ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บันทึก Medularizฉบับที่ 5 ถ้ำเคตัส
บันทึก Medulariz ฉบับที่ 5 ถ้ำเคตัส
หลังจากที่เราหนีขึ้นต้นไม้ได้แล้ว ฉันคิดว่าเราจะรอด แต่…..
“ ไม่นะ !! ” ฉันตะโดนดังลั่น ไซม็อนตกลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยตัวเคตัสที่ยืนรออยู่ พวกมันจับตัวไซม็อนไปได้ในที่สุด พวกเคตัสต่างช่วยกันแบกตัวไซม็อนขึ้นแล้วเดินจากไป พวกมันต่างพากันโฮ่ร้องด้วยความยินดี
“ ช่วยฉันด้วย อริส!” ไซม็อนร้องขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะปล่อยเพื่อนให้ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้
“ รอก่อนนะ! ฉันกำลังไปช่วย ” ฉันกระโดดลงจากต้นไม้ พวกเคตัสส่วนหนึ่งแบกไซม็อนหนีไป แต่อีกส่วนหนึ่งก็ตรงมาทางฉัน
“ เข้ามาซิ เข้ามา ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก ” ฉันทำท่ากำหมัดตั้งท่าเพื่อรอต่อสู้ พวกมันเริ่มเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เคตัสตัวหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา ฉันหลับตาปี๋แล้วเหยียดขาออกไป
โพล้ะ !! ฉันดันเตะไปโดนตัวเคตัสตัวนั้นอย่างแรง จนมันกระเด็นออกไป พวกเคตัสตนอื่นเห็นดังนั้น พวกมันวิ่งกรูเข้ามาทางฉันทันที ฉันใช่กระเป๋าตีไปที่พวกมันโดนบ้างไม่โดนบ้าง แต่แล้วฉันก็ต้องเสียท่าพวกมันจนได้ ฉันล้มลง พวกมันพากันแบกตัวฉันขึ้นฉันหมดแรงที่จะสู้พวกมันได้แล้วตอนนี้
“ หยุดก่อน!!! ไอพวกกบ ” ฉันหันไปตามเสียง ราคูพูดขึ้นแค่ประโยคเดียวเท่านั้นพวกเคตัสก็โยนฉันทิ้ง แล้วรีบวิ่งหนีไป
“ ไปให้พ้นเลยนะ ไอพวกกบ อาหารฉันเสียรสชาติหมด ” ราคูไล่พวกเคตัสไป พวกมันวิ่งหนีไปจนหมด แล้วราคูก็เดินมาพาฉันเข้าไปในถ้ำใต้โพลงไม้
“ คุณเป็นใครกันคะ ทำไมพวกเคตัสถึงกลัวคุณ ” ราคูเดินไปนั้งหน้าเตาผิงแล้วตอบว่า “ ฉันคือราคู เทพแห่งป่าตะวันตกในดินแดนดรีมเมเนเฟีย ไอพวกกบน่ะมันก็ต้องกลัวฉันอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าเธอนี้เก่งนะหาทางออกจากตาข่ายฉันจนได้ ”
“ แล้วคุณกินเนื้อจริงหรือคะเห็นไซม็อนบอกว่าคุณไม่กินเนื้อ ” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ ตอนแรกก็ไม่กินหรอก แต่เห็นพวกเจ้าแล้วฉันอยากกินขึ้นมาเลย ” ราคูพูดแล้วก็หัวเราะ ฉันว่าเขาแค่อยากจะแกล้งพวกเรามากกว่าอยากกินเรา
“ ราคู คุณช่วยเพื่อนฉันด้วย ” ฉันขอร้องจากใจหวังว่าราคูคงจะใจออน
“ ไม่ใช่เรื่องของข้า ทำไมข้าต้องช่วยเพื่อนเจ้าด้วยล่ะ ” ราคูพูดเสียงแข็ง
“ ถ้าไม่มีไซม็อนแล้วฉันจะช่วยดินแดนแห่งนี้ได้ยังไงกัน ” ฉันบอกกับราคู ราคูทำสีหน้าแปลกใจ “ เธอมาเพื่อช่วย ดรีมเมเนเฟียหรอ? ”
“ ใช่คะ ! ” หลังจากฉันตอบคำถามนั้น ราคูเดินวนรอบๆตัวฉันด้วยท่าทีสงสัย
“ มองหน้าหนูทำไมคะ ” ฉันถามด้วยความกังวล “ ไม่มีอะไรหรอก เธอคือ อริสใช่มั้ย ” ราคูรู้จักชื่อของฉัน
“ ใช่คะ ” ฉันตอบ จากนั้นราคูก็เอาแต่หัวเราะ เขาเดินไปเดินมาพร้อมกับหัวเราะอย่างกำลังสะใจ
“ แล้วคุณจะไปช่วยเพื่อนหนูมั้ย ” ราคูหยุดหัวเราะแล้วหันมาทางฉัน “ ฉันจะไปช่วยอะไรเธอได้ล่ะ เธอจะมาช่วยดินแดนแห่งนี้ เรื่องแค่นี้เธอก็น่าจะจัดการเองได้ไม่ใช่หรอ ” ราคูพูดอย่างนี้หมายถึงอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย แต่ถ้าเขาไม่ช่วย ฉันจะไปช่วยเอง ฉันเดินออกจากที่นั้นทันที
“ จะไปไหน? ” ราคูถามฉัน
“ ก็ไปช่วยเพื่อนไงล่ะ ” ฉันตอบด้วยความโมโห ราคูเดินมาที่ฉันแล้วถามฉันว่าทำไมฉันถึงมาที่นี้ ฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พอเล่าจบสีหน้าของราคูก็ดูเปลี่ยนไป สีหน้าของราคูในตอนนี้เหมือนเขากำลังดีใจ
“ เธอมาช่วยพวกเราจริงๆ หรอ ” ราคูจ้องมาที่หน้าฉัน
“ จริงคะ ถึงแม้ความจริงมันจะไม่ใช่สิ่งที่หนูคิดไว้ก็ตาม ” ฉันพูดด้วยความไม่มั่นใจ หลังจากนั้นราคูก็มีสีหน้าที่เป็นมิตรมากขึ้น
“ ฉันจะไปช่วยเพื่อนเธอเอง ” ฉันตกใจแล้วถามต่อว่า “ ทำไมล่ะคะ ก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นอยากไปช่วยเพื่อนหนูเลย แล้วอะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจ ”
“ ฉันเบื่อกับการที่เห็นดินแดนแห่งนี้เป็นอย่างนี้เต็มทีแล้ว เมื่อก่อนดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข แต่อยู่ดีดีดินแดนแห่งนี้ก็กลับกลายเป็นนรกไป ก่อนหน้านี้ก็มีชายคนหนึ่งมาที่นี้ เขาชื่อ อดัม ”
ฉันตกใจที่ได้ยินชื่อนั้น “ คุณรู้จักคุณปู่ด้วยหรอคะ ” ฉันถามราคูทันที “ รู้จักซิ เธอเป็นหลานของเขาหรอ ” ราคูถามอย่างตกใจเช่นกัน ฉันพยักหน้า ราคูรีบเดินไปหยิบวัตถุปริศนาชิ้นหนึ่งมาให้ฉัน
“ ถ้าเธอเป็นหลานเขา ฉันก็ขอมอบสิ่งนี้ให้กับเธอติดตัวไว้ ”
“ นี่มันคืออะไรคะ ” ฉันหยิบมันขึ้นมา จ้องไปที่รู้เล็กๆตรงกลางวัตถุปริศนา
“ มันคือเข็มทิศ ที่จะบอกทางให้เธอ ไปในทุกที่ที่เธออยากไป ” ราคูบอกฉันเช่นนั้น แต่ลักษณะของมันดูเหมือนก้อนหินแหลมๆที่ดำสนิทก้อนหนึ่ง ซึ่งมีรูอยู่ตรงกลางเท่านั้น
“ ปู่ของเธอเป็นคนดีมาก เขาก็พยายามช่วยพวกเราแต่วันหนึ่งเขาก็หายตัวไป ” ราคูก้มหน้าแล้วพูดต่อว่า “ ฉันหวังว่าสิ่งนี้ คงจะนำทางเธอให้ไปช่วยเจ้าตุ๊กตาแมวตัวนั้นได้นะ ”
“ แล้วไม่ไปด้วยกันหรอคะ ” ฉันถามราคูด้วยความสงสัย
“ ไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นสัญญาระหว่างข้ากับพวกเคตัส ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับการหาอาหารของพวกมัน แต่ข้าจะให้สิ่งที่พวกมันกลัวไป ข้าช่วยได้แค่นี้จริงๆ ซึ่งถ้าเจ้าไปช้า เจ้าตุ๊กตาแมวอาจจะตกเป็นอาหารของพวกมันแล้วก็ได้ ” ราคูพูดเสียงแข็ง
“ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่า พวกเคตัสพาไซม็อนไปไว้ที่ไหน ” ราคูจ้องไปที่หินเข็มทิศ “ ก็ใช้นี่ไง ”
ฉันออกมาจากถ้ำของราคูแล้วเดินเรื่อยๆ ในมือก็กำหินเข็มทิศไว้แน่น สายตาก็มองไปที่มันด้วยความสงสัยว่า จะใช้เจ้าหินก้อนนี้ยังไง ฉันกำมันไว้ในมือ แล้วลองหลับตาอธิฐาน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น แล้วจะให้ทำวิธีไหนล่ะ ฉันคิดในใจด้วยความโมโห แล้วเอานิ้วชี้จิ้มลงไปในรูตรงกลางหินแล้วยกขึ้นมา
“ ฉันอยากไปที่อยู่ของพวกเคตัส!!!! ” ฉันตะโกนเสียงดังด้วยพลังโมโห
มันได้ผล! หินเข็มทิศที่คาอยู่ที่ปลายนิ้วชี้เริ่มหมุนซ้ายหมุนขวา แล้วปลายของมันก็เปล่งแสงสีเหลืองออกมา มันหยุดแล้วชี้ไปทางด้านซ้ายมือของฉัน
ฉันออกเดินไปตามทางที่เข็มทิศนั้นชี้ไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆแสงสีเหลืองก็ดับลงแล้วกระเด็ดหลุดออกจากนิ้วฉันเองโดยอัตโนมัติ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู นี้ถึงแล้วหรอ ไม่เห็นมีอะไรเลย ป่าหิมะว่างเปล่า หินนี้ไม่เห็นได้เรื่องเลย ฉันกำมันแล้วกระโดดเพื่อพยายามจะโยนมันทิ้งไป
โอ๊ยยยย!!!!!!
ฉันร้องด้วยความตกใจ อยู่ดีๆฉันก็ตกลงมาในหลุมแล้วไหลลงมาตามช่องเล็กๆ ไม่นาน....
ตุ๊บ!!!!
ฉันตกลงมาบนพื้นหนึบๆ เขียวๆ น่าขนลุก ไม่ใช่แค่ที่ฉันอยู่ แต่ที่นี้ทุกที่ก็มีสภาพเช่นเดียวกัน
เสียงประหลาดดังขึ้นมาจากข้างใต้ที่ฉันอยู่ พอมองลงไปข้างล่าง ก็เห็นพวกเคตัสเป็นพันๆตัว ต่างนอนกรนหลับกันอย่างน่าเกียจ เคตัสสองตัวที่ทำท่าทางเหมือนทะเลาะกันอยู่มุมถ้ำ ฉันมองหาไซม็อนก็เหลือบไปเห็น นั้นไซม็อน !! ไซม็อนถูกจับใส่กรงห้อยไว้บนผนังข้างหลังเจ้าเคตัสสองตัวนั้น
“ ไซม็อน! ไซม็อน ! ” ฉันตะโกนเบาๆไม่ให้พวกเคตัสได้ยิน “ ไซม็อนหันมาทางนี้ซิ! ” แต่ดูเหมือนไซม็อนจะไม่ได้ยินเสียงของฉันเลย
ฉันพยายามปีนลงไปอย่างช้าๆและให้เบามากที่สุด เพื่อไม่ให้พวกเคตัสตื่น ฉันค่อยๆเดินลัดเลาะไปตามตัวเคตัสแต่ละตัวอย่างช้าๆ บางตัวนอนเหยียดแข้งขาไปมาหวุดหวิดจะโดนตัวฉัน
“ คูกิกาลู” เคตัสตัวหนึ่งส่งเสียงแปลกๆขึ้นมา ฉันตกใจถอยหลังไปล้มชนเคตัสอีกตัวที่หลับอยู่ มันพลิกตัวแล้วเอามือข้างหนึ่งมาทับขาฉันแน่น ฉันตกใจจะร้องออกมาแต่ทำได้แค่เอามือมาอุดปากตัวเองไว้แน่น เคตัสตัวที่ส่งเสียงร้องมันพลิกตัวแล้วกลับไปหลับต่อ ทำฉันตกใจแถบแย่ ฉันพยายามยกมือของเคตัสที่ทับขาฉันออกอย่างช้าๆ –ฮึบ- ดูเหมือนจะไม่ได้ผล –ฮึบ- ขาของมันเล็กแต่หนักมาก ฉันไม่สามารถเอามันออกได้
ฮึบ!!! ครั้งนี้ขานั้นยกขึ้นโดยที่ฉันไม่ต้องออกแรงมากเท่าไร
แปะ! แปะ!
น้ำเขียวๆ หนืดๆ หยดลงมาตรงขาอีกข้างหนึ่ง ฉันเงยหน้าขึ้นไปดู ตัวเคตัส! มันตื่นแล้ว
“ กีคานามูอูดู้ ” มันพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเป็นภาษาแปลกๆ แล้วก็จับขาฉันลากเดินไปตามทาง เคตัสตัวอื่นๆก็เริ่มตื่นขึ้นมา แล้วส่งเสียงแปลกๆกันดังกระหึ่ม
“ อริส! เธอมาที่นี้ได้ยังไง? ” ไซม็อนถามด้วยความดีใจ
“ ก็มาช่วยเธอไง อุ๊ย! ” ฉันตอบยังไม่ทันจบ เคตัสมันก็โยนฉันเข้าไปในกรงอีกอันที่อยู่ข้างๆไซม็อน แล้วมันก็ดึงฉันขึ้นไปเรื่อยๆ จนฉันห้อยอยู่ในกรงเท่ากับไซม็อน
“ นึกว่าเธอจะไม่มาช่วยฉันซะแล้ว ” ไซม็อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆด้วยความดีใจ
“ ต้องมาซิ ” ฉันตอบ “ ฉันนึกว่าพวกมันกินเธอไปแล้วซะอีก ” ฉันกระซิบไปที่ไซม็อน
“ ตอนแรกมันก็จะกินฉัน แต่มันพูดอะไรกันไม่รู้ซักพักมันก็จับฉันมาไว้ในกรงบ้าๆนี้ล่ะ ” ไซม็อนตอบพลางเอามือเล็กๆ เขย่าไปที่กรง
“ แล้วเธอล่ะ รอดจากพวกมันได้ยังไง ” ไซม็อนทำตาโตแต่ก็โตได้แค่นิดเดียว
“ ราคูงะล่ะ เขาช่วยฉันไว้ ”
“ ราคูไม่กินเธอแล้วหรอ ” ไซม็อนถามด้วยความสงสัย “ เห็นว่าเขาจะกินพวกเราไม่ใช่หรอ ”
“ อืม! เขายังให้เจ้าหินเข็มทิศนี้มาเพื่อตามหาเธออีกด้วย เขารู้จักกับคุณปู่ฉันด้วยนะ ” ฉันหยิบหินเข็มทิศจากกระเป๋าแล้วให้ไซม็อนดู
“ มันก็เป็นแค่ก้อนหินธรรมดา ”
“ อย่ามองอะไรแค่ภายนอกซิ มันทำอะไรได้มากกว่าที่เห็นนะ ” ฉันยิ้มแล้วเก็บมันลงกระเป๋าทันที สายตาฉันก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่างในกระเป๋า
“ ฉันรู้วิธีออกจากที่นี้ได้แล้วล่ะ ” ฉันมองไปที่พวกเคตัส แล้วก้มลงไปหยิบแผ่นหินที่ราคูได้ให้ไว้ก่อนมาถ้ำเคตัส
“ เธอจะใช้ไอ้แผ่นหินนั้นขว้างหัวพวกมันแล้ววิ่งหนีหรอ ” ไซม็อนถามฉันด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ บ้าหรอไง !” ฉันอุทานออกมา “ ราคูบอกว่า พวกมันกลัวแผ่นหินนี้มาก ” ไซม็อนเหมือนจะเริ่มเชื่อฝีมือฉัน ฉันตะโกนเรียกพวกเคตัสอย่างดัง มีเคตัสสองตัวที่เฝ้ากรงขังเดินตรงมาทันที
“ ไซม็อนอยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ” ฉันหันไปบอกไซม็อนเพราะตอนนี้สีหน้าของไซม็อนเริ่มซีดมากอย่างเห็นได้ชัด
ฉันชูแผ่นหินนั้นให้เคตัสสองตัวนั้นดู พอมันเห็นมันทำหน้าตกใจกลัวแล้วรีบหมอบลงกับพื้นทันที
ไซม็อนหัวเราะดังลั้น “ ปล่อยพวกข้าไปซะ ไอพวกกบตัวเขียว ” มันตัวหนึ่งรีบเอากุญแจมาไขแล้วปล่อยเราออกจากกรงอย่างมือสั่น
เรายืนหันหน้าไปทางพวกมันแล้วชูแผ่นหินขึ้นให้สูงที่สุด พวกมันค่อยๆตื่นขึ้นทีละตัว เมื่อมันแต่ละตัวตื่นขึ้นก็ต้องกลับไปนอนหมอบลงกับพื้นทันทีพร้อมกับส่งเสียงฮือฮากันดังสนั่นด้วยความกลัว
“ สงสัยพวกมันคงกลัวแผ่นหินนี้มากจริงๆเลยนะเนี้ย ” ไซม็อนถามพลางเดินกอดอกแล้วยืดอกเล็กๆขึ้น “ หลบไปเลยพวกกบตัวเขียว เห็นไหมพวกข้ามีอะไร ถอยๆ ” ไซม็อนเดินนำฉันแหวกพวกเคตัสออกไป
ถ้ำของพวกเคตัสใหญ่และกว้างมาก กว่าจะเดินไปถึงปากถ้ำก็ต้องเดินผ่านพวกเคตัสไปตลอดทาง เดินไปได้ซักพัก ก็เห็นลำธารไหล่ตัดผ่านตัวถ้ำอยู่ข้างหน้า ไซม็อนเดินไปไกล้ลำธารด้วยความมั่นใจ พร้อมกับบ่นด่าพวกเคตัสไปเรื่อยๆ โดยพวกเคตัสก็ก้มหน้าแล้วหมอบอยู่ข้างๆเต็มไปหมด
" พอแล้วอย่าด่าพวกมันมากเลย เดี๋ยวมันโกธรขึ้นมาจะมากินพวกเราซะเปล่าๆ ” ฉันบอกไซม็อน
ไซม็อนหยุดชะงักลงโดยไม่ทันตั้งตัว
“ พวกมันจะมากินเราได้ยังไง ” ไซม็อนจับมือฉันขึ้นมา “ ในเมื่อเรามี....”
แผ่นหินหลุดจากมือฉัน กระเด็ดไปตกในลำธารทันที
“ ไซม็อน! ทำอะไรน่ะ ” ฉันตะคอกไซม็อนด้วยความโมโห “ แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ”
เคตัสตัวหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา แล้วไม่เห็นแผ่นหินที่มือฉัน มันส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณ เคตัสทุกตัวลุกขึ้นแล้วเดินๆช้ามาทางเรา
“ เอาแล้วไง มันล้อมเราไว้หมดแล้ว มอบตัวดีไหม? ” ไซม็อนหันมาถามฉัน
“ จะบ้าหรอ เราไม่ได้กำลังจะโดนตำรวจจับนะ ” ฉันหันไปดุไซม็อน “ คิดซิว่าจะเอาไง ”
พวกเคตัสเริ่มเดินเข้ามาไกล้ๆอย่างช้าๆ มันส่งเสียงคำรามพร้อมโชว์ฟันแหลมๆออกมาพลางจะบอกว่าหนีไปใหนไม่รอดแน่
“ ไซม็อนมองไปที่ลำธารซิ พอจะลงไปเก็บมันขึ้นมาได้มั้ย ” ฉันถาม
“ เดี๋ยวจะรองดู ” ไซม็อนกระโดดลงไปในลำธาร น้ำแรงมากพัดไซม็อนลอยออกไป ฉันเห็นไม่ได้ทีเลยกระโดดตามลงไป ฉันและไซม็อนร้องตะโกนเสียงดังพร้อมไหลไปตามสายน้ำ พวกเคตัสวิ่งตามเราอยู่รอบๆลำธารบางตัวก็วิ่งลงตามเรามา เราเริ่มไหลออกห่างจากพวกเคตัสไปเรื่อยๆ ไหลไปในช่องลำธารเล็กๆยาวสุดลูกหูลูกตา
“ อริส!!” เสียงไซม็อนตะโกนด้วยความตกใจ ไซม็อนพยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำจะมาทางฉัน แต่สายน้ำพัดแรงและเราอยู่ห่างจากกันพอสมควร
“ นั้น !!! มีลำธารน้ำแยกข้างหน้า ” ไซม็อนตะโกนแล้วชี้ไปข้างหน้าอีกไม่ไกล
หลังจากที่เราหนีขึ้นต้นไม้ได้แล้ว ฉันคิดว่าเราจะรอด แต่…..
“ ไม่นะ !! ” ฉันตะโดนดังลั่น ไซม็อนตกลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยตัวเคตัสที่ยืนรออยู่ พวกมันจับตัวไซม็อนไปได้ในที่สุด พวกเคตัสต่างช่วยกันแบกตัวไซม็อนขึ้นแล้วเดินจากไป พวกมันต่างพากันโฮ่ร้องด้วยความยินดี
“ ช่วยฉันด้วย อริส!” ไซม็อนร้องขอความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะปล่อยเพื่อนให้ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้
“ รอก่อนนะ! ฉันกำลังไปช่วย ” ฉันกระโดดลงจากต้นไม้ พวกเคตัสส่วนหนึ่งแบกไซม็อนหนีไป แต่อีกส่วนหนึ่งก็ตรงมาทางฉัน
“ เข้ามาซิ เข้ามา ฉันไม่กลัวพวกแกหรอก ” ฉันทำท่ากำหมัดตั้งท่าเพื่อรอต่อสู้ พวกมันเริ่มเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เคตัสตัวหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา ฉันหลับตาปี๋แล้วเหยียดขาออกไป
โพล้ะ !! ฉันดันเตะไปโดนตัวเคตัสตัวนั้นอย่างแรง จนมันกระเด็นออกไป พวกเคตัสตนอื่นเห็นดังนั้น พวกมันวิ่งกรูเข้ามาทางฉันทันที ฉันใช่กระเป๋าตีไปที่พวกมันโดนบ้างไม่โดนบ้าง แต่แล้วฉันก็ต้องเสียท่าพวกมันจนได้ ฉันล้มลง พวกมันพากันแบกตัวฉันขึ้นฉันหมดแรงที่จะสู้พวกมันได้แล้วตอนนี้
“ หยุดก่อน!!! ไอพวกกบ ” ฉันหันไปตามเสียง ราคูพูดขึ้นแค่ประโยคเดียวเท่านั้นพวกเคตัสก็โยนฉันทิ้ง แล้วรีบวิ่งหนีไป
“ ไปให้พ้นเลยนะ ไอพวกกบ อาหารฉันเสียรสชาติหมด ” ราคูไล่พวกเคตัสไป พวกมันวิ่งหนีไปจนหมด แล้วราคูก็เดินมาพาฉันเข้าไปในถ้ำใต้โพลงไม้
“ คุณเป็นใครกันคะ ทำไมพวกเคตัสถึงกลัวคุณ ” ราคูเดินไปนั้งหน้าเตาผิงแล้วตอบว่า “ ฉันคือราคู เทพแห่งป่าตะวันตกในดินแดนดรีมเมเนเฟีย ไอพวกกบน่ะมันก็ต้องกลัวฉันอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าเธอนี้เก่งนะหาทางออกจากตาข่ายฉันจนได้ ”
“ แล้วคุณกินเนื้อจริงหรือคะเห็นไซม็อนบอกว่าคุณไม่กินเนื้อ ” ฉันถามด้วยความสงสัย
“ ตอนแรกก็ไม่กินหรอก แต่เห็นพวกเจ้าแล้วฉันอยากกินขึ้นมาเลย ” ราคูพูดแล้วก็หัวเราะ ฉันว่าเขาแค่อยากจะแกล้งพวกเรามากกว่าอยากกินเรา
“ ราคู คุณช่วยเพื่อนฉันด้วย ” ฉันขอร้องจากใจหวังว่าราคูคงจะใจออน
“ ไม่ใช่เรื่องของข้า ทำไมข้าต้องช่วยเพื่อนเจ้าด้วยล่ะ ” ราคูพูดเสียงแข็ง
“ ถ้าไม่มีไซม็อนแล้วฉันจะช่วยดินแดนแห่งนี้ได้ยังไงกัน ” ฉันบอกกับราคู ราคูทำสีหน้าแปลกใจ “ เธอมาเพื่อช่วย ดรีมเมเนเฟียหรอ? ”
“ ใช่คะ ! ” หลังจากฉันตอบคำถามนั้น ราคูเดินวนรอบๆตัวฉันด้วยท่าทีสงสัย
“ มองหน้าหนูทำไมคะ ” ฉันถามด้วยความกังวล “ ไม่มีอะไรหรอก เธอคือ อริสใช่มั้ย ” ราคูรู้จักชื่อของฉัน
“ ใช่คะ ” ฉันตอบ จากนั้นราคูก็เอาแต่หัวเราะ เขาเดินไปเดินมาพร้อมกับหัวเราะอย่างกำลังสะใจ
“ แล้วคุณจะไปช่วยเพื่อนหนูมั้ย ” ราคูหยุดหัวเราะแล้วหันมาทางฉัน “ ฉันจะไปช่วยอะไรเธอได้ล่ะ เธอจะมาช่วยดินแดนแห่งนี้ เรื่องแค่นี้เธอก็น่าจะจัดการเองได้ไม่ใช่หรอ ” ราคูพูดอย่างนี้หมายถึงอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย แต่ถ้าเขาไม่ช่วย ฉันจะไปช่วยเอง ฉันเดินออกจากที่นั้นทันที
“ จะไปไหน? ” ราคูถามฉัน
“ ก็ไปช่วยเพื่อนไงล่ะ ” ฉันตอบด้วยความโมโห ราคูเดินมาที่ฉันแล้วถามฉันว่าทำไมฉันถึงมาที่นี้ ฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พอเล่าจบสีหน้าของราคูก็ดูเปลี่ยนไป สีหน้าของราคูในตอนนี้เหมือนเขากำลังดีใจ
“ เธอมาช่วยพวกเราจริงๆ หรอ ” ราคูจ้องมาที่หน้าฉัน
“ จริงคะ ถึงแม้ความจริงมันจะไม่ใช่สิ่งที่หนูคิดไว้ก็ตาม ” ฉันพูดด้วยความไม่มั่นใจ หลังจากนั้นราคูก็มีสีหน้าที่เป็นมิตรมากขึ้น
“ ฉันจะไปช่วยเพื่อนเธอเอง ” ฉันตกใจแล้วถามต่อว่า “ ทำไมล่ะคะ ก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นอยากไปช่วยเพื่อนหนูเลย แล้วอะไรทำให้คุณเปลี่ยนใจ ”
“ ฉันเบื่อกับการที่เห็นดินแดนแห่งนี้เป็นอย่างนี้เต็มทีแล้ว เมื่อก่อนดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข แต่อยู่ดีดีดินแดนแห่งนี้ก็กลับกลายเป็นนรกไป ก่อนหน้านี้ก็มีชายคนหนึ่งมาที่นี้ เขาชื่อ อดัม ”
ฉันตกใจที่ได้ยินชื่อนั้น “ คุณรู้จักคุณปู่ด้วยหรอคะ ” ฉันถามราคูทันที “ รู้จักซิ เธอเป็นหลานของเขาหรอ ” ราคูถามอย่างตกใจเช่นกัน ฉันพยักหน้า ราคูรีบเดินไปหยิบวัตถุปริศนาชิ้นหนึ่งมาให้ฉัน
“ ถ้าเธอเป็นหลานเขา ฉันก็ขอมอบสิ่งนี้ให้กับเธอติดตัวไว้ ”
“ นี่มันคืออะไรคะ ” ฉันหยิบมันขึ้นมา จ้องไปที่รู้เล็กๆตรงกลางวัตถุปริศนา
“ มันคือเข็มทิศ ที่จะบอกทางให้เธอ ไปในทุกที่ที่เธออยากไป ” ราคูบอกฉันเช่นนั้น แต่ลักษณะของมันดูเหมือนก้อนหินแหลมๆที่ดำสนิทก้อนหนึ่ง ซึ่งมีรูอยู่ตรงกลางเท่านั้น
“ ปู่ของเธอเป็นคนดีมาก เขาก็พยายามช่วยพวกเราแต่วันหนึ่งเขาก็หายตัวไป ” ราคูก้มหน้าแล้วพูดต่อว่า “ ฉันหวังว่าสิ่งนี้ คงจะนำทางเธอให้ไปช่วยเจ้าตุ๊กตาแมวตัวนั้นได้นะ ”
“ แล้วไม่ไปด้วยกันหรอคะ ” ฉันถามราคูด้วยความสงสัย
“ ไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นสัญญาระหว่างข้ากับพวกเคตัส ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งกับการหาอาหารของพวกมัน แต่ข้าจะให้สิ่งที่พวกมันกลัวไป ข้าช่วยได้แค่นี้จริงๆ ซึ่งถ้าเจ้าไปช้า เจ้าตุ๊กตาแมวอาจจะตกเป็นอาหารของพวกมันแล้วก็ได้ ” ราคูพูดเสียงแข็ง
“ แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่า พวกเคตัสพาไซม็อนไปไว้ที่ไหน ” ราคูจ้องไปที่หินเข็มทิศ “ ก็ใช้นี่ไง ”
ฉันออกมาจากถ้ำของราคูแล้วเดินเรื่อยๆ ในมือก็กำหินเข็มทิศไว้แน่น สายตาก็มองไปที่มันด้วยความสงสัยว่า จะใช้เจ้าหินก้อนนี้ยังไง ฉันกำมันไว้ในมือ แล้วลองหลับตาอธิฐาน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น แล้วจะให้ทำวิธีไหนล่ะ ฉันคิดในใจด้วยความโมโห แล้วเอานิ้วชี้จิ้มลงไปในรูตรงกลางหินแล้วยกขึ้นมา
“ ฉันอยากไปที่อยู่ของพวกเคตัส!!!! ” ฉันตะโกนเสียงดังด้วยพลังโมโห
มันได้ผล! หินเข็มทิศที่คาอยู่ที่ปลายนิ้วชี้เริ่มหมุนซ้ายหมุนขวา แล้วปลายของมันก็เปล่งแสงสีเหลืองออกมา มันหยุดแล้วชี้ไปทางด้านซ้ายมือของฉัน
ฉันออกเดินไปตามทางที่เข็มทิศนั้นชี้ไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆแสงสีเหลืองก็ดับลงแล้วกระเด็ดหลุดออกจากนิ้วฉันเองโดยอัตโนมัติ ฉันหยิบมันขึ้นมาดู นี้ถึงแล้วหรอ ไม่เห็นมีอะไรเลย ป่าหิมะว่างเปล่า หินนี้ไม่เห็นได้เรื่องเลย ฉันกำมันแล้วกระโดดเพื่อพยายามจะโยนมันทิ้งไป
โอ๊ยยยย!!!!!!
ฉันร้องด้วยความตกใจ อยู่ดีๆฉันก็ตกลงมาในหลุมแล้วไหลลงมาตามช่องเล็กๆ ไม่นาน....
ตุ๊บ!!!!
ฉันตกลงมาบนพื้นหนึบๆ เขียวๆ น่าขนลุก ไม่ใช่แค่ที่ฉันอยู่ แต่ที่นี้ทุกที่ก็มีสภาพเช่นเดียวกัน
เสียงประหลาดดังขึ้นมาจากข้างใต้ที่ฉันอยู่ พอมองลงไปข้างล่าง ก็เห็นพวกเคตัสเป็นพันๆตัว ต่างนอนกรนหลับกันอย่างน่าเกียจ เคตัสสองตัวที่ทำท่าทางเหมือนทะเลาะกันอยู่มุมถ้ำ ฉันมองหาไซม็อนก็เหลือบไปเห็น นั้นไซม็อน !! ไซม็อนถูกจับใส่กรงห้อยไว้บนผนังข้างหลังเจ้าเคตัสสองตัวนั้น
“ ไซม็อน! ไซม็อน ! ” ฉันตะโกนเบาๆไม่ให้พวกเคตัสได้ยิน “ ไซม็อนหันมาทางนี้ซิ! ” แต่ดูเหมือนไซม็อนจะไม่ได้ยินเสียงของฉันเลย
ฉันพยายามปีนลงไปอย่างช้าๆและให้เบามากที่สุด เพื่อไม่ให้พวกเคตัสตื่น ฉันค่อยๆเดินลัดเลาะไปตามตัวเคตัสแต่ละตัวอย่างช้าๆ บางตัวนอนเหยียดแข้งขาไปมาหวุดหวิดจะโดนตัวฉัน
“ คูกิกาลู” เคตัสตัวหนึ่งส่งเสียงแปลกๆขึ้นมา ฉันตกใจถอยหลังไปล้มชนเคตัสอีกตัวที่หลับอยู่ มันพลิกตัวแล้วเอามือข้างหนึ่งมาทับขาฉันแน่น ฉันตกใจจะร้องออกมาแต่ทำได้แค่เอามือมาอุดปากตัวเองไว้แน่น เคตัสตัวที่ส่งเสียงร้องมันพลิกตัวแล้วกลับไปหลับต่อ ทำฉันตกใจแถบแย่ ฉันพยายามยกมือของเคตัสที่ทับขาฉันออกอย่างช้าๆ –ฮึบ- ดูเหมือนจะไม่ได้ผล –ฮึบ- ขาของมันเล็กแต่หนักมาก ฉันไม่สามารถเอามันออกได้
ฮึบ!!! ครั้งนี้ขานั้นยกขึ้นโดยที่ฉันไม่ต้องออกแรงมากเท่าไร
แปะ! แปะ!
น้ำเขียวๆ หนืดๆ หยดลงมาตรงขาอีกข้างหนึ่ง ฉันเงยหน้าขึ้นไปดู ตัวเคตัส! มันตื่นแล้ว
“ กีคานามูอูดู้ ” มันพูดด้วยน้ำเสียงดุดันเป็นภาษาแปลกๆ แล้วก็จับขาฉันลากเดินไปตามทาง เคตัสตัวอื่นๆก็เริ่มตื่นขึ้นมา แล้วส่งเสียงแปลกๆกันดังกระหึ่ม
“ อริส! เธอมาที่นี้ได้ยังไง? ” ไซม็อนถามด้วยความดีใจ
“ ก็มาช่วยเธอไง อุ๊ย! ” ฉันตอบยังไม่ทันจบ เคตัสมันก็โยนฉันเข้าไปในกรงอีกอันที่อยู่ข้างๆไซม็อน แล้วมันก็ดึงฉันขึ้นไปเรื่อยๆ จนฉันห้อยอยู่ในกรงเท่ากับไซม็อน
“ นึกว่าเธอจะไม่มาช่วยฉันซะแล้ว ” ไซม็อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆด้วยความดีใจ
“ ต้องมาซิ ” ฉันตอบ “ ฉันนึกว่าพวกมันกินเธอไปแล้วซะอีก ” ฉันกระซิบไปที่ไซม็อน
“ ตอนแรกมันก็จะกินฉัน แต่มันพูดอะไรกันไม่รู้ซักพักมันก็จับฉันมาไว้ในกรงบ้าๆนี้ล่ะ ” ไซม็อนตอบพลางเอามือเล็กๆ เขย่าไปที่กรง
“ แล้วเธอล่ะ รอดจากพวกมันได้ยังไง ” ไซม็อนทำตาโตแต่ก็โตได้แค่นิดเดียว
“ ราคูงะล่ะ เขาช่วยฉันไว้ ”
“ ราคูไม่กินเธอแล้วหรอ ” ไซม็อนถามด้วยความสงสัย “ เห็นว่าเขาจะกินพวกเราไม่ใช่หรอ ”
“ อืม! เขายังให้เจ้าหินเข็มทิศนี้มาเพื่อตามหาเธออีกด้วย เขารู้จักกับคุณปู่ฉันด้วยนะ ” ฉันหยิบหินเข็มทิศจากกระเป๋าแล้วให้ไซม็อนดู
“ มันก็เป็นแค่ก้อนหินธรรมดา ”
“ อย่ามองอะไรแค่ภายนอกซิ มันทำอะไรได้มากกว่าที่เห็นนะ ” ฉันยิ้มแล้วเก็บมันลงกระเป๋าทันที สายตาฉันก็ต้องสะดุดกับอะไรบางอย่างในกระเป๋า
“ ฉันรู้วิธีออกจากที่นี้ได้แล้วล่ะ ” ฉันมองไปที่พวกเคตัส แล้วก้มลงไปหยิบแผ่นหินที่ราคูได้ให้ไว้ก่อนมาถ้ำเคตัส
“ เธอจะใช้ไอ้แผ่นหินนั้นขว้างหัวพวกมันแล้ววิ่งหนีหรอ ” ไซม็อนถามฉันด้วยน้ำเสียงกวนๆ
“ บ้าหรอไง !” ฉันอุทานออกมา “ ราคูบอกว่า พวกมันกลัวแผ่นหินนี้มาก ” ไซม็อนเหมือนจะเริ่มเชื่อฝีมือฉัน ฉันตะโกนเรียกพวกเคตัสอย่างดัง มีเคตัสสองตัวที่เฝ้ากรงขังเดินตรงมาทันที
“ ไซม็อนอยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ” ฉันหันไปบอกไซม็อนเพราะตอนนี้สีหน้าของไซม็อนเริ่มซีดมากอย่างเห็นได้ชัด
ฉันชูแผ่นหินนั้นให้เคตัสสองตัวนั้นดู พอมันเห็นมันทำหน้าตกใจกลัวแล้วรีบหมอบลงกับพื้นทันที
ไซม็อนหัวเราะดังลั้น “ ปล่อยพวกข้าไปซะ ไอพวกกบตัวเขียว ” มันตัวหนึ่งรีบเอากุญแจมาไขแล้วปล่อยเราออกจากกรงอย่างมือสั่น
เรายืนหันหน้าไปทางพวกมันแล้วชูแผ่นหินขึ้นให้สูงที่สุด พวกมันค่อยๆตื่นขึ้นทีละตัว เมื่อมันแต่ละตัวตื่นขึ้นก็ต้องกลับไปนอนหมอบลงกับพื้นทันทีพร้อมกับส่งเสียงฮือฮากันดังสนั่นด้วยความกลัว
“ สงสัยพวกมันคงกลัวแผ่นหินนี้มากจริงๆเลยนะเนี้ย ” ไซม็อนถามพลางเดินกอดอกแล้วยืดอกเล็กๆขึ้น “ หลบไปเลยพวกกบตัวเขียว เห็นไหมพวกข้ามีอะไร ถอยๆ ” ไซม็อนเดินนำฉันแหวกพวกเคตัสออกไป
ถ้ำของพวกเคตัสใหญ่และกว้างมาก กว่าจะเดินไปถึงปากถ้ำก็ต้องเดินผ่านพวกเคตัสไปตลอดทาง เดินไปได้ซักพัก ก็เห็นลำธารไหล่ตัดผ่านตัวถ้ำอยู่ข้างหน้า ไซม็อนเดินไปไกล้ลำธารด้วยความมั่นใจ พร้อมกับบ่นด่าพวกเคตัสไปเรื่อยๆ โดยพวกเคตัสก็ก้มหน้าแล้วหมอบอยู่ข้างๆเต็มไปหมด
" พอแล้วอย่าด่าพวกมันมากเลย เดี๋ยวมันโกธรขึ้นมาจะมากินพวกเราซะเปล่าๆ ” ฉันบอกไซม็อน
ไซม็อนหยุดชะงักลงโดยไม่ทันตั้งตัว
“ พวกมันจะมากินเราได้ยังไง ” ไซม็อนจับมือฉันขึ้นมา “ ในเมื่อเรามี....”
แผ่นหินหลุดจากมือฉัน กระเด็ดไปตกในลำธารทันที
“ ไซม็อน! ทำอะไรน่ะ ” ฉันตะคอกไซม็อนด้วยความโมโห “ แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ”
เคตัสตัวหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา แล้วไม่เห็นแผ่นหินที่มือฉัน มันส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณ เคตัสทุกตัวลุกขึ้นแล้วเดินๆช้ามาทางเรา
“ เอาแล้วไง มันล้อมเราไว้หมดแล้ว มอบตัวดีไหม? ” ไซม็อนหันมาถามฉัน
“ จะบ้าหรอ เราไม่ได้กำลังจะโดนตำรวจจับนะ ” ฉันหันไปดุไซม็อน “ คิดซิว่าจะเอาไง ”
พวกเคตัสเริ่มเดินเข้ามาไกล้ๆอย่างช้าๆ มันส่งเสียงคำรามพร้อมโชว์ฟันแหลมๆออกมาพลางจะบอกว่าหนีไปใหนไม่รอดแน่
“ ไซม็อนมองไปที่ลำธารซิ พอจะลงไปเก็บมันขึ้นมาได้มั้ย ” ฉันถาม
“ เดี๋ยวจะรองดู ” ไซม็อนกระโดดลงไปในลำธาร น้ำแรงมากพัดไซม็อนลอยออกไป ฉันเห็นไม่ได้ทีเลยกระโดดตามลงไป ฉันและไซม็อนร้องตะโกนเสียงดังพร้อมไหลไปตามสายน้ำ พวกเคตัสวิ่งตามเราอยู่รอบๆลำธารบางตัวก็วิ่งลงตามเรามา เราเริ่มไหลออกห่างจากพวกเคตัสไปเรื่อยๆ ไหลไปในช่องลำธารเล็กๆยาวสุดลูกหูลูกตา
“ อริส!!” เสียงไซม็อนตะโกนด้วยความตกใจ ไซม็อนพยายามตะเกียกตะกายว่ายน้ำจะมาทางฉัน แต่สายน้ำพัดแรงและเราอยู่ห่างจากกันพอสมควร
“ นั้น !!! มีลำธารน้ำแยกข้างหน้า ” ไซม็อนตะโกนแล้วชี้ไปข้างหน้าอีกไม่ไกล
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น