อินฟินิตี้ เมื่อรักนี้มาบรรจบ INFINITY
เธอเป็นแค่เครื่องมือของเจ้าชายเท่านั้นแหละ ไสหัวกลับโลกไปซะ! (ความรัก ผจญภัย และสงคราม)
ผู้เข้าชมรวม
820
ผู้เข้าชมเดือนนี้
25
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เขตุรอยต่อโอเจนเรล, ห้วงอวกาศ
นักบินอวกาศกำลังขับเคลื่อนยานเข้าสู่ห้วงอันตรายอย่างโอเจนเรล ห้วงรอยต่ออันคุ้มคลั่งจากการระเบิดของดาวฤกษ์ซึ่งไม่สามารถระบุจำนวนได้พร้อมทั้งพวยพุ่งฝุ่นผงของจักรวาลออกมาอย่างไม่มีหยุดยั้งกำลังสร้างปัญหาให้แก่กัปตันและผู้ช่วยควบคุมยาน
“เตรียมสารละลายแอนทิแกล็กดัสก่อนถึงยี่สิบจุดหนึ่งสามไมล์ข้างหน้า!” กัปตันสั่งการผ่านอุปกรณ์สื่อสารไปยังผู้ช่วยเพื่อเตรียมสารละลายบางอย่างขึ้น
“แอนทิแกล็กดัสพร้อม!” ผู้ช่วยกัปตันรับทราบคำสั่งพร้อมกับเปิดระบบลำเลียงสารละลายจ่อไว้ยังท่อแรงดันใต้ตัวยาน
“เรากำลังจะเข้าสู่ซูเปอร์โรเตชั่น ย้ำ ซูเปอร์โรเตชั่น” หัวหน้านักบินอวกาศแจ้งแก่ผู้ช่วยทั้งสอง
“ทราบครับ/ทราบครับ” ผู้ช่วยกัปตันรับทราบขึ้นพร้อมกัน
สารละลายแอนทิแกล็กดัสถูกปล่อยออกจากท่อลำเลียงเมื่อตัวยานลอยลำเข้าสู่ห้วงแรงกดดันถึงขั้นที่สามารถบดร่างของมนุษย์ให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงภายในพริบตา แอนทิแกล็กดัสมีไว้เพื่อแผ้วถากทางให้พาหนะแสนล้ำนี้เคลื่อนผ่านกลุ่มก๊าซพิษและฝนโลหะร้อนซึ่งสามารถแผดเผาดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะของโลกได้ภายในพริบตาเดียว
กว่าจะเคลื่อนผ่านออกมานอกพื้นที่ห้วงอภิมหาภัยได้ ยานอวกาศได้เสียหลักพุ่งดิ่งออกนอกเส้นทางด้วยแรงผลักของกลุ่มก๊าซที่กดดัน เมื่อเสียการควบคุม ผู้เป็นกัปตันจำต้องควบคุมเพื่อนำพายานล่องลอยเข้าใกล้โคจรวิถีของระบบสุริยะซึ่งไร้ดาวฤกษ์เพื่อเลี่ยงอุณหภูมิร้อนเร่าของแรงเสียดทานอันมหาศาล
“สารละลายเฮเตียเวียซ ย้ำ เฮเตเวียซ!” หัวหน้านักบินอวกาศสั่งด้วยสีหน้าอันสงบหากแต่ภายในใจนั้นหาได้สงบไม่
“เฮเตเวียซพร้อม!” ผู้ช่วยกัปตันรับทราบ
ระบบลำเลียงสารละลายเฮเตเวียซถูกปล่อยออกไปเบื้องหน้าก่อนที่ตัวยานจะพุ่งเข้าไปในห้วงอวกาศมืดดำอันหนาวเหน็บต่ำกว่าจุดเยือกแข็งถึงสองพันเท่า สารละลายได้เปลี่ยนสภาพภูมิอากาศในวิถีการบินให้อบอุ่นชั่วคราวไปเรื่อยๆ เพื่อมิให้ระบบการทำงานของยานอวกาศนั้นหยุดชะงักหรือหนืดพัง
“แย่ล่ะรู้สึกตัวจนได้” แพทย์สาวซึ่งนั่งเคียงข้างร่างบอบบางภายใต้ชุดซึ่งถูกผลิตจากเส้นใยถ่วงน้ำหนักกล่าวขึ้น
เปลือกตาบางใสของเด็กสาวกำลังปรือเปิด สาวน้อยอ้าปากรับออกซิเจนจากท่อหายใจซึ่งเชื่อมกับเครื่องผลิตออกซิเจนข้างกายและหายใจอย่างถี่รัว
“ออกซิเจนกำลังจะหมด ออกซิเจนกำลังจะหมด!” แพทย์สาวสื่อสารแก่เจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งควบคุมแผงวงจรสวัสดิการทั้งหมด
“ทราบและพลังงานในการผลิตออกซิเจนกำลังจะหมด ขอให้หายใจช้าลง ย้ำ หายใจช้าลง” เจ้าหน้าที่สื่อสารกลับมาด้วยน้ำเสียงอันสงบ
หัวหน้านักบินอวกาศรับทราบปัญหาจากเจ้าหน้าที่ทุกส่วนการควบคุม ชายวัยกลางคนกำลังพยายามหาช่องทางเพื่อร่อนยานลงจอด เขารับรู้ในใจว่าต่อให้หาทางนำยานลงจอดได้อย่างปลอดภัย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีออกซิเจนเพื่อใช้ในการหายใจบนสถานที่นั้นๆ แต่ในฐานะของผู้เป็นกัปตัน เขากำลังคิดว่าหากต้องสิ้นชีพ อย่างน้อยต้องพยายามสู้จวบจนวินาทีสุดท้ายนั้นได้มาถึง
“หายใจช้าลง ย้ำ ต้องหายใจช้าลง!” หัวหน้านักบินอวกาศสั่งด้วยอุปกรณ์สื่อสารซึ่งเชื่อมกับระบบกระจายเสียงภายในตัวยานเพื่อแจ้งแก่ทุกชีวิต
ไม่ใช่ทุกครั้งที่โอเจนเรลจะมีสภาพอากาศอันบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าพลังงานที่บรรจุขึ้นมานั้นกำลังจะหมดไปก่อนเวลาด้วยเพราะต้องเอาตัวรอดออกมาจากความเลวร้ายในเขตรอยต่อซึ่งเชื่อมกับสถานีอวกาศกลางระหว่างโลกและแบรกซโลว
“หะ หายใจไม่ออก…” ดาวใสแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ด้วยความระโหยโรยแรงเต็มที
เวลานี้ทุกคนหาได้พะวงกับการนำส่งเด็กสาวให้ถึงสถานีกลางไม่ ดูเหมือนว่าผู้เป็นกัปตันจะยอมรับในชะตากรรมแล้วว่าทุกคนจำต้องเตรียมพร้อมที่จะหมดลมหายใจ
“หนูต้องรอด หายใจเอาไว้นะ!” แพทย์สาวร้องขึ้นพร้อมกับปลดล็อคแขนกลของที่นั่งซึ่งคาดเอวของตนออก
“ไม่อย่าทำแบบนี้นะ ไม่!!!” ดาวใสร้องขึ้นผ่านอุปกรณ์สื่อสาร
ด้วยจิตวิญญาณของผู้เยียวยา หญิงสาวผู้เดินทางขึ้นมาเหนือห้วงชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์อย่างโลกได้ทำการเชื่อมต่อเครื่องผลิตออกซิเจนของตนเข้ากับเครื่องผลิตอากาศของสาวน้อย แม้จะไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องนวัตกรรมนัก หากแต่เธอได้ศึกษาและผ่านการทดสอบภาคปฏิบัติในการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขทุกส่วนประกอบของอุปกรณ์ภายในตัวยานมาเป็นอย่างดี
“ฉัน! นางสาวประทุมวดี สัญญาชัย แพทย์ประจำTHA_01 ภาคภูมิใจที่ได้สละชีพเพื่อชาติค่ะ!” หญิงสาวยกมือขึ้นตะเบ๊ะทำความเคารพไปยังธงชาติไทยและยิ้มทั้งน้ำตาก่อนจะทิ้งตัวหงายล่องลอยอยู่ภายในท้องยาน
“ฮึก ฮือ!!!” เด็กสาวโพล่งขึ้นทั้งน้ำตาอย่างสุดเสียงเมื่อเห็นว่าแพทย์สาวนั้นค่อยๆ หายใจรวยริน
ขณะที่สาวน้อยกำลังกรีดร้องด้วยความตระหนกและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนอยู่นั้น ยานอวกาศขนาดเล็กได้พุ่งพรวดผ่านช่องว่างซึ่งผนังยานได้ถูกกร่อนโดยก๊าซพิษอานุภาพเกินประมาณได้ที่ปนอยู่ในความหนาวเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งสองพันเท่า
“ไม่ไป!!”
ดาวใสร้องขึ้นเมื่อถูกนำพาขึ้นสู่ยานลำเล็กนิรนามด้วยแขนกลซึ่งทำงานอย่างรวดเร็ว ด้วยเพราะอากาศซึ่งใช้หายใจนั้นแทบจะไม่เหลือแล้ว เด็กสาวจึงได้ค่อยๆ หมดสติไป
เหล่าลูกเรือแน่นิ่งไร้สัญญาณชีพอยู่ภายในยานอวกาศลำมหึมา ไม่มีอะไรเหลือ พาหนะต้นทุนการผลิตมหาศาลกำลังล่องลอยเพื่อรอให้ก๊าซพิษและแรงกดดันอวกาศทำลายล้างหากเส้นใยเคลือบผนังด้านนอกนั้นถูกเผาไหม้ไปจนหมด
:::-:::-:::-:::-:::-:::-:::-:::-:::-:::-:::
แบรกซเออเธีย, สถานีอวกาศกลาง
การสัญจรไปมาด้วยยานอวกาศขนาดคล่องตัวผ่านสถานีอวกาศกลางระหว่างแบรกซโลวและโลกนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับเจ้าฟ้าหนุ่มรูปงามซึ่งมีพระนามเต็มว่าไคเดน เดแคลน แบรกซ์ ด้วยเพราะต้องเดินทางตรวจเยี่ยมไพร่ฟ้ายังต่างดวงดาวซึ่งเป็นดินแดนในปกครอง
ร่างบอบบางงามถูกพาเข้ามายังห้องพักซึ่งเต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์ สถานีอวกาศแห่งนี้สามารถกลั่นและสกัดทุกก๊าซภายนอกให้เป็นออกซิเจนได้ อีกทั้งสามารถปลูกพืชเพื่อบริโภคได้อย่างไม่ต้องอาศัยขั้นตอนที่ซับซ้อนเพราะเหล่าดาวฤกษ์นั้นระเบิดหรือดาวเคราะห์ถูกพุ่งชนแตกกระจัดกระจายได้สร้างฝุ่นผงล่องลอยมาตามห้วงอวกาศให้ช้อนเก็บและคัดแยกหาอินทีสารในการเพาะปลูก
“น้ำ…” ชาวโลกตัวเล็กบางเพ้อหาของเหลว
ระบบแปลภาษาของชาวดาวเคราะห์และดวงดาวบริวารซึ่งถูกฝังอยู่ในกระบวนการคิดผ่านอิเล็กทรอไลฟ์เชื่อมกับสมองของไคเดนกำลังทำงานและรับรู้ได้ว่าสาวน้อยนั้นต้องการสิ่งใด
ชายหนุ่มออกคำสั่งแก่หุ่นยนต์รับใช้ในฐานะผู้อำนวยการสถานีกลางให้นำน้ำสะอาดเข้ามายังห้องรับรองแขกจากต่างมาตุภูมิในทันที
ไคเดนตรงมายังเตียงซึ่งไม่กว้างนักพร้อมกับออกคำสั่งให้ส่วนของหัวเตียงนั้นเคลื่อนสูง เด็กสาวจึงสามารถดื่มน้ำได้โดยสะดวกมากขึ้น
ดาวใสจับจ้องแก้วน้ำโลหะรูปทรงสี่เหลี่ยมซึ่งมีมือของหุ่นยนต์รับใช้กระชับเอาไว้ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นจับจ้องเรียวหน้าขาวราวกับงาช้างและกลุ่มผมสลวยสีน้ำตาลเข้มของเจ้าฟ้าหนุ่มรูปงาม สาวน้อยจำแววตาของผู้ที่ให้ความช่วยเหลือตนได้ หากแต่กลับน้ำตาคลอพร้อมกับคว้าแก้วโลหะจากหุ่นยนต์รับใช้แล้วฟาดเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่ม
“มีการประทุษร้าย มีการประทุษร้าย” หุ่นยนต์รับใช้ส่งสัญญาณไปยังหุ่นยนต์ผู้ปกป้องด้านหน้าห้องรับรอง
“ไม่เป็นไร” ไคเดนปรามด้วยการออกคำสั่งให้หยุดผ่านคลื่นสมอง
เด็กสาวขยับกายเข้าไปชิดกับผนังห้องพร้อมมองผ่านกระจกใสพิเศษไปยังห้วงอวกาศอันแสนมืดและสามารถมองเห็นได้เพียงประกายเสียดสีความหนาแน่นของบรรยากาศ รวมถึงฟ้าผ่าจากแรงกดดันของดวงอาทิตย์ก่อเกิดเป็นพายุร้ายมวนวนอยู่เป็นระยะ เธอกำลังตระหนกกับสิ่งซึ่งไม่เคยพบพานนี้ ทุกอย่างช่างผิดไปจากที่ๆ เคยอยู่อาศัยแลใช้ชีวิตอย่างสิ้นเชิง
“ทำไมไม่ช่วยคนอื่นด้วย!” ดาวใสหันกลับทางเดิมด้วยดวงหน้าแสนซีดแลกายสั่นเครือด้วยความกลัวขั้นรุนแรง
“มนุษย์พวกนั้นตายก่อนหน้าที่ฉันจะเข้าไปช่วยเธอนานกว่าสิบนาที” ร่างสูงสง่ากล่าวขณะใช้ลิ้นกวาดเลียโลหิตสีฟ้าอ่อนที่มุมปากของตนซึ่งถูกเหลี่ยมขอบแก้วกระทุ้งบาดด้วยท่าทีสงบ
“ไม่จริงหรอกคุณอยากให้พวกเขาตายคุณมันเป็นสัตว์ประหลาด!” สาวน้อยโพล่งขึ้นหลังจากสังเกตได้ว่าโลหิตของเขาไม่ใช่สีแดง
“สัตว์..ประหลาด” ไคเดนทวนคำของเธอพร้อมกับประมวลผลด้วยระบบอิเล็กทรอไลฟ์ภายในสมอง
เมื่อรับรู้ได้ว่าเด็กสาวนั้นหมายความว่าเช่นไร ชายหนุ่มถึงกับมีนัยน์ตาแข็งกร้าวทันควัน จากเดิมที่เยือกเย็นอยู่แล้ว เวลานี้ยิ่งแล้วใหญ่
“ฮื้อสัตว์ประหลาด!”
เจ้าฟ้าหนุ่มรูปงามกระชากข้อมือเล็กนิ่มของเธอให้ร่างบอบบางโผเข้ามาประชิดกับตนก่อนจะจ้องลงไปในดวงตาคู่กลมใสและรูปทรงซึ่งรับกันในทุกสัดส่วนบนดวงหน้าพริ้มเล็กราวกับสตรีผู้มีรูปโฉมงดงามในภาพเขียนประจำหอสมุดแห่งแบรกซโทเมเนีย หากแต่ต่างไปด้วยเพราะดาวใสนั้นมีร่องรอยของสีชมพูตามเนื้อผิว เพียงแต่เวลานี้เธอกำลังซีดกลัว
“สัตว์ประหลาดสำหรับมนุษย์คือสิ่งชั่วร้ายสินะ” ไคเดนกล่าวหลังจากที่สมองประมวลผลด้านภาษาตามคำสั่งทางความคิดที่เขาต้องการไต่ถามออกมาเป็นคำพูด
“ใช่!” เสียงน้อยๆ โพล่งออกไปทันควันแล้วเบะปากน้ำตาคลอ
ชายหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทีใดในตอนนี้ เขากำลังพินิจพิจารณาว่าคนกำลังมีน้ำตานั้นผ่านช่วงเวลาตระหนกและหวาดกลัวมาอย่างหนัก ยิ่งสาวน้อยนั้นสะอื้น ยิ่งทำให้ไคเดนรับรู้ได้ว่าเธอกำลังเศร้าโศกอยู่ภายในใจพลางรู้สึกโดดเดี่ยวในคราวเดียวกัน แม้สีเลือดจะแตกต่างกัน หากแต่เขานั้นก็เป็นอีกหนึ่งเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
“ท่านครับเจ้าหน้าที่ประจำเส้นทางโคจรของยานอวกาศจากดาวเคราะห์มายังแบรกซเออเธียได้เข้าตรวจสอบยานลำล่าสุดก่อนจะแตกสลาย ทีมตรวจสอบได้ระบุว่ายานลำนั้นคือพาหนะนำส่งตัวแทนแห่งดาวโลกมายังเราในโครงการแบรกซโตวตันซึ่งมีการแจ้งล่วงหน้าว่าจะผ่านเข้ามาครับ” มนุษย์กลหรือหุ่นยนต์หัวหน้าฝ่ายคมนาคมและสื่อสารประจำสถานีวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาแล้วรายงานแก่เจ้าฟ้าหนุ่มซึ่งเป็นผู้อำนวยการสถานที่แห่งนี้ด้วยภาษาแบรกซโลวแล้วเร่งรุดออกไปประจำหน้าที่
ไคเดนเอี้ยวหน้าเพียงเล็กน้อยเพื่อเงี่ยฟังแล้วหันกลับมาจับจ้องดวงหน้าอ่อนสะอาดบริสุทธิ์ของดาวใสทันที ร่างนิ่มละมุนไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านแรงมือของเขาขณะที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด เจ้าชายรูปงามรู้ดีว่าโครงการแบรกซโตวตันคืออะไร
“ปล่อยนะสัตว์ประหลาด!” สาวน้อยโพล่งตัดพ้อพร้อมกับสบสายตาสีน้ำตาลเข้มของร่างสูงสง่าพลางขืนข้อมือด้วยหวังจะดึงกลับแล้วหลุดพ้น
“ถ้าการมีเลือดสีฟ้าทำให้พวกเราดูชั่วร้าย งั้นถ้าชาวแบรกซโลวจะมองว่าพวกที่มีเลือดสีแดงเป็นพวกผิดบาปก็คงไม่ผิด” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยท่าทีอันเย็นยะเยือกนัยน์ตาทึบหม่นขึ้นมาพร้อมกับกระชากคนกำลังผวากลัวและเสียใจเข้ามาใกล้จนสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเธอ
“มะ ไม่จริง!” เสียงนุ่มเล็กร้องเพื่อโต้แย้งขึ้นทันควันแล้วเบะปากสะอื้นกลัวแววตาของร่างอกผายไหล่ผึ่งน่าเรงขาม
“และถ้าเดาไม่ผิดเธอก็ไม่ได้มีเลือดสีแดงหรือสีฟ้าอ่อน อย่าริมาตัดสินเผ่าพันธุ์ของฉัน!!” ไคเดนสบสายตากลมใสของเด็กสาวพลางกล่าวด้วยท่าทีเย็นชาปริ่มว่าจะกัดกลืนกินให้สิ้นชีวาก่อนจะตะคอกด้วยน้ำเสียงกร้าวทุ้มเปี่ยมไปด้วยศักดา
“ฮึก..จะตายให้ดู!” ดาวใสสะอื้นหนักพร้อมกล่าวขณะพยายามดิ้นรนทัดทานแรงมือของเจ้าฟ้าหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยพละกำลังแลอำนาจมาดว่าคล้ายปิศาจกรงเล็บฉกรรจ์ก็ไม่ปาน
ไคเดนนิ่งจ้องคนกำลังสะอึกสะอื้นโดยไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ชายหนุ่มกลับไร้ท่าทีสงสารหรือเห็นใจแลนึกไปถึงสัตว์เลี้ยงขนฟูของผู้เป็นมารดาเมื่อเห็นว่าร่างเล็กอรชรนั้นกำลังดิ้นรนต่อต้านและฟูมฟาย ชีวิตน้อยๆ นี้ช่างเป็นอะไรที่อยู่นอกเหนือขอบเขตชีวิตของเขายิ่งนัก
อะไร..ขืนปล่อยเข้าโครงการตอนนี้มีหวังได้พังกันเป็นแถบแน่ถ้าเกิดตายขึ้นมา ไม่ได้ ต้องเก็บเอาไว้ที่ไหนซักที่ก่อน เจ้าฟ้าหนุ่มรูปงามกล่าวในใจ
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
P.s งานเขียนทุกชิ้นมีกฎหมายคุ้มครอง กรุณาไม่คัดลอก ดัดแปลงหรือทำซ้ำนิยายของเมล่อนเมย์นะคะ รีดท่านใดพบเห็นและหากไรท์ทราบ ขออนุญาตดำเนินการตามกฎหมายค่ะ ขอบคุณที่เข้าใจกันนะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ เมล่อนเมย์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เมล่อนเมย์
ความคิดเห็น