ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    White Tales - The Endless Sonata

    ลำดับตอนที่ #2 : บทเพลงแห่งการเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 21 มี.ค. 52


                      ยามราตรีแห่งแสงดาวในบ้านหลังเล็กๆกลางป่า ซึ่งทำด้วยอิฐสีฟ้า หลังคาเป็นไม้สีดำ และมีปล่องไฟสีแดง ข้างในบ้านประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาที่ทำจากไม้สีดำ ไวท์และเทลล่า นั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งมีโต๊ะไม้สีขาว และก้าวอี้รับแขกสีขาวตัวยาวตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ให้แสงสว่างด้วยเชิงเทียนสีชมพูซึ่งมีเทียนสีขาวจุดอยู่ตามจุดต่างๆ
                    นี่ชั้นต้องนอนอยู่กับเทลล่าสองต่อสองเหรอเนี่ย” ไวท์กล่าวประโยคขึ้น
                    อ๋า ไม่เป็นไร เทลล่าจะปกป้องไวท์เอง” เธอด้วยด้วยน้ำเสียงที่ลิงโลด
                    งั้นชั้นจะนอนข้างนอกตรงนี้นะ เทลล่านอนในห้อง” ไวท์ตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูสงบแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกกระดาก
                    ก็ได้ ก็ได้   แต่จะปล่อยให้ผู้หญิงสวยๆอย่างเทลล่าต้องนอนเพียงลำพังเหรอ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเชิงออดอ้อนและบิดตัวไปมา
                    ไม่ได้หรอก ผู้ชายอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองในห้องนอนเดียวกันมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่” ไวท์พูดและส่ายหน้าไปมา
                    เทลล่านั้นไม่เคยพบชายใดเลย ไม่สิ แม้แต่ผู้คนอื่นเธอก็ไม่เคยพบ เพราะเธออาศัยอยู่ที่บ้านกลางป่านี้มาตั้งแต่เธอยังแบเบาะ ทำให้มุมมองของเธอที่มีต่อโลกภายนอกนั้น ช่างดูจะเป็นการมองโลกในแง่ดีไปเสียหมด เพราะความน่ารักสดใสและไร้เดียวสาของเธอ ทำเอาชายหนุ่มผู้กำลังมองเธออยู่ถึงกับเคลิบเคลิ้ม
     
                    เทลล่านอนหลับสนิทด้วยใบหน้าที่อิ่มบาน เธอกอดหมอนข้างซึ่งเป็นรูปทรงของเดวิล มีเขาสีแดง อย่างสบายใจ นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงสีชมพูนั้น โดยหารู้ไม่ว่า ไวท์ ชายหนุ่มผู้เป็นมิตรใหม่ของเธอยังไม่อาจนอนหลับเพราะนอนลืมตาคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆอยู่บนโซฟาขาวในห้องนั่งเล่นนั้น พลันนั้นเองเขาต้องอยู่ในสภาพที่ตกใจสุดขีด เนื่องจากมีลูกบอลกลมๆสีดำกลิ้งตกลงมาดังโครม จากอีกด้านหนึ่งของห้อง และมาระเบิดเป็นควันสีเทา ตรงหน้าเขาพอดี   ด้วยสภาพที่กำลังช๊อค เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากมองมันตาค้าง และเหงื่อก็หยดลงจากใบหน้า
                    ควันนั้นค่อยๆจางหายไปกับอากาศธาตุและปรากฏเป็นเปียโนหลังงาม สีดำเงา มีคีย์บอร์ดสีขาวทำจากงาช้างเป็นประกายเงาวับ มโนสำนึกของเขาขาดสะบั้นและมือสองข้างของเขาก็กดลงที่คีย์บอร์ดโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี และจึงบรรเลงบทเพลงขึ้น “Voyaging Sonata In D Minor” เป็นบทเพลงแห่งการเดินทางซึ่งเป็นที่เล่าขานกันมานับพันปี การที่เพลงนี้บรรเลงขึ้น ตามตำนานกล่าวไว้ว่า นั่นคือกำเนิดแห่งผู้กล้า ซึ่งจะมาเพื่อปกปักรักษา สิ่งที่สำคัญที่สุดของมวลมนุษยชาติ
                    บทเพลงอันไพเราะทำให้เทลล่าผู้ซึ่งกำลังหลับใหลนั้นตื่นจากนิทรา และออกจากห้องมานั่งข้างๆชายหนุ่มผู้กำลังบรรเลงบทเพลงอันเพราะจับใจอยู่นั้นด้วยความเคลิบเคลิ้มไปกับบทเพลงที่ไพเราะที่สุดที่เธอเคยได้ยินมา แต่กลับแฝงไปด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ซึ่งเธอก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร   ความอบอุ่นที่แปลกประหลาดมาโอบกอดหัวใจดวงน้อยๆของเธอไว้ให้ตกอยู่ในห้วงภวังค์
                    ออร่าสีทองแผ่รัศมีขึ้นจากร่างอันสูงเพรียวของชายหนุ่มผู้กำลังบรรเลงบทเพลงอันไพเราะนั้น   เมื่อจบบทเพลง เปียโนนั้นได้สลายไปกับหมอกควันสีขาว แต่ออร่าที่แผ่รัศมีออกจากตัวของชายหนุ่มยังคงแผ่รัศมีเจิดจ้า พลันนั้นเองได้บังเกิดเสียงของชายวัยกลางคนขึ้น แต่น้ำเสียงนั้นกลับเปี่ยมด้วยความหวัง ฝากลูกสาวของข้าด้วย ผู้กล้าในตำนาน”   และจึงมีเสียงของหญิงวัยกลางคนพูดขึ้นต่อ “จงเดินทางไปยังมิดการ์ด เพื่อพบกับซัมมอนเนอร์ซาร์ท และอุปรากรโมเสส เทลล่าลูกรัก ต้องปกป้องเขาผู้นั้น” และเสียงของชายและหญิงวัยกลางคนก็กล่าวขึ้นมาพร้อมกัน “พ่อและแม่รักลูกเสมอนะ ต้องปกป้องโลกนี้ไว้ให้ได้” เมื่อสิ้นประโยค ออร่าสีทองรอบกายของไวท์ได้หายไป ทุกสิ่งกลับเงียบงันอีกครั้ง น้ำใสๆหลั่งรินออกจากดวงตาคู่งามของเทลล่า ดั่งไม่มีวันจะหยุด
                    พ่อ แม่ เทลล่ารักพ่อกับแม่ อย่าทิ้งเทลล่าไปเลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น ร่างกายของเธอดูช่างอ่อนแรงเหลือเกิน
                    ชายหนุ่มเอามืออุ่นๆของเขาประคองศีรษะของสาวน้อย มาซบไว้ที่อกของเขา และกล่าวคำปลอบโยนง่ายๆ แต่กลับกินความหมายแห่งตลอดไป ต่อไปนี้ ชั้นจะปกป้องเทลล่าเอง” น้ำเสียงของเขาช่างอ่อนโยนและลึกไปถึงหัวใจของสาวน้อยอย่างไม่รู้ตัว
                    สัญญานะ” น้ำเสียงของสาวน้อยช่างอ่อนแรง แต่ความรู้สึกยินดีอย่างสุดซึ้งของเธอแผ่ซ่านไปถึงหัวใจของชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังโอบกอดและลูบที่ศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
     
                    ในตอนเช้าที่อากาศแจ่มใส   เสียงนกน้อยร้องเจื้อยแจ้วประสานกันดั่งบทเพลงอันไรเราะ หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นมาในอ้อมอกของชายหนุ่ม ไวท์รู้สึกตัวว่าสาวน้อยที่เขาโอบกอดไว้ทั้งคืนรู้สึกตัวแล้ว จึงรีบปล่อยมือออก ชะ ชั้นขอโทษนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
                    ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณมากนะ และสัญญานะว่าจะดูแลเทลล่าตลอดไป” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ขณะที่ยังซบอยู่ที่อกของชายหนุ่ม
                    ได้สิ ชั้นสัญญา” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
     
                    ในห้องเก็บของซึ่งอยู่ลึกไปที่ใต้ดินของบ้านเล็กๆหลังนั้น เทลล่าเปิดหีบสีทองใบใหญ่ ซึ่งถูกเก็บไว้มาเนิ่นนานออก และหันมากล่าวกับไวท์ นี่ไง ของที่เทลล่าบอกว่าจะมอบให้” เธอชี้ไปที่ในหีบ ซึ่งมีดาบยาวซึ่งด้ามจับเป็นสีขาว และคมดาบเป็นสีเงินวาว กับชุดเกราะอัศวิน ซึ่งเป็นสีเงินประกายวาววับ   “มันเป็นของที่ซื้อมาจากมิดการ์ด พ่อและแม่บอกว่าจงมอบให้ผู้กล้าซึ่งจะพลิกชะตาของโลกใบนี้” เธอกล่าวเสริม
     
                    ดูสิ ใส่แล้วเป็นยังไงบ้าง” ไวท์เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับร่างที่สวมชุดเกราะสีเงินวาว ทำเอาเทลล่าที่นั่งรออยู่ที่โซฟาสีขาวถึงกับมองด้วยความตกตะลึง แกมกับปลาบปลื้มใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
                    โอ้โห ใส่แล้วหล่อเป็นบ้าเลย รู้ตัวบ้างมั้ย นี่ถ้าสาวๆคนอื่นเห็น เทลล่าจะทำยังไงดีล่ะ” เธอพูดเชิงหยอกล้อ และวิ่งขึ้นมากระโดดโลดเต้นด้วยความรู้สึกฟู่ฟ่า
                    เอาละ เราไปมิดการ์ดกันเถอะ” ไวท์กล่าวขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
                    แล้วบ้านหลังนี้ล่ะ” เทลล่ามองไปรอบๆกายด้วยความรู้สึกคะนึงหาถึงบางอย่าง แววตากลับเศร้าสร้อยลง
                    สักวัน เราจะกลับมาที่นี่อีก” ไวท์กล่าวเสริม
                    เมื่อโลกสงบสุขดังเดิมสินะ” เทลล่ากล่าวในเชิงตั้งคำถาม
                    ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้เราต้องหาโซนาต้าให้พบ และช่วยโลกนี้ให้ได้” ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูมุ่งมั่น
                    ทั้งสองเดินออกจากบ้านหลังน้อยๆไปด้วยกัน และมุ่งไปข้างหน้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×