแซวขึ้น และหันไปเลิกคิ้วให้เทลล่าซึ่งกำลังยิ้มแหยๆให้เขา และหัวเราะ แหะๆ
                    นี่ใครจะปกป้องใครกันแน่น้า” เทลล่ากล่าวแซวขึ้นมาบ้าง และบิดตัวไปมาในเชิงล้อเลียน
                    ว่าแต่การทดสอบนี่มันคืออะไรกันแน่นะ” ไวท์เอามือจับคาง และเอ่ยขึ้น
                    หญิงสาว มองเข้าไปในดวงตาสีทองคู่นั้นอย่างเพ่งพินิจพิจารณา
     
                    ชายร่างสูงเพรียว และหญิงสาวผมสีฟ้างามสลวย คนหนึ่งเดินข้ามสะพานไปด้วยความมุ่งมั่น และอีกคนหนึ่งขี่ไม้กวาดบินไปเคียงข้างกัน   ในที่สุดเขาทั้งสองก็เดินทางมาถึงที่ภูเขาในอีกฟากหนึ่งจนได้ ซึ่งเส้นทางตรงนั้นเป็นถนนรุกรังสีแดงฉาน รอบข้างมีต้นไม้น้อยใหญ่ขนาบสองข้างทาง เขาทั้งสองมุ่งไปข้างหน้าตามทางเดินรุกรังนั้น
                    และแล้วทั้งสองก็เดินทางมาจนถึงจุดที่สูงที่สุดของภูเขาลูกนั้น แต่กลับไม่มีทางเดินต่อ เบื้องหน้าถูกปิดกั้นไว้ด้วยกำแพงประหลาด ซึ่งเป็นแสงสีทองส่องประกาบวาววับ แผ่รัศมิ ซึ่งยาวสุดลูกหูลูกตาไปในแนวนอน
                    “มาแล้วสินะ ท่านผู้มาเยือน” เสียงของหญิงสาวซึ่งฟังดูอ่อนโยนแต่หนักแน่น ได้เอ่ยขึ้นมา แต่ทั้งสองไม่อาจจับทิศทางของเสียงนั้นได้
                    แม้ทั้งสองจะงงงันไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น แต่ก็ไม่อาจออกความคิดเห็นอะไรขึ้นมา ได้แต่รอที่จะสดับฟังต่อซึ่งเสียงนั้น
                    หากท่านคือผู้มาเยือนแห่งแสงสว่างจริง จงรับฟังคำขอร้องจากข้า”
                    ได้สิ แล้วมันคืออะไรล่ะ ท่านผู้ซึ่งข้าไม่อาจเห็น” ไวท์กล่าวถามขึ้น
                    บัดนี้ ต้นไม้แห่งชีวิต ได้ถูกคุกคามจากแม่มดเซฟริส ผู้ซึ่งต้องการจะตั้งตัวเป็นใหญ่ในป่าแห่งเวทย์มนตร์นี้ แม้ที่แห่งนี้จะถูกปกป้องจากโลกภายนอก แต่ด้วยความอยากจะมีชีวิตเป็นอมตะของมัน ทำให้มันหาโอกาสทุกวิถีทาง ที่จะโค่นต้นไม้แห่งชีวิตลง และดูดพลังมานาซึ่งหล่อเลี้ยงทุกสรรพชีวิตในป่าเวทย์แห่งนี้ จงไปกำจัดมัน แล้วพวกท่านจะผ่านการทดสอบแห่งชะตากรรมนี้” เสียงซึ่งไม่อาจจับทิศทางได้นั้นได้เอ่ยคำขอร้องขึ้น
                    ได้สิ หากนี่คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของทุกสรรพชีวิตในป่าวนี้   รวมทั้ง…. เทลล่า” ไวท์กล่าวรับคำอย่างยินดี ด้วยคำสุดท้ายของประโยคที่เขาได้เอ่ยขึ้นมานั้นเอง ทำให้สาวน้อยซึ่งขี่ไม้กวาดบินอยู่ข้างๆเขา ต้องถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งจนได้
                    “เจ้าแม่มดร้ายตนนั้น อาศัยอยู่ที่ในถ้ำ ทางด้านตะวันออก ซึ่งเดินทางจากตรงนี้ไปทางขวาของพวกท่าน อีกราวๆสักระยะหนึ่ง จะเจอถ้ำของมัน”   เสียงนั้นได้อธิบายถึงรายละเอียดของการเดินทาง
                    ข้าจะไปจัดการกับคนไร้ซึ่งสำนึกแบบนั้นเอง !” ไวท์กล่าวด้วยน้ำเสียงห้าวหาญ
     
                    ทั้งสองเดินทางไปตามที่เสียงลึกลับนั้นได้อธิบาย และก็มาสิ้นสุดลงตรงโขดหินที่เรียงกองกับเป็นเนินมหึมา ตรงสุดเส้นทางที่เขาทั้งสองได้เดินกันมาไกลพอสมควร ซึ่งแหวกป่าฝ่าฟันซึ่งสัตว์ร้ายต่างๆเข้ามา
                    แล้วถ้ำของมันอยู่ไหนนะ” ไวท์กล่าวขึ้นและหันไปมองรอบๆกาย
                    ทันใดนั้นเอง หินน้อยใหญ่ ได้ลอยขึ้นมารวมตัวกันที่ข้างหน้าของเขาทั้งสอง และบังเกิดเป็นโกเล็มหิน ซึ่งเป็นอสูรร่างยักษ์ มีร่างกายเหมือนมนุษย์ แต่ทว่า หัวของมันเป็นสีเหลี่ยม ลำตัว แขนขา เป็นทรงกระบอกซึ่งใหญ่มหึมา มันเอามือสองข้างทุบที่หน้าอกของมัน และย่ำเท้าเสียงดังปึงๆ เดินเข้ามาหาทั้งสอง
                    นั่นคงเป็นโกเล็มยักษ์ ซึ่งเป็นการใช้มนตร์ดำในการบังคับสินะ” เทลล่ากล่าวขึ้น และหันไปมองที่อสูรร่างยักษ์นั้น
                    แบบนี้จะจัดการกับเจ้ายักษ์นี่ยังไงดีล่ะ” ไวท์ตั้งคำถามขึ้นขณะมือทั้งสองข้างจับดาบไว้แน่นในท่าพร้อมสู้
                    ทันใดนั้นเอง เจ้าโกเล็มยักษ์ ใช้มือขวาของมัน ตวัดอย่างแรงมาที่ร่างของไวท์ กระเด็นไปติดกับต้นไม้ใหญ่ กระอักเลือดออกมา แต่ทว่า ชุดเกราะนั้นได้ปกป้องร่างกายของเขาไว้ให้ไม่ได้รับอันตรายอันใด ซึ่งหากไม่มีชุดเกราะนั้นเขาอาจ….
                    ไวท์ !” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังพยายามที่จะลุกขึ้นยืนหลังจากเสียหลักถูกโจมตีด้วยมืออันมหึมานั้น และเอามือขวามาเช็ดเลือดตัวเองออกจากปาก
                    ด้วยความรู้สึกเป็นห่วง และสงสาร และห่วงใยที่มีให้ต่อไวท์ เทลล่าถึงกลับน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว และมองไปที่อสูรร่างยักษ์นั่นด้วยสายตาอันกราดเกรี้ยว
                    แก ไอ้อสูรร้าย แกจงอย่ามีชีวิตสกปรกๆนี่อีกเลย!” น้ำเสียงของเทลล่านั้นเอ่ยด้วยวาจาที่ดุดัน ผิดกลับตอนที่รู้จักกับไวท์โดยสิ้นเชิง
                    เทลล่ายกมือขวาขึ้นแสงสีดำ และประกายไฟฟ้าอันแรงกล้าปรากฏขึ้นที่มือของเธอ ช่างเป็นพลังอำนาจทำลายล้างที่รุนแรงมาก แต่ทว่า เจ้าอสูรร้ายนั้นก็ไม่ปล่อยให้โอกาสที่จะสังหารผู้ที่อยู่ต่อหน้ามันนั้นหลุดมือไปได้ง่ายๆ มันง้างมืออันใหญ่มหึมานั้นขึ้น หมายจะฟาดร่างของหญิงสาวให้แหลกละเอียดก็ไม่ปาน
                    ในขณะที่มันฟาดมืออย่างสุดกำลังมาจนใกล้จะสัมผัสร่างของหญิงสาว
                    อีเทอร์นอล บาริเออร์ !” ชายหนุ่มกระโดดลงมายืนเอาร่างปกป้องหญิงสาวผู้บอบบางเอาไว้ และอุทานขึ้นโดยไม่รู้ตัว และซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจำมันมาจากที่แห่งใดและใช้มันอย่างไร   ออร่าสีทองแผ่รัศมีปกคลุมเป็นวงกว้าง ปกป้องเขาและหญิงสาวไว้ให้รอดพ้นจากน้ำมือของอสูรยักษ์นั้น   และพลันนั้นร่างของอสูรยักษ์ที่กำลังกระโจนเข้ามาเพื่อทำร้ายเขาทั้งสอง ก็ต้องกระเด็นไปข้างหลัง เสียหลักล้มลงไปในที่สุด
                    ดาร์คเนส !” หญิงสาวสะบัดมือซึ่งปกคลุมด้วยแสงสีดำและกระแสไฟฟ้าซึ่งแผ่รัศมีแรงกล้าไปทางทิศที่อสูรยักษ์นั้นกำลังเสียหลักล้มลงอยู่ พลันนั้นเอง ลำแสงสีดำได้ปรากฏขึ้นที่ร่างของมัน ซึ่งรอบๆลำแสงนั้นมีกระแสไฟฟ้าที่แผ่รัศมีรุนแรง ดัน เปรี๊ยะ ! เปรี๊ยะ   ร่างของอสูรนั้นแหลกสลายลงไปภายในเพียงชั่วพริบตาเดียว
                    เมื่อจัดการกับเจ้าอสูรยักษ์นั้นได้แล้ว หญิงสาวรีบหันมาทางที่ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวยืนอยู่ และถามขึ้น ไวท์ เป็นยังไงบ้าง” เธอถามเขาด้วยความเป็นห่วง
                    งั้นก็ดูนี่นะ” ไวท์ชูดาบขึ้นเหนือศีรษะ และอุทานคำว่า “ฮีล !”
                    พลันนั้น บาดแผนที่เขามี หายเป็นปลิดทิ้งภายในพริบตาเดียว
                    ฮ่าๆๆๆ ชั้นไม่ยอมตายหรอก แบบนี้ใครจะดูแลเทลล่าล่ะ” หญิงสาวต้องหน้าแดงระเรืออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอกลับมากอดร่างของชายหนุ่มไว้ และเอาหน้ามาซบที่อกของเขา น้ำตาก็ไหลรินออกมา
                    แต่ถ้าไวท์เป็นอะไรไป เทลล่าจะทำยังไง” เธอกอดเขาไว้แน่น น้ำตายังคงไหลพราก
                    ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นสัญญา จะปกป้องเทลล่าตลอดไป” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และเอามือลูบหัวหญิงสาวอย่างนิ่มนวล มืออีกข้างโอบที่บ่าของเธอไว้
                    “สัญญานะ” หญิงสาวถึงกลับหัวใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ ด้วยคำพูดของชายหนุ่มที่บอกกับเธอว่าจะปกป้องเธอตลอดไป   เธอเอามือมาเช็ดน้ำตาออก แต่ร่างนั้นยังคงโอบกอดชายร่างเพรียวผมดำสลวยอยู่
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×