ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2 โอรสสวรรค์
ตอนที่ 2
โอรสสวรรค์
"คุณหนูของข้าคือคุณหนูเยี่ยไป๋เฟิ่ง"
ชาวบ้านที่ได้ยินต่างพากันนิ่งไป คุณหนูเยี่ยไป๋เฟิ่งบุตรีขององค์หญิงแคว้นอ้ายและท่านเสนาบดีเยี่ยที่ผู้คนเคยเห็นใบหน้าที่ปราศจากผ้าคลุมขนานนามว่างามราวจิ้งจอกตั้งแต่อายุสิบหนาวน่ะหรือ ผ่านมาหกปีคงมิอาจจินตนาการได้ว่านางจะงดงามมากขึ้นเพียงใด ในขณะที่ผู้คนกำลังนิ่งคิดผู้ที่ถูกกล่าวถึงยืนนิ่งพิงใต้ต้นไม้ใหญ่แทบจะหลับไปด้วยความง่วง โดยมีสายตาคมคู่หนึ่งมองลงมาจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมตรงข้ามร้านขนมด้วยแววตาเรียบเฉย
“หลีกไป! คุณหนูของข้าจะซื้อขนมร้านนี้ พวกเจ้าหลีกทางให้คุณหนูข้าเดี๋ยวนี้!! ” เสียงแหลมของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นพร้อมผลักชาวบ้านที่กำลังต่อแถวซื้อขนมหน้าร้านออกไปให้พ้นทางด้านหลังของสตรีที่เอ่ยไล่คนที่ขวางปรากฏสตรีที่หน้าตางดงามหมดจดไร้ที่ติ รูปร่างบอบบาง ผิวพรรณนวลเนียน บ่งบอกถึงว่าเป็นคุณหนูชั้นสูงผู้หนึ่ง ด้านหลังของนางมีเหล่าผู้คุ้มกันยืนอยู่ทำให้ไม่มีใครกล้าขวางทาง ดวงตากลมโตหางตาตวัดกวาดตามองผู้คนอย่างเย่อหยิ่ง
ทุกคนต่างพากันหลีกทางให้แก่คุณหนูผู้นั้นอย่างเกรงกลัว เพราะคุณหนูผู้นี้คือคุณหนูหลี่เหมยฟางบุตรสาวของท่านแม่ทัพอุดรหนึ่งในสี่แม่ทัพสำคัญของแคว้นท่านแม่ทัพหลี่เว่ยฉาง ด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจของฮูหยินเอกเจียงลี่หลิน ทำให้นางมีนิสัยเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจ และเพราะได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงและมีวรยุทธถึงขั้นสี่ที่ถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ ในหนทางของการฝึกวรยุทธนั้นหากไม่สามารถบรรลุถึงขั้นสี่ได้ก็ไม่สามารถก้าวหน้าในเรื่องด้านวรยุทธได้ ทำให้นางทะนงตนชอบวางอำนาจยกตนข่มบรรดาสตรีอื่นๆและไม่มีสตรีคนไหนที่กล้าที่จะมีเรื่องกับนางยิ่งทำให้หลี่เหมยฟางไม่เคยที่จะยอมลงให้ผู้ใด
“ได้อย่างไรกัน พวกข้าก็มาต่อแถวซื้อขนมเช่นเดียวกันกับคุณหนูของเจ้าแล้วเจ้าจะมาไล่คนอื่นได้อย่างไร” เสี่ยวจูที่ยืนอยู่ที่เดิมไม่หลีกทางให้เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปยังสาวใช้ของคุณหนูผู้นั้นอย่างไม่พอใจ ผู้ซึ่งได้ตำแหน่งหญิงงามอันหนึ่งของเมืองหลวงที่นางได้ทราบมา แต่ที่ได้เพราะคุณหนูของนางไม่คิดที่จะลงแข่งขันเฉยๆหรอก ไม่อย่างงั้นตำแหน่งนั้นก็คงจะเป็นของคุณหนูนางอย่างแน่นอน คุณหนูของนางงดงามและเก่งที่สุด!!
“แต่คุณหนูของข้าสำคัญกว่าบ่าวไพร่เช่นพวกเจ้าหลีกไป!” สาวใช้นางนั้นกล่าวขึ้นอย่างถือดี
“ข้าก็จะซื้อขนมให้คุณหนูข้าเช่นเดียวกัน” เสี่ยวจูยังยืนยันคำเดิม
“คุณหนูของเจ้าเป็นใครกล้าดียังไงถึงได้กล้ามาขวางทางคุณหนูของข้า ข้าไม่สนหลบไป!!” นางผลักเสี่ยวจูอย่างแรง
“โอ๊ยยย!!! ” เสี่ยวจูร้องขึ้นเมื่อโดนสาวใช้นางนั้นผลักจนล้ม
“เกิดอะไรขึ้นหรือเสี่ยวจู” ไป๋เฟิ่งที่ลืมตาขึ้นมาจากความง่วงงุนเมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกันที่เกิดขึ้น นางจึงเดินมาดูพบว่าเป็นสาวใช้ของนางที่ถูกผลักจนล้ม
ทุกคนต่างแหวกทางให้คุณหนูแห่งจวนเสนาบดีเข้ามาในที่เกิดเหตุพร้อมรอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฝั่งหนึ่งคือคุณหนูของจวนแม่ทัพอุดรที่สำคัญหนึ่งในสี่ของแคว้นอีกฝั่งหนึ่งคือคุณหนูของจวนเสนาบดีที่เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของฮ่องเต้แถมยังมีฐานะเป็นพระราชนัดดาของฮ่องเต้แคว้นอ้าย งานนี้เห็นทีว่าฝั่งคุณหนูจวนเสนาบดีจะได้เปรียบอยู่หนึ่งส่วน
“คุณหนูเจ้าคะ พวกข้าและทุกคนในที่นี่กำลังต่อแถวรอซื้อขนมอยู่เจ้าค่ะ แต่มีสาวใช้ของคุณหนูผู้นี้มาไล่พวกข้าออกไปให้พ้นทาง” เสี่ยวจูเห็นคุณหนูของตนเดินเข้ามาจึงรีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกึ่งฟ้องไปในที
ไป๋เฟิ่งมองสาวใช้คนนั้นได้สายตาราบเรียบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะมองไปยังหลี่เหมยฟางเช่นเดียวกับที่หลี่เหมยฟางมองเยี่ยไป๋เฟิ่งด้วยสายตาถือดี
หลี่เหมยฟางไม่ทราบว่าเยี่ยไป๋เฟิ่งเป็นใคร เพราะนางพึ่งมาจากฉางอันเมืองที่บิดานางเป็นแม่ทัพพิทักษ์ประจำทิศอุดรอยู่ นางมาเมืองหลวงเพื่อมาแข่งขันชิงความเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งเพื่อที่จะได้เป็นหญิงที่เพียบพร้อมเหมาะสมกับชินอ๋องบุรุษที่นางปักใจรักตั้งแต่เมื่อวัยเยาว์ ตอนนี้นางก็ได้ตำแหน่งนั้นมาครอบครองจึงคิดว่าในแคว้นนี้คงไม่มีใครเหนือกว่านางอีกแล้ว
“คุณหนูท่านนี้เหตุใดจึงต้องเอาเปรียบพวกเราด้วยเล่าในเมื่อทุกคนในที่นี่ก็ต่างต้องการซื้อขนมกันทั้งนั้น” ไป๋เฟิ่งพูดคุยด้วยเหตุผลเพราะนางไม่ได้อยากมีเรื่องราวอันใดกับใครทั้งนั้น นางต้องการเพียงแค่ซื้อขนมและรีบกลับไปหาท่านแม่ของนางเท่านั้น
“นี่!! รู้ไหมว่าคุณหนูของข้าเป็นใคร!” สาวใช้คนเดิมยังคงแผดเสียงอย่างต่อเนื่อง นางคิดว่าไป๋เฟิ่งคงเป็นเพียงคุณหนูจากจวนขุนนางเล็กๆซักจวนเพราะเห็นมีสาวใช้ติดตามเพียงคนเดียว
“หากเจ้าไม่รู้ว่าคุณหนูของเจ้าเป็นใคร ข้าหรือจะรู้??” ไป๋เฟิ่งเอ่ยตอบอย่างราบเรียบแววตานิ่งเฉยไม่ได้มีแววของการตีรวนเพื่อหาเรื่องแต่อย่างใด แต่ผู้คนที่ได้ฟังถึงสะดุดกันไปตามๆกันกับคำพูดของนาง
ลี่จินสาวใช้ของหลี่เหมยฟางถึงกับยืนนิ่งอึ้งไม่คาดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
ทางด้านหลี่เหมยฟางรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก นางกัดฟันใบหน้าแดงก่ำนางเป็นถึงบุตรตรีของแม่ทัพอุดรพี่ชายก็เป็นบัณฑิตที่ได้สอบในระดับเตี้ยนชื่อ* แถมนางยังได้ตำแหน่งสาวงามอันดับหนึ่งมาไม่นานย่อมเป็นที่รู้จัก สตรีนางนี้เป็นใครถึงบังอาจไม่รู้จักนางกัน
“คุณหนูของข้ามีนามว่าหลี่เหมยฟาง เป็นบุตรีของแม่ทัพอุดร” ลี่จินรีบเอ่ยบอกเสียงดัง เมื่อรู้สึกถึงแรงอารมณ์ของผู้เป็นนาย
“บุตรสาวแม่ทัพอุดรอย่างนั้นหรือ” ไป๋เฟิ่งที่ได้ยินก็พึมพำกับตัวเองพลางนึกคิดว่าตนเองเคยเห็นหรือรู้จักหรือไม่ สุดท้ายก็ได้คำตอบ
"ข้าไม่รู้จัก"
"....."
“อีกอย่างถึงจะมีฐานะใหญ่โตเช่นใดก็ไม่ควรเอาเปรียบผู้อื่น” ไป๋เฟิ่งกล่าวอย่างไม่คิดอะไรเพียงแค่อยากจะทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นมิคาดว่าจะเป็นการตบหน้าอีกฝ่าย
เกิดอาการเงียบขึ้นไปทั่วทั้งบริเวณทุกคนต่างนิ่งอึ้งเป็นรอบที่สอง หลี่เหมยฟางมองเยี่ยไป๋เฟิ่งที่ทำหน้านิ่งเฉยปนง่วงงุนอย่างเกรี้ยวกราดไม่เคยมีใครหักหน้านางอย่างนี้มาก่อนทำให้นางรู้สึกเสียหน้าเป็นที่สุด
“มีสารด่วนจากวังหลวงพะยะค่ะ” องครักษ์คนหนึ่งโผล่มาจากหลังประตูที่เป็นห้องลับพร้อมส่งจดหมายให้
บุรุษที่อยู่ตรงนั้นก่อนอ่านสารเสร็จก็ถอนหายใจอย่างเสียมิได้
“บอกไปว่าข้าจะไปไม่ต้องส่งอะไรมาเด็ดขาดไม่งั้นข้าไม่ไปแน่ แล้วก็ไม่ต้องมา”เขาเอ่ยคล้ายจะสั่งมากกว่าบอกเล่า
“พะยะค่ะ”องครักษ์พยักหน้าพร้อมกับกระโดดใช้วิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมจากไปทางหน้าต่างมุ่งหน้าสู่วังหลวงเพื่อรายงานการส่งสารจากบุรุษผู้เป็นดั่งเกราะกำแพงของแคว้นจ้าวให้กับผู้ครองแคว้น
ส่วนบุรุษที่เอ่ยปากสั่งความองครักษ์ก็พลิ้วกายกลับไปยังกองทัพที่อยู่ด้านนอกเมืองเช่นเดิม
ณ ห้องทรงพระอักษร
“ถวายบังคมพะยะค่ะฝ่าบาท” เสียงองครักษ์เงาปรากฏขึ้นหลังพระที่นั่งทรงอักษร
“รายงานมา”
“ชินอ๋องทรงกล่าวว่าจะเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองพะยะค่ะ หากแต่ไม่ให้ส่งอะไรไปเด็ดขาดไม่อย่างนั้นจะทรงไม่เข้าร่วมงานพะยะค่ะ” องครักษ์รายงานทุกอย่างไม่ตกบกพร่องซักประโยคเดียว
“ชินอ๋องกล่าวอะไรอีกหรือไม่”
“เออ.. ชินอ๋องรับสั่งว่าไม่ต้องมาพะยะค่ะ”องครักษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงติดขัดเล็กน้อย เนื่องด้วยเกรงกลัวอารมณ์ของโอรสสวรรค์
“หึ ไม่ต้องมาอย่างงั้นหรือ” พระพักตร์งดงามยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ขันทีซ่งอยู่หรือไม่”จ้าวหมิงหลงตะโกนถามขันทีด้านนอกทันที
“อยู่พะยะค่ะฝ่าบาท”
“เตรียมตัวข้าจะไปรับน้องชายซะหน่อย” จ้าวหมิงหลงบอกพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
เหตุผลที่ต้องทรงกลับมาเพราะฝ่าบาททรงส่งสารไปชายแดนหลังเสร็จศึกใจความว่า ‘หากไม่นำทัพกลับมาเองทหารทุกนายจะไม่ได้กลับจากชายแดนทั้งสิ้น’ ทำให้ชินอ๋องต้องกลับมาอย่างเสียมิได้ ไม่ใช่เพื่อตนเองแต่เพื่อเหล่าทหารที่ร่วมสู้ศึกทุกนายที่ควรจะได้รับรางวัลและได้กลับบ้านหาครอบครัวหลังจากชนะศึกในครั้งนี้
ทางด้านไป๋เฟิ่งที่ได้ขนมมาก็อารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง แต่นางไม่อาจแวะร้านตำราได้เพราะล่วงเลยเวลามาจะครึ่งชั่วยามแล้ว มารดานางคงกำลังกล่าวว่านางในใจเป็นแน่ ทันทีที่ไป๋เฟิ่งก้าวเข้าสู่โรงเตี๊ยมทุกสายตาต่างมองมาที่นางราวกับมีมนต์สะกด ทุกย่างก้าวของนางเต็มไปด้วยความมั่นคง สง่างาม ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยตามแบบฉบับชนชั้นสูงมที่มารดานางพร่ำสอน
ชั้นบนสุดของโรงเตี๊ยมเป็นห้องของเจ้าของโรงเตี๊ยมหรือก็คือท่านพ่อของนางนั่นเองแต่หลังจากที่ได้รับตำแหน่งเสนาบดีกิจการนี้ก็ได้ถูกยกให้ท่านแม่ของนางดูแลเนื่องจากท่านแม่ไม่อยากอยู่ในจวนเฉยๆ ท่านแม่ดูแลโรงเตี๊ยมเป็นอย่างดีรับลูกค้าทุกระดับไม่แบ่งชนชั้น สามารถเข้าพักได้ตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน อาหารรสเลิศและมีบริการครบครันถือว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆของเมืองหลวงเลยทีเดียว
“ข้ามาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่” ไป๋เฟิ่งส่งเสียงบอกมารดา และเดินไปนั่งลงข้างๆ
อ้ายเหม่ยหลินหันกลับมามองบุตรสาวนาง พร้อมกวาดตามองพบว่าบุตรสาวที่กล่าวว่าจะไปดูตำราแต่กลับได้ถุงขนมจากร้านชื่อดังของเมืองหลวงมา นางส่ายหน้าเล็กน้อย บุตรสาวนางกินแต่ขนมหวานจนร่างเพรียวบางเริ่มมีเนื้อเกินขึ้นมาที่แก้มแล้วบางส่วนสงสัยนางต้องตุยอย่างจริงจังกับพ่อบ้านงดขนมบุตรสาวเสียแล้ว
ไป๋เฟิ่งหันหน้าไปบอกเสี่ยวจูให้เอาขนมส่วนหนึ่งมาใส่จาน นางจะชิมก่อนส่วนหนึ่งแล้วจะเก็บที่เหลือไว้กลับไปกินที่จวน ไม่รู้ว่านางจะได้ออกมานอกจวนอีกเมื่อไหร่ หรือนางจะขอให้พี่ใหญ่พาออกมาดีไหมนะ? ท่านแม่นางคงไม่คัดค้าน ไป๋เฟิ่งขบคิดกับตัวเอง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง!
ทางด้านประตูเมืองหลวง
เมื่อประตูเมืองเปิดออกสู่สายตา หน้าขบวนปรากฏบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ร่างกายกำยำสมกับเป็นแม่ทัพ ใบหน้าคมเข้มผสมกับความงามอย่างลงตัว คิ้วเฉียงตัดราวกระบี่เข้ากับดวงตาดุดันสีนิลสนิท ริมฝีปากสีสดดั่งคนสุขภาพดี ใบหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ บรรยากาศรอบๆตัวแลดูเยือกเย็น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสตรีน้อยใหญ่ส่งสายตาให้บุรุษผู้นั่งอยู่บนหลังม้าศึกชั้นดีไม่ขาดสาย ด้านหลังถัดไปคือบุรุษรูปงามไม่แพ้กัน ใบหน้าคมเข้ม คิ้วกระบี่ แต่มีดวงตาที่หวานไม่ดุดันที่ได้มาจากผู้เป็นมารดาบรรยากาศรอบตัวผ่อนคลายไม่ตึงเครียดเท่าท่านแม่ทัพใหญ่ เขาคือรองแม่ทัพเยี่ยไป๋เทียนบุตรชายของท่านเสนาบดีใหญ่นั่นเอง
“ถวายพระพรพะยะค่ะฝ่าบาท” เยี่ยไป๋เทียนคุกเข่ากล่าวถวายความเคารพแด่จ้าวหมิงหลงฮ่องเต้อย่างรวดเร็ว
“ท่านมาทำอันใดที่นี่” จ้าวเฟยหลงมองหน้าพระเชษฐาที่รั้นออกมานอกวังหลวงไม่กลัวอันตราย
จ้าวหมิงหลงฮ่องเต้กวาดสายตามองอนุชาซึ่งไม่ได้พบหน้ากันนานหลายปีที่นอกจากไม่ทำความเคารพพระองค์ผู้ซึ่งเป็นฮ่องเต้แล้วยังถามคำถามไม่น่าฟังอีกต่างหาก เจ้าน้องชายคนนี้นี่มันน่าลงโทษซะจริงๆแต่ก็เอาเถอะพระองค์ไม่ได้ถือสาอะไร ขนาดบัลลังก์นี้พระองค์จะยกให้น้องชายผู้นี้ยังได้ด้วยซ้ำ ความจริงนั้นบัลลังก์นี้ควรเป็นของอนุชาตนเสียมากกว่าติดอยู่ที่ว่าเจ้าน้องชายหน้าตายนี้ไม่ขอยุ่งกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น
“อะไรเล่าหลงเอ๋อร์ พี่ชายคนนี้มาต้อนรับกลับบ้านทั้งทีทำไมพูดจาไม่น่าฟังอย่างนั้นเล่า” จ้าวหมิงหลงพูดอย่างหยอกเย้า
“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี !”
“เอาล่ะข้าไม่ได้มาแบบเป็นทางการ อย่าส่งเสียงดังไปเดี๋ยวชาวเมืองจะแตกตื่นกันไปหมด ตามสบายเถอะ ข้าแค่มาต้อนรับพวกท่านที่สามารถชนะศึกสงครามปกป้องแคว้นของเราให้อยู่รอดปลอดภัยแยกย้ายกันกับบ้านเรือนพวกท่านเถิด อีกสามวันเราจะจัดงานเฉลิมฉลองและให้รางวัลแก่พวกท่านทุกๆคนและรวมถึงครอบครัวคนที่สูญเสียด้วย”
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ ฝ่าบาท!!”
ชาวเมืองและทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างกล่าวขอบพระทัยซาบซึ้งถึงความมีเมตตาของฮ่องเต้ก่อนจะสั่งทหารแยกย้ายกันกับบ้านเรือนตนด้วยความสุข แต่ก็มีหลายคนที่กลับไปด้วยความเศร้าโศกเนื่องจากได้สูญเสียคนในครอบครัวไป
จ้าวเฟยหลงมองพระเชษฐาตนเองที่เป็นถึงฮ่องเต้แต่ยังคงเอาแต่พระทัยไม่ระวังตนเองพร้อมถอนหายใจ
“เสด็จพี่ทรงออกมาได้อย่างไรพะยะค่ะ”จ้าวเฟยหลงถามผู้เป็นพี่อีกครั้งด้วยท่าทีที่สุภาพกว่าเดิมนิดหน่อยเมื่อนึกขึ้นด้ว่าอยูท่ามกลางสายตาของคนมากมาย
“ข้าก็ออกมาพร้อมกับขันทีซ่งและฉิวฟงน่ะสิ”ทางด้านฉิวฟงและขันทีซ่งที่ถูกสายตาคาดโทษของชินอ๋องได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อหน้าซีดอยู่ด้านหลังจ้าวหมิงหลงอย่างไม่รู้จะอย่างไร ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นโอรสสวรรค์วรยุทธรึก็สูงกว่าพวกเขา จะมีใครกล้าขัดคำสั่งได้ พวกข้าน้อยยังมีครอบครัวที่ต้องดูแลอยู่นะพะยะค่ะฝ่าบาท!
*เตี้ยนชื่อ การสอบระดับราชสำนักหรือราชวัง เป็นการสอบต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่น้องน่ารักจังเลย
ภาษา และ เนื้อเรื่องดีค่ะ มีคำผิดนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไรจ้าาา
ติดตามค่ะ สนุกดี
สู้ ๆค่ะ รอนะค่ะ