ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 2nd :: ปาฏิหาริย์
ธารน้ำสายเล็กข้างหอประชุมไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มร่างสูงเท้าคางที่ระเบียงทอดสายตามองตามไปช้า แววตาของเขาในตอนนี้ดุจดั่งกวีผู้เปี่ยมไปด้วยปรัชญา ธนูคันใหญ่พร้อมกับกระบอกไม้ใส่ลูกธนูที่สะพายอยู่บนแผ่นหลังกว้างแสดงถึงความเป็นนักรบที่มีอยู่ในตัว
"หมายเลข 961..." เสียงขานเรียกหมายเลขของนักศึกษาดังมาจากข้างในหอประชุม เขาหันกลับไปมองทางต้นเสียงแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่าย วันนี้เป็นวันประชุมเลือกหอของทางมหาวิทยาลัยหลวงวังซองที่เขามาสมัครเข้าเรียน ที่จริงวันนี้ ทางมหาวิทยาลัยต้องการที่จะทดสอบเวทย์ของนักเรียนแต่ละคนโดยไม่ให้ใครรู้หรือเตรียมตัวมาก่อน จะมีก็แต่ลูกหลานของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เท่านั้นที่รู้กัน
"จ้างให้วันนี้ก็สอบไม่เสร็จกันหรอก ให้ตายสิ" ชายหนุ่มพึมพำอย่างสุดเซ็ง เมื่อก้มมองหมายเลขประจำตัวของตัวเองในกระดาษที่เขียนว่า 2314 เจ้าตัวก็ได้แต่ถอนใจ เพราะเขายืนหล่ออยู่ตรงนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว
"แฮ่กๆ" พลันสายตาก็ถูกช้อนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหอบที่มาพร้อมกับเสียงฝีเท้าดังกระทบพื้นหินอ่อนใกล้เข้ามาหาเขา
...ดวงตาคู่งามเป็นประกายแต่ฉายแววกังวล ใบหน้าเนียนขาวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ยังคงความเปล่งปลั่ง แก้มใสสีชมพูบางดูอ่อนโยนน่ารัก ไหนจะรูปร่างสูงเพรียวนี่อีก จะติดก็แต่ผมซอยสั้นๆและชุดที่สวมใส่ดูจะออกแนวทอมบอยซะมากกว่า...
แต่กระนั้น สายตาของชายหนุ่มยังคงจับจ้องไม่กระพริบซักปริบ
"ถ้าจะให้อยู่เฉยๆก็คงไม่ใช่ท่านจุนฮยองเป็นแน่แท้!"
+ + + + + + + + + + + + + + + + + +
Junhyung Told >>
อันนยองฮาเซโย! ชัล ชี แนซซอโย้?? ฮ่าๆ สวัสดีครับ(ไหว้งามๆ)ท่านผู้อ่านที่น่ารักทั้งหลายขอรับ รู้นะว่าคิดถึง ^0^ ต้องโทษยัยไรเตอร์จอมอืดที่อัพไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ กว่าจะมาอัพอีกก็ดองไว้เป็นชาติ ขอโทษอย่างจริงใจแทนยัยไรเตอร์ด้วยนะครับ
ผมผละจากเจ้าพี่ดูจุนและดงอุนน้อยออกมาสูดอากาศข้างนอกได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ก็มันอึดอัดนี่ครับ คนก็เยอะ ร้อนก็ร้อน เซ็งก็เซ็ง ออกมาเหล่สาวดีกว่า คึกคักกว่าเยอะ ^0^~
อาณาจักรวังซองนี่สาวสวยเพียบเลยแฮะโดยเฉพาะในมหา'ลัยนี่เข้าออกกันบ่อยมากแต่มองนานๆก็ชักเบื่อ ผมเลยเปลี่ยนใจมามองน้ำไหลเล่นๆก็เพลินดีเหมือนกัน สบายใจดีครับ
ผมเป็นมกุฎราชกุมารในสมเด็จพระราชาธิราชกงยูแห่งซอนมยองครับ แต่ท่านแม่ของผมเป็นมเหสี ผมเลยได้รับตำแหน่งรัชทายาทลำดับที่ 3 ถามว่าผมน้อยใจมั้ย? คำตอบคือไม่ครับ โคตรดีใจอ่ะ ผมเห็นพระราชกิจของท่านพ่อยาวพรืดเป็นกิโล ใครจะไปอยากเป็นพระเจ้าแผ่นดินกัน สู้ใช้ชีวิตลั้ลลาเป็นสามัญชนธรรมดาสนุกกว่าอีก เพราะอย่างนี้ผมเลยไม่ค่อยชอบทำอะไรที่มันเป็นพิธีรีตองเท่าไหร่ ตั้งแต่ท่านพ่อบอกว่าจำเป็นจะต้องยกตำแหน่งรัชทายาทเบอร์สองให้ดงอุนตอนผมอายุสิบเจ็ด ผมก็ดีใจเป็นเจ้าเข้า ฮ่าๆ ดงอุนน้องรัก ในที่สุดภาระอันหนักหน่วงของพี่ก็ถูกยกไปเป็นของนายซะทีนะ พี่รอวันนี้มานานแล้ว ฮ่าๆ
"แฮ่กๆ" ไม่วายมีอะไรมาดลใจให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเธอคนนั้นที่กำลังวิ่งมากันนะ ปกติถ้าอยู่คนเดียวผมจะไม่สนใจใครเลย
"นี่คุณ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย?" ผมตรงเข้าไปดักหน้าเธอพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เหอะๆสาวใดไม่หลงเสน่ห์ท่านจุนฮยองคนนี้ก็แปลกแล้วว่ามั้ยครับ ((ใช่ที่สุดค่า >//<))
"ไม่มี ขอบคุณ" น้ำเสียงหวานเจี๊ยบของเธอตอบผมสั้นๆ ดูเธอจะไม่เหลียวมามองแม้กระทั่งใบหน้าหล่อๆของผมแล้วเดินผ่านผมไปอย่างรีบร้อน แต่ก็นะ ผมมันชอบความท้าทาย
"พูดไม่มีหางเสียงอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะ" ผมสาวเท้าไปรั้งเธอไว้ก่อนที่เธอจะพลาดของดีจากผม^_^+
"นายพูดไม่มีหางเสียงใส่ฉันก่อนหนิ" เออใช่... เจ้าของเสียงหวานถลึงตาใส่ผม ยิ่งเผยลูกตากลมโตให้เห็นชัดเจน น่ารักเหมือนกันนะเราเนี่ย ~w~
"งั้นกระผมก็ขอโทษด้วยอย่างยิ่งขอรับคุณผู้หญิง" ผมโค้งงามๆให้เธอไปหนึ่งที ดูซิว่าเจอลูกอ้อนขนาดนี้แล้วจะเป็นยังไง
"นายว่าไงนะ!?!!" ท่าทางจะมุกนี้จะไม่รุ่งเท่าไหร่แฮะ ตาเขียวปั๊ดเลยอ่ะ = = คิดหรอว่าท่านจุนฮยองคนนี้จะยอมแพ้ง่ายๆ
"ขอโทษจากใจจริงไงครับ คนสวย... อ๊ะอา จะทำอะไรจ๊ะ" ผมพูดจบประโยคไม่เท่าไหร่ กำปั้นใหญ่ก็ลอยมาเกือบเสยเอาตาช้ำ ระดับผมแล้วหลบไม่ทันก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นองค์ชายแห่งแดนเสือขาวซอนมยองสิครับ
"นายจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ!" ผมเข้าล็อกตัวเธอไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะโดนเธอจับฆ่าหมกป่า แปลกชะมัดเลยแฮะ ถ้าผู้หญิงโดนชมว่าสวยก็มักจะเขินรึไม่ก็หน้าแดงฟึดฟัดเดินหนีนี่นา...
"ถ้าอยากให้ปล่อยก็ต้องเป็นเด็กดีสิจ๊ะ" ตั้งแต่หลีสาวมา ผมยังไม่เคยเจอใครอย่างเธอคนนี้เลยนะเนี่ย ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้แล้ว แก้มเนียนใส ริมฝีปากบางนุ่ม กลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง แม้จะมีเหงื่อแต่ก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ฮึ่ย >.,< ((ที่รักคะ สงวนเวิร์บนิสนุงสิเคอะ = =))
"ฉันไม่ได้มีเวลามากขนาดที่จะมาเล่นสนุกกับนายนะ ปล่อยซะทีสิเว่ย!!"
"ไม่ปล่อย"
"จะปล่อยดีๆหรือจะให้ทำอย่างอื่น" โอ้ว เข้าทางพี่เลยสิน้อง^^
"ทำอย่างอื่นดีกว่าจ้ะ"
"ได้ จัดให้!" แล้วเธอก็กระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องผม มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอกนะ
"อย่าเล่นอะไรแรงๆสิจ๊ะ คนสวย" เธอสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของผม แต่ผมยังล็อกแขนของเธอไว้ทัน ทำไมแขนผู้หญิงถึงได้มีเส้นเลือดเยอะจัง?
"อย่ามาเรียกฉันว่าสวยนะเฟ่ย! ตาแตกรึไง ฉันผู้ชายทั้งแท่งโว้ย!!" ฮะ? O_O
'ดูยังไงก็ผู้หญิงชัดๆ' จบประโยคเมื่อครู่ ผมก็ได้แต่ยืนงงอ้าปากค้าง ผู้ชายบ้าอะไรจะมีผิวเนียน ตาหวานขนาดนี้ได้
"อุ๊ป!!"
+ + + + + + + + + + + + + + + +
Hyunseung Told >>
"บังอาจหาว่าฉันเป็นผู้หญิงงั้นหรอ แ่ค่นี้ยังน้อยไป!!" ผมต่อยเข้าที่โหนกแก้มซ้ายของอีตานั่นอย่างแรง หนอยๆๆๆๆๆๆ สายตายังไม่ดี ยังกล้ามาปากดีใส่จาง ฮยอนซึงอย่างฉัน
"หมายเลข 1403..." ก่อนที่ผมจะกระชากคอเสื้อของไอ้หื่นนี่ขึ้นมาฟัดให้สะใจก็มีเสียงประกาศหมายเลขประจำตัวผู้สมัครขึ้นมา 1403 หรอ? ...ของไอ้ซอบป่าววะ
"ฮึ่ม! ฝากไว้ก่อนเหอะ ฉันไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของนายหรอกนะ" สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ ผมเลยชี้หน้าไอ้โรคจิตแล้ววิ่งเข้ามาในหอประชุม ไอ่มหา'ลัยบ้าบอนี่ดันมาหลอกกันซะได้ ประกาศปาวๆว่าจะประชุมเลือกหอ แต่ที่จริงหลอกมาทดลองเวทย์ มันน่านัก!
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยสอนไอ้ซอบใช้เวทย์นะ แต่ตอนหัดมันครั้งแรกมันก็ซัดเอาบ้านเช่าพังไปทั้งหลัง ถ้าหนีออกมาไม่ทันมีหวังซี้แหงแก๋ทั้งพี่ทั้งน้อง ดีที่ผมหิ้วมันออกจากอาณาจักรชองนัมทัน ไม่งั้นจะไปหาเงินชดใช้ค่าบ้านได้ไง แล้วถ้าวันนี้ไอ้ซอบมันเกิดทำหอประชุมหลังอภิมหึมาพังนี่ล่ะ ชาตินี้ฉันก็ชดใช้แทนแกไม่หมดหรอกนะ T^T
หน้าปะรัมพิธีผมเห็นว่าเป็นผู้หญิงหนิ ยังดีที่ยังไม่ใช่ไอ้ซอบ ผมเลยเดินหาเจ้าตัวยุ่งต่อไป
"ไม่ผ่าน!!" อะไรมันจะเร็วปานนั้น O_O เด็กสาวคนนั้นถูกไล่ลงปะรัมพิธีทันทีที่กรรมการตัดสินเมื่อเธอไม่สามารถใช้เวทย์ให้ทุกคนดูได้ ว่าแต่ผมหมายเลขอะไรล่ะเนี่ย
'1405' ถ้าของผม 1405... ไอ้ซอบมันเข้าแถวรับสมัครก่อนผม... ถ้างั้น!?!!
"หมายเลข 1404 ยาง โยซอบ" งานเข้าแล้วไง้ T^T
+ + + + + + + + + + + + + + + + +
Yoseob Told >>
"ไอ้นี่ก็น่ากิน ไอ้โน่นก็น่าอาหย่อย~ โอว นี่มันสวรรค์ชัดๆ" รอบกายของผมเต็มไปด้วยของกินน่าหม่ำทั้งเลยง่า ทั้งราเมง สปาเก็ตตี้ ผัดไทย บะหมี่ อา~ ของชอบทั้งนั้นเลย จะลงมือกินละน้า~^0^
"อ๊า เอาราเมงของฉันคืนมานะ" ไม่ทันจะได้คีบเส้นเข้าปากก็มีใครมาแย่งถ้วยราเมงของผมไป เอาคืนมานะ >0<
"นาย... นาย..." ผมรู้สึกว่าตัวผมถูกเขย่าจากคนข้างๆ หลับไปหรอเนี่ย
"อืออออ~อ หือ??" ผมขยี้ตาสองสามทีให้ลืมตาได้ถนัด
"นายหมายเลข 1404 ไม่ใช่หรอ? ไปดิ..." เขาโบกมือให้ผมรีบลุกขึ้น นายคนนี้ชื่อกีกวางครับ ดูหน่อมแน้มยังไงพิลึก สงสัยจะเป็นเด็กเรียน
"เขาเรียกแล้วหรอ" ผมค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้สุดแข็ง แล้วเหลือบตาไปที่ปะรัมพิธีข้างหน้า
"หมายเลข 1404 สละสิทธิ์หรอ?"
"เปล่าครับ ขอโทษที" ผมรีบตะโกนแล้วก้าวฉับๆ ยอมเข้าทดสอบเวทย์ดีกว่ากลับบ้านโดนไอ้พี่สวยบ่นใส่นะ
"ชักช้าอย่างงี้อย่าได้หวังจะเข้าวังซองเล้ย" ระหว่างที่ผมเดินไปตามทางเดิน เสียงคุ้นหูก็สบประมาทผมจนได้
"หึหึ ปากเสียอย่างงี้ก็คงได้เข้าหรอก" ผมหันกลับไปย้อนใส่เจ้าของเสียงพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแบบสะใจสุดๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ก็ไอ้กาแฟที่กัดกับผมเมื่อเช้านี่แหละ!
ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมรีบไปยืนตรงจุดที่เค้าบอก แต่ว่าจะให้ทำไรยังไงอ่ะ?
"เริ่มได้..."
"เดี๋ยวครับ! ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?" ผมถามหน้าตาย คนมันไม่รู้ก็ต้องถามสิ แล้วเสียงหัวเราะก็ดังก้องหอประชุม ผมพูดอะไรผิดหรอ??
"ถ้าอย่างนั้น ตั้งแต่เข้าประชุมมานี่เธอไม่ได้ฟังกรรมการคุมสอบประกาศเลยใช่มั้ย ติดลบ 10 คะแนน!!" คุณป้าผู้คุมสอบดุผมซะเสียเซลฟ์ ยังไม่ได้เข้าเรียนแล้วป้าแกจะเอาคะแนนที่ไหนไปหักล่ะเนี่ย -*-
"แสดงพลังเวทย์ของเธอให้พวกเราทุกคนดู แล้วพวกเราจะตัดสินว่าเธอสมควรได้เข้าเรียนที่วังซองแห่งนี้หรือไม่โดยให้เธอเลือกสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วส่งพลังไปที่นั่น" พี่สาวที่ยืนคุมอีกฟากหนึ่้งเดินเข้ามากระซิบ
"ห้ามแตะต้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใช่มั้ยครับ?"
"ใช่จ้ะ ขอให้โชคดี" พี่สาวยิ้มหวานให้ผมก่อนจะกลับไปยืนที่เดิมของเธอ
เสียงหัวเราะค่อยๆเงียบลง ผมนึกถึงคำที่พี่ซึงเคยบอกกับผมเมื่อห้าปีที่แล้วว่าให้ตั้งสมาธิให้ดีอย่าวอกแวก แต่วันนั้นผมดันพังบ้านทั้งหลังจนเละไม่เป็นท่าเลยอ่ะ จะว่าได้ก็ไม่ได้ฝึกมาหลายปี ผมอาจจะสอบตกก็ได้ แต่ก็นะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกัน...
ผมกวาดสายตาไปที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า เลือกอะไรดีน้า เอาต้นกล้าของหอคหบดีดีกว่า หอนี้แหละสบายที่สุดแล้ว
ผมหลับตาค่อยๆรวบรวมสมาธิทั้งหมด ยกแขนขวาขึ้นมา ทั้งแขนของผมเย็นเฉียบ ผมสัมผัสได้ถึงสมาธิที่มี ขอให้มันสำเร็จด้วยเถิด...
"อะไรกันน่ะ!!" ผมได้ยินเสียงใครหลายคนตะโกนขึ้นมา ผมจึงลืมตาแล้วพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างสว่างวาบเป็นสีขาวจนตาพร่า ผมได้แต่ยกแขนทั้งสองป้องตาผมไว้จนแสงนั้นค่อยๆหายไป แล้วก็พบว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าถูกยกขึ้นมาเปล่งประกายเรืองรองอยู่บนอากาศ นี่มันหมายความว่ายังไง??
+ + + + + + + + + + + + + +
"นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?" โยซอบได้แต่ยืนนิ่งตะลึงงันในสิ่งตัวเองได้ทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตากลมโตนั้นสั่นระริก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าอันได้แก่มงกุฎแห่งหอกษัตริย์ ดาบแห่งหออัศวิน คัมภีร์แห่งหอปราชญ์ ต้นกล้าแห่งหอคหบดี และลูกแก้วแห่งหอศิลป์ ลอยอยู่ตรงหน้าของหนุ่มน้อย เขาค่อยๆถอยห่างออกจากมาช้าๆอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หัวใจก็หล่นวูบไปถึงตาตุ่ม
โยซอบพยายามที่จะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างแต่เขาไม่สามารถทำให้กลับเป็นอย่างเดิมได้ ฮยอนซึงก็ได้แต่ลุ้นเป็นกำลังใจให้น้องชายแต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าเหตุการณ์เดิมจะเกิดขึ้นเหมือนกับห้าปีก่อนหรือไม่
ยังไม่ทันจะได้ถอนหายใจ หอประชุมทั้งหลังก็เริ่มสั่นคลอน ฝุ่นผงค่อยๆหล่นลงมาจนทำให้ควันคละคลุ้งไปทั่ว นักศึกษาชายหญิงกรีดร้องด้วยความตกใจ ลุกจากที่นั่งวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ส่วนโยซอบก็ได้แต่ภาวนาให้สถานการณ์กลับเป็นปกติ เขารวบรวมสมาธิ อธิษฐานให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ก็มีทีท่าว่าจะไม่ดีขึ้น
"ท่านอธิการบดีชิมครับ ทำอย่างไรดีครับ..." หนึ่งในคณะกรรมการหันไปถามผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่ไม่แสดงอาการหวาดกลัวให้เห็น สายตาของเขาจับจ้องไปที่โยซอบไม่วางตา แล้วหนุ่มน้อยก็รวมพลังอีกครั้ง จนกระทั่งหอประชุมที่สั่นไหวราวกับจะโค่นล้มลงมาให้ได้หยุดนิ่ง ความโกลาหลทั้งหลายหยุดลง โยซอบก็ได้แต่ยืนงงอยู่อย่างนั้น อธิการบดีชิมยิ้มเล็กๆที่มุมปากก่อนจะลุกขึ้นประกาศ
"นักศึกษาหมายเลข 1404 สอบผ่านเข้าหอกษัตริย์!!"
"หา!?!!"
+ + + + + + + + + + + + + +
กำลังใจหายหดไปหมดเลยจ้ะ T^T
ขอความกรุณาเม้นต์เป็นกำลังด้วยนะคะ
"หมายเลข 961..." เสียงขานเรียกหมายเลขของนักศึกษาดังมาจากข้างในหอประชุม เขาหันกลับไปมองทางต้นเสียงแล้วส่ายหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่าย วันนี้เป็นวันประชุมเลือกหอของทางมหาวิทยาลัยหลวงวังซองที่เขามาสมัครเข้าเรียน ที่จริงวันนี้ ทางมหาวิทยาลัยต้องการที่จะทดสอบเวทย์ของนักเรียนแต่ละคนโดยไม่ให้ใครรู้หรือเตรียมตัวมาก่อน จะมีก็แต่ลูกหลานของเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เท่านั้นที่รู้กัน
"จ้างให้วันนี้ก็สอบไม่เสร็จกันหรอก ให้ตายสิ" ชายหนุ่มพึมพำอย่างสุดเซ็ง เมื่อก้มมองหมายเลขประจำตัวของตัวเองในกระดาษที่เขียนว่า 2314 เจ้าตัวก็ได้แต่ถอนใจ เพราะเขายืนหล่ออยู่ตรงนี้มาเป็นชั่วโมงแล้ว
"แฮ่กๆ" พลันสายตาก็ถูกช้อนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหอบที่มาพร้อมกับเสียงฝีเท้าดังกระทบพื้นหินอ่อนใกล้เข้ามาหาเขา
...ดวงตาคู่งามเป็นประกายแต่ฉายแววกังวล ใบหน้าเนียนขาวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ยังคงความเปล่งปลั่ง แก้มใสสีชมพูบางดูอ่อนโยนน่ารัก ไหนจะรูปร่างสูงเพรียวนี่อีก จะติดก็แต่ผมซอยสั้นๆและชุดที่สวมใส่ดูจะออกแนวทอมบอยซะมากกว่า...
แต่กระนั้น สายตาของชายหนุ่มยังคงจับจ้องไม่กระพริบซักปริบ
"ถ้าจะให้อยู่เฉยๆก็คงไม่ใช่ท่านจุนฮยองเป็นแน่แท้!"
+ + + + + + + + + + + + + + + + + +
Junhyung Told >>
อันนยองฮาเซโย! ชัล ชี แนซซอโย้?? ฮ่าๆ สวัสดีครับ(ไหว้งามๆ)ท่านผู้อ่านที่น่ารักทั้งหลายขอรับ รู้นะว่าคิดถึง ^0^ ต้องโทษยัยไรเตอร์จอมอืดที่อัพไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ กว่าจะมาอัพอีกก็ดองไว้เป็นชาติ ขอโทษอย่างจริงใจแทนยัยไรเตอร์ด้วยนะครับ
ผมผละจากเจ้าพี่ดูจุนและดงอุนน้อยออกมาสูดอากาศข้างนอกได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ก็มันอึดอัดนี่ครับ คนก็เยอะ ร้อนก็ร้อน เซ็งก็เซ็ง ออกมาเหล่สาวดีกว่า คึกคักกว่าเยอะ ^0^~
อาณาจักรวังซองนี่สาวสวยเพียบเลยแฮะโดยเฉพาะในมหา'ลัยนี่เข้าออกกันบ่อยมากแต่มองนานๆก็ชักเบื่อ ผมเลยเปลี่ยนใจมามองน้ำไหลเล่นๆก็เพลินดีเหมือนกัน สบายใจดีครับ
ผมเป็นมกุฎราชกุมารในสมเด็จพระราชาธิราชกงยูแห่งซอนมยองครับ แต่ท่านแม่ของผมเป็นมเหสี ผมเลยได้รับตำแหน่งรัชทายาทลำดับที่ 3 ถามว่าผมน้อยใจมั้ย? คำตอบคือไม่ครับ โคตรดีใจอ่ะ ผมเห็นพระราชกิจของท่านพ่อยาวพรืดเป็นกิโล ใครจะไปอยากเป็นพระเจ้าแผ่นดินกัน สู้ใช้ชีวิตลั้ลลาเป็นสามัญชนธรรมดาสนุกกว่าอีก เพราะอย่างนี้ผมเลยไม่ค่อยชอบทำอะไรที่มันเป็นพิธีรีตองเท่าไหร่ ตั้งแต่ท่านพ่อบอกว่าจำเป็นจะต้องยกตำแหน่งรัชทายาทเบอร์สองให้ดงอุนตอนผมอายุสิบเจ็ด ผมก็ดีใจเป็นเจ้าเข้า ฮ่าๆ ดงอุนน้องรัก ในที่สุดภาระอันหนักหน่วงของพี่ก็ถูกยกไปเป็นของนายซะทีนะ พี่รอวันนี้มานานแล้ว ฮ่าๆ
"แฮ่กๆ" ไม่วายมีอะไรมาดลใจให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเธอคนนั้นที่กำลังวิ่งมากันนะ ปกติถ้าอยู่คนเดียวผมจะไม่สนใจใครเลย
"นี่คุณ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย?" ผมตรงเข้าไปดักหน้าเธอพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เหอะๆสาวใดไม่หลงเสน่ห์ท่านจุนฮยองคนนี้ก็แปลกแล้วว่ามั้ยครับ ((ใช่ที่สุดค่า >//<))
"ไม่มี ขอบคุณ" น้ำเสียงหวานเจี๊ยบของเธอตอบผมสั้นๆ ดูเธอจะไม่เหลียวมามองแม้กระทั่งใบหน้าหล่อๆของผมแล้วเดินผ่านผมไปอย่างรีบร้อน แต่ก็นะ ผมมันชอบความท้าทาย
"พูดไม่มีหางเสียงอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะ" ผมสาวเท้าไปรั้งเธอไว้ก่อนที่เธอจะพลาดของดีจากผม^_^+
"นายพูดไม่มีหางเสียงใส่ฉันก่อนหนิ" เออใช่... เจ้าของเสียงหวานถลึงตาใส่ผม ยิ่งเผยลูกตากลมโตให้เห็นชัดเจน น่ารักเหมือนกันนะเราเนี่ย ~w~
"งั้นกระผมก็ขอโทษด้วยอย่างยิ่งขอรับคุณผู้หญิง" ผมโค้งงามๆให้เธอไปหนึ่งที ดูซิว่าเจอลูกอ้อนขนาดนี้แล้วจะเป็นยังไง
"นายว่าไงนะ!?!!" ท่าทางจะมุกนี้จะไม่รุ่งเท่าไหร่แฮะ ตาเขียวปั๊ดเลยอ่ะ = = คิดหรอว่าท่านจุนฮยองคนนี้จะยอมแพ้ง่ายๆ
"ขอโทษจากใจจริงไงครับ คนสวย... อ๊ะอา จะทำอะไรจ๊ะ" ผมพูดจบประโยคไม่เท่าไหร่ กำปั้นใหญ่ก็ลอยมาเกือบเสยเอาตาช้ำ ระดับผมแล้วหลบไม่ทันก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นองค์ชายแห่งแดนเสือขาวซอนมยองสิครับ
"นายจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ!" ผมเข้าล็อกตัวเธอไว้ได้ทันก่อนที่ผมจะโดนเธอจับฆ่าหมกป่า แปลกชะมัดเลยแฮะ ถ้าผู้หญิงโดนชมว่าสวยก็มักจะเขินรึไม่ก็หน้าแดงฟึดฟัดเดินหนีนี่นา...
"ถ้าอยากให้ปล่อยก็ต้องเป็นเด็กดีสิจ๊ะ" ตั้งแต่หลีสาวมา ผมยังไม่เคยเจอใครอย่างเธอคนนี้เลยนะเนี่ย ยิ่งได้อยู่ใกล้ๆกันอย่างนี้แล้ว แก้มเนียนใส ริมฝีปากบางนุ่ม กลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง แม้จะมีเหงื่อแต่ก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ฮึ่ย >.,< ((ที่รักคะ สงวนเวิร์บนิสนุงสิเคอะ = =))
"ฉันไม่ได้มีเวลามากขนาดที่จะมาเล่นสนุกกับนายนะ ปล่อยซะทีสิเว่ย!!"
"ไม่ปล่อย"
"จะปล่อยดีๆหรือจะให้ทำอย่างอื่น" โอ้ว เข้าทางพี่เลยสิน้อง^^
"ทำอย่างอื่นดีกว่าจ้ะ"
"ได้ จัดให้!" แล้วเธอก็กระทุ้งศอกเข้าที่หน้าท้องผม มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอกนะ
"อย่าเล่นอะไรแรงๆสิจ๊ะ คนสวย" เธอสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของผม แต่ผมยังล็อกแขนของเธอไว้ทัน ทำไมแขนผู้หญิงถึงได้มีเส้นเลือดเยอะจัง?
"อย่ามาเรียกฉันว่าสวยนะเฟ่ย! ตาแตกรึไง ฉันผู้ชายทั้งแท่งโว้ย!!" ฮะ? O_O
'ดูยังไงก็ผู้หญิงชัดๆ' จบประโยคเมื่อครู่ ผมก็ได้แต่ยืนงงอ้าปากค้าง ผู้ชายบ้าอะไรจะมีผิวเนียน ตาหวานขนาดนี้ได้
"อุ๊ป!!"
+ + + + + + + + + + + + + + + +
Hyunseung Told >>
"บังอาจหาว่าฉันเป็นผู้หญิงงั้นหรอ แ่ค่นี้ยังน้อยไป!!" ผมต่อยเข้าที่โหนกแก้มซ้ายของอีตานั่นอย่างแรง หนอยๆๆๆๆๆๆ สายตายังไม่ดี ยังกล้ามาปากดีใส่จาง ฮยอนซึงอย่างฉัน
"หมายเลข 1403..." ก่อนที่ผมจะกระชากคอเสื้อของไอ้หื่นนี่ขึ้นมาฟัดให้สะใจก็มีเสียงประกาศหมายเลขประจำตัวผู้สมัครขึ้นมา 1403 หรอ? ...ของไอ้ซอบป่าววะ
"ฮึ่ม! ฝากไว้ก่อนเหอะ ฉันไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของนายหรอกนะ" สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้ ผมเลยชี้หน้าไอ้โรคจิตแล้ววิ่งเข้ามาในหอประชุม ไอ่มหา'ลัยบ้าบอนี่ดันมาหลอกกันซะได้ ประกาศปาวๆว่าจะประชุมเลือกหอ แต่ที่จริงหลอกมาทดลองเวทย์ มันน่านัก!
ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยสอนไอ้ซอบใช้เวทย์นะ แต่ตอนหัดมันครั้งแรกมันก็ซัดเอาบ้านเช่าพังไปทั้งหลัง ถ้าหนีออกมาไม่ทันมีหวังซี้แหงแก๋ทั้งพี่ทั้งน้อง ดีที่ผมหิ้วมันออกจากอาณาจักรชองนัมทัน ไม่งั้นจะไปหาเงินชดใช้ค่าบ้านได้ไง แล้วถ้าวันนี้ไอ้ซอบมันเกิดทำหอประชุมหลังอภิมหึมาพังนี่ล่ะ ชาตินี้ฉันก็ชดใช้แทนแกไม่หมดหรอกนะ T^T
หน้าปะรัมพิธีผมเห็นว่าเป็นผู้หญิงหนิ ยังดีที่ยังไม่ใช่ไอ้ซอบ ผมเลยเดินหาเจ้าตัวยุ่งต่อไป
"ไม่ผ่าน!!" อะไรมันจะเร็วปานนั้น O_O เด็กสาวคนนั้นถูกไล่ลงปะรัมพิธีทันทีที่กรรมการตัดสินเมื่อเธอไม่สามารถใช้เวทย์ให้ทุกคนดูได้ ว่าแต่ผมหมายเลขอะไรล่ะเนี่ย
'1405' ถ้าของผม 1405... ไอ้ซอบมันเข้าแถวรับสมัครก่อนผม... ถ้างั้น!?!!
"หมายเลข 1404 ยาง โยซอบ" งานเข้าแล้วไง้ T^T
+ + + + + + + + + + + + + + + + +
Yoseob Told >>
"ไอ้นี่ก็น่ากิน ไอ้โน่นก็น่าอาหย่อย~ โอว นี่มันสวรรค์ชัดๆ" รอบกายของผมเต็มไปด้วยของกินน่าหม่ำทั้งเลยง่า ทั้งราเมง สปาเก็ตตี้ ผัดไทย บะหมี่ อา~ ของชอบทั้งนั้นเลย จะลงมือกินละน้า~^0^
"อ๊า เอาราเมงของฉันคืนมานะ" ไม่ทันจะได้คีบเส้นเข้าปากก็มีใครมาแย่งถ้วยราเมงของผมไป เอาคืนมานะ >0<
"นาย... นาย..." ผมรู้สึกว่าตัวผมถูกเขย่าจากคนข้างๆ หลับไปหรอเนี่ย
"อืออออ~อ หือ??" ผมขยี้ตาสองสามทีให้ลืมตาได้ถนัด
"นายหมายเลข 1404 ไม่ใช่หรอ? ไปดิ..." เขาโบกมือให้ผมรีบลุกขึ้น นายคนนี้ชื่อกีกวางครับ ดูหน่อมแน้มยังไงพิลึก สงสัยจะเป็นเด็กเรียน
"เขาเรียกแล้วหรอ" ผมค่อยๆลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้สุดแข็ง แล้วเหลือบตาไปที่ปะรัมพิธีข้างหน้า
"หมายเลข 1404 สละสิทธิ์หรอ?"
"เปล่าครับ ขอโทษที" ผมรีบตะโกนแล้วก้าวฉับๆ ยอมเข้าทดสอบเวทย์ดีกว่ากลับบ้านโดนไอ้พี่สวยบ่นใส่นะ
"ชักช้าอย่างงี้อย่าได้หวังจะเข้าวังซองเล้ย" ระหว่างที่ผมเดินไปตามทางเดิน เสียงคุ้นหูก็สบประมาทผมจนได้
"หึหึ ปากเสียอย่างงี้ก็คงได้เข้าหรอก" ผมหันกลับไปย้อนใส่เจ้าของเสียงพร้อมกับรอยยิ้มกว้างแบบสะใจสุดๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ก็ไอ้กาแฟที่กัดกับผมเมื่อเช้านี่แหละ!
ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมรีบไปยืนตรงจุดที่เค้าบอก แต่ว่าจะให้ทำไรยังไงอ่ะ?
"เริ่มได้..."
"เดี๋ยวครับ! ผมต้องทำอะไรบ้างครับ?" ผมถามหน้าตาย คนมันไม่รู้ก็ต้องถามสิ แล้วเสียงหัวเราะก็ดังก้องหอประชุม ผมพูดอะไรผิดหรอ??
"ถ้าอย่างนั้น ตั้งแต่เข้าประชุมมานี่เธอไม่ได้ฟังกรรมการคุมสอบประกาศเลยใช่มั้ย ติดลบ 10 คะแนน!!" คุณป้าผู้คุมสอบดุผมซะเสียเซลฟ์ ยังไม่ได้เข้าเรียนแล้วป้าแกจะเอาคะแนนที่ไหนไปหักล่ะเนี่ย -*-
"แสดงพลังเวทย์ของเธอให้พวกเราทุกคนดู แล้วพวกเราจะตัดสินว่าเธอสมควรได้เข้าเรียนที่วังซองแห่งนี้หรือไม่โดยให้เธอเลือกสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วส่งพลังไปที่นั่น" พี่สาวที่ยืนคุมอีกฟากหนึ่้งเดินเข้ามากระซิบ
"ห้ามแตะต้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใช่มั้ยครับ?"
"ใช่จ้ะ ขอให้โชคดี" พี่สาวยิ้มหวานให้ผมก่อนจะกลับไปยืนที่เดิมของเธอ
เสียงหัวเราะค่อยๆเงียบลง ผมนึกถึงคำที่พี่ซึงเคยบอกกับผมเมื่อห้าปีที่แล้วว่าให้ตั้งสมาธิให้ดีอย่าวอกแวก แต่วันนั้นผมดันพังบ้านทั้งหลังจนเละไม่เป็นท่าเลยอ่ะ จะว่าได้ก็ไม่ได้ฝึกมาหลายปี ผมอาจจะสอบตกก็ได้ แต่ก็นะ ทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกัน...
ผมกวาดสายตาไปที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า เลือกอะไรดีน้า เอาต้นกล้าของหอคหบดีดีกว่า หอนี้แหละสบายที่สุดแล้ว
ผมหลับตาค่อยๆรวบรวมสมาธิทั้งหมด ยกแขนขวาขึ้นมา ทั้งแขนของผมเย็นเฉียบ ผมสัมผัสได้ถึงสมาธิที่มี ขอให้มันสำเร็จด้วยเถิด...
"อะไรกันน่ะ!!" ผมได้ยินเสียงใครหลายคนตะโกนขึ้นมา ผมจึงลืมตาแล้วพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างสว่างวาบเป็นสีขาวจนตาพร่า ผมได้แต่ยกแขนทั้งสองป้องตาผมไว้จนแสงนั้นค่อยๆหายไป แล้วก็พบว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าถูกยกขึ้นมาเปล่งประกายเรืองรองอยู่บนอากาศ นี่มันหมายความว่ายังไง??
+ + + + + + + + + + + + + +
"นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?" โยซอบได้แต่ยืนนิ่งตะลึงงันในสิ่งตัวเองได้ทำลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ดวงตากลมโตนั้นสั่นระริก
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าอันได้แก่มงกุฎแห่งหอกษัตริย์ ดาบแห่งหออัศวิน คัมภีร์แห่งหอปราชญ์ ต้นกล้าแห่งหอคหบดี และลูกแก้วแห่งหอศิลป์ ลอยอยู่ตรงหน้าของหนุ่มน้อย เขาค่อยๆถอยห่างออกจากมาช้าๆอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง หัวใจก็หล่นวูบไปถึงตาตุ่ม
โยซอบพยายามที่จะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างแต่เขาไม่สามารถทำให้กลับเป็นอย่างเดิมได้ ฮยอนซึงก็ได้แต่ลุ้นเป็นกำลังใจให้น้องชายแต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าเหตุการณ์เดิมจะเกิดขึ้นเหมือนกับห้าปีก่อนหรือไม่
ยังไม่ทันจะได้ถอนหายใจ หอประชุมทั้งหลังก็เริ่มสั่นคลอน ฝุ่นผงค่อยๆหล่นลงมาจนทำให้ควันคละคลุ้งไปทั่ว นักศึกษาชายหญิงกรีดร้องด้วยความตกใจ ลุกจากที่นั่งวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น ส่วนโยซอบก็ได้แต่ภาวนาให้สถานการณ์กลับเป็นปกติ เขารวบรวมสมาธิ อธิษฐานให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ก็มีทีท่าว่าจะไม่ดีขึ้น
"ท่านอธิการบดีชิมครับ ทำอย่างไรดีครับ..." หนึ่งในคณะกรรมการหันไปถามผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่ไม่แสดงอาการหวาดกลัวให้เห็น สายตาของเขาจับจ้องไปที่โยซอบไม่วางตา แล้วหนุ่มน้อยก็รวมพลังอีกครั้ง จนกระทั่งหอประชุมที่สั่นไหวราวกับจะโค่นล้มลงมาให้ได้หยุดนิ่ง ความโกลาหลทั้งหลายหยุดลง โยซอบก็ได้แต่ยืนงงอยู่อย่างนั้น อธิการบดีชิมยิ้มเล็กๆที่มุมปากก่อนจะลุกขึ้นประกาศ
"นักศึกษาหมายเลข 1404 สอบผ่านเข้าหอกษัตริย์!!"
"หา!?!!"
+ + + + + + + + + + + + + +
กำลังใจหายหดไปหมดเลยจ้ะ T^T
ขอความกรุณาเม้นต์เป็นกำลังด้วยนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น