ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทเพลงแห่งการเดินทาง
ยามราตรีแห่งแสงดาวในบ้านหลังเล็กๆกลางป่า ซึ่งทำด้วยอิฐสีฟ้า หลังคาเป็นไม้สีดำ และมีปล่องไฟสีแดง ข้างในบ้านประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาที่ทำจากไม้สีดำ ไวท์และเทลล่า นั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งมีโต๊ะไม้สีขาว และก้าวอี้รับแขกสีขาวตัวยาวตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ให้แสงสว่างด้วยเชิงเทียนสีชมพูซึ่งมีเทียนสีขาวจุดอยู่ตามจุดต่างๆ
“นี่ชั้นต้องนอนอยู่กับเทลล่าสองต่อสองเหรอเนี่ย” ไวท์กล่าวประโยคขึ้น
“อ๋า ไม่เป็นไร เทลล่าจะปกป้องไวท์เอง” เธอด้วยด้วยน้ำเสียงที่ลิงโลด
“งั้นชั้นจะนอนข้างนอกตรงนี้นะ เทลล่านอนในห้อง” ไวท์ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูสงบแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกกระดาก
“ก็ได้ ก็ได้ แต่จะปล่อยให้ผู้หญิงสวยๆอย่างเทลล่าต้องนอนเพียงลำพังเหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเชิงออดอ้อนและบิดตัวไปมา
“ไม่ได้หรอก ผู้ชายอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองในห้องนอนเดียวกันมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ไวท์พูดและส่ายหน้าไปมา
เทลล่านั้นไม่เคยพบชายใดเลย ไม่สิ แม้แต่ผู้คนอื่นเธอก็ไม่เคยพบ เพราะเธออาศัยอยู่ที่บ้านกลางป่านี้มาตั้งแต่เธอยังแบเบาะ ทำให้มุมมองของเธอที่มีต่อโลกภายนอกนั้น ช่างดูจะเป็นการมองโลกในแง่ดีไปเสียหมด เพราะความน่ารักสดใสและไร้เดียวสาของเธอ ทำเอาชายหนุ่มผู้กำลังมองเธออยู่ถึงกับเคลิบเคลิ้ม
เทลล่านอนหลับสนิทด้วยใบหน้าที่อิ่มบาน เธอกอดหมอนข้างซึ่งเป็นรูปทรงของเดวิล มีเขาสีแดง อย่างสบายใจ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงสีชมพูนั้น โดยหารู้ไม่ว่า ไวท์ ชายหนุ่มผู้เป็นมิตรใหม่ของเธอยังไม่อาจนอนหลับเพราะนอนลืมตาคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆอยู่บนโซฟาขาวในห้องนั่งเล่นนั้น พลันนั้นเองเขาต้องอยู่ในสภาพที่ตกใจสุดขีด เนื่องจากมีลูกบอลกลมๆสีดำกลิ้งตกลงมาดังโครม จากอีกด้านหนึ่งของห้อง และมาระเบิดเป็นควันสีเทา ตรงหน้าเขาพอดี ด้วยสภาพที่กำลังช๊อค เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากมองมันตาค้าง และเหงื่อก็หยดลงจากใบหน้า
ควันนั้นค่อยๆจางหายไปกับอากาศธาตุและปรากฏเป็นเปียโนหลังงาม สีดำเงา มีคีย์บอร์ดสีขาวทำจากงาช้างเป็นประกายเงาวับ มโนสำนึกของเขาขาดสะบั้นและมือสองข้างของเขาก็กดลงที่คีย์บอร์ดโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี และจึงบรรเลงบทเพลงขึ้น “Voyaging Sonata In D Minor” เป็นบทเพลงแห่งการเดินทางซึ่งเป็นที่เล่าขานกันมานับพันปี การที่เพลงนี้บรรเลงขึ้น ตามตำนานกล่าวไว้ว่า นั่นคือกำเนิดแห่งผู้กล้า ซึ่งจะมาเพื่อปกปักรักษา สิ่งที่สำคัญที่สุดของมวลมนุษยชาติ
บทเพลงอันไพเราะทำให้เทลล่าผู้ซึ่งกำลังหลับใหลนั้นตื่นจากนิทรา และออกจากห้องมานั่งข้างๆชายหนุ่มผู้กำลังบรรเลงบทเพลงอันเพราะจับใจอยู่นั้นด้วยความเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงที่ไพเราะที่สุดที่เธอเคยได้ยินมา แต่กลับแฝงไปด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ซึ่งเธอก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร ความอบอุ่นที่แปลกประหลาดมาโอบกอดหัวใจดวงน้อยๆของเธอไว้ให้ตกอยู่ในห้วงภวังค์
ออร่าสีทองแผ่รัศมีขึ้นจากร่างอันสูงเพรียวของชายหนุ่มผู้กำลังบรรเลงบทเพลงอันไพเราะนั้น เมื่อจบบทเพลง เปียโนนั้นได้สลายไปกับหมอกควันสีขาว แต่ออร่าที่แผ่รัศมีออกจากตัวของชายหนุ่มยังคงแผ่รัศมีเจิดจ้า พลันนั้นเองได้บังเกิดเสียงของชายวัยกลางคนขึ้น แต่น้ำเสียงนั้นกลับเปี่ยมด้วยความหวัง “ฝากลูกสาวของข้าด้วย ผู้กล้าในตำนาน” และจึงมีเสียงของหญิงวัยกลางคนพูดขึ้นต่อ “จงเดินทางไปยังมิดการ์ด เพื่อพบกับซัมมอนเนอร์ซาร์ท และอุปรากรโมเสส เทลล่าลูกรัก ต้องปกป้องเขาผู้นั้น” และเสียงของชายและหญิงวัยกลางคนก็กล่าวขึ้นมาพร้อมกัน “พ่อและแม่รักลูกเสมอนะ ต้องปกป้องโลกนี้ไว้ให้ได้” เมื่อสิ้นประโยค ออร่าสีทองรอบกายของไวท์ได้หายไป ทุกสิ่งกลับเงียบงันอีกครั้ง น้ำใสๆหลั่งรินออกจากดวงตาคู่งามของเทลล่า ดั่งไม่มีวันจะหยุด
“พ่อ แม่ เทลล่ารักพ่อกับแม่ อย่าทิ้งเทลล่าไปเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น ร่างกายของเธอดูช่างอ่อนแรงเหลือเกิน
ชายหนุ่มเอามืออุ่นๆของเขาประคองศีรษะของสาวน้อย มาซบไว้ที่อกของเขา และกล่าวคำปลอบโยนง่ายๆ แต่กลับกินความหมายแห่งตลอดไป “ต่อไปนี้ ชั้นจะปกป้องเทลล่าเอง” น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยนและลึกไปถึงหัวใจของสาวน้อยอย่างไม่รู้ตัว
“สัญญานะ” น้ำเสียงของสาวน้อยช่างอ่อนแรง แต่ความรู้สึกยินดีอย่างสุดซึ้งของเธอแผ่ซ่านไปถึงหัวใจของชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังโอบกอดและลูบที่ศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
ในตอนเช้าที่อากาศแจ่มใส เสียงนกน้อยร้องเจื้อยแจ้วประสานกันดั่งบทเพลงอันไรเราะ หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมอกของชายหนุ่ม ไวท์รู้สึกตัวว่าสาวน้อยที่เขาโอบกอดไว้ทั้งคืนรู้สึกตัวแล้ว จึงรีบปล่อยมือออก “ชะ ชั้นขอโทษนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณมากนะ และสัญญานะว่าจะดูแลเทลล่าตลอดไป” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ขณะที่ยังซบอยู่ที่อกของชายหนุ่ม
“ได้สิ ชั้นสัญญา” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
ในห้องเก็บของซึ่งอยู่ลึกไปที่ใต้ดินของบ้านเล็กๆหลังนั้น เทลล่าเปิดหีบสีทองใบใหญ่ ซึ่งถูกเก็บไว้มาเนิ่นนานออก และหันมากล่าวกับไวท์ “นี่ไง ของที่เทลล่าบอกว่าจะมอบให้” เธอชี้ไปที่ในหีบ ซึ่งมีดาบยาวซึ่งด้ามจับเป็นสีขาว และคมดาบเป็นสีเงินวาว กับชุดเกราะอัศวิน ซึ่งเป็นสีเงินประกายวาววับ “มันเป็นของที่ซื้อมาจากมิดการ์ด พ่อและแม่บอกว่าจงมอบให้ผู้กล้าซึ่งจะพลิกชะตาของโลกใบนี้” เธอกล่าวเสริม
“ดูสิ ใส่แล้วเป็นยังไงบ้าง” ไวท์เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับร่างที่สวมชุดเกราะสีเงินวาว ทำเอาเทลล่าที่นั่งรออยู่ที่โซฟาสีขาวถึงกับมองด้วยความตกตะลึง แกมกับปลาบปลื้มใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“โอ้โห ใส่แล้วหล่อเป็นบ้าเลย รู้ตัวบ้างมั้ย นี่ถ้าสาวๆคนอื่นเห็น เทลล่าจะทำยังไงดีล่ะ” เธอพูดเชิงหยอกล้อ และวิ่งขึ้นมากระโดดโลดเต้นด้วยความรู้สึกฟู่ฟ่า
“เอาละ เราไปมิดการ์ดกันเถอะ” ไวท์กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“แล้วบ้านหลังนี้ล่ะ” เทลล่ามองไปรอบๆกายด้วยความรู้สึกคะนึงหาถึงบางอย่าง แววตากลับเศร้าสร้อยลง
“สักวัน เราจะกลับมาที่นี่อีก” ไวท์กล่าวเสริม
“เมื่อโลกสงบสุขดังเดิมสินะ” เทลล่ากล่าวในเชิงตั้งคำถาม
“ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้เราต้องหาโซนาต้าให้พบ และช่วยโลกนี้ให้ได้” ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูมุ่งมั่น
ทั้งสองเดินออกจากบ้านหลังน้อยๆไปด้วยกัน และมุ่งไปข้างหน้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น