ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Hypnosis Mic ] Love Stories

    ลำดับตอนที่ #3 : Love Stories ( 2 ) ‣ ประธานนักเรียน

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 64


    Love Stories ( 2 )

    ประธานนักเรียน

     

     

    บางครั้งโลกก็มักจะเหวี่ยงเราไปรู้จักกับใครซักคนที่เราคาดไม่ถึง

     

    “ คุณประธาน — เอกสารงบประมาณชมรมส่วนนี้จะให้อาคาริมาตรวจดูอีกทีใช่มั้ย ? ”

    เสียงเรียกของคนที่ยืนอยู่ภายในห้องขนาดไม่กว้างนักด้วยกันทำให้คนที่กำลังนั่งจดจ่ออยู่กับกระดาษปึกหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา, ดวงตาสีฟ้าใสคู่นั้นจ้องมองคนเรียกอยู่ครู่หนึ่ง — หรือพูดให้ถูกต้องก็คือปึกเอกสารขนาดไม่หนามากที่เขาถือ — ไม่เปิดปากพูดอะไรคล้ายกำลังครุ่นคิด แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมาก็ผงกหัวขึ้นลงตอบรับคำพูดดังกล่าว

     

    “ อือฮึ, ถ้าริวเซย์เช็คเรียบร้อยแล้วก็เหลือแค่ให้อาคาริจังมาตรวจอีกที เดี๋ยวก็เอาไปให้อาจารย์ได้แล้วล่ะ ”

    “ โอเค.. ” ริวเซย์ตอบรับ, นำเอกปึกเอกสารงบประมาณที่ถืออยู่ไปวาง “ มีอะไรให้ช่วยอีกมั้ย ? ”

     

    ‘ คุณประธาน ’ ที่ถูกกล่าวถึงไม่ตอบอะไรกลับมาเพราะตอนนี้กลับไปก้มหน้าจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งหนึ่ง เด็กหนุ่มกลอกตาหน่อย ๆ ย้ายตัวเองจากที่ยืนอยู่ให้ไปนั่งอยู่ในจุดที่ไม่ห่างจากอีกชีวิตในห้องนี้นัก เด็กสาวผมขาวนั่งก้มหน้า้้งียบอยู่พักหนึ่งก่อนจะสะบัดหัวขึ้นมาดังควับ

     

    “ ถ้าช่วยหยุดเรียกฉันแบบนั้นได้จะดีมากเลย, ได้ยินนายเรียกแล้วจั๊กจี้ชะมัด ”

    “ สองมาตราฐานจังเลยนะ, อาซึสะ ”

     

    สึคิโยมิ อาซึสะ ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่กลอกตารับข้อกล่าวหาจากปากของรองประธานนักเรียนยิ้ม ๆ แล้วกลับมาสนอกสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของตนเองเหมือนเคย, จากบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้างต้นนี่ก็คงจะคาดเดาได้ไม่ยากว่านอกจากการเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายแล้ว อีกหนึ่งหน้าที่ของเธอก็คือหน้าที่ในฐานะของ ‘ ประธานนักเรียน ’

     

    งานเอกสาร, พวกเรื่องงบประมาณชมรม

    วางแผนงานกิจกรรมในโรงเรียนต่าง ๆ

    แล้วยังมีงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ( .. หรือไม่น้อย ? ) ที่อาจารย์มักมอบหมายให้

     

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด งานที่เป็นงานที่สำคัญที่สุดของอดีตสมรชิกชมรมกีฬา, สิ่งที่ทำให้เธอเป็นที่หวั่นเกรงของพวกชอบแหกกฎ

     

    “ ประธานคะ ! ”

     

    “ จ๋า ? มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า ”

     

    ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงเรียกของใครบางคนที่แฝงความกระวนกระวายใจอย่างปิดไม่มิด อาซึสะเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มและเอ่ยถามเสียงระรื่นเหมือนเคย ต่างจากคนเรียกที่ตอนนี้หน้าตาซีดเซียวคล้ายเจอผีตอนกลางวันแสก ๆ เจ้าหล่อนยืนหอบเกาะขอบประตูอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ เมื่อลมหายใจคงที่แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองคล้ายกำลังแตกตื่น

     

    “ หลังโรงยิม — คือว่า.. ที่หลังโรงยิม — ” อาซึสะนั่งท้าวคาง รอฟังสิ่งเด็กสาวตรงหน้าต้องการจะบอกอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่, เธอเข้าใจ เข้าใจดีเลยว่าการพยายามเรียบเรียงคำพูดตอนเหนื่อยเนี่ยมันลำบากแค่ไหน

     

    ก็หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด .. จะให้วิ่งวุ่นกันทุกสัปดาห์เนี่ยมันก็ไม่ไหวหน่า

     

    “ ว่าไงยัยหนู ? คงไม่ใช่ว่ามีใครทำอะไรแปลก ๆ หลังโรงยิมหรอกนะ ”

    “ อะไรแปลก ๆ ที่ว่านี่มันอะไร ? ”

     

    อาซึสะหันไปมองริวเซย์ที่โพล่งขึ้นมาตาขวาง คนถูกดุด้วยสายตาไหวไหล่รับเหมือนจะบอกว่าแค่พูดไปเรื่อยก่อนจะพากันกลับมาสนใจผู้มาเยือนอีกครั้งหนึ่ง ประธานนักเรียนวาดยิ้มเหมือนเคยแทนการถามย้้ำอ้อม ๆ อีกครั้งหนึ่งว่ามีอะไรให้ช่วย

     

    “ หลังโรงยิม.. มีคนทะเลาะกันค่ะ — ”

     

    ทุกอย่างเงียบลงไปชั่วครู่ก่อนริวเซย์จะหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาขยับมือมาตบลงบนไหล่ของเพื่อนสาวที่นั่งยิ้มนิ่งอยู่กับที่, ช่วงนี้อาซึสะบ่นให้เขาฟังอยู่บ่อย ๆ ว่าค่อนข้างจะรู้สึกเอือมกับการต้องคอยไล่กวดพวกที่ชอบทำตัวมีปัญหาทุกอาทิตย์และเธอหวังว่าจะมีซักครั้งที่เธอไม่ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว อาทิตย์นี้ก็เกือบจะเป็นไปอย่างที่เธอหวัง อาซึสะทำหน้ายู่ตอนโดนหัวเราะเยาะ เธอไม่ได้เกลียดงานประธานนักเรียน แต่บางทีมันก็เหนื่อยนี่

     

    “ ว่าไง, ให้ผมไปจับแทนมั้ยครับคุณประธาน ? ” อาซึสะกลอกตา วางของในมือลงกับโต๊ะแล้วค่อย ๆ แทรกตัวเดินออกมาจากที่นั่งของตัวเอง กระชับเบลเซอร์สีกรมท่าที่สวมอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง

    “ พวกนั้นกลัวนายที่ไหน, ฝากจัดการพวกงานเอกสารแทนด้วยแล้วกัน คุณรองประธาน — ขอบใจที่มาบอกนะ "

     

    ประโยคแรกพูดกับรองประธานนักเรียนขณะประโยคขอบคุณข้างหลังหันไปพูดกับเด็กสาวรุ่นน้องที่ยังยืนตัวสั่นเกาะขอบประตูอยู่ ดัดมือเล็กน้อยเกิดเสียงกระดูกลั่นดังกร๊อบ, ฝีเท้าที่ขยับก้าวอยู่ในจังหวะเนิบ ๆ ค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งเต็มฝีเท้าเมื่อเธอเดินออกมาจากบริเวณอาคารเรียน

     

    ว่าแต่เด็กพวกนี้มันกลัวเธอจริงรึเปล่าเถอะ ก็เห็นยังหาเรื่องให้โดนลากตัวไปหาครูกันทุกอาทิตย์

     

     

     

     

    ถ้าเป็นตามปกติเธอก็จะไปขอยืมดาบจากชมรมเคนโด้มาไว้ถือขู่อยู่หรอก, แต่เพราะตอนนี้เป็นกรณีฉุกเฉิน ( จากที่รุ่นน้องคนนั้นตัวสั่นงก ๆ เธอไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่การทะเลาะกันด้วยคำพูดธรรมดา ๆ หรอกนะ ) วิ่งมาตัวเปล่า ๆ แบบนี้เธอคิดว่าน่าจะมาจัดการเคลียร์ปัญหาได้เร็วกว่า.. เธอค่อนข้างมั่นใจในทักษะการดึงหน้าของตัวเองพอตัว ว่ามันมากพอจะทำให้พวกตัวแสบทั้งหลายไม่กล้าหือกับเธอน่ะนะ

    อาซึสะค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าลงเมื่อวิ่งมาถึงบริเวณโรงยิม โชคดีที่ว่ามันอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่เธอเลยวิ่งมาถึงที่นี่ภายในไม่กี่นาที มือที่เริ่มหยาบบด้านตามประสาคนเล่นกีฬาขยับมาตบแปะลงบนแก้มของตัวเอง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วหุบยิ้ม ปั้นหน้าขรึมเตรียมพร้อมจะเดินเข้าไปลากคอใครก็ตามที่มามีเรื่องวิวาทกันอยู่หลังโรงยิม

     

    ระหว่างกำลังเดินอ้อมอาคารเพื่อไปยงด้านหลังก็ได้ยินเสียงโวยวายดังแว่วมาตามลมพร้อมกับเสียงทำอะไรซักอย่างดังตุ้บตั้บ .. ไม่ใช่แค่ทะเลาะกันแต่ถึงขั้นลงไม้ลงมือเลยเหรอ ? ก็เดาได้อยู่หรอกว่าไม่ได้ทะเลาะกันปากเปล่า แต่เธอก็ไม่ได้คิดว่าจะถึงขั้นต่อยกันแบบนี้นะ

     

    อาซึสะค่อย ๆ เบาฝีเท้าลงทุกครั้งที่ขยับเข้าใกล้ต้นเสียง เสียงทะเลาะโวยวายดังชัดเจนขึ้นจนเธอได้ยินทุกอย่างชัดเต็มสองรูหู ชะเง้อหน้าออกจากบริเวณมุมตึก, พยายามจดจำหน้าของคนที่มาทะเลาะกันเอาไว้เพื่อจะได้ชี้ตัวถูกในกรณีที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหนีไปได้.. แต่เธอก็มองเห็นแค่คนเดียวเท่านั้น เพราะอีกคนหันหลังให้กับฝั่งที่เธอยืนอยู่ ยืนนิ่งอยู่กับที่พักนึงคล้ายกำลังตั้งสติ

     

    “ ตรงนั้นน่ะ ทำอะไรกัน ! ”

    เธอตะเบ็งออกมาเสียงแข็ง เด็กหนุ่มสองคนที่ยืนทะเลาะกันอยู่จนถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้หุบปากเงียบกันลงไปในทันใด คนที่ยืนหันหน้ามาทางเธอคือคนแรกที่ไหวตัวทัน รีบผลักคู่กรณีออกจนเจ้าตัวหงายล้มลงบนพื้นเสียงดังโครมครามแล้วรีบวิ่งออกไปในทันที, อาซึสะเดาะลิ้นเล็กน้อยอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่เอาเถอะ ยังไงตอนนี้เธออยู่คนเดียวจะให้ลากคอไว้ทั้งสองคนมันก็จะเกินความสามารถไปหน่อย.. เดี๋ยวค่อยบอกพวกอาจารย์ให้จัดการให้ก็ได้ มาทะเลาะกันให้เห็นจะ ๆ แบบนี้เธอไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ หรอกนะ

     

    อาซึสะก้าวขายาว ๆ เดินไปหยุดอยู่ข้างหลังคนที่นั่งโอดโอยอยู่บนพื้น ใบหน้าที่ดึงให้ตึงเมื่อซักครู่ผ่อนลง รอยยิ้มเนิบ ๆ ปรากฎขึ้นมาให้เห็นเหมือนอย่างเคย แขนขยับมากอดไขว้กันบริเวณอกแบบหลวม ๆ

    “ โดนผลักล้มซะเสียงดังเชียว ไหวรึเปล่า ? ”

     

    เด็กหนุ่มเงยหน้าหันขวับมาหาเธอในทันใด, ดวงตาต่างสีเป็นเอกลักษณ์คู่นั้นตวัดขวับมาจ้องตาเธอ อาซึสะหยีตาลงเล็กน้อย ให้รับกับรอยยิ้มที่ปรากฎอยู่บนใบหน้า อ่า.. ใช่ ตอนแรกเพราะเห็นแค่จากด้านหลังก็เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่พอหันหน้ามาให้เห็นตรง ๆ แบบนี้เธอก็พอจะมั่นใจว่าคนตรงหน้าคือใคร เงียบอยู่ซักพักเด็กหนุ่มก็สะบัดหน้ากลับไปทางเดิมพร้อมกับค่อย ๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ส่งเสียงจิ๊จ๊ะพลาง ๆ อย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่

     

    “ .. อย่ามายุ่งน่า ” เขาดันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน สภาพดูแล้วสะบักสะบอมไม่ใช่น้อย ๆ เลย คงจะทะเลาะกันหนักน่าดู.. เป็นพวกเด็กเกเรเหมือนที่ได้ยินมาจริง ๆ ด้วยแฮะ แต่นั่นก็ ..ไม่ใช่ปัญหาอะไรนี่น่า

     

    “ จะไม่ยุ่งได้ยังไงกันล่ะ ? สภาพเธอตอนนี้ไม่ไหวแล้วนะ  ”

    “ หา ?! ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่งไงเล่า ฉันไม่จำเป็นต้องให้เธอ — ”

     

    อาซึสะวาดยิ้มกว้าง ยิ้มจนตาหยีแล้วเอื้อมมือออกมาวางปุลงบนไหล่ของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ออกแรงบีบเบา ๆ คล้ายว่าจะขู่ทางอ้อม

     

    ยามาดะ จิโร่คุง

    “ ในฐานะประธานนักเรียน ฉันไม่แนะนำให้นายที่พึ่งทำผิดกฎขัดฉันนะ, เว้นแต่ว่าอยากให้โทษที่จะได้รับหนักขึ้นกว่าเดิมน่ะ ”

     

    ยามาดะ จิโร่ ยังปิดปากเงียบอยู่ ไม่พูดอะไรออกมา “ อย่างแย่เลยเรื่องอาจจะถึงหูคนที่บ้านก็ได้นะ ? ”

     

    เหมือนว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับประโยคดังกล่าว, จิโร่ผ่อนลมหายใจออกมาเสียงดังฟึดฟัดอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ สะบัดมือของประธานนักเรียนที่วางอยู่บนไหล่ออก อาซึสะไม่ได้โวยวายหรือโต้ตอบอะไรกลับไปเพราะดูจากท่าทางแล้ว รุ่นน้องคนนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะขัดขืนอะไรเธอแล้ว อาจจะไม่ชอบที่เธอมาจับแบบนี้ล่ะมั้ง ?

     

    “ ชิ.. รู้แล้วน่า ! ”

     

    ก็เป็นเด็กที่พูดด้วยง่ายดีนี่น่า ไม่ได้ดื้ออย่างที่คิด

     

    .. เหมือนแมวที่กำลังพองขนขู่คนแปลกหน้าเลยแฮะ ?

     

    ーーーーーーーーーー

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×