ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บันทึก Medularizฉบับที่4 ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย
บันทึก Medularizฉบับที่ 4
ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย
ตอนนี้ฉันอยากรู้เหลือเกินว่า เซนเดอร์โรส์น มันคือดอกไม้อะไร ฉันได้รับปากกับลุงฮีมิสส์ไว้ว่าจะเป็นคนตามหามันเอง แล้วฉันจะไปหามันได้ที่ไหนกันล่ะ นี่ก็มึดมากแล้วฉันควรเข้านอนเพื่ออมแรงเอาไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้
“ อริส ! ว่าไงเจอไหม ? ฉันหวังว่าเธอจะเจอมันแล้วน่ะ ” เจ้าตุ๊กตาแมวตาปรือเข้ามาเข้าคุยกับฉัน ฉันตกใจมากกระโจนลุกขึ้นไปนั้งอยู่ปลายเตียทันที
“ นี้มันเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันหรอ เจ้ามีชีวิตจริงๆใช่ไหม ” ฉันถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“ ก็ใช่น่ะซิ ยังไม่ชินอีกหรอฉันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆจากคำอธิฐานของเธอในวันคริสต์มาสไงล่ะ ตกลงแล้วเธอได้มันมาหรือเปล่าตำราชุบชีวิตน่ะ ”
“ ฉันหามันเจอแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะไปหา เซนเดอร์โรส์นได้ที่ไหน ” เจ้าแมวตาปรือกระเทิบเข้ามาไกล้ๆฉันแล้วพูดว่า
“ ก็ฉันนี่ล่ะ ที่จะเป็นคนพาเธอไปเอง ”
ฉันมองไปที่เจ้าตุ๊กตาแมวน้อยอย่างสงสัยว่าจะพาฉันไปที่ไหนแล้วจะไปโดยวิธีใด
“ อริส เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกมีฉันอยู่ ฉันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ” เจ้าตุ๊กตาพูดด้วยท่าทางโอหังยิ่งนัก
“ ก่อนอื่นบ้านเธอมีกระจกบานเก่าซักบานไหมล่ะ ” เจ้าตุ๊กตาถามฉัน ฉันก็ตอบไปว่ามี แล้วฉันก็เดินลงไปที่ห้องเก็บของค้นหากระจกเก่าๆมาบานหนึ่งแล้วฉันก็พบมัน มันเป็นกระจกบานขนาดพอเหมาะ กระจกบานนี้ฉันได้มาในตอนไปเที่ยวที่เมืองไทย มันเป็นกระจกที่สวยมากเพราะมีลวดลายที่เป็นลายกนก ดูไปยิ่งเก่าก็ยิ่งสวยมากเลยทีเดียว ฉันเอามันขึ้นไปบนห้องทันที พอถึงห้องเจ้าตุ๊กตาแมวก็เอากระจกบานนั้นใส่กระเป๋าสีม่วงใบหนึ่งให้ฉันสะพายมันไว้ แล้วก็ลากฉันให้ขึ้นไปนอนบนที่นอนแล้วก็บอกว่า “ อริส ! หลับซะเราจะไปกันแล้ว ”
“ แล้วเจ้าจะพาฉันไปที่ไหนกัน ” ฉันผยุงตัวขึ้นแล้วถามไปด้วยความตกใจ
“ ก็เธอกำลังจะตามหาเซนเดอร์โรส์นไม่ใช่หรอ ฉันจะพาเธอไปเอง ” เจ้าตุ๊กตาแมวพูดจบก็พลักให้ฉันล้มตัวลงนอน แล้วเอามือฉันมาโอบกอดตัวของมันไว้แน่นราวกับตอนนี้ ฉันกำลังนอนกอดตุ๊กตาเวลานอนอย่างไงอย่างนั้น แต่แล้วฉันก็หลับไปจริงๆ ตอนนี้รู้สึกถึงความมืดมิดในยามหลับได้อย่างชัดเจนความเงียบสงัดเริ่มเข้ามาคลอบงำตัวฉัน
“ อริส! ตื่นได้แล้วตอนนี้เรามาถึงแล้ว ” เจ้าตุ๊กตาแมวปลุกฉันให้ตื่นจากการหลับไหล สิ่งที่ฉันเห็นสิ่งแรกในตอนนี้คือ หิมะ ฉันนอนอยู่บนพื้นที่มีหิมะปรกคลุมอยู่ หิมะกำลังตกแต่งฉันกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นเลยแต่อย่างไร ที่นี้ซินะที่คุณปู่พูดถึง เรามาถึงแล้ว ฉันลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
“ ที่นี้ที่ไหนหรอเจ้าตุ๊กตาแมว ”
“ ที่นี้เรียกว่า ดรีมเมเนเฟีย หรือโลกแห่งความฝันยังไงล่ะ ” ดรีมเมเนเฟียหรอ มันช่างสวยงามเหลือเกินจริงๆ นี้เราอยู่ในความฝันของเราเองซินะ
“ อริส อย่ามัวชื่นชมกับธรรมชาติสีขาวนี้อยู่เลยเรามีภาระกิจที่ต้องทำไม่ใช่หรอ ” เจ้าแมวพาฉันออกเดินทางทันที แต่ฉันก็ข้องใจว่าเจ้าตุ๊กตาแมวรู้หรอว่าเซนเดอร์โรส์นอยู่ที่ไหน
“ เจ้าตุ๊กตาแมวเจ้ารู้หรอว่าเซนเดอร์โรส์นอยู่ที่ไหน ” เจ้าตุ๊กตากอดอกแล้วตอบว่า
“ ก็ต้องรู้สิ แต่อริส! ช่วยเรียกชื่อข้าซักทีเถอะข้าเบื่อกับการที่เจ้าเรียกข้าว่าเจ้าตุ๊กตาเต็มทีแล้ว ”
“ แล้วเจ้าชื่อว่าอะไรล่ะ เจ้าตุ๊กตาแมวตาปรือ ” ฉันถามไปด้วยท่าทีที่ขบขัน
“ ข้าชื่อว่า ไซม็อน ” เจ้าตุ๊กตาตนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง
“ เจ้าจะตะโกนเสียงดังไปทำไมกัน กลัวฉันไม่ได้ยินมันหรือไง รู้แล้วว่าเจ้าชื่อไซม็อนโอเคไหม ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตลกเพื่อแกล้งเจ้าไซม็อน แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้ามากมายวิ่งตรงมาทางพวกเรา ฉันกับไซม็อนพยายามหาทางที่มาของเสียงฝีเท้าเหล่านั้น แล้วฉันก็เห็นรอยเท้าเล็กๆวิ่งมาเต็มพื้นที่มีหิมะปรกคลุมอยู่ แต่ไม่เห็นร่างเจ้าของรอยเท้านั้นแต่อย่างใด
“ นั้นรอยเท้าอะไรน่ะไซม็อน แต่ไม่เห็นตัวของเจ้าของรอยเท้านั้นเลย ” ฉันยังพูดไม่จบไซม็อนก็วิ่งนำฉันไปแล้ว เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นก็ปรากฎร่างขึ้น ตัวของมันดูมันแพล็บน่าขยักแขยง ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งตามไซม็อนไปทันที ระหว่างที่เราวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้นไซม็อนก็หันมาพูดกับฉันว่า
“ นั้นคือตัว เคตัส มันเป็นสัตว์ประหลาดตัวเขียวที่มีรูปร่างเหมือนกบแต่เดิน2ขามันเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กแต่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ”
แฮ็กๆๆ..เสียงหอบจากการวิ่งของฉัน ฉันหันไปหาพวกมันขนาดของมันโตประมาณเอวฉัน พวกมันทำปากเหมือนหิวโหยมากแต่ละตัวต่างทำเสียงคำรามอย่างโหยหวน
“ แล้วทำไมตอนแรกถึงไม่เห็นตัวพวกมันล่ะ ” ฉันถามไซม็อนด้วยความสงสัย
แฮ็กๆๆ “ ก็เพราะไม่ให้เหยื่อเห็นตัวพวกมันไงล่ะ นั้นล่ะคือความสามารถของพวกมัน มันคงได้ยินเสียงฉัน ก็เลยหวังจะวิ่งมากินพวกเรามั่ง ” เราทั้งสองวิ่งไปได้ซักพักใหญ่ พวกมันวิ่งเข้ามาไกล้แล้ว
“ ไซม็อนรอฉันด้วย ” ฉันวิ่งสะดุดก้อนหินเล็กๆก่อนหนึ่งล้มลง “ ไซม็อนฉันลุกไม่ไหว ช่วยด้วย!! ”
“ พยุงตัวขึ้นแล้วมาทางนี้ ” ไซม็อนลากฉันไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ พวกเคตัสวิ่งเลยไป พวกมันไม่เห็นเราเลยซักนิด “ ฮะ...ฮัท..ฮัท...ฮัท.. ” ไซม็อนรีบเอามือเล็กมาปิดปากฉันไม่แน่น
“ จะมาจามอะไรตอนนี้อีกล่ะ เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาอีกหรอก ” ฉันอั้นมันเอาไว้รอให้พวกเคตัสไปให้ไกลจากตรงนี้เสียก่อน แต่มือฉันก็ไปจับโดนอะไรเข้า
กรี๊ด!!!! มือฉันไปจับโดนหางของเคตัสตัวหนึ่งเขา “ ไป! ออกไปนะ ” ฉันลากไซม็อนวิ่ง เคตัสตัวนั้นมันส่งเสียงดังเรียกพวกของมันให้ย้อนกลับมา พวกมันเริ่มทำการวิ่งไล่ฉันอีกรอบ
แฮ็กๆๆๆ เสียงหายใจเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาเริ่มลดลงและหายไปในที่สุด เราคงหนีมันมาทันแล้วล่ะ พวกเราวิ่งมาหยุดลงบริเวณสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกปรกคลุมไปด้วยหิมะ น้ำในนั้นแข็งเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว ฉันรู้สึกกระหายน้ำมากในตอนนี้ ฉันชโงกมองลงไปในสระก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น
หน้าฉัน? ทำไมฉันถึงหน้าตาเหมือนกับเจ้าหญิงที่เห็นในฝันตอนนั้นเลยล่ะ ไม่ใช่แค่หน้าตา ฉันสังเกตทุกส่วนของร่างกาย นี้ฉัน!!โตเป็นเด็กสาวอายุประมาณ 16ไปแล้วได้อย่างไรกัน ไม่จริงมั่ง ? ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าภาระหน้าที่ที่ฉันต้องทำมันมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะแล้วซิ
“ ไซม็อน เจ้าเห็นความผิดปรกติในตัวฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ” ไซม็อนพยักหน้า
“ แล้วทำไมถึงไม่ทักฉันซักคำว่าร่างกายฉันเปลี่ยนไป ”
“ อย่าลืมซิว่านี้มันความฝันของเธอนะ เธออยากโตเป็นสาวเร็วๆ เธอก็เป็นสาวแล้วไง ” ฉันตกใจกับคำพูดของไซม็อน แสดงว่าเรื่องราวในนี้ฉันเป็นผู้กำหนดอย่างนั้นหรือ แต่ฉันไม่ใช่คนที่กล้าหาญแล้วฉันจะชนะกับความกลัวของฉันได้อย่างไร
“ อริส ฉันมีความลับจะบอกเธอ ” ไซม็อนทำสีหน้าไม่สู้ดีแล้วจองที่หน้าฉัน
“ เธอเห็นดินแดนนี้หรือเปล่าที่นี้มีเพียง 2 ฤดู คือหนาวกับร้อนช่วงฤดูหนาวหิมะจะตกหนักพอถึงฤดูร้อนที่นี้จะกลายเป็นทะเลทรายไม่มีวัน ที่ว่าที่นี้จะคืนความเขียวขจีดังเดิมได้ ”
“ เจ้าพูดอย่างนี้แสดงว่าที่นี้เคยเขียวขจีมาก่อนใช่ไหม แล้วทำไมที่นี้ถึงได้เป็นอย่างนี้ล่ะ ”
“ เป็นคำสาปของคามาซอตซ์ เทพแห่งความชั่วร้าย เขาได้มาครอบครองดินแดนแห่งความฝันและโกธรแค้นพวกมนุษย์ผู้ใหญ่ เพราะพวกมนุษย์ผู้ใหญ่ไม่เชื่อเรื่องความฝัน ความฝันจึงมีเฉพาะในจินตนาการของเด็กๆเท่านั้น แต่พอเด็กเติบโตขึ้นจินตนาการแห่งความฝันนี้ก็จะหายไป คามาซอตซ์เลยสาปที่นี้ให้เป็นเช่นนี้ตราบชั่วนิจนิรันดร์จนกว่าจะมีสัตว์ที่มีความบริสุทธิ์มาพร้อมกับหญิงสาวบริสุทธิ์มาที่ดินแดนแห่งนี้เพื่อช่วยปลดปล่อยให้ดินแดนดรีมเมเนเฟีย กลับมามีชีวิตชีวาดังเดิม แล้วสัตว์ตนนั้นก็คือม้ายูนิคอร์น ”
“ ก็ไม่เห็นยากเลย ที่นี้มันดินแดนจินตนาการนะ ไม่มียูนิคอร์นเลยซักตัวเหรอ ”
“ คามาซอตซ์ได้สาปยูนิคอร์นที่นี้ทุกตัวให้กลายเป็นหินแล้วทำลายร่างของทุกตัวทิ้ง เหลืออยู่ตัวหนึ่งที่ท้องแก่ไกล้คลอดหนีไปได้ ” ไซม็อนบอกว่าเหลือเพียงตัวเดียวคือยูนิคอร์นที่ท้องแก่ไกล้คลอดอย่างนั้นหรอ แล้วเมื่อมันคลอดลูกออกมามันก็ต้องตายแล้วลูกของมันก็คือ...
“ แซร์ร่า !! มันคือยูนิคอร์นตัวสุดที่จะช่วยดินแดนแห่งนี้ไว้ได้ ”
เสียงฉันสั้นไปพร้อมๆกับตัวฉันในตอนนี้ ฉันว่าแล้วภาระกิจในครั้งนี้คงไม่ใช่แค่ตามหาเซนเดอร์โรส์นเพียงอย่างเดียวเพราะเหมือนทุกอย่างได้ถูกจัดวางไว้ตั้งแต่แรกเรียบร้อยแล้วทั้งความฝันในตอนนั้น ตำราชุบชีวิต เจ้าไซม็อนที่เป็นตุ๊กตาแมวมีชีวิต รูปปั้นแซร์ร่า และคุณปู่ คุณปู่ขา...ตอนนี้ภาระหน้าที่มันใหญ่เกินกว่าที่หนูจะรับผิดชอบมันได้ หนูจะทำอย่างไรดีคะ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยคนเดิม ถึงแม้ร่างกายฉันจะโตแต่ฉันก็ยังเป็นเด็กน้อย อริส อยู่ดีล่ะนะ
“ เธอไม่จำเป็นต้องทำเพื่อที่นี้ก็ได้นะ อริส! เธอจะกลับตอนนี้ก็ได้ เพียงเธอหยิบกระจกในกระเป๋าบานนั้นออกมา สัมผัสไปที่มัน แล้วเราก็จะได้กลับบ้านกัน ปล่อยให้.. ดรีมเมเนเฟีย เป็นเพียงจินตนาการ เดี๋ยวพอเธอโตเธอก็จะลืมมันไปเอง ” ไซม็อนพูดกับฉัน แต่ฉันไม่ยอมหรอกถึงฉันจะเป็นเด็กที่ขี้ขลาดแต่ฉันก็ไม่ใช่เด็กที่เห็นแก่ตัวนะ ฉันเองก็อยากจะเห็นที่นี้ ที่ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย กลับมาเขียวขจีดังเดิมเหมือนกันล่ะ
“ ไซม็อนฉันรับภาระกิจนี้ เราจะช่วย ดรีมเมเนเฟียไว้ด้วยกันนะ ” ไซม็อนดีใจที่เห็นฉันมีความกล้ามากขึ้นฉันก็ดีใจเช่นกันที่ตัดสินใจเช่นนี้
เราเริ่มออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆแล้วไซม็อนก็เห็นถ้ำๆหนึ่งแต่ฉันมองมันดูเหมือนว่าเป็นโพลงต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์มากกว่า เราเลยเดิมเข้าไปไกล้ๆ
โอ๊ย!!!!!
มีตาข่ายขนาดใหญ่ดึงเราขึ้นไปแขวนไว้กับต้นไม้ตอนนี้เราอยู่สูงห่างจากพื้นพอสมควร ฉันกับไซม็อนติดกับดักของใครก็ไม่รู้ ตาข่ายมันหนาและใหญ่มากจนเราไม่สามารถที่จะดิ้นให้หลุดออกจากตาข่ายนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ ช่วยเราด้วย ” ฉันร้องเรียกให้ใครก็ได้ให้มาช่วยเราออกจากตาข่ายนี้ไป แต่ไซม็อนก็เอามือมาอุดปากฉันไว้แน่น
“ เดี๋ยวพวกเคตัสก็แห่มาที่นี้อีกหรอก หุบปากไว้แล้วคอยดูสถานการณ์ดีกว่า เรายังไม่รู้เลยนะว่าคนทำกับดักนี้ขึ้นมีจุดประสงค์อะไร เราเองอาจจะเดินไม่ดูตาม้าตาเรือมาติดเองก็ได้ออมแรงไว้ดีกว่า ดูๆไปก่อนรอเขามาแล้วค่อยร้องก็ยังทัน ถ้าเขามาร้ายนะ ” ไซม็อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่วิตกกังวลอะไรเลย แต่ฉันรู้สึกสังหรใจว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆ
ฉันกับไซม็อนนั้งรออยู่ในนี้มาเป็นชั่วโมงๆแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมาเลย ฉันเลยคิดว่าจะหาทางออกไปจากที่ตรงนี้ ฉันเอาฟันกัดไปที่เชือกถึงมันจะหนามากแต่ถ้ากัดนานๆก็คงจะขาดซักเส้นล่ะนะ
“ ทำไปก็เปล่าประโยชน์ ” มีเสียงลึกลับดังมาจากในโพลงต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น
“ ทำไปก็เปล่าประโยชน์ ฟันของเธอน่ะไม่มีทางจะทำลายตาข่ายของฉันได้หรอก ” มีร่างค่อยๆโพล่ออกมาจากโพลงต้นไม้ยักษ์ ฉันแทบไม่เชื่อสายตาที่มันตัวอะไรอีกล่ะ มีหัวเป็นสิงโตแต่งตัวเป็นม้า
“ ปล่อยพวกเราไปเถอะนะท่าน ราคู ” ไซม็อนวิงวอนกับราคูให้ปล่อยพวกเราไป
“ ไซม็อนรู้จักเขาด้วยเหรอ ” ฉันถาม ไซม็อนตอบว่า “ นี้คือท่านราคูผู้คุมป่าตะวันตก ท่านเป็นคนดีใจเย็นไว้อริสเรามีคนช่วยแล้ว
“ ยินดีที่ได้รู้จัก.. ปล่อยน่ะปล่อยแน่แต่รอฉันหิวก่อนล่ะนะ ” ราคูเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอันดังก้อง
“ เป็นคนดีเหรอจะกินเรานี้นะ แล้วยังไงล่ะที่นี้ ไซม็อน! ฉันบอกให้หนีแต่แรกก็ไม่เชื่อ เห็นแล้วหรือยังว่าเขาเป็นคนไม่ดีเขามาร้ายทีนี้เราจะทำอย่างไรต่อล่ะ หรือเราจะรอเป็นอาหารเขาดี " ฉันโกธรมากและกลัวมากด้วยฉันยังไม่อยากมาตายตอนนี้หรอกนะ
“ ความจริงท่านราคูไม่ใช่สัตว์กินเนื้อนี้ ท่านจะทำกับดักไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปรบกวนเท่านั้น แต่ทำไมนะถึงได้คิดจะกินเรา ” ไซม็อนเหมือนจะยังคิดไม่ตกกับท่าทางของราคูที่เปลี่ยนไป
“ อาหารอาจไม่มีมั่ง ก็เลยหันมากินเนื้อสัตว์ไงล่ะ มาคิดดีกว่าว่าเราจะออกจากที่นี้ยังไง ”
คิด คิด คิด คิด .....ปิ๊ง !!! คิดออกแล้ว
“ ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยคะ ใครอยู่แถวนี้ ช่วยเราด้วยคะ....” ฉันร้องตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไซม็อนก็เอามือมาปิดปากฉันไว้อีก
“ แถวนี้ไม่มีใครมาช่วยเราหรอกนะ แถวนี้มันเขตของ เคตัส ไม่มีใครกล้าเขามาในเขตนี้หรอกนะ นอกจากราคูผู้คุมป่าเท่านั้น ร้องไปเถอะแทนที่จะมีคนมาช่วยแต่เดี๋ยวเคตัสมันก็จะมากินเราให้เราตายเร็วขึ้นอีกน่ะซิ ”
“ ฉันรู้น่ะ ! ว่าจะทำให้เราหนีไปจากที่นี้ได้อย่างไร ช่วยกันตะโกนเร็วเชื่อฉันเชื่อใจฉันซิ ” ไซม็อนเหมือนจะไม่เข้าใจในแผนการของฉันแต่ไซม็อนก็ทำตามที่ฉันบอก เราทั้งสองร้องตะโกนอย่างเสียงดัง ไม่นานก็ได้ยินเสียงกองทัพฝีเท้าเริ่มดังเข้ามาไกล้ๆ
“ มาแล้ว! ไซม็อน พวกเคตัสมันมาแล้ว ”
“ ใช่... มันจะมาช่วยทำให้เราได้ตายเร็วขึ้น ” ฉันจับตรงหัวตาข่ายที่เกี่ยวอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่อีกกิ่งหนึ่งไว้แน่นแล้วให้ไซม็อนจับไว้ที่กิ่งอีกต้นข้างๆฉัน แล้วพยายามเอาขาขึ้นให้ห่างจากก้นตาข่ายให้มากที่สุด
ตัวเคตัสปรากฎร่างขึ้นต่อหน้า มันพากันกัดกินก้นตาข่ายจนขาดแล้วพยายามกระโดดเพื่อจะกินพวกเรา พอก้นตาข่ายขาดหมด เราก็พยายามดึงตาข่ายออกจากตัว แล้วปีนขึ้นไปในบนต้นไม้ใหญ่ พวกเคตัสไม่สามารถปีนขึ้นมาได้พวกมันเอาแต่กระโดดไปมา ฉันคิดว่าเดี๋ยวมันก็หน่อยแล้วกลับไปเอง
แต่มันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดมันกระโดดอยู่เป็นชั่วโมงๆ ไม่มีทีท่าว่ามันจะเหนื่อยเลยด้วย พวกมันกลุ่มหนึ่งหยุดกระโดด แล้วพยายามที่จะปีนต้นไม้ขึ้นมาแต่พวกมันก็ปีนไม่สำเร็จ มันจึงใช้ฟันของมันแทะต้นไม้ต้นที่ไซม็อนขึ้นไปหลบอยู่พอตัวหนึ่งแทะ ตัวที่สองสามสี่ก็ตามมาแทะ โคนต้นไม้ที่ไซม็อนอยู่กำลังจะโคล่นลงมา แต่ต้นไม้ยังไม่ทันจะโคล่น แต่ตอนนี้ไซม็อนกำลังจะตกจากต้นไม้แทน เพราะต้นไม้โอนไปเอียงมาฉันเห็นแล้วว่าไซม็อนน่าจะเกาะได้อีกไม่นานแน่ๆ
“ อริส! ช่วยฉันด้วย ฉันจับต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ แขนตุ๊กตาจะขาดอยู่แล้ว ” ไซม็อนร้องขอความช่วยเหลือแต่ฉันจะช่วยได้อย่างไรล่ะ
“ อดทนไว้นะไซม็อน เดี๋ยวฉันส่งมือไปหาแล้วจับมือฉันไว้นะ ” ฉันเอื่อมมือข้างหนึ่งไปเกาะที่กิ่งไม้เล็กๆที่ปลายต้นของฉันแล้วส่งมืออีกข้างยืนไปหาไซม็อน
“ จับมือฉันซิ ส่งมือมา ” ไซม็อนจับมือฉันไม่ถึงแขนตุ๊กตาของเขาเล็กและมันสั้นเกินไป ฉันพยายามพยับเข้าไปให้ไกล้กว่านี้อีก ก็ยังจับมือของไซม็อนไม่ถึงอยู่ดี
“ เหวี่ยงตัวมาหาฉัน ตัวเธอทำด้วยนุ่นน่าจะเบาพอที่จะเหวี่ยงตัวเองมาหาฉันได้เอามือข้างหนึ่งจับที่กิ่งไม้แล้วเหวี่ยงตัวกระโดดมาหาฉันเดี๋ยวฉันจะรับเอง ” ไซม็อนพยายามหากิ่งไม้ที่เขาคิดว่าแข็งแรงที่สุดเพื่อจะเป็นแรงส่งในการที่เขาจะเหวี่ยงตัวออกไป ไซม็อนเอามือจับที่กิ่งไม้แน่นแล้วเหวี่ยงตัวเองพร้อมปล่อยมือข้างหนึ่งออก
เป๊าะ !!!!
เสียงกิ่งไม้หัก กิ่งไม้ที่เขาจับอยู่ข้างหนึ่งก็ได้หักลง แต่เขาเอามืออีกข้างไปจับกิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งไว้ได้ทัน ฉันถอดหายใจเฮือกโต
“ เอาใหม่นะไซม็อน จับแน่นๆ ลองใหม่อีกรอบ ” ฉันให้กำลังใจให้ไซม็อนรองใหม่อีกรอบ กิ่งไม้เหลือเพียงกิ่งนั้นกิ่งเดียวถ้าเขาเหวี่ยงตัวไม่ทันหรือกิ่งไม้นั้นหักก่อนที่เขาจะเหวี่ยงตัวเขาไม่รอดแน่ ใครก็ได้ช่วยไซม็อนด้วย
“ ฉันจะเหวี่ยงตัวไปแล้วนะ รอรับฉันด้วยอริส ” ไซม็อนตัดสินใจเหวี่ยงตัวเองอีกครั้ง
เป๊าะ !!! เสียงของกิ่งไม้กิ่งสุดท้ายหักลง พร้อมกับร่างเล็กๆของไซม็อนก็ตกลงบนพื้นทันที
ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย
ตอนนี้ฉันอยากรู้เหลือเกินว่า เซนเดอร์โรส์น มันคือดอกไม้อะไร ฉันได้รับปากกับลุงฮีมิสส์ไว้ว่าจะเป็นคนตามหามันเอง แล้วฉันจะไปหามันได้ที่ไหนกันล่ะ นี่ก็มึดมากแล้วฉันควรเข้านอนเพื่ออมแรงเอาไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้
“ อริส ! ว่าไงเจอไหม ? ฉันหวังว่าเธอจะเจอมันแล้วน่ะ ” เจ้าตุ๊กตาแมวตาปรือเข้ามาเข้าคุยกับฉัน ฉันตกใจมากกระโจนลุกขึ้นไปนั้งอยู่ปลายเตียทันที
“ นี้มันเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันหรอ เจ้ามีชีวิตจริงๆใช่ไหม ” ฉันถามเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
“ ก็ใช่น่ะซิ ยังไม่ชินอีกหรอฉันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆจากคำอธิฐานของเธอในวันคริสต์มาสไงล่ะ ตกลงแล้วเธอได้มันมาหรือเปล่าตำราชุบชีวิตน่ะ ”
“ ฉันหามันเจอแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะไปหา เซนเดอร์โรส์นได้ที่ไหน ” เจ้าแมวตาปรือกระเทิบเข้ามาไกล้ๆฉันแล้วพูดว่า
“ ก็ฉันนี่ล่ะ ที่จะเป็นคนพาเธอไปเอง ”
ฉันมองไปที่เจ้าตุ๊กตาแมวน้อยอย่างสงสัยว่าจะพาฉันไปที่ไหนแล้วจะไปโดยวิธีใด
“ อริส เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกมีฉันอยู่ ฉันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ” เจ้าตุ๊กตาพูดด้วยท่าทางโอหังยิ่งนัก
“ ก่อนอื่นบ้านเธอมีกระจกบานเก่าซักบานไหมล่ะ ” เจ้าตุ๊กตาถามฉัน ฉันก็ตอบไปว่ามี แล้วฉันก็เดินลงไปที่ห้องเก็บของค้นหากระจกเก่าๆมาบานหนึ่งแล้วฉันก็พบมัน มันเป็นกระจกบานขนาดพอเหมาะ กระจกบานนี้ฉันได้มาในตอนไปเที่ยวที่เมืองไทย มันเป็นกระจกที่สวยมากเพราะมีลวดลายที่เป็นลายกนก ดูไปยิ่งเก่าก็ยิ่งสวยมากเลยทีเดียว ฉันเอามันขึ้นไปบนห้องทันที พอถึงห้องเจ้าตุ๊กตาแมวก็เอากระจกบานนั้นใส่กระเป๋าสีม่วงใบหนึ่งให้ฉันสะพายมันไว้ แล้วก็ลากฉันให้ขึ้นไปนอนบนที่นอนแล้วก็บอกว่า “ อริส ! หลับซะเราจะไปกันแล้ว ”
“ แล้วเจ้าจะพาฉันไปที่ไหนกัน ” ฉันผยุงตัวขึ้นแล้วถามไปด้วยความตกใจ
“ ก็เธอกำลังจะตามหาเซนเดอร์โรส์นไม่ใช่หรอ ฉันจะพาเธอไปเอง ” เจ้าตุ๊กตาแมวพูดจบก็พลักให้ฉันล้มตัวลงนอน แล้วเอามือฉันมาโอบกอดตัวของมันไว้แน่นราวกับตอนนี้ ฉันกำลังนอนกอดตุ๊กตาเวลานอนอย่างไงอย่างนั้น แต่แล้วฉันก็หลับไปจริงๆ ตอนนี้รู้สึกถึงความมืดมิดในยามหลับได้อย่างชัดเจนความเงียบสงัดเริ่มเข้ามาคลอบงำตัวฉัน
“ อริส! ตื่นได้แล้วตอนนี้เรามาถึงแล้ว ” เจ้าตุ๊กตาแมวปลุกฉันให้ตื่นจากการหลับไหล สิ่งที่ฉันเห็นสิ่งแรกในตอนนี้คือ หิมะ ฉันนอนอยู่บนพื้นที่มีหิมะปรกคลุมอยู่ หิมะกำลังตกแต่งฉันกลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นเลยแต่อย่างไร ที่นี้ซินะที่คุณปู่พูดถึง เรามาถึงแล้ว ฉันลุกขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
“ ที่นี้ที่ไหนหรอเจ้าตุ๊กตาแมว ”
“ ที่นี้เรียกว่า ดรีมเมเนเฟีย หรือโลกแห่งความฝันยังไงล่ะ ” ดรีมเมเนเฟียหรอ มันช่างสวยงามเหลือเกินจริงๆ นี้เราอยู่ในความฝันของเราเองซินะ
“ อริส อย่ามัวชื่นชมกับธรรมชาติสีขาวนี้อยู่เลยเรามีภาระกิจที่ต้องทำไม่ใช่หรอ ” เจ้าแมวพาฉันออกเดินทางทันที แต่ฉันก็ข้องใจว่าเจ้าตุ๊กตาแมวรู้หรอว่าเซนเดอร์โรส์นอยู่ที่ไหน
“ เจ้าตุ๊กตาแมวเจ้ารู้หรอว่าเซนเดอร์โรส์นอยู่ที่ไหน ” เจ้าตุ๊กตากอดอกแล้วตอบว่า
“ ก็ต้องรู้สิ แต่อริส! ช่วยเรียกชื่อข้าซักทีเถอะข้าเบื่อกับการที่เจ้าเรียกข้าว่าเจ้าตุ๊กตาเต็มทีแล้ว ”
“ แล้วเจ้าชื่อว่าอะไรล่ะ เจ้าตุ๊กตาแมวตาปรือ ” ฉันถามไปด้วยท่าทีที่ขบขัน
“ ข้าชื่อว่า ไซม็อน ” เจ้าตุ๊กตาตนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังก้อง
“ เจ้าจะตะโกนเสียงดังไปทำไมกัน กลัวฉันไม่ได้ยินมันหรือไง รู้แล้วว่าเจ้าชื่อไซม็อนโอเคไหม ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูตลกเพื่อแกล้งเจ้าไซม็อน แต่แล้วก็มีเสียงฝีเท้ามากมายวิ่งตรงมาทางพวกเรา ฉันกับไซม็อนพยายามหาทางที่มาของเสียงฝีเท้าเหล่านั้น แล้วฉันก็เห็นรอยเท้าเล็กๆวิ่งมาเต็มพื้นที่มีหิมะปรกคลุมอยู่ แต่ไม่เห็นร่างเจ้าของรอยเท้านั้นแต่อย่างใด
“ นั้นรอยเท้าอะไรน่ะไซม็อน แต่ไม่เห็นตัวของเจ้าของรอยเท้านั้นเลย ” ฉันยังพูดไม่จบไซม็อนก็วิ่งนำฉันไปแล้ว เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นก็ปรากฎร่างขึ้น ตัวของมันดูมันแพล็บน่าขยักแขยง ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งตามไซม็อนไปทันที ระหว่างที่เราวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้นไซม็อนก็หันมาพูดกับฉันว่า
“ นั้นคือตัว เคตัส มันเป็นสัตว์ประหลาดตัวเขียวที่มีรูปร่างเหมือนกบแต่เดิน2ขามันเป็นสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กแต่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ”
แฮ็กๆๆ..เสียงหอบจากการวิ่งของฉัน ฉันหันไปหาพวกมันขนาดของมันโตประมาณเอวฉัน พวกมันทำปากเหมือนหิวโหยมากแต่ละตัวต่างทำเสียงคำรามอย่างโหยหวน
“ แล้วทำไมตอนแรกถึงไม่เห็นตัวพวกมันล่ะ ” ฉันถามไซม็อนด้วยความสงสัย
แฮ็กๆๆ “ ก็เพราะไม่ให้เหยื่อเห็นตัวพวกมันไงล่ะ นั้นล่ะคือความสามารถของพวกมัน มันคงได้ยินเสียงฉัน ก็เลยหวังจะวิ่งมากินพวกเรามั่ง ” เราทั้งสองวิ่งไปได้ซักพักใหญ่ พวกมันวิ่งเข้ามาไกล้แล้ว
“ ไซม็อนรอฉันด้วย ” ฉันวิ่งสะดุดก้อนหินเล็กๆก่อนหนึ่งล้มลง “ ไซม็อนฉันลุกไม่ไหว ช่วยด้วย!! ”
“ พยุงตัวขึ้นแล้วมาทางนี้ ” ไซม็อนลากฉันไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้ พวกเคตัสวิ่งเลยไป พวกมันไม่เห็นเราเลยซักนิด “ ฮะ...ฮัท..ฮัท...ฮัท.. ” ไซม็อนรีบเอามือเล็กมาปิดปากฉันไม่แน่น
“ จะมาจามอะไรตอนนี้อีกล่ะ เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาอีกหรอก ” ฉันอั้นมันเอาไว้รอให้พวกเคตัสไปให้ไกลจากตรงนี้เสียก่อน แต่มือฉันก็ไปจับโดนอะไรเข้า
กรี๊ด!!!! มือฉันไปจับโดนหางของเคตัสตัวหนึ่งเขา “ ไป! ออกไปนะ ” ฉันลากไซม็อนวิ่ง เคตัสตัวนั้นมันส่งเสียงดังเรียกพวกของมันให้ย้อนกลับมา พวกมันเริ่มทำการวิ่งไล่ฉันอีกรอบ
แฮ็กๆๆๆ เสียงหายใจเริ่มดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาเริ่มลดลงและหายไปในที่สุด เราคงหนีมันมาทันแล้วล่ะ พวกเราวิ่งมาหยุดลงบริเวณสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกปรกคลุมไปด้วยหิมะ น้ำในนั้นแข็งเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว ฉันรู้สึกกระหายน้ำมากในตอนนี้ ฉันชโงกมองลงไปในสระก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น
หน้าฉัน? ทำไมฉันถึงหน้าตาเหมือนกับเจ้าหญิงที่เห็นในฝันตอนนั้นเลยล่ะ ไม่ใช่แค่หน้าตา ฉันสังเกตทุกส่วนของร่างกาย นี้ฉัน!!โตเป็นเด็กสาวอายุประมาณ 16ไปแล้วได้อย่างไรกัน ไม่จริงมั่ง ? ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกว่าภาระหน้าที่ที่ฉันต้องทำมันมากกว่าที่ฉันคิดไว้ซะแล้วซิ
“ ไซม็อน เจ้าเห็นความผิดปรกติในตัวฉันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ” ไซม็อนพยักหน้า
“ แล้วทำไมถึงไม่ทักฉันซักคำว่าร่างกายฉันเปลี่ยนไป ”
“ อย่าลืมซิว่านี้มันความฝันของเธอนะ เธออยากโตเป็นสาวเร็วๆ เธอก็เป็นสาวแล้วไง ” ฉันตกใจกับคำพูดของไซม็อน แสดงว่าเรื่องราวในนี้ฉันเป็นผู้กำหนดอย่างนั้นหรือ แต่ฉันไม่ใช่คนที่กล้าหาญแล้วฉันจะชนะกับความกลัวของฉันได้อย่างไร
“ อริส ฉันมีความลับจะบอกเธอ ” ไซม็อนทำสีหน้าไม่สู้ดีแล้วจองที่หน้าฉัน
“ เธอเห็นดินแดนนี้หรือเปล่าที่นี้มีเพียง 2 ฤดู คือหนาวกับร้อนช่วงฤดูหนาวหิมะจะตกหนักพอถึงฤดูร้อนที่นี้จะกลายเป็นทะเลทรายไม่มีวัน ที่ว่าที่นี้จะคืนความเขียวขจีดังเดิมได้ ”
“ เจ้าพูดอย่างนี้แสดงว่าที่นี้เคยเขียวขจีมาก่อนใช่ไหม แล้วทำไมที่นี้ถึงได้เป็นอย่างนี้ล่ะ ”
“ เป็นคำสาปของคามาซอตซ์ เทพแห่งความชั่วร้าย เขาได้มาครอบครองดินแดนแห่งความฝันและโกธรแค้นพวกมนุษย์ผู้ใหญ่ เพราะพวกมนุษย์ผู้ใหญ่ไม่เชื่อเรื่องความฝัน ความฝันจึงมีเฉพาะในจินตนาการของเด็กๆเท่านั้น แต่พอเด็กเติบโตขึ้นจินตนาการแห่งความฝันนี้ก็จะหายไป คามาซอตซ์เลยสาปที่นี้ให้เป็นเช่นนี้ตราบชั่วนิจนิรันดร์จนกว่าจะมีสัตว์ที่มีความบริสุทธิ์มาพร้อมกับหญิงสาวบริสุทธิ์มาที่ดินแดนแห่งนี้เพื่อช่วยปลดปล่อยให้ดินแดนดรีมเมเนเฟีย กลับมามีชีวิตชีวาดังเดิม แล้วสัตว์ตนนั้นก็คือม้ายูนิคอร์น ”
“ ก็ไม่เห็นยากเลย ที่นี้มันดินแดนจินตนาการนะ ไม่มียูนิคอร์นเลยซักตัวเหรอ ”
“ คามาซอตซ์ได้สาปยูนิคอร์นที่นี้ทุกตัวให้กลายเป็นหินแล้วทำลายร่างของทุกตัวทิ้ง เหลืออยู่ตัวหนึ่งที่ท้องแก่ไกล้คลอดหนีไปได้ ” ไซม็อนบอกว่าเหลือเพียงตัวเดียวคือยูนิคอร์นที่ท้องแก่ไกล้คลอดอย่างนั้นหรอ แล้วเมื่อมันคลอดลูกออกมามันก็ต้องตายแล้วลูกของมันก็คือ...
“ แซร์ร่า !! มันคือยูนิคอร์นตัวสุดที่จะช่วยดินแดนแห่งนี้ไว้ได้ ”
เสียงฉันสั้นไปพร้อมๆกับตัวฉันในตอนนี้ ฉันว่าแล้วภาระกิจในครั้งนี้คงไม่ใช่แค่ตามหาเซนเดอร์โรส์นเพียงอย่างเดียวเพราะเหมือนทุกอย่างได้ถูกจัดวางไว้ตั้งแต่แรกเรียบร้อยแล้วทั้งความฝันในตอนนั้น ตำราชุบชีวิต เจ้าไซม็อนที่เป็นตุ๊กตาแมวมีชีวิต รูปปั้นแซร์ร่า และคุณปู่ คุณปู่ขา...ตอนนี้ภาระหน้าที่มันใหญ่เกินกว่าที่หนูจะรับผิดชอบมันได้ หนูจะทำอย่างไรดีคะ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยคนเดิม ถึงแม้ร่างกายฉันจะโตแต่ฉันก็ยังเป็นเด็กน้อย อริส อยู่ดีล่ะนะ
“ เธอไม่จำเป็นต้องทำเพื่อที่นี้ก็ได้นะ อริส! เธอจะกลับตอนนี้ก็ได้ เพียงเธอหยิบกระจกในกระเป๋าบานนั้นออกมา สัมผัสไปที่มัน แล้วเราก็จะได้กลับบ้านกัน ปล่อยให้.. ดรีมเมเนเฟีย เป็นเพียงจินตนาการ เดี๋ยวพอเธอโตเธอก็จะลืมมันไปเอง ” ไซม็อนพูดกับฉัน แต่ฉันไม่ยอมหรอกถึงฉันจะเป็นเด็กที่ขี้ขลาดแต่ฉันก็ไม่ใช่เด็กที่เห็นแก่ตัวนะ ฉันเองก็อยากจะเห็นที่นี้ ที่ดินแดน ดรีมเมเนเฟีย กลับมาเขียวขจีดังเดิมเหมือนกันล่ะ
“ ไซม็อนฉันรับภาระกิจนี้ เราจะช่วย ดรีมเมเนเฟียไว้ด้วยกันนะ ” ไซม็อนดีใจที่เห็นฉันมีความกล้ามากขึ้นฉันก็ดีใจเช่นกันที่ตัดสินใจเช่นนี้
เราเริ่มออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆแล้วไซม็อนก็เห็นถ้ำๆหนึ่งแต่ฉันมองมันดูเหมือนว่าเป็นโพลงต้นไม้ขนาดใหญ่ยักษ์มากกว่า เราเลยเดิมเข้าไปไกล้ๆ
โอ๊ย!!!!!
มีตาข่ายขนาดใหญ่ดึงเราขึ้นไปแขวนไว้กับต้นไม้ตอนนี้เราอยู่สูงห่างจากพื้นพอสมควร ฉันกับไซม็อนติดกับดักของใครก็ไม่รู้ ตาข่ายมันหนาและใหญ่มากจนเราไม่สามารถที่จะดิ้นให้หลุดออกจากตาข่ายนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ ช่วยเราด้วย ” ฉันร้องเรียกให้ใครก็ได้ให้มาช่วยเราออกจากตาข่ายนี้ไป แต่ไซม็อนก็เอามือมาอุดปากฉันไว้แน่น
“ เดี๋ยวพวกเคตัสก็แห่มาที่นี้อีกหรอก หุบปากไว้แล้วคอยดูสถานการณ์ดีกว่า เรายังไม่รู้เลยนะว่าคนทำกับดักนี้ขึ้นมีจุดประสงค์อะไร เราเองอาจจะเดินไม่ดูตาม้าตาเรือมาติดเองก็ได้ออมแรงไว้ดีกว่า ดูๆไปก่อนรอเขามาแล้วค่อยร้องก็ยังทัน ถ้าเขามาร้ายนะ ” ไซม็อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่วิตกกังวลอะไรเลย แต่ฉันรู้สึกสังหรใจว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกแน่ๆ
ฉันกับไซม็อนนั้งรออยู่ในนี้มาเป็นชั่วโมงๆแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครมาเลย ฉันเลยคิดว่าจะหาทางออกไปจากที่ตรงนี้ ฉันเอาฟันกัดไปที่เชือกถึงมันจะหนามากแต่ถ้ากัดนานๆก็คงจะขาดซักเส้นล่ะนะ
“ ทำไปก็เปล่าประโยชน์ ” มีเสียงลึกลับดังมาจากในโพลงต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น
“ ทำไปก็เปล่าประโยชน์ ฟันของเธอน่ะไม่มีทางจะทำลายตาข่ายของฉันได้หรอก ” มีร่างค่อยๆโพล่ออกมาจากโพลงต้นไม้ยักษ์ ฉันแทบไม่เชื่อสายตาที่มันตัวอะไรอีกล่ะ มีหัวเป็นสิงโตแต่งตัวเป็นม้า
“ ปล่อยพวกเราไปเถอะนะท่าน ราคู ” ไซม็อนวิงวอนกับราคูให้ปล่อยพวกเราไป
“ ไซม็อนรู้จักเขาด้วยเหรอ ” ฉันถาม ไซม็อนตอบว่า “ นี้คือท่านราคูผู้คุมป่าตะวันตก ท่านเป็นคนดีใจเย็นไว้อริสเรามีคนช่วยแล้ว
“ ยินดีที่ได้รู้จัก.. ปล่อยน่ะปล่อยแน่แต่รอฉันหิวก่อนล่ะนะ ” ราคูเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอันดังก้อง
“ เป็นคนดีเหรอจะกินเรานี้นะ แล้วยังไงล่ะที่นี้ ไซม็อน! ฉันบอกให้หนีแต่แรกก็ไม่เชื่อ เห็นแล้วหรือยังว่าเขาเป็นคนไม่ดีเขามาร้ายทีนี้เราจะทำอย่างไรต่อล่ะ หรือเราจะรอเป็นอาหารเขาดี " ฉันโกธรมากและกลัวมากด้วยฉันยังไม่อยากมาตายตอนนี้หรอกนะ
“ ความจริงท่านราคูไม่ใช่สัตว์กินเนื้อนี้ ท่านจะทำกับดักไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าไปรบกวนเท่านั้น แต่ทำไมนะถึงได้คิดจะกินเรา ” ไซม็อนเหมือนจะยังคิดไม่ตกกับท่าทางของราคูที่เปลี่ยนไป
“ อาหารอาจไม่มีมั่ง ก็เลยหันมากินเนื้อสัตว์ไงล่ะ มาคิดดีกว่าว่าเราจะออกจากที่นี้ยังไง ”
คิด คิด คิด คิด .....ปิ๊ง !!! คิดออกแล้ว
“ ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยคะ ใครอยู่แถวนี้ ช่วยเราด้วยคะ....” ฉันร้องตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อขอความช่วยเหลือ ไซม็อนก็เอามือมาปิดปากฉันไว้อีก
“ แถวนี้ไม่มีใครมาช่วยเราหรอกนะ แถวนี้มันเขตของ เคตัส ไม่มีใครกล้าเขามาในเขตนี้หรอกนะ นอกจากราคูผู้คุมป่าเท่านั้น ร้องไปเถอะแทนที่จะมีคนมาช่วยแต่เดี๋ยวเคตัสมันก็จะมากินเราให้เราตายเร็วขึ้นอีกน่ะซิ ”
“ ฉันรู้น่ะ ! ว่าจะทำให้เราหนีไปจากที่นี้ได้อย่างไร ช่วยกันตะโกนเร็วเชื่อฉันเชื่อใจฉันซิ ” ไซม็อนเหมือนจะไม่เข้าใจในแผนการของฉันแต่ไซม็อนก็ทำตามที่ฉันบอก เราทั้งสองร้องตะโกนอย่างเสียงดัง ไม่นานก็ได้ยินเสียงกองทัพฝีเท้าเริ่มดังเข้ามาไกล้ๆ
“ มาแล้ว! ไซม็อน พวกเคตัสมันมาแล้ว ”
“ ใช่... มันจะมาช่วยทำให้เราได้ตายเร็วขึ้น ” ฉันจับตรงหัวตาข่ายที่เกี่ยวอยู่กับกิ่งไม้ใหญ่อีกกิ่งหนึ่งไว้แน่นแล้วให้ไซม็อนจับไว้ที่กิ่งอีกต้นข้างๆฉัน แล้วพยายามเอาขาขึ้นให้ห่างจากก้นตาข่ายให้มากที่สุด
ตัวเคตัสปรากฎร่างขึ้นต่อหน้า มันพากันกัดกินก้นตาข่ายจนขาดแล้วพยายามกระโดดเพื่อจะกินพวกเรา พอก้นตาข่ายขาดหมด เราก็พยายามดึงตาข่ายออกจากตัว แล้วปีนขึ้นไปในบนต้นไม้ใหญ่ พวกเคตัสไม่สามารถปีนขึ้นมาได้พวกมันเอาแต่กระโดดไปมา ฉันคิดว่าเดี๋ยวมันก็หน่อยแล้วกลับไปเอง
แต่มันไม่เป็นอย่างที่ฉันคิดมันกระโดดอยู่เป็นชั่วโมงๆ ไม่มีทีท่าว่ามันจะเหนื่อยเลยด้วย พวกมันกลุ่มหนึ่งหยุดกระโดด แล้วพยายามที่จะปีนต้นไม้ขึ้นมาแต่พวกมันก็ปีนไม่สำเร็จ มันจึงใช้ฟันของมันแทะต้นไม้ต้นที่ไซม็อนขึ้นไปหลบอยู่พอตัวหนึ่งแทะ ตัวที่สองสามสี่ก็ตามมาแทะ โคนต้นไม้ที่ไซม็อนอยู่กำลังจะโคล่นลงมา แต่ต้นไม้ยังไม่ทันจะโคล่น แต่ตอนนี้ไซม็อนกำลังจะตกจากต้นไม้แทน เพราะต้นไม้โอนไปเอียงมาฉันเห็นแล้วว่าไซม็อนน่าจะเกาะได้อีกไม่นานแน่ๆ
“ อริส! ช่วยฉันด้วย ฉันจับต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ แขนตุ๊กตาจะขาดอยู่แล้ว ” ไซม็อนร้องขอความช่วยเหลือแต่ฉันจะช่วยได้อย่างไรล่ะ
“ อดทนไว้นะไซม็อน เดี๋ยวฉันส่งมือไปหาแล้วจับมือฉันไว้นะ ” ฉันเอื่อมมือข้างหนึ่งไปเกาะที่กิ่งไม้เล็กๆที่ปลายต้นของฉันแล้วส่งมืออีกข้างยืนไปหาไซม็อน
“ จับมือฉันซิ ส่งมือมา ” ไซม็อนจับมือฉันไม่ถึงแขนตุ๊กตาของเขาเล็กและมันสั้นเกินไป ฉันพยายามพยับเข้าไปให้ไกล้กว่านี้อีก ก็ยังจับมือของไซม็อนไม่ถึงอยู่ดี
“ เหวี่ยงตัวมาหาฉัน ตัวเธอทำด้วยนุ่นน่าจะเบาพอที่จะเหวี่ยงตัวเองมาหาฉันได้เอามือข้างหนึ่งจับที่กิ่งไม้แล้วเหวี่ยงตัวกระโดดมาหาฉันเดี๋ยวฉันจะรับเอง ” ไซม็อนพยายามหากิ่งไม้ที่เขาคิดว่าแข็งแรงที่สุดเพื่อจะเป็นแรงส่งในการที่เขาจะเหวี่ยงตัวออกไป ไซม็อนเอามือจับที่กิ่งไม้แน่นแล้วเหวี่ยงตัวเองพร้อมปล่อยมือข้างหนึ่งออก
เป๊าะ !!!!
เสียงกิ่งไม้หัก กิ่งไม้ที่เขาจับอยู่ข้างหนึ่งก็ได้หักลง แต่เขาเอามืออีกข้างไปจับกิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่งไว้ได้ทัน ฉันถอดหายใจเฮือกโต
“ เอาใหม่นะไซม็อน จับแน่นๆ ลองใหม่อีกรอบ ” ฉันให้กำลังใจให้ไซม็อนรองใหม่อีกรอบ กิ่งไม้เหลือเพียงกิ่งนั้นกิ่งเดียวถ้าเขาเหวี่ยงตัวไม่ทันหรือกิ่งไม้นั้นหักก่อนที่เขาจะเหวี่ยงตัวเขาไม่รอดแน่ ใครก็ได้ช่วยไซม็อนด้วย
“ ฉันจะเหวี่ยงตัวไปแล้วนะ รอรับฉันด้วยอริส ” ไซม็อนตัดสินใจเหวี่ยงตัวเองอีกครั้ง
เป๊าะ !!! เสียงของกิ่งไม้กิ่งสุดท้ายหักลง พร้อมกับร่างเล็กๆของไซม็อนก็ตกลงบนพื้นทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น