คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นของการเป็นว่าที่สามี
เสียงดนตรีบรรเลงดังไปทั่วจวนเสนาบดีชุนแห่งแคว้นไป๋ ด้วยวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดครบ 40 ปีของท่านเสนาบดีชุนสุ่ยจิง ผู้คนต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย ทุกคนที่มาร่วมงานต่างแต่งกายหรูหรา พูดจาสนทนากันด้วยรอยยิ้มมีความสุข คนในตระกูลของท่านเสนาบดีต่างรู้สึกถึงบรรยากาศรื่นเริงสนุกสนานเสียงบรรเลงเพลงในงานเลี้ยงไพเราะจับใจ
แต่มันช่างแตกต่างและห่างไกลกับความรู้สึกของเด็กหญิงตัวน้อยที่อาศัยอยู่ในเรือนเล็กที่มีหนึ่งห้องนอนใหญ่และสองห้องเล็กปีกข้างที่ตั้งอยู่ทางประตูท้ายจวนแห่งนี้เหลือเกิน
ชุนลี่เย่วเด็กหญิงตัวน้อยในวัยสิบหนาว เป็นบุตรสาวคนที่ห้าของท่านเสนาบดีชุนสุ่ยจิง ซึ่งเกิดกับอดีตฮูหยินเอกเถาลี่อิงที่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ใบหน้าของเด็กน้อยมีเค้าว่าโตขึ้นคงจะเป็นหญิงงามมิน้อย ใบหน้ารูปไข่แต่มีแก้มกลมด้วยยังเป็นเด็กน้อย จมูกโด่งเล็กรับกับปากรูปกระจับอิ่มสีแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตหวานซึ้งรายล้อมไปด้วยแพขนตาหนางอนงาม แต่แววตาคู่หวานกลับมีความกลัดกลุ้มในขณะที่มองไปทางหญิงวัยกลางคนที่ลมหายใจแผ่วเบาเนื้อตัวร้อนจัดที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเล็กด้วยความกังวล
เด็กหญิงชุนลี่เย่วตัวน้อยกำลังวิตกกังวลด้วยแม่นมที่คอยเลี้ยงดูตนมากำลังจับไข้ แต่ตอนนี้ที่จวนกำลังมีงานเลี้ยงสำคัญทำให้พ่อบ้านที่เป็นคนดูแลเรื่องทั่วไปของจวนไม่สามารถมาพบเด็กน้อยได้ตามที่ให้บ่าวคนสนิทไปแจ้ง
"ทำอย่างไรกันดีเจ้าคะคุณหนู แม่นมตัวร้อนไม่ลดลงเลยถ้าไม่รีบให้ท่านหมอมาดูอาการโดยเร็วมิรู้ว่าอาการจะหนักหนากว่านี้อีกเท่าใด" บ่าวหญิงหน้ากลมนามอิงอิงวัยสิบสามปีที่กำลังนำผ้าชุปน้ำเช็ดตัวให้คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงหันมาเอ่ยถามคุณหนูของตน
"งานเลี้ยงยังมิใกล้เลิกอีกอย่างงั้นรึ" คุณหนูตัวน้อยหันไปเอ่ยถามบ่าวอีกคนของตน
"ยังเจ้าค่ะ คงอีกสักสองถึงสามชั่วยามนู้นกระมัง เห็นว่ามีองค์ชายสักพระองค์เสด็จมาร่วมงานด้วย" บ่าวหน้าผอมนามผิงผิงวัยสิบสามปีอีกคนเอ่ยตอบ
"ถ้าเช่นนั้นเจ้าสองคนเฝ้าแม่นมฟางเอาไว้ ประเดี๋ยวข้าจะออกไปตามท่านหมอมาเอง" คุณหนูห้าแห่งจวนเสนบดีเอ่ยขึ้น
"จะดีหรือเจ้าค่ะ ถ้ามีคนเรือนใหญ่รู้เข้าคุณหนูได้โดนลงโทษเป็นแน่" บ่าวผิงผิงเอ่ยถามคุณหนูของตน
"ก็ถ้าข้าไม่เป็นคนออกไป แล้วจะให้ใครช่วยออกไปตามท่านหมอได้อีกเล่า พวกเจ้าไม่ต้องเอ่ยอะไรอีกคอยเฝ้าแม่นมฟางเอาไว้ ข้าจะรีบไปรีบกลับ" คุณหนูห้าชุนลี่เย่วเอ่ยจบก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมที่เป็นชุดของบ่าวในจวนมาสวมทับชุดผ้าไหมสีซีดที่ตนสวมใส่อยู่ เอื้อมมือไปหยิบถุงเงินและป้ายไม้เข้าออกจวนมาใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายใบเล็กแล้วจึงรีบวิ่งไปทางประตูด้านหลังของจวนที่อยู่ไม่ไกลจากเรือน
ที่ประตูหลังของจวนมีองครักษ์ยืนเฝ้ายามอยู่สองคนเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยสวมเสื้อคลุมของบ่าวในเรือนวิ่งมาก็มายืนดักเอาไว้แล้วเอ่ยถามทันที
"เด็กน้อยเจ้าเป็นบ่าวเรือนไหน แล้วจะออกไปที่ใด" องครักษ์ที่เฝ้ายามคนหนึ่งเอ่ยถามตามหน้าที่
"ข้าเป็นบ่าวเรือนคุณหนูห้า แม่นมฟางไม่สบายคุณหนูจึงให้ข้าออกไปตามท่านหมอ" เด็กหญิงตัวน้อยรีบเอ่ยปากตอบ
"เรือนคุณหนูห้า มีป้ายเข้าออกหรือไม่" องครักษ์จดบันทึกลงสมุดแล้วเอ่ยถามเด็กน้อยอีกครั้ง
"นี่เจ้าค่ะ" เด็กหญิงรีบยื่นป้ายไม้เข้าออกของแม่นมให้อีกฝ่ายดูด้วยท่าทางเร่งรีบ
ฝ่ายองครักษ์เห็นท่าทางร้อนใจของอีกฝ่าย และยังมีป้ายอนุญาติเข้าออกมาแสดงจึงปล่อยให้เด็กน้อยออกไปทันที
ชุนลี่เย่วเมื่อออกมาจากจวนได้ก็รีบวิ่งไปตามทางที่ตนจำได้เพื่อไปยังตลาดที่มีร้านหมอตั้งอยู่ทันที ด้วยว่าหลังจากที่มารดาเสียได้เคยติดตามแม่นมออกมาซื้อยาและข้าวของอยู่บ่อยครั้งจึงจำถนนหนทางได้เป็นอย่างดี
"อ๊ะ!!" ด้วยความเร่งรีบขณะที่กำลังวิ่งตรงไปยังโรงหมอเด็กน้อยไม่ได้สนใจมองรอบข้าง อยู่ๆหางตาก็เห็นว่ามีอะไรสักอย่างกระโดดมาทางตนและชนนางเข้าอย่างแรงทำให้ตัวนางล้มลงไปนั่งบนพื้น ด้วยความตกใจชุนลี่เย่วจึงรีบตะครุบจับสิ่งที่กระโดดมาชนนางเอาไว้อย่างแน่นหนา
"อ่ะ มันหยุดวิ่งแล้วขอรับคุณชาย" เสียงเด็กหนุ่มผู้หนึ่งตะโกนขึ้น
เด็กน้อยรู้สึกถึงอาการดิ้นรนของเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือของตนแต่ด้วยเมื่อตอนที่ชนเข้ากับเจ้าสิ่งนี้นางหลับตาเอาไว้ด้วยความตกใจจึงไม่เห็นว่ามันคือสิ่งใด รับรู้เพียงว่าสิ่งนี้มีน้ำหนักแต่ไม่ใหญ่นักมีขนทั้งยังนุ่มมากอีกด้วย จึงค่อยๆลืมตาขึ้นมอง สิ่งแรกที่มองเห็นคือดวงตาสีเหลืองและขนสีดำสนิทเป็นเกรียวสวยงามของสุนัขตัวหนึ่งที่พยายามดิ้นรนเข้ามาซุกตัวในอ้อมแขนของนาง
"มานี่เจ้าลักกี้ วิ่งเร็วนักนะ" เสียงเด็กหนุ่มในชุดบ่าวรับใช้ดังขึ้นข้างๆเด็กสาวตัวน้อย พร้อมกับเอื้อมมือจะมาจับเจ้าสุนัขสีดำที่เด็กน้อยกำลังจับเอาไว้อยู่ แต่เจ้าสุนัขก็ไม่ยอมให้บ่าวชายผู้นั้นจับพยายามดิ้นรนขัดขืน ทั้งยังซุกตัวเข้าหาเด็กสาวอย่างต้องการการปกป้องอีกด้วย
ชุนลี่เย่วที่เห็นท่าทางและเสียงร้องครางเบาๆของเจ้าตัวน้อยที่ตนจับอยู่ก็ใจอ่อนยวบค่อยๆประคองเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วพยุงตัวลุกขึ้นยืน ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บบริเวณก้นของตนที่ล้มกระแทกพื้นแต่ก็ไม่มากเท่าใดจึงไม่ได้ใส่ใจ
"ใจเย็นๆเจ้าค่ะพี่ชาย ดูท่าเจ้าตัวเล็กนี้คงจะตกใจอะไรอยู่กระมั้ง" เด็กหญิงรีบเอ่ยปากบอกอีกฝ่ายเมื่อรับรู้ถึงร่างเล็กในอ้อมแขนที่กำลังสั่นระริก จึงค่อยๆลูบเจ้าตัวเล็กที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดของตนอย่างปลอบโยน
"ลักกี้อย่าดิ้น ประเดี๋ยวคุณหนูผู้นั้นจะเจ็บตัว" เสียงทุ่มฟังดูอ่อนโยนดังขึ้นทางด้านหลังของบ่าวชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กหญิง และพอเสียงทุ่มเอ่ยจบเจ้าสุนัขตัวน้อยในอ้อมกอดก็หยุดดิ้นรนแต่ยังมีอาการตัวสั่นอยู่
ร่างของบุรุษหนุ่มมาหยุดยืนอยู่ข้างๆเด็กหญิงตัวน้อย และค่อยๆเอื้อมมือมาลูบที่หัวของเจ้าสุนัขเบาๆอย่างปลอบโยน ร่างเล็กของเจ้าสุนัขจึงค่อยๆหยุดสั่นลง
"ต้องขออภัยคุณหนูน้อยด้วย ที่สุนัขของข้ากระโดดชนท่านจนล้มไม่ทราบว่าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่" เสียงทุ่มของบุรุษหนุ่มก้มลงเอ่ยถามเด็กสาวตัวน้อยที่สูงเพียงอกของตน
ชุนลี่เย่วค่อยๆประคองส่งเจ้าสุนัขในอ้อมแขนให้แก่ผู้ที่เอ่ยว่าตนเป็นเจ้าของ และยังเอ่ยตอบอีกฝ่ายโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากเจ้าสุนัขสีดำตัวเล็กนี้เลย
"ไม่เจ้าค่ะ ขอบคุณคุณชายที่เอ่ยถามถ้าอย่างไรข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ" ชุนลี่เย่วเมื่อส่งสุนัขสีดำตัวน้อยคืนเจ้าของเรียบร้อยเห็นมันหยุดตัวสั่นและยังหันมองมาทางนางนิ่งๆอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นเจ้าของจึงรีบเอ่ยขึ้น เพราะตนเองยังมีเรื่องเร่งด่วนให้ต้องไปทำ กล่าวจบร่างเล็กของเด็กหญิงจึงวิ่งตรงไปยังร้านหมอที่ตั้งอยู่ไม่ไกลทันที
"ขออภัยขอรับคุณชาย ที่ข้าดูแลเจ้าลักกี้ไม่ดีปล่อยให้หลุดออกมาด้านนอกได้เช่นนี้" ลับหลังร่างของเด็กหญิงบ่าวหนุ่มจึงเอ่ยปากกับคุณชายของตน
"ไม่เป็นไร ปกติเจ้าลักกี้ไม่เคยดื้อรั้นเช่นนี้ คงมีสาเหตุเจ้าไม่ต้องใส่ใจ กลับไปทำงานของตนเถอะ" บุรุษหนุ่มก็เอ่ยบอกบ่าวของตนและให้อีกฝ่ายกลับไปทำงานต่อ
"ขอรับ" บ่าวชายรับคำแล้วเดินกลับไปยังอาคารที่กำลังก่อสร้างอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนักเพื่อทำงานของตนต่อ
"ว่าไง มีอะไรทำไมถึงวิ่งออกมาเช่นนี้ละ" บุรุษหนุ่มก้มลงเอ่ยถามสุนัขของตนด้วยสายตาสงสัย
'ข้าได้กลิ่นหอมคุ้นๆ เลยวิ่งออกมาดูจนเจอว่าเป็นกลิ่นของเด็กน้อยคนนั้น' เสียงของเด็กผู้ชายดังขึ้นแต่ไม่มีใครที่เดินผ่านหรืออยู่ในบริเวณนี้ได้ยินนอกจากบุรุษหนุ่มในชุดสีดำที่ยืนอุ้มสุนัขสีดำเพียงผู้เดียวเท่านั้น
"กลิ่นหอมคุ้นๆอย่างนั้นรึ?" บุรุษชุดดำเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
"ใช่กลิ่นเหมือนเมื่อพันปีก่อนนั้น" เสียงเด็กผู้ชายยังคงดังขึ้นแต่คนที่ได้ยินก็มีเพียงผู้เดียว
"เจ้าคิดว่าจะเป็นนาง?" บุรุษหนุ่มเอ่ยถามสุนัขของตน
'ข้าก็ไม่แน่ใจว่าใช่นางไหม แต่กลิ่นนี้ข้าจำได้ไม่เคยลืม' เสียงเด็กชายยังคงดังตอบกลับมา
"อืม ดูท่านางอายุคงสักสิบหนาว ถ้าอย่างไรก็ค่อยๆดูไปก็แล้วกัน" บุรุษชุดดำเอ่ยจบก็หันหลังอุ้มสุนัขสีดำตัวน้อยเดินกลับไปที่อาคารกำลังก่อสร้างเพื่อตรวจงานของตนอีกครั้ง
********
สวัสดีผู้อ่านทุกคนค่ะ มาพบกันอีกครั้งกับเรื่องที่สี่คุณชายใหญ่ของตระกูลหลงและจะเป็นเรื่องสุดท้ายในเครือท่านมังกรทองหวงหลงแล้วนะคะ ฝากกดติดตาม คอมเม้นท์ ติชมและให้กำลังใจกันได้เช่นเคยนะคะ
ติดตามนิยายของคนตระกูลหลงกันได้
1.ชาตินี้ข้าจะเป็นนางเอก (จบ)
(หลงจินหยาง - ซานเฟิงมี่ (คู่พ่อ-แม่))
https://writer.dek-d.com/MemeLala/writer/view.php?id=2211655
2.ข้าแค่อยากเป็นคนปลูกผัก (จบ)
(หลงซานเฟย - หลิวจิวเมิ่ง (คู่พี่ชายคนรอง))
https://writer.dek-d.com/MemeLala/writer/view.php?id=2220615
3.ภรรยาข้าอายุหมื่นปี (จบ)
(หลงซานเว่ย - กงเทียนเล่อ (คู่น้องสาวคนเล็ก))
https://writer.dek-d.com/MemeLala/writer/view.php?id=2226776
4.พี่สาวท่านเลิกแย่งบุรุษข้าเถอะ (ยังไม่จบ)
(หลงซานหมิง - ??? (คู่พี่ชายคนโต))
https://writer.dek-d.com/MemeLala/writer/view.php?id=2226799
ฝากกดติดตามและกำลังใจให้นักเขียนจอมมึนคนนี้ด้วยนะคะ
~มีมี่ MemeLala~
ความคิดเห็น