ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4 ข้าจะให้ใครจะทำไม!
ตอนที่ 4
ข้าจะให้ใครจะทำไม!
ไป๋เฟิ่งเดินเข้ามาในขณะที่ทั้งสามคนก็มองนางตั้งแต่ที่นางปรากฏตัว
“คาราวะพี่ใหญ่ คาราวะคุณชายทั้งสองเจ้าค่ะ” นางเอ่ยทักทายพี่ชายและบุคคลทั้งสองเมื่อเข้ามาในห้อง ส่งสายตาให้สาวใช้ที่ถือป้านชาที่นางชงมาให้นำไปวางที่โต๊ะกลมที่มีบรรดาเหล่าบุรุษทั้งสามและมารดานาง
“เฟิ่งเอ๋อร์เจ้าโตขึ้นมาก พี่นึกว่าเจ้าจะกลายเป็นแม่หมูเสียแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านแม่กล่าวว่าเจ้าเอาแต่กินขนมหวาน” เยี่ยไป๋เทียนเมื่อเห็นน้องสาวที่โตขึ้นจากเมื่อก่อนมากก็อดเย้าน้องสาวจนลืมว่ามีบุรุษสูงศักดิ์อยู่ด้วยถึงสองคน เมื่อครั้งที่เขาจะไปร่วมกองทัพของชินอ๋องนางยังไม่ทันปักปิ่นเลยด้วยซ้ำ ไม่พบกันไม่นานน้องน้อยเขาเมื่อก่อนที่ฉายแววว่างดงามตั้งแต่เด็กคาดว่าตอนนี้คงจะงามล้ำเกินกว่าที่คิดไว้
จ้าวหมิงหลงมองเยี่ยไป๋เฟิ่งอย่างสนใจ นางดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาต่อบุรุษรูปงามอย่างที่หญิงสาวในห้องหอควรจะเป็นนางเพียงคาราวะพวกเขาทั้งสองคนแล้วมองเพียงผิวเผินแล้วเดินเข้ามานั่งอย่างเงียบสงบในดวงตาหงส์คู่นั้นไม่มีการประหม่าหรือเขินอายใดๆ
แล้วข่าวลือที่ผู้คนกล่าวถึงความงามของนางชวนทำให้อยากรู้อยากเห็นใบหน้าใต้้าคลุมยิ่งหนัก เห็นเพียงครึ่งหน้าก็ทำให้ผู้คนมัวเมาได้ไม่ยากชวนให้ผู้คนนึกจินตนาการว่าอีกครึ่งหนึ่งนั้นจะงดงามปานใด
“ท่านแม่กล่าวหนักเกินไปแล้วเจ้าค่ะพี่ใหญ่ข้าเพียงชื่นชอบของอร่อยเท่านั้น”ไป๋เฟิ่งมองไป๋เทียนอย่างออดอ้อนแต่ยังสำรวมท่าทีอยูแต่ไม่มากเท่าที่ควร นานเท่าใดแล้วที่นางไม่ได้อ้อนพี่ใหญ่ถึงแม้นางจะโตแล้วแต่อย่างไรนางก็เป็นเฟิ่งเอ๋อร์ตัวน้อยของพี่ใหญ่อยู่ดี
อ้ายเหม่ยหลินมองบุตรสาวที่ออดอ้อนบุตรชายอย่างไม่อายบุรุษทั้งสองที่จ้องมองอยู่ ก็เป็นเสียอย่างนี้บุรุษบ้านไหนแต่งเข้าคงต้องปวดหัวเป็นแน่ภายใต้ท่าทีนิ่งเฉยของเจ้าตัวที่แสดงออก นิสัยแท้จริงของบุตรสาวนั้นออกจะดื้อรั้นปนมึนๆอยู่หน่อยๆนางจึงอดเอ็ดบุตรสาวไม่ได้
“เฟิ่งเอ๋อร์ระวังกิริยาบ้าง”
“ขออภัยเจ้าค่ะ”นางหันไปกล่าวแก่บุรุษทั้งสอง
“ไม่เป็นไรหรอกข้าหาได้ถือสาอันใด”จ้าวหมิงหลงโบกมือปัดว่าไม่เป็นไร ตัวพระองค์รึก็ใคร่อยากได้น้องสาวเช่นนี้มาออดอ้อนบ้างเหตุใดเสด็จพ่อมิมีน้องสาวให้ข้าบ้าง ดวงตาหงส์กลมโตเวลาออดอ้อนนั้นน่าเอ็นดูเหมือนลูกกวางตัวน้อยๆเห็นแล้วอิจฉารองแม่ทัพเสียจริง
“ขอบคุณคุณชายที่ไม่ถือสาเจ้าค่ะ”
“คุณชายอันใดกันข้าทั้งสองล้วนเป็นสหายพี่เจ้าเรียกพี่หมิงหลงดีกว่า”
เยี่ยไป๋เทียนหันมองจ้าวหมิงหลงอย่างตะลึง สหายอันใดตัวข้าไม่บังอาจเป็นสหายกับท่านหรอกพะยะค่ะฮ่องเต้อย่าหาเรื่องให้หัวข้าหลุดจากบ่าเร็วนักเลย ไป๋เทียนเริ่มส่งสารตาให้มารดาตนเองที่เหมือนจะสังเกตมาซักพักและทำท่าว่าจะรู้แล้วว่าทั้งสองเป็นใคร
“จะดีหรือเจ้าคะ?” ไป๋เฟิ่งเอ่ยถามเนื่องจากสีหน้าของพี่ใหญ่ของนางดูไม่ดีนัก
“ดีสิดี ข้านั้นมีแต่น้องชายไม่มีน้องสาวข้าอยากมีน้องสาวกับเขาบ้าง” จ้าวหมิงหลงเอ่ยอย่างอารมณ์ดีที่กำลังจะมีน้องสาวเลยหันไปหาเจ้าน้องชายที่ยังคงนั่งนิ่งมองไปยังไปเฟิ่งอย่างไม่วางตา
“ว่าอย่างไรเฟยหลงเจ้าอยากมีน้องสาวหรือไม่”
จ้าวเฟยหลงไม่ตอบ
ไป๋เฟิ่งมองมายังจ้าวเฟยหลงที่ยังคงมองนางอยู่สายตานางเหลือบไปเห็นขนมที่อีกฝ่ายถือไว้ที่ยังกินไม่หมด นางจำได้ว่าขนมชนิดนี้นางเก็บเอาไว้กลับไปกินที่จวนไม่ใช่หรือ กวาดตามองไปบนโต๊ะจึงเห็นว่ามีขนมชนิดเดียวกันอยู่ก็พอจะเดาได้ว่ามารดาคงเอาออกมาให้ทานรองท้องก่อนอาหารจะมา แต่นางก็อดขุ่นเคืองไม่ได้สายตาที่เคยฉายแววออดอ้อนพี่ชายเมื่อครู่กลายเป็นไม่ค่อยพอใจแต่ก็ไม่ได้ออกอาการอะไรมากมายด้วยรู้ว่าไม่ควร แต่อาการเหล่านั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของพยัคฆ์เชื้อสายมังกรไปได้
จ้าวเฟยหลงที่เห็นแววตาของสตรีตรงหน้าที่มองขนมในมือพะรองค์ฉายแววไม่พอใจวูบหนึ่งก่อนจะพยายามเก็บอาการเหล่านั้นไว้ทำท่าไม่มีอะไร คิดแล้วแววตาที่ดูเหมือนเย็นชาก็ฉายประกายของความรื่นรมออกมานิดหน่อยดูเหมือนเขาจะทำให้น้องสาวหมาดๆของพี่ชายขุ่นเคืองเสียแล้ว
ไป๋เฟิ่งที่เห็นอีกฝ่ายที่กินขนมของนางแล้วยังมามีสายตาแปลกๆมาให้ นางยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นแววตาคมที่ดูดุดันน่าหวาดหวั่นในตอนแรกไม่ได้ทำให้นางกลัวสักนิด นางละสายตาหนีอีกฝ่ายหันไปมองพี่ชายอย่างออดอ้อนส่งสารตาฟ้องร้องอยู่ในที
ด้านเยี่ยไป๋เทียนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ได้แต่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขอโทษด้วยนะน้องพี่พี่ไม่สามารถช่วยเจ้าเอาคืนได้ นั้นท่านแม่ทัพและเป็นถึงเชื้อพระวงศ์เชียวนะ ถึงเขาจะสนิทสนมแต่ก็ไม่อาจกล่าวเอาโทษอะไรได้แม้แต่จะอ้าปากก็ยังไม่กล้า
อ้ายเหม่ยหลินเมื่อได้ยินชื่อของคนทั้งสองก็นึกตื่นตระหนกในใจ ยิ่งเห็นแววตาของบุตรสาวก็ยิ่งอยากจะเอ่ยปากขอพระราชทานอภัย แต่ก็ไม่อาจทำอันใดได้เนื่องด้วยรับรู้ถึงพระประสงค์ที่ทางฮ่องเต้และชินอ๋องที่ไม่ต้องการเปิดเผยตน
จ้าวหมิงหลงมองทั้งสองอย่างแปลกใจโดยเฉพาะจ้าวเฟยหลง น้องชายตนคนนี้นอกจากจะไม่ค่อยพูดแล้วยังมีนิสัยออกจะรำคาญสตรีมิใช่หรือสาวงามนางใดที่เขาผู้เป็นพี่ชายส่งไปก็ถูกตะเพิดไล่กลับทุกราย น่าประหลาดปนน่าสนใจจริงๆ
“ขออภัยขอรับ อาหารพร้อมแล้วขอรับทุกท่าน” หลงจู้ที่ไปดูแลเรื่องอาหารด้วยตนเองกล่าวเมื่ออาหารที่เตรียมพร้อมแล้ว
“ยกเข้ามาได้”
อาหารที่หลงจู้ลำเลียงเข้ามาเป็นของขึ้นชื่อของโรงเตี๊ยมตระกูลเยี่ย มีห้าอย่างคือ ไก่ผัดถั่วลิสง หมูทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน เต้าหู้ทรงเครื่อง เป็ดย่างและหมูย่างเกลือ
อ้ายเหม่ยหลินส่งสายตาให้บ่าวรับใช้รินชาให้ทุกคน บุรุษทั้งสามมีท่าทีสนใจชาที่ถูกรินยิ่งนักกลิ่นหอมของชาล่องลอยขึ้นมาแตะจมูกทั้งสามจึงยกจอกชาขึ้นจิบด้วยท่าทีสง่างามไม่แพ้กัน
“นี่ชาอะไรกันข้าไม่เคยดื่มมาก่อนมีกลิ่นหอมอ่อนๆ หลังกลืนลงไปรู้สึกสดชื่นยิ่ง” จ้าวหมิงหลงเอ่ยขึ้นเมื่อได้ลองชิมชาก็เอ่ยปากชื่นชมทันที
“เป็นชาที่ไป๋เฟิ่งคิดค้นขึ้น”อ้ายเหม่ยหลินยกความดีความชอบให้แก่บุตรสาวที่คิดค้นสูตรชาโม่ลี่*จนเป็นที่นิยมกันทั่วเมืองหลวง ชานี้ทำกำไรให้แก่โรงเตี๊ยมของตระกูลเยี่ยไม่น้อยเลยทีเดียว
“จริงหรือเฟิ่งเอ๋อร์ ” ไป๋เทียนอดนึกชมน้องสาวอย่างมิได้ น้องสาวเขาเติบโตขึ้นมากจริงๆนางงดงามถึงเพียงนี้ความสามารถรึก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ชาติตระกูลสูงส่ง ทำให้เขาเริ่มอดที่จะหวงห้องสาวขึ้นมามิได้ยิ่งได้เขาเริ่มรู้สึกมีลางสังหรณ์บางอย่างขึ้นมาแปลกๆ
“เจ้าค่ะ พี่ใหญ่ไม่เข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทพร้อมกับชินอ๋องหรอกหรือ” ไป๋เฟิ่งเอ่ยถามพี่ชายตนพร้อมเหลือบมองบุรุษที่อ้างว่าเป็นสหายของพี่ชายนาง เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าทั้งสองคือใครนางคอยสังเกตท่าทีและสีหน้าของทั้งมารดาและพี่ชายนางก็พอจะทราบ ไหนจะชื่อของทั้งสองอีกหากไม่โง่งมก็คงจะรู้ว่านาม หมิงหลงและเฟยหลงจะมีใครขวัญกล้าตั้งชื่อบุตรให้เหมือนฮ่องเต้และชินอ๋องเอง ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากเปิดเผยตนนางก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ไป๋เทียนเหลือบสายตาไปมองทางฮ่องเต้และชินอ๋องแต่ทั้งสองก็ทำเป็นไม่รับรู้ใดๆทั้งสิ้น ทำไมข้าต้องเป็นคนตอบคำถามนี้ด้วยไป๋เทียนยิ้มเจื่อนให้น้องสาวตน
“เอาล่ะๆ แล้วค่อยสนทนากันทานอาหารกันก่อนเถิดประเดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเสียรสหมด”อ้ายเหม่ยหลินเห็นบุตรชายออกอาการน้ำท่วมปากจึงเอ่ยปากช่วย
“เจ้าค่ะ” ไป๋เฟิ่งเลิกซักไซ้พี่ชายพร้อมกับถอดผ้าคลุมหน้าออกบรรยากาศในห้องเกิดความเงียบชั่วขณะไป๋เฟิ่งจึงเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนที่นิ่งเงียบกัน
จ้าวหมิงหลงและจ้าวเฟยหลงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับไป๋เฟิ่งเห็นนางที่กำลังจะถอดผ้าคลุมหน้าออกก็เผลอมองอย่างห้ามความอยากรู้ไม่ไหว ทันทีที่ผ้าคลุมหน้าถูกถอดออกไปพวกเขาถึงกับนิ่งงัน ใบหน้ารูปไข่ขาวนวลดั่งดวงจันทร์ ดวงตาหงส์ตวัดเชิดขึ้นดูสูงส่ง คิ้วโก่งได้รูปรับกับจมูกโด่งเรียวปลายจมูกรั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางอวบอิ่มสีสด ตบท้ายด้วยแก้มของเจ้าตัวที่ออกจะป่องน้อยๆชวนให้หยิก ใบหน้าที่สามารถกระชากลมหายใจของผู้พบเห็นได้ไม่ยาก ยามนางจ้องมองตาเหมือนดั่งอยู่ในมนต์สะกดของนางจิ้งจอกนับว่าเป็นสตรีที่มีรูปโฉมเป็นอันตรายต่อใจผู้คนนัก
จ้าวหมิงหลงคิดว่าน้องสาวคนใหม่ของพระองค์ผู้นี้งดงามกว่าสตรีใดในวังหลังของพระองค์เสียอีก ชักเริ่มเสียดายที่พระองค์เอ่ยปากขอเป็นเพียงน้องสาวเสียแล้วสิ
ไป๋เทียนกระแอมไอเรียกสติทุกคนจนกับลืมตัวถึงบังอาจส่งสายตาไปยังฮ่องเต้และท่านแม่ทัพให้เลิกมองน้องสาวตน
เมื่อทานอาหารและพูดคุยกันเสร็จ ฝ่ายฮ่องเต้ละชินอ๋องก็แยกตัวออกไปก่อนพร้อมพี่ชายนางซึ่งนางคาดว่าคงไปปรึกษาหารือเรื่องสงครามที่พึ่งจบลงไป นางได้ยินข่าวจากชาวเมืองที่พูดคุยกันระหว่างเดินไปร้านขนม คาดว่าเผ่านอกด่านจะเดินทางมาถวายของบรรณาการแด่จ้าวหมิงหลงฮ่องเต้ในอีกสองเดือนข้างหน้า
ไป๋เฟิ่งและมารดาเมื่อกลับมาถึงจวนพ่อบ้านหม่า พ่อบ้านของจวนเสนาบดีก็เร่งมาพบฮูหยินของจวนทันที
“นายท่านกลับมาแล้วขอรับรอฮูหยินและคุณหนูที่ห้องโถงใหญ่”
“อย่างงั้นหรือดีจริงข้าอยากพบท่านพี่อยู่พอดี” นางมีเรื่องที่จะปรึกษากับสามีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้
“เฟิ่งเอ๋อร์เจ้าจะไปพบท่านพ่อกับแม่หรือไม่”
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าอ่านตำราค้างไว้คิดว่าจะกลับไปอ่านต่อ” ไป๋เฟิ่งตอบมารดา
“งั้นแม่ฝากดูแลเรื่องอาหารยามโหย่ว (酉:yǒu) ด้วยล่ะ”
“ได้เจ้าค่ะ” ไป๋เฟิ่งตอบรับคำมารดาแล้วเดินกลับเรือนของตน ขณะเดินกลับเรือนนางก็คิดเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเตี๊ยมวันนี้หวังว่าวันรุ่งขึ้นคงไม่มีราชโองการสั่งประหารครอบครัวนางหรอกนะที่บังอาจไปปฏิเสธฮ่องเต้
เมื่อรับทานอาหารกันเสร็จแล้ว จ้าวหมิงหลงชวนไป๋เฟิ่งคุยเสียหลายเรื่องจึงได้รู้ว่าไป๋เฟิ่งชอบอ่านตำราเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นตำราใดนางล้วนอ่านได้ถึงแม้ว่าการคุยพูดส่วนใหญ่จะเป็นของบุรุษผู้ครองแคว้นก็ตาม
“ที่ห้องหนังสือบ้านข้ามีตำราหายากมากมายหากเฟิ่งเอ๋อร์อยากอ่านข้าจะส่งพ่อบ้านนำมามอบให้ดีหรือไม่?”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ หากแต่ข้านั้นอ่านหนังสือทั่วไปคงไม่สามารถเข้าใจตำรายากๆแบบนั้นได้” ไป๋เฟิ่งมองอีกฝ่ายที่เรียกนางอย่างสนิทสนมคล่องจนนึกเสียว่ารู้จักกันมาเป็นหลายสิบปี
จ้าวหมิงหลงมองคนที่ปากบอกว่าไม่มีความสามารถมากมายแต่กลับสามารถอ่านตำราการศึกของบุรุษเช่นพระองค์เข้าใจได้เล่าถามสิ่งใดล้วนล่วงรู้อย่างแจ่มแจ้งแม้ว่าจะตอบอย่างถ่อมตนว่ารู้บ้างไม่รู้บ้างพระองค์ก็ฉลาดพอที่จะจับทางได้ว่าอันไหนนางจงใจตอบผิด ไหนจะอาหารที่โรงเตี๊ยมนางก็เป็นคนคิดสูตรทั้งนั้น นี่แหละหนาที่เขาว่าบิดามารดาเป็นพยัคฆ์เป็นหงส์ลูกจะออกมาเป็นสุนัขได้อย่างไร บุตรสาวจวนเสนาบดีน่าสนใจยิ่งนัก
“แล้วเสื้อผ้าเครื่องประดับเล่าเจ้าอยากได้หรือไม่ ถือเสียว่าข้าต้อนรับน้องสาวคนใหม่” จ้าวหมิงหลงเอ่ยเสนอข้าวของมากมายหากแต่น้องสาวคนใหม่ของพระองค์ปฏิเสธเสียทุกสิ่งที่พระองค์เสนอให้
ไป๋เฟิ่งมองบุรุษสูงศักดิ์ที่ทึกทักเอาเองว่าเป็นพี่ชายคนใหม่ของนางอย่างเหนื่อยใจดูท่าเขาจะเห่อน้องสาวคนใหม่อย่างนางไม่น้อยนั่งคุยกันมาตั้งนานเสนอนั่นนี่ให้นางไม่หยุด
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าไม่ชอบใส่เครื่องประดับเท่าไหร่” นางเอ่ยปฏิเสธไปอีกรอบดูอีกคนจะเริ่มไม่พอใจดูได้จากสีหน้าที่เริ่มบูดบึ้งเล็กน้อยของเจ้าตัว อย่างว่าแหละหนาจ้าวหมิงหลงเกิดมาก็มีคำว่ารัชทายาทติดอยู่กับตัวไหนเลยจะมีใครกล้าขัดคำสั่งหรือปฏิเสธ
“ไม่ได้ห้ามปฏิเสธเพราะข้าเป็น..!” เจ้าหมิงหลงเกือบจะเผลอตัวหลุดปากเพราะเยี่ยไป๋เฟิ่งเอาแต่ปฏิเสธพระองค์
“เป็นฮ่องเต้น่ะหรือเพคะ?” ไป๋เฟิ่งเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆที่ทำให้อีกฝ่ายหลุดออกมาจนได้
ทุกคนบนโต๊ะนิ่งเงียบไปไม่นึกว่านางจะกล่าวออกมาเช่นนี้อีกอย่างหนึ่งคือเผลอจ้องมองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของไป๋เฟิ่ง
จ้าวเฟยหลงที่นั่งมองสตรีตรงหน้าและพี่ชายตนเองสนทนากันหลังทานอาหารเสร็จฟังนางเอ่ยปากปฏิเสธสิ่งที่พี่ชายพระองค์ผู้เป็นฮ่องเต้เสนอให้ถึงหลายครั้ง จนพี่ชายตนทนไม่ไหวเกือบจะหลุดปากล่าวว่าตนเองเป็นใครก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อนางเอ่ยออกมาคล้ายจะรู้ตั้งนานแล้วว่าพี่ชายตนเป็นใครแต่พระองค์ก็ไม่คิดว่านางจะกล้าเอ่ยออกมาตรงๆยิ่งเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นทำให้พระองค์รู้สึกหมั่นเขี้ยวอยากเอื้อมมือไปหยิกแก้มนางยิ่งนักหากแต่ภายนอกก็แสดงท่าทีปกติ
“เจ้า..รู้แล้วหรือ” จ้าวหมิงหลงทำหน้าสีหน้าไม่ถูกเมื่อโดนจับได้
“เพคะ” ไป๋เฟิ่งตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“หึ่ยย ถ้าอย่างงั้นเจ้าก็ห้ามปฏิเสธไม่งั้นข้าจะถือว่าขัดราชโองการ” จ้าวหมิงหลงส่งเสียงฮึดฮัดพร้อมออกคำสั่งในเมื่อทราบแล้วว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามความพึงพอใจ พระองค์จะให้ใครจะทำไม ข้าเป็นฮ่องเต้นะ!! ข้ารวย!!
“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”
“ฝ่าบาทอะไรเล่าหากอยู่กันตามลำพังให้เรียกว่าพี่หมิงหลง” จ้าวหมิงหลงยังกล่าวเอาแต่ใจ
ไป๋เฟิ่งนึกแล้วก็ส่ายหน้ากับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องราวสุดท้ายนางก็ต้องรับสิ่งที่พี่ชายคนใหม่พระราชทานข้าวของมากมายให้อย่างเลี่ยงไม่ได้
บุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งจิบชาที่บุตรสาวของตนเป็นผู้คิดค้นขึ้นพร้อมอ่านตำราไปด้วย วันนี้เขาไปร่วมประชุมขุนนางที่นัดหมายกันไว้เรื่องปัญหาการปลูกพืชพรรณของทางเมืองกู่ฮั่นซึ่งเป็นเมืองประจำทางด้านทิศบูรพาที่มีสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็น แต่ในปีนี้ประสบสภาพอากาศหนาวเย็นกว่าทุกปีทำให้ปลูกพืชพรรณใดๆไม่ขึ้นชาวบ้านร้องเรียนทางการให้เร่งช่วยแก้ไขปัญหาทำให้วันนี้การประชุมขุนนางตึงเครียดอย่างมาก
อ้ายเหม่ยหลินที่เดินเข้ามาในห้องโถงมองเห็นสามีกำลังจิบชารอนางอยู่ อดีตองค์หญิงแคว้นอ้ายก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยสามีนางเข้าสู่วัยสี่สิบกว่าแล้วยังคงรูปงาม ร่างสูงกำยำอย่างที่บุรุษผู้หนึ่งควรจะมีเนื่องจากฝึกยุทธอย่างสม่ำเสมอ เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นที่มีวรยุทธขั้นหกเทียบเท่าแม่ทัพหลายคนทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าหาเรื่องเยี่ยไป๋เจี้ยนมากนัก สีผิวเข้มใบหน้าหล่อเหลาคมคายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรือนผมสีดำสนิทแซมด้วยสีขาวเล็กน้อยไม่ได้ทำให้ดูแก่ ความสามารถก็เป็นที่ไว้ใจแก่ฮ่องเต้ให้ดูแลงานน้อยใหญ่ไม่ขาด ทำให้สามีนางยังคงเป็นที่หมายปองของบรรดาหญิงสาวน้อยใหญ่ทั่วไปหากที่นางภูมิใจที่สุดก็คงจะเป็นใจที่ยึดมั่นรักและมีเพียงนางคนเดียวหาได้มีภรรยาสามอนุสี่อย่างจวนอื่นทำให้นางไม่นึกเสียดายที่ได้แต่งงานกับเขา
“กำลังทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะท่านพี่”อ้ายเหม่ยหลินเอ่ยถามสามีเมื่อเข้ามาถึง
“เหม่ยหลินเจ้ากลับมาแล้วหรือ”เยี่ยไป๋เจี้ยนหันมาหาภรรยาตนเองที่เข้ามานั่งข้างตน
“เป็นอย่างไรบ้างพบไป๋เทียนหรือไม่”
“พบเจ้าค่ะ แต่.....” อ้ายเหม่ยหลินกล่าวแล้วหยุดไป
“แต่อันใดหรือ?”ไป๋เจี้ยนมองหน้าฮูหยินตนที่กล่าวออกมาแล้วหยุดไป
“ไม่เพียงพบเทียนเอ๋อร์แต่ยังคงได้พบฮ่องเต้และชินอ๋องด้วยเจ้าค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ” ไป๋เจี้ยนกล่าวด้วยสีหน้าอ่านยากจากนั้นฮูหยินตนก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ตนฟัง
เมื่อฟังเรื่องทั้งหมดแล้วไป๋เจี้ยนก็ถอนหายใจออกมา เขาหรือก็อุส่าห์หลีกเลี่ยงยามฮ่องเต้เอ่ยเย้าเรื่องบุตรสาวไม่คาดว่าทั้งสองจะได้พบกัน แต่ถึงอย่างไรการที่ฮ่องเต้เอ่ยขอบุตรสาวเขาเป็นเพียงน้องสาวก็ยังดีกว่าเป็นฮองเฮากระมังส่วนชินอ๋องเขาได้ข่าวว่าพระองค์ไม่สนใจสตรีนางใดคงไม่สนใจบุตรสาวของเขาหรอก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนพี่เต้ เสียใจด้วยนะ
ได้เป็นแค่พี่ชาย55
เสียงสูง
ไม่สนใจจริงเหรอ
ฮ่องเต้ชอบกวนน้องชายสินะ5555
ฮ่องเต้แลดูเป็นตัวป่วน
น่ารักมากค่ะ ติดตามนะคะ ????
พี่น้องคู่นี่มันยังไงกันน้าาาาาา
พี่น้องคู่นี้มุ้งมิ้งดี
สนุกค่ะ รอนะค่ะ