ตัวจริง หรือ ยืมควง - ตัวจริง หรือ ยืมควง นิยาย ตัวจริง หรือ ยืมควง : Dek-D.com - Writer

    ตัวจริง หรือ ยืมควง

    ฟิคเก่า เล่าใหม่

    ผู้เข้าชมรวม

    52

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    52

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 ต.ค. 58 / 01:10 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : [SF] ตัวจริง หรือ ยืมควง ? [rewrite]
      Author : Preamrose
      Pairing : Kangteuk
      Rating : PG-13
      Author note : 
      เรื่องราวทั้งหมด คนแต่งอิมเมจิ้นเองนะค่ะ เพราะว่าไปเจอรูปงานที่คังทึกไปงานแต่งงานมา แล้วนักข่าวรุมล้อม อันนั้นไม่เท่าไหร่ แต่จิ้นตรงที่ไปกันสองคนนี่ละค่ะ น่าคิด 555555555++ ปกติต้องไปแบบว่าควงแฟนไปเปิดตัว หรืออะไรอย่างนี้ แล้วสองคนนี้ละคะ ตัวจริงหรือยืมควง????

       

      “ คังอิน ควง อีทึก ร่วมงานแต่ง เผยจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ “
      “ 
      สื่อแห่สัมภาษณ์ คังอิน อีทึก งานแต่ง ฮยอนดอน 
      “ 
      รักนี้ มีลุ้น !! คังอินควงอีทึก ให้สัมภาษณ์ปลายปีมีเฮ 
      “ 
      คังอิน เปิดตัวหวานใจ ควงคู่ร่วมงานแต่งฮยอนดอน 
      “ 
      คังอิน อีทึก ตัวจริง หรือ ยืมควง …… “

      “ เอ๊า !! ว่ายังไงครับคุณหัวหน้า  แต่ละข่าว ….. รู้สึกยังไงบ้างละ? “ เพื่อนร่างเพรียวเสียงแหลมดังขึ้น หลังจากอ่านหัวข้อข่าวของหนังสือพิมพ์ในเช้านี้


      “ ก็ไม่รู้สึกยังไง เราไปร่วมแสดงความยินดีไง ไม่เห็นแปลกเลยฮีซอล “ ร่างบางที่นั่งจิบกาแฟเอ่ยขึ้น

      “ มันก็จะไม่อะไรหรอกนะอีทึก ถ้าแกไปงานโดยที่ชวนคนอื่นไปด้วยหน่ะ ตอนเช้าชินดงก็ว่างทำไมแกไม่ชวนไปด้วย หรือ อยากไปแค่สองคน “ ฮีซอลแอบยิ้มอย่างรู้ทัน

      “ ก็มันไม่ทันจะชวน แล้วชินดงก็ยังไม่ตื่น คังอินรีบมารับหน่ะ เลยไม่ทันจะปลุกชินดง “ ร่างบางแถไถ ไปเรื่อย

      “ เหร๊ออออออออออออออออ ……….. แล้วซองมินละ เยซองก็อยู่ ทำไมแกสองคนไม่บอกน้องละ 

      “ 
      ก็บอกแล้วไง ว่าปลุกไม่ทัน ตื่นสายด้วย “ ตอบอย่างเดียวก็ไม่ได้ ทำไมต้องหน้าแดงนะ

      “ แล้วทำไมแกต้องหน้าแดง นี่แดงเพราะเคืองฉันที่ซักไซ้  หรือ แดงเพราะเขินที่โดนจับไต๋ได้ละ “ ร่างเพรียวของฮีซอลที่ยังทำหน้าที่แซวเพื่อนจนให้จนมุมต่อไป

      “ ก็ไม่ได้ทั้งสองอย่างนั่นแหละ ฮีซอลนี่ ………. ฉันจะไปทำงานแล้วนะ แล้ววันนี้ไม่ไปถ่ายละครหรือไง “ ก็แล้วทำไมต้องมาแซวด้วยเนี่ยะ ก็รู้ทั้งรู้นะฮีซอล

      “ นี่พ่อลีดเดอร์หวานใจไอ้อ้วน แกลืมอะไรรึป่าว ….หืม?“

      “ 
      ลืมอะไรฮีซอล ……? “ ร่างบางที่อยู่ๆก็ต้องคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ แล้วนี่เราลืมอะไรเหรอไม่นะ นี่เราปล่อยไก่อะไรไปอีกแล้วเนี่ยะ

      “ อืม …. แกคงลืมหรือไม่ก็สับสนอ่านะ ….วันนี้เราต้องไปห้องอัดที่บริษัทเตรียมโปรเจค “ ร่างเพรียวพูดพรางทำหน้าใสซื่อ ใส่เพื่อนร่างบาง

      “ เฮ้ย ใช่สิ ลืมไปเลยฮีซอล ขอบใจนะ ที่บอก 

      “ 
      ไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ต้องไปด้วยกันอยู่ดี แล้วนี่ไอ้อ้วนมันมารึยัง ป่านนี้ขึ้นอืดไปกี่กิโลแล้วเนี่ยะ 

      “ 
      มาแล้ว แต่เดี๋ยวก็คงจะถึงแหละ “ ร่างบางตอบ แต่ฮีซอลคิด  พูดถึงไอ้อ้วนแล้วทำไมอีทึกต้องหน้าแดง … งานเมื่อวานมีอะไรที่เราพลาดไปรึป่าวเนี่ยะ …. ฮีซอลส่งสายตาไปทางร่างบางที่ยืนหน้าแดงเรื่ออยู่

      “ อีทึก งานเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง มีอะไรพิเศษรึป่าว หรือแกได้ดอกไม้จากเจ้าสาว 

      “ 
      บ้าหน่ะ ฮีซอล ฉันจะไปรับดอกไม้ได้ยังไง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ “ ร่างเพรียวที่หลีตาเล็กลงเรื่อยๆ เหมือนจะจับผิดเพื่อนตัวเอง

      โรงแรมชื่อดังของกรุงโซล ในงานฉลองมงคลสมรสของ จอน ฮยอนดอน รุ่นพี่ที่คังอินรู้จักและเคยร่วมงานด้วย ถูกประดับประดาไปด้วยดอกไม้และเสียงเพลงดังเรื่อย รวมถึงผู้ที่มาแสดงความยินดีด้วยมากหน้าหลายตา ทั้งดารานักแสดง ดาราตลก พีธีกร และ ที่ขาดไม่ได้คือ นักข่าว วันนี้ทั้งคังอินและอีทึกได้มาร่วมงานแสดงความยินดี ทั้งสองมาสูทชุดดำ ตัดกับผิวขาวและผมสีทอง ทำให้ทั้งคู่ดูเจิตจรัสระดับหนึ่งในงาน เมื่อก้าวเข้าไปในงานเจ้าบ่าวสาวก็ออกมาตอนรับ ก่อนจะเชิญให้ไปนั่งด้านใน คังอินที่เดินเคียงข้างพี่ชายมาติดๆ ต้องหยุดก่อนที่จะถึงโต๊ะนั่ง เมื่อเจอบรรดานักข่าวที่เดินเข้ามาล้อมตัวเองกับพี่ชายร่างบางไว้

      นักข่าว : สวัสดีค่ะ คุณคังอินและคุณอีทึก 
      คังอิน & อีทึก : สวัสดีครับ
      นักข่าว : วันนี้มาร่วมงานกันแค่สองคนเหรอค่ะ แล้วสมาชิกในวงละค่ะ ไม่ได้มาด้วยเหรอค่ะ?
      อีทึก : อ่อครับ วันนี้พวกเรามากันแค่สองคน เพราะสมาชิกคนอื่นติดงานครับ
      (ร่างบางตอบพลางยิ้มสวยส่งให้นักข่าว)
      นักข่าว : ตามธรรมเนียมแล้ว ปกติงานแบบนี้ผู้ชายจะมากับหวานใจ แล้วพวกคุณไม่ได้พาหวานใจมาเหรอค่ะ?
      คังอิน : หวานใจของผมที่ว่าก็อยู่ข้างๆในแล้วไงครับ ฮ่าๆๆๆ
      (ร่างหนาให้สัมภาษณ์ไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี ผิดกับพี่ชายร่างบางที่ยินทำหน้าเขิน ยามมองไปในตาของร่างหนา)
      นักข่าว : จริงเหรอค่ะนี่ตัวจริงหรือแค่ยืมควงค่ะ คุณคังอิน?
      คังอิน : แล้วพวกพี่คิดว่ายังไงกันละครับ
      (นักข่าวทั้งหลายพากันยิ้มอย่างรู้ทัน)

      นักข่าว : แล้วแบบนี้จะมีข่าวดีเมื่อไหร่ละค่ะ?
      คังอิน : ผมต้องถามคนข้างๆผมแล้วละครับ ว่าพร้อมรึยังส่วนผมพร้อมมานานแล้วครับ
      นักข่าว : แล้วแบบนี้อีกไม่นานก็ต้องมีข่าวดีแน่ๆใช่มั้ยคะ คุณอีทึก ??
      นักข่าวยิงคำถามไปหาร่างบางที่ยืมอมยิ้ม เงียบอยู่นาน ต้องถึงกับสะดุ้ง )
      อีทึก : เอ่อ ………..ไม่รู้สิครับ ผมก็รออยู่ แต่ไม่มาขอสักทีเลย ฮ่าๆๆๆ
      ร่างบางได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนความเขิน )
      คังอิน : งั้นผมขอพี่ตอนนี้เลยได้มั้ยละ ??
      ส่งสายตาจริงจัง เป็นคำถามให้ร่างบาง )
      อีทึก : เอ่อ ถ้าพี่ๆหมดคำถามแล้ว พวกเราขอไปนั่งที่โต๊ะก่อนนะครับ
      (งานนี้เดือดร้อนให้ร่างบางต้องรีบหาทางออกให้ตัวเอง ก่อนจะเขินไปมากกว่านี้)


      ทั้งสองลานักข่าวก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะ ที่ทางงานจัดไว้ให้ ตลอดการเดินมานั่ง นักข่าวกลุ่มนั้นก็ยังจับจ้องกิริยาอกาการของทั้งคู่จนถึงโต๊ะนั้ง ทั้งสองแอบกุมมือกัน ทำให้นักข่าวต่างๆต้องยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

      “ อีทึก !!! นี่ อีทึก !! “ เสียงแหลมของเพื่อนร่างเพรียว ทำเอาร่างบางต้องสะดุ้งออกจากความคิด

      “ ว่าไงฮีซอล ตะโกนเสียงดังเชียว 

      “ 
      ก็เรียกครั้งที่ร้อยแล้ว ไม่ได้ยินสักที บอกให้เล่าเรื่องในงาน แต่กลับเงียบแล้วยืนยิ้ม แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ ใช่มั้ย ……..บอกมาเดี๋ยวนี้นะ พ่อตัวดี “ ร่างเพรียวว่า พรางจับคางมนของเพื่อนส่ายไปมา

      “ ไม่มีอะไรหรอกฮีซอล คิดมากน่า …. แล้วนี้ ซองมิน ฮยอกแจ แล้วก็ชินดง พร้อมรึยัง เราจะได้ไปกัน “
      ร่างบางแสร้งเปลี่ยนเรื่อง เพื่อไม่ให้เพื่อนร่างเพรียวซักไซ้อีก ไม่อย่างนั้น ต้องเล่าทั้งหมดให้ฟังแน่ๆ

      “ ก็ได้ แกไม่ยอมบอกฉัน ฉันไปถามไอ้อ้วนของแกก็ได้อีทึก หึหึหึ “ ฮีซอลว่าพรางยิ้มอย่างเหนือกว่า แล้วหันหลังเดินออกไปที่รถ

      นั่นไง …. แล้วจะทำยังไงเนี่ยะ เดี๋ยวคังอินต้องเล่าให้ฟังทั้งหมดแน่ๆเลย แล้วพอเมื่อฮีซอลรู้ทั้งหมดแล้วก็จะเอามาแซวเราอีก เห้อออออ … จริงๆเลยนะ เพื่อนคนนี้

      “ พี่อีทึกไปกันเถอะครับ ……………. “ เสียงน้องชายตัวอวบเรียกมาแต่ไกล

      .

      ..

      รถของบริษัทมารอรับที่หน้าหอพักเพื่อต้องนำทั้งหกไปที่บริษัททำโปรเจคอัลบั้มต่อไป  คังอินที่เพิ่งมาถึงจอดรถและขึ้นไปนั่งรอในรถก่อนจะเว้นที่ว่างให้ใครคนหนึ่งมานั่งด้วย ฮีซอลกระโดดขึ้ยรถไปคนแรกเพียงไม่นานอีกสามสี่คนก็ตามขึ้นรถมา  รถแวนคันใหญ่ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดหมายปลายทาง คังอินแยกกับอีทึกเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ฮีซอลเห็นดังนั้นจึงแอบตามคังอินออกมา เพื่ออะไรบางอย่าง

       

      “ คังอิน ! “ คนโดนเรียกหันหน้ามองผู้เรียกก่อนจะส่งสายตาคำถามว่าเรียกทำไม?

      “ เอ่องานเมื่อวานหน่ะ เป็นไงบ้าง ฉันเห็นพาดหัวข่าวแล้ว….. “ ฮีซอลถามข้อสงสัยก่อนจะเงียบไปตอนท้ายประโยค

       แล้วพี่คิดว่ายังไงละ? 

      แล้วฉันจะรู้ไหมละ ถ้ารู้ก็ไม่มาถามให้เมื่อยปากหรอก ไอ้อ้วน “ 

      “ ก็ไม่มีอะไรนี่ งานก็ปกติดี ส่วนเรื่องข่าวก็เขียนไปงั้นแหละ เพื่อให้หนังสือพิมพ์ขายได้ “ คังอินตอบก่อนจะหยักไหล่เบาๆ อย่างไม่ค่อยสนใจ

      “ มันต้องมากกว่านั้นสิ คังอินฉันถามอีทึกแล้ว แต่มันก็เอาแต่หน้าแดงไม่ตอบ ….เอ๊ะ!! หรือนายสองคนไปแอบได้กันในงาน?? 

       โธ่พี่,,,ถ้าผมจะมีอะไรกันหน่ะ สถานที่ต้องเพอร์เฟคไม่ไปทำประเจิดประเจ้อแบบนั้นหรอกพี่ก็คิดแค่เรื่องนั้นนะ หรือว่า ซีวอนทำบ่อย ?

      “ ไอ้นี่!! กวนประสาท ฉันไม่ถามก็ได้ เดี๋ยวสืบเองก็ได้….” ฮีซอลหน้าบูดออกไปพร้อมกับไม่ได้คำตอบจากคนที่คิดว่าจะได้ จริงๆเลย สองคนมันนี่ช่วยกันปิดดีจริงๆเดี๋ยวไปสืบเองก็ได้ไม่สนหรอก


      talk : ฟิคสั้นๆ ไร้สาระ แต่สนองนิ๊ด ตัวเอง




      แนบรูป** แต่งไว้ตั้งแต่ปี2009แล้ว เคยลงที่ true kangteuk.com  
      งานล่าสุดที่สวีทจนคนเขียนฟิคไปไม่ถูกจะตามมานะคะ 


      ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×