ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท - การจากลาและการพบพาน
แสงอาทิตย์สาดส่องแรงกล้ามาที่ใบหน้าของชายหนุ่มผมดำสนิท ใบหน้าคมคาย มีนัยน์ตาสีทองส่องประกาย คิ้วเข้มพองาม ในชุดเกราะบางสีขาวซึ่งมีลวดลายสีทองวิจิตรงดงาม และอัญมณีสีฟ้าเป็นประกายเงาวับที่ประดับอยู่บนเสื้อเกราะตรงกลางอก ในมือขวาถือดาบยาว คมดาบเป็นอัญมณีสีฟ้าส่องประกายงดงาม ส่วนด้ามจับเป็นสีขาวมีลวดลายสีทองวิจิตรตระการตา เขายืนอยู่ที่ริมหน้าผาสูงชัน สายลมพัดผมพลิ้วไหวงดงามไปตามกระแสลม
“ดินแดนอันสงบแห่งนี้คงไร้ซึ่งสงครามจริงๆสินะ ช่างเป็นนิมิตหมายอันดี” ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาเป็นประกายสีทองเอ่ยขึ้นขณะสายตาทอดมองไปที่ฟ้ากว้าง
“ท่านไวท์ แย่แล้วครับ ท่านดยุคถูกลอบสังหาร” เสียงของชายผู้เหนื่อยหอบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
“อะไรนะ ท่านพ่อ
นี่เจ้าล้อเล่นใช่มั้ย” ชายผู้มีนัยน์ตาสีทองมีทีท่าตกใจและหันกลับมาซักถามชายผู้นั้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ท่านไวท์ ข้า
อ๊ากกกกก !” ชายผู้นั้นพูดยังไม่ทันหมดประโยค ลูกศรสีม่วงดำพุ่งมาปักอกของเขา และสิ้นใจในที่สุด
“แกเป็นใคร” ไวท์ หันซ้ายหันขวา และกำดาบแน่นเพื่อเตรียมที่จะต่อสู้
“หึหึหึ แกคงไม่รู้สินะ ว่าสิ่งนี้มันสำคัญเพียงใด” เสียงอันใหญ่ห้าวซึ่งแฝงไปด้วยอำนาจชั่วร้ายบางอย่างดังขึ้นมา แต่กลับจับทิศทางที่แน่ชัดไม่ได้ว่ามันมาจากไหน พลันนั้นลำแสงสีม่วงดำก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
“ยังพอมีเวลาตั้งตัว ไทม์เมอร์ รีบส่งตัวโซนาต้าไปยังที่แห่งนั้นด้วย” เสียงของชายแก่พูดขึ้นสั่งชายหนุ่มผู้มีผ้าโพกหัวสีขาว
“ตะ แต่ว่า หากทำเช่นนั้น เฮ่อ..”
“เจ้าอยากให้โลกถึงกาลวิบัติหรืออย่างไร !” เขายังพูดไม่ทันขาดคำชายแก่ก็พูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดุดัน
“ทราบแล้วครับ จะทำตามเดี๋ยวนี้” เขาน้อมรับคำแต่โดยดี
ระหว่างที่เงาสีดำนับร้อยจะง้างเคียวฟาดที่ร่างของไวท์นั่นเอง เขาก็หายตัวเข้าไปในแสงสีขาวในที่สุด
ไวท์นอนสลบอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง ไม่ได้สติสตางค์ จากชุดสีขาวลายวิจิตรสีทองที่เขาสวมใส่นั้นได้กลายเป็นเพียงเสื้อคลุมสีขาว และกางเกงผ้าสีขาวธรรมดาๆ ดาบที่เคยถืออยู่ในมือได้หายไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงชายผู้หนึ่งซึ่งดูไม่แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป นอนไม่ได้สติอยู่บนกองไม้แห้งๆนับพันซึ่งสุมอยู่ตรงพื้น
หญิงสาวผมสีฟ้ายาวสลวยถึงกลางหลัง ผู้ซึ่งมีดวงตากลมโต นัยน์ตาสีชมพูเข้ม ผิวสีขาวผ่อง ใบหน้าอันงดงามราวกับนางฟ้าแต่กลับดูไร้เดียงสา สวมเสื้อคลุมสีดำมีลายวิจิตรสีทอง และกางเกงตัวใหญ่สีดำ มีลายวิจิตรสีทอง กับไม้กวาดคู่ใจ เธอบินมากับไม้กวาดคู่ใจและสังเกตเห็นชายผู้นั้นนอนไม่ได้สติอยู่ จึงได้บินลงไปดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
“นายๆ ยังอยู่ดีหรือเปล่า ตอบด้วย” เธอใช้มือทั้งสองข้างเขย่าตัวเขาอย่างแรง แต่ก็ไร้ผล ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ แต่ทว่า เมื่อเธอนำนิ้วชี้ไปอังตรงที่จมูกของเขา จึงพบว่าเขายังหายใจอยู่ จึงได้หอบร่างที่สูงเพรียวนั้นขึ้นบนไม้กวาดคู่ใจ และบินจากไปจากที่นั่น
ไวท์ตื่นมา เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงสีชมพูอ่อน ข้างเตียงเป็นหน้าต่างซึ่งมีผ้าม่านสีฟ้าโบกพลิ้วไสวไปตามกระแสลม แปลกตรงที่ว่า แม้เขาจะนอนสลบไสลไปหลายวัน แต่ร่างกายนั้นกลับไม่มีริ้วรอยแห่งความบาดเจ็บหรือการสู้รบใดๆเลย เขาลุกขึ้นจากเตียง และทันใดนั้นเองประตูก็แง้มออก และปรากฏร่างของหญิงสาวชุดดำซึ่งมีลายวิจิตรสีทอง
“อ้าว นาย ฟื้นแล้วเหรอ เป็นห่วงแทบแย่” เธอจ้องไปยังนัยน์ตาสีทองนั้น พลันคิดในใจ ‘เขาช่างหล่อเหลาดั่งเทพบุตรก็ไม่ปาน’ แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบสนองนอกจากนั้น
“ขอบคุณครับที่ช่วยผมไว้ แล้วที่นี่ที่ไหนครับ” เขาถามอย่างงุนงง
“บ้านนี้อยู่กลางป่าน่ะ ! เป็นบ้านของแม่มดเทลล่า สุดสวย !” เธอพูดด้วยท่าทีที่กระดี๊กระด๊า
“หา เธอเป็นแม่มดเหรอ !” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ และจึงทำท่าจะคว้าดาบเพื่อต่อสู้ แต่ทว่า ในมือนั้นกลับว่างเปล่า เขาพลันนึกในใจ ‘แม่มด เท่าที่จำความได้เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายมาก !!’
“เดี๋ยวสิ ฟังเทลล่าก่อน” เทลล่าพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
“ยัยแม่มดชั่ว แกใช่ไหมที่ฆ่าท่านพ่อ !” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันกราดเกรี้ยว
“เออ
” เธอพูดไม่ออก และวิ่งออกประตูไปทันที
เทลล่านั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” เขาบ่นพึมพำ แต่ในเสี้ยวหนึ่งของความคิด เขาก็นึกถึงนาทีที่ชายผู้นั้นมาบอกว่าพ่อของเขาถูกสังหาร เขานั่งน้ำตาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย แล้วจึงนอนเอนกายลงทบทวนเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่ต้น
ในขณะที่เขากำลังนอนลืมตาสีทองอันเหม่อลอยอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงตึงๆๆ ซึ่งถึงกลับทำให้แผ่นดินสะเทือนเลยทีเดียว เขารู้สึกเอะใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ‘เอ๊ะ หรือว่ายัยแม่มดร้ายนั่น’ อีกความคิดนั้นก็แวบขึ้นมาในใจ เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง และเดินออกจากประตูเพื่อไปดูเรื่องราวต่างๆ
เมื่อเขาเดินออกประตูมา และเดินตรงไปข้างหน้าตามทิศทางที่มาของเสียงนั้น ทันใดนั้นเองสัตว์ร้ายตัวใหญ่ ซึ่งมีหัวเป็นลา และตัวเหมือนคน แต่ทว่ามีกล้ามเป็นมัดๆ และมีขนสีน้ำตาลเต็มตัว กำลังกระโจนพุ่งเข้ามาหาเขาที่ไม่มีทางสู้
ทันใดนั้นเอง
“ไฟเยอร์ !” เสียงแม่มดสาวอุทานขึ้น พลันนั้นร่างของเจ้าสัตว์ร้ายถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านในทันใด สิ้นใจในที่สุด
“ธะ.. เธอ ช่วยชั้นงั้นเหรอ” ไวท์อุทานขึ้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่นัยน์ตาสีทอง จ้องไปที่หน้าของหญิงสาวซึ่งยังคงมีคราบน้ำตาให้เห็นอยู่
“นี่เธอร้องไห้เหรอ” เขาถามย้ำ
พลันนั้นเอง เขาแลเห็นบาดแผลที่แขนซ้ายของเธอ อาจเกิดจากตอนที่เธอรีบวิ่งหนีเขาไป แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็เป็นได้ ทำให้เขากลับมีความรู้สึกผิดในบัดดล
“ไม่เป็นไรหรอก เทลล่าสบายมาก” เธอยิ้มด้วยหน้าระรื่นและกระโดดเหยงๆ
“เอาแขนซ้ายเธอมานี่สิ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอย่างรู้สึกผิด
เธอยื่นแขนซ้ายให้เขา ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ เขาเอามือขวามาแตะที่แขนของเธอตรงที่เป็นแผลและอุทานขึ้นว่า
“ฮีล !” แสงสีขาวส่องสว่างขึ้นตรงจุดที่มือของเขาสัมผัส ทันใดนั้นเอง แผลของเธอหายเป็นปลิดทิ้ง และด้วยความตื่นเต้นของแม่มดสาวซึ่งไม่เคยเห็นเวทย์รักษามาก่อน เธอจึงกระโดดโลดเต้นต่อหน้าของชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้น
ที่ริมทะเลสาบแห่งหนึ่งในป่าแห่งนั้น ไวท์และเทลล่า กำลังนั่งคุยกันอยู่ริมน้ำในยามอาทิตย์ตก ท้องฟ้าสีส้มแดงแลดูสวยงาม สายลมที่พัดอ่อนๆกระทบใบหน้ารู้สึกเย็นสบาย เสียงนกร้องแจ้วๆซึ่งกำลังบินกลับรัง
“เทลล่า เธอเป็นแม่มดจริงเหรอ” ไวท์ถามขึ้น
“จริงสิ แล้วไวท์มาจากไหนล่ะ ทำไมถึงได้มานอนสลบอยู่กลางป่าได้”
“ชั้นก็ไม่แน่ใจนักหรอก ตั้งแต่วันที่ท่านพ่อถูกสังหาร แล้วชั้นก็กำลังจะถูกทำร้าย จู่ๆก็มีแสงประหลาดเกิดขึ้น นึกได้อีกที ชั้นก็ตื่นมาเจอเทลล่า แล้วน่ะ”
“ไทม์ ทราเวล สินะ”
“มันคืออะไรเหรอ ชั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเวทย์มนตร์หรอก นอกจากเวทย์ของฮีลเลอร์ที่ร่ำเรียนมา”
“บางที นี่อาจจะเป็นการบอกอะไรสักอย่าง” เทลล่าออกความเห็น
“ชั้นรู้สึกแปลกใจตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ว่าทำไมท่านพ่อให้ชั้นเรียนเปียโนอย่างเอาจริงเอาจัง ฝึกวิชาดาบให้กล้าแกร่ง และเรียนการใช้เวทย์ในการรักษาบาทแผล ท่านพ่อบอกแค่สามสิ่งนี้คือโชคชะตาสุดท้ายที่ชั้นต้องเผชิญ แต่ชั้นก็ไม่ค่อยจะเข้าใจมันเท่าไหร่หรอก”
“ไวท์เคยได้ยินเรื่องโซนาต้ามั้ย”
“ไม่เคยนะ ทำไมเหรอ”
“โซนาต้า คือผู้เดียว ที่สามารถจะรักษาเซลเลสเซียได้”
“แล้วเซลเลสเซียคือใครล่ะ”
“เทพีแห่งเสียงเพลงซึ่งคอยปกปักโลกใบนี้ แต่เธอถูกไซเลนท์ฮาร์ททำร้ายจนหมดพลังมานาและคุมขังไว้ที่ใดที่หนึ่งในมิติเวลา เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ว่ากันว่า มีบทเพลงเดียวเท่านั้นจะรักษาเธอได้ ซึ่งเป็นบทเพลงในตำนานของโซนาต้า”
ไวท์นึกขึ้นในใจว่า 20 ปีที่แล้วก็ต้องเป็นปีที่เขาเกิดสิ เพราะปีนี้เขาเพิ่งอายุ 20 ปีบริบูรณ์ แล้วเขาจะมีความเกี่ยวพันอะไรกับโซนาต้า เซเลสเซีย และไซเลนท์ฮาร์ทนะ คำถามสารพัดเกิดขึ้นในใจของเขา ทำให้เขายิ่งรู้สึกสับสน แต่ก็พลันตั้งสติขึ้นได้ใหม่
“ยิ่งพูด ชั้นยิ่ง งงจริงๆ แต่ก็จะหาข้อพิสูจน์ของมันให้ได้” ไวท์พูดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ แต่ในแววตาก็มีความใคร่รู้อยู่ไม่น้อย
“แล้วโซนาต้า เป็นใคร ทำไมถึงได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นล่ะ” ไวท์ตั้งคำถาม
“โซนาต้า เป็นยอดนักดาบ ในตำนาน ซึ่งถูกกล่าวขานในนามแห่งเทพบุตรผู้จะปรากฏกายเมื่อเซเลสเซียกำลังตกอยู่ในอันตราย” เทลล่าอธิบาย
“งั้นชั้นขอถามนอกเรื่องบ้างดีกว่านะ” ไวท์เปลี่ยนเรื่อง เพราะเรื่องที่กำลังคุยกับเทลล่าอยู่นั้น เขาคิดว่าพูดอย่างไรมันก็ไม่มีทางจบแน่
“เธออยู่คนเดียวเหรอ”
“พ่อแม่ของเทลล่า ตายไปตั้งแต่เทลล่ายังเด็กๆ คำพูดสุดท้ายมีเพียงท่านสั่งเสียให้เทลล่าฝึกการใช้เวทย์มนตร์ให้เก่งๆและใช้มหาเวทย์ให้ได้ ตามหาโซนาต้าให้พบ และจงต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับโซนาต้า และท่านก็สิ้นใจไปจากบาดแผนที่ถูกไซเลนท์ฮาร์ททำร้าย แต่เทลล่ากลับไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของไซเลนท์ฮาร์ทเลย” เทลล่าพูดพลางน้ำตาก็ไหลพราก
“ชั้นขอโทษนะที่ถามอะไรบ้าๆแบบนี้ แล้วก็ขอโทษที่เข้าใจเทลล่าผิดตั้งแต่แรก” เขากล่าวด้วยความรู้สึกผิดอย่างมหันต์
เธอใช้มือนุ่มๆของตัวเองทั้งสองข้างเช็ดน้ำตา จากนั้นใบหน้าที่เศร้าหมองกลับเต็มเปี่ยมด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง พลันลุกขึ้นและเอามือทั้งสองข้างมาคว้ามือขวาของไวท์ให้ลุกขึ้นยืน
“เรากลับกันเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้ว เทลล่ามีอะไรจะมอบให้ไวท์ด้วยนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เริงร่างดังเดิม และพาไวท์ขี่ไม้กวาดคู่ใจ บินขึ้นไปบนฟ้าที่เริ่มปกคลุมไปด้วยแสงดาวไสว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น