ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เส้นทางของเอเดน : ปริศนาขององค์รัชทายาท

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 17 มิ.ย. 67



    กรุงเทพมหานคร , ประเทศไทย


    ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กมีแสงสว่างยามรุ่งอรุณสาดส่องผ่านกระจกบานเล็กเพียงบานเดียวของห้อง ไอแดดอุ่น ๆ ทำให้เด็กหนุ่มที่นอนคุดคู้อยู่ในผ้าห่มขยับตัวมุดเข้าไปในผืนผ้าห่มให้มิดชิดกว่าเดิมเพื่อหวังว่าจะรอดพ้นจากแสงสว่างที่แยงตา ไม่นานเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นเหมือนกับทุก ๆ วัน เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วถอนหายใจเล่าแต่เขาก็ยอมลุกออกจากที่นอนแต่โดยดี ขาเรียวยาวก้าวออกจากที่นอนเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็คว้าผ้าขนหนูอย่างรีบร้อนแล้ววิ่งปรี่เข้าไปในห้องน้ำ

    เด็กหนุ่มภายใต้ชุดยูนิฟอร์มของร้านสะดวกซื้อเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเพื่อหวังทักทายคนคุ้นเคยก่อนออกไปทำงาน แต่เขากลับพบเพียงแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นี่ในตอนนี้เลยต่อมาเขาก็เดินตรงไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรรองท้องก่อนออกจากบ้าน

    ทันทีที่เสียงเปิดประตูตู้เย็นดังขึ้น เขาก็พบแต่ความว่างเปล่าอีกครั้งเนื่องจากในตู้เย็นตอนนี้ไม่มีแม้แต่เศษซากอาหารหลงเหลืออยู่เลยและเขาคงต้องอยู่กับความหิวต่อไปอีกหน่อยถึงแม้เขาจะอดทนมาตั้งแต่ตอนเที่ยงของเมื่อวานแล้วก็ตาม เขาเช็คความเรียบร้อยของตัวเองก่อนที่จะหยิบธนบัตรสีแดงออกมาจากกระเป๋าขาดลุ่ยแล้วเขียนข้อความบางอย่างลงบนกระดาษใบเล็ก

    แม่ ผมไปทำงานก่อนนะ เงินสำหรับค่าข้าวของแม่ผมวางไว้ให้ตรงนี้ รักแม่

    เอเดน

    เอเดนเดินทางมาถึงร้านสะดวกด้วยจักรยานคู่ใจคันโปรด จักรยานคันนี้มีควาหมายกับเอเดนมากเพราะเขาใช้มันมาทำงานตลอดตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่มัธยมจนตอนนนี้เขาเรียนจบแล้ว มันพาเขาหาเงินจุนเจือครอบครัวมายาวนานเลยทีเดียว

    “เอเดน มาแต่เช้าเชียววันนี้” รุ่นพี่ที่ทำงานเอ่ยทักทายเอเดนอย่างเป็นกันเอง

    “ไม่หรอกครับ ผมเผื่อเวลามากินข้าวด้วย” เอเดนตอบพร้อมกับใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มหวานให้กับรุ่นพี่คนสนิท

    “ไหนเราบอกว่าซื้อเตรียมไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน”

    “ไม่ได้กินมาหรอ” พี่คนสนิทถามอย่างสงสัยเพราะเอเดนได้ซื้อข้าวเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแต่พอมาตอนนี้ดันบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวซะได้ คงจะสร้างความสงสัยไม่น้อย

    “เกลี้ยงแล้วพี่ สงสัยแม่ผมกินหมดแล้วมั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า” เอเดนตอบพลางขำไปด้วยแต่เสียงท้องร้องก็ดังโครมครามไม่แพ้เสียงหัวเราะจากเด็กหนุ่ม

    “นี่เอเดน พี่ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งมาเกิน”

    “เราเอาไปกินเถอะ” พี่คนสนิทพูดพลางชวนเอเดนเข้าไปหลังร้านแล้วหยิบถุงหมูปิ้งร้อน ๆ ยัดใส่มือเอเดนทันที

    “ขอบคุณมากนะครับ” เอเดนรับมาอย่างว่าง่ายพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณในความใจดีของคนเป็นพี่

    “แล้วเป็นไงเงินเก็บเอาไว้เรียนหมอ” รุ่นพี่ถามด้วยความเป็นห่วงเพราะคงเห็นว่าเอเดนเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนเริ่มม.ปลายจนตอนนี้เอเดนก็ยังทำงานไม่มีวันหยุดด้วยเหตุผลเพียงไม่กี่อย่างที่ทำให้เขาต้องพยายามถึงขนาดนี้ ก็เด็กคนนี้ทั้งต้องทำตามความฝันของตัวเองและก็จุนเจือครอบครัวไปพร้อม ๆ กันแม้สถานการณ์ของครอบครัวจะเป็นหนี้ก้อนโตก็ตาม

    “ได้ไม่เยอะหรอกพี่”

    “ผมต้องดูแลแม่ด้วย” เอเดนตอบเสียงอ่อน เขาเองรู้โชคชะตาตัวเองดีว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันริบหรี่มากแค่ไหนแต่ยังไงก็ตามเอเดนไม่เคยที่จะละทิ้งความฝันตัวเองสักครั้ง เขาจะต้องเก็บเงินและสอบขอทุนเรียนต่อหมอให้ได้แม้มันจะใช้เวลานานแค่ไหน เอเดนก็ยืนยันที่จะทำ

    หลังจากจบบทสนทนาอันเรียบง่ายกับพี่ที่ทำงานเอเดนก็เตรียมตัวทำงานตามหน้าที่ของตัวเองทันที เขาทำแบบเดิมเหมือนกันในทุก ๆ วันและเพียงไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน เขาเตรียมตัวเก็บของกลับบ้านและก็ไม่ลืมที่จะบอกลาพวกพี่ที่ทำงาน

    “ผมกลับก่อนนะครับพี่ ๆ” เอเดนบอกลาคนที่ทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มซึ่งมันสร้างความเอ็นดูให้กับทุกคนไม่น้อยเลย

    เอเดนเป็นเด็กร่าเริงสดใสไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ยิ้มรับมันเสมอแม้กระทั้งตอนเรียนจบมัธยมเขาก็ได้รับรู้ว่าครอบครัวของเขาเป็นหนี้มากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้เสียอีก บ้านที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้ก็ถูกนำไปค้ำประกันให้กับการกู้เงินนอกระบบของแม่เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ทุกอย่างถาโถมเขามาหาเอเดนอย่างไม่จบสิ้น เขาไม่มีเงินแม้กระทั้งค่าสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ฝันแต่เอเดนไม่เคยที่จะน้อยใจโชคชะตาตัวเองเลยสักครั้ง เขาเลือกที่จะพักจากการเรียนมหาลัยไปก่อนแล้วทำงานเก็บเงินเพื่อสานต่อความฝันและช่วยครอบครัวปลดหนี้ ถึงแม้ใช้คำว่า ‘ช่วย’ แต่ตอนนี้ก็มีเพียงเอเดนคนเดียวที่ทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว

    เอเดนใช้เวลาไม่นานในการเดินทางกลับบ้านด้วยจักรยานคู่ใจ เขาเห็นคนมุงเต็มหน้าบ้านอยู่ไกล ๆ สถานการณ์เลือนลางเหมือนจะไม่สู้ดีนัก ก็ทำให้เขาเร่งฝีเท้าในการถีบจักรยานให้ไวยิ่งขึ้นและเพียงไม่กี่วินาทีเอเดนก็เดินทางมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง

    “ขอทางหน่อยนะครับ” เอเดนพูดพลางพยายามเดินแทรกตัวเข้ามากลางวงล้อมของชาวบ้าน เมื่อหลุดออกจากวงล้อมเอเดนก็พบว่า ข้าวของในบ้านเกือบทุกชิ้นนั้นถูกวางกองอยู่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว

    “แม่ ๆ แม่อยู่ไหน” เอเดนร้องเรียกหาคนผู้เป็นแม่เพื่อจะถามเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า

    “ไอหนูแม่เอ็งน่ะ มันหายไปแล้ว” ชายหนุ่มร่างสูงกำยำตะโกนบอกกับเด็กหนุ่ม

    “อะไรนะ! แม่ไม่มีทางที่จะหนี” เอเดนส่ายหัวไปมาเพราะไม่เชื่อสิ่งในที่ตัวเองได้ยินจากหู เขาพยายามจะหาทางเข้าไปในตัวบ้านให้ได้แต่ก็ถูกชายฉกรรจ์ดึงตัวเอาไว้

    “นี่! แม่แอ็งมันกู้เงินไปเล่นไพ่ที่บ่อนนู้น”

    “พอถึงเวลามันก็ไม่มีคืน” ชายคนเดิมอธิบายเรื่องราวสั้น ๆ ให้เอเดนฟังพร้อมกับยกของทุกอย่างออกมาจากบ้าน

    “แล้วแบบนี้ผมจะไปอยู่ไหนละพี่”

    “พี่ไม่ยึดบ้านผมได้ไหม ผมขอร้อง” เอเดนขอร้องอ้อนวอนต่อชายฉกรรจ์จนแทบก้มลงไปกราบแทบเท้าเพื่อขอให้บ้านไม่ถูกยึดไป

    “นี่เอ็ง ทำแบบนี้ไม่ช่วยอะไรหรอกเว้ย!” ชายฉกรรจ์ปัดมืดเอเดนออกก่อนจะสั่งให้ลุกขึ้น

    “ฉันให้เอ็งอยู่ที่นี่แค่คืนนี้คืนเดียว”

    “เอ็งหาทางรอดเอาละกัน” ชายฉกรรจ์บอกกับเอเดนพลางสั่งให้ลูกน้องขนของทุกอย่างขึ้นบนรถ

    “แค่คืนเดียวผมจะหาที่อยู่ได้ยังไง” เอเดนเอ่ยถามทั้งน้ำตา

    “นั่นเป็นเรื่องของเอ็ง”

    “หวังว่าพรุ่งนี้ฉันเข้ามาจะไม่เจอเอ็งนะ”

    “เพราะถ้าเจอฉันคงจะต้องจัดการเอ็ง ด้วยไอนี่!” ชายฉกรรจ์พูดพร้อมกับยกปืนข่มขู่หวังว่าจะให้เอเดนนั้นหวาดกลัวและใช่มันได้ผล

    เอเดนรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องเพื่อเอาเงินที่เก็บไว้เป็นทุนสำรองในการเรียนออกมาใช้แต่กลับไม่พบแม้แต่สตางค์เดียว เงินที่เขาเก็บหอมรอมริบเอาไว้ไม่เหลือเลย เอเดนล้มทั้งยืนน้ำตาไหลผ่านใบหน้าสวยแทบเป็นสายเลือดและเหมือนตอนนี้เขาแทบจะเป็นคนเร่รอนแบบสมบูรณ์ เอเดนเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนั้นเฝ้าถามกับตัวเองอยู่ซ้ำ ๆ ว่าทำไมแม่ของเขาถึงได้ทำแบบนี้ เงินทุกบาทที่หามาได้แม่ก็เอาไปเล่นการพนันจนหมดพอถึงวันนี้เงินที่เขาเก็บเอาไว้เรียนหมอก็ถูกขโมยไปอย่างไม่ใยดีโดยคนที่เขาเรียกว่าแม่

    ในใจของเอเดนที่ว่างเปล่าเหมือนอากาศแต่กลับมีเสียงร้องไห้ที่ดังก้องอยู่ในนั้นและไม่มีท่าทีจะสงบลงได้เลย

    “เหนื่อยเหลือเกิน” เอเดนพูดกับตัวเองเสียงแผ่วเบา เขาเอาแต่ร้องไห้จนร่างกายอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรง เอเดนไม่เคยคิดที่จะขอพรเลยสักครั้งเดียวแต่วันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป

    “ถ้าหากข้อพรได้ ผมขอให้ตัวเองได้มีโอกาสได้ทำตามความฝันโดยปราศจากอุปสรรคใด ๆ” เขาพึมพำกับตัวเองก่อนจะหลับสู่ห้วงนิทราเพราะโดนความอ่อนล้าเล่นงาน

    ภายใต้ภวังค์หลับใหลเอเดนก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางป่าอันเต็มไปด้วยพืชไม้นานาพรรณรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด ต้นไม้สูงใหญ่กว่าต้นไม้ปกติหลายสิบเท่าแถมยังมีดอกไม้สีสันสวยแปลกตาส่งกลิ่นหอมอบอวนน่าหลงใหลอีกต่างหาก เอเดนตั้งสติแล้วลุกขึ้น เขาก็พบว่าตรงที่เขาหลับอยู่นั้นถูกปูด้วยฟูกที่ทำด้วยขนของสัตว์สักชนิดใดชนิดหนึ่งเพราะมันนุ่มราวกับก้อนเมฆที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า ความน่าอัศจรรย์ของป่าแห่งนี้กระตุ้นความอยากรู้ของเอเดนได้เป็นอย่างดี เขาตัดสินใจที่จะเดินสำรวจไปให้ทั่ว ระหว่างทางเดินเอเดนก็เห็นสัตว์หน้าตาแปลกประหลาดหลายชนิดทั้งกวางที่มีเขาเป็นคริสตัลแวววาวเล่นแสงวาววับ นกที่มีเสียงร้องเหมือนเพลงที่ขับร้องโดยศิลปินเสียงหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า ความสวยงามน่าพิศวงของป่าแห่งนี้ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ทั้งหมดแต่ถ้าหากเอเดนสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้เขาคงจะนอนหลับฝันดีเป็นแน่แท้

    จากการเดินสำรวจมาสักพักเขาก็เดินมาพบกับแม่น้ำสายยาว ความใสของน้ำทำให้เห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสายธารแห่งนี้มีเหล่าปลาน้อยใหญ่พากันว่ายวนกันเป็นรูปต่าง ๆ เกล็ดที่แวววาวเมื่อกระทบกับแสงก็เปล่งแสงระยิบระยับไปทั่วทั้งผืนน้ำ

    เสียงพุ่มไม้ไหวทำให้เอเดนที่กำลังดื่มดำกับบรรยากาศอันสวยงามตกใจ เขาพยายามหันซ้ายขวาเพื่อหาต้นตอของเสียง เมื่อพบแล้วเอเดนแวกพุ่มไม้ที่อยูไม่ไกลจากตัวเอง เขาก็พบกับกระต่ายตัวจิ๋วที่มีปีกน้อย ๆ งอกออกมาจากหลังอีกทั้งยังมีขนขาวดังปุยนุ่นน่าสัมผัส

    “เจ้าน่ะ มีความฝันหรือเปล่า” เจ้ากระต่ายน้อยเอ่ยถามเขาจากนั้นก็บินขึ้นมาเกาะอยู่บนไหล่ของเอเดนแต่ก็ไร้เสียงตอบรับจากเอเดน เขามัวแต่อึกอักไม่กล้าจะเอ่ยตอบเจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้

    “ว่ายังไงล่ะ มีความฝันหรือเปล่า” เจ้ากระต่ายน้อยถามเอเดนซ้ำอีกครั้ง

    “มีสิ ใครบ้างไม่มีความฝัน” เอเดนตอบกลับไปพลางก้มหน้ากลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้เจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้เห็นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาจากดวงตาสวยคู่นี้

    “นี่เจ้าร้องไห้หรอ” เจ้ากระต่ายน้อยตัวนี้รับรู้ได้ถึงความเสียใจของเด็กน้อยผู้นี้ มันใช้อุ้งเท้าน้อย ๆ ซับน้ำตาที่ไหลลงมาของเอเดนอย่างอ่อนโยน

    “ขอบคุณนะ” เอเดนกล่าวขอบคุณการกระทำของเจ้ากระต่าย

    “ถ้าหากในใจของเจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ก็จงตั้งอธิฐานต่อแม่น้ำสายนี้ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า เมื่อตื่นขึ้นมาความฝันของเจ้าอาจเป็นจริง แล้วดื่มน้ำซะ” กระต่ายน้อยบอกกับเอเดนแต่เอเดนกลับทำหน้างงงวยกับสิ่งที่เจ้ากระต่ายน้อยได้บอกกับเขา เขาจะลองทำดีหรือเปล่า (?)

    “เจ้าน่ะ ชื่ออะไรนะ” กระต่ายน้อยเอ่ยถาม

    “เอเดน” เขาตอบคำถามของคู่สนทนาในทันที

    “ตื่นมาแล้วพบกันนะ เอเดน” เมื่อเจ้ากระต่ายน้อยพูดจบก็หายตัวไปราวกับเวทมนตร์เหลือไว้เพียงแต่ขนอ่อนนุ่มที่ปลิวสไวอยู่ในสายลม

    เอเดนเอาแต่คิดถึงคำที่เจ้ากระต่ายน้อยพูด ‘จงตั้งอธิฐานต่อแม่น้ำสายนี้ด้วยศรัทธาอันแรงกล้า เมื่อตื่นขึ้นมาความฝันของเจ้าอาจเป็นจริง แล้วดื่มน้ำในแม่น้ำซะ’ งั้นหรอ แล้วถ้าหากเขาลองตั้งอธิฐานมันจะเป็นจริงขึ้นมาหรือเปล่า เอเดนนั่งลงข้างแม่น้ำแล้วหลับตาลงก่อนจะเอ่ยคำอธิฐานที่อยู่ในใจออกมาพอสิ้นคำพูด เอเดนก็เอามือกวักน้ำขึ้นมาแล้วกลืนมันลงคอ เขารู้สึกว่ารสชาติของน้ำนั้นสดชื่นเหมือนได้เกิดใหม่และถูกปลอบปะโลมจากสายลมอ่อน ๆ จนความง่วงเข้าครอบงำเด็กน้อยผู้นี้ เขามองหาที่พักพิงใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วหลับตาลงในทันที

    “น่าเอ็นดูเสียจริง” ทุกการกระทำของเอเดนนั้นอยู่ในสายตาของใครบางคนเสมอ เขาผู้นี้เฝ้ามองเอเดนมานานจนรู้ว่าเด็กคนนี้ควรจะได้รับสิ่งดี ๆ ยิ่งกว่าใครคนไหนและตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะทำให้ความปราถนาของเอเดนเป็นจริงขึ้นมาสักที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×